กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-10-2023, 19:54
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,639
ได้ให้อนุโมทนา: 216,864
ได้รับอนุโมทนา 747,335 ครั้ง ใน 36,404 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-10-2023, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,647 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ คืนนี้จะมีการสวดพระอภิธรรม ถวายกุศลให้หลวงตาปรีชา อกิญฺจโน ตำแหน่งของท่านในวัดท่าขนุนนี้คือครูพระสอนศีลธรรม ได้รับตราตั้งของเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีอย่างเป็นทางการด้วย อายุ ๘๑ ปี พรรษา ๒๕ ก็ต้องถือว่าบวชมานาน อายุกาลพรรษาอยู่ในระดับมหาเถระแล้ว

จะว่าไปแล้ว หลวงตาปรีชาท่านเป็นพระที่ค่อนข้างจะมั่นใจตัวเองสูง เพราะฉะนั้น..ในระยะที่บวชใหม่ ๆ ท่านได้ขอออกธุดงค์ วนเวียนอยู่ในบริเวณภาคใต้บ้านเกิดอดีตภรรยาของท่าน แล้วก็ไปปฏิบัติอยู่ที่วัดถ้ำสุมโน จังหวัดพัทลุง ปฏิบัติไปปฏิบัติมา เขาจะให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำพุทธโคดมที่อยู่ไม่ไกลจากวัดถ้ำสุมโน ท่านก็เลยหนีกลับบ้านเกิดที่ขอนแก่น ไปอยู่ขอนแก่นได้ไม่นาน ไม่สะดวกสบายเหมือนที่วัดถ้ำสุมโน หรือที่วัดท่าขนุน ท่านก็เลยกลับมาอยู่วัดท่าขนุนใหม่

เรื่องของพระที่จะเป็นพระสังฆาธิการในตำแหน่งต่าง ๆ นั้น กระผม/อาตมภาพเห็นสมควรอยู่ตำแหน่งเดียวคือเจ้าอาวาส เพราะว่าถ้าเป็นแล้วเรามีอำนาจในการบริหารจัดการทุกอย่างในวัดนั้นอยู่ในมือ กฎหมายอำนวยให้ทุกประการ แต่คนมักจะไปหวังตำแหน่งที่สูงกว่านั้น ซึ่งทุกตำแหน่ง ถ้าไม่มีเจ้าอาวาสรองรับ..ไปไม่รอดหรอก

ตั้งแต่เจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล มีอะไรต้องสั่งการลงมาที่เจ้าอาวาสทั้งหมด กฎหมายให้อำนาจถึงขนาดที่ว่า ถ้าสมเด็จพระสังฆราชเสด็จมาแล้วเจ้าอาวาสบอกว่าไม่ยินดีต้อนรับ ท่านยังเข้าวัดไม่ได้เลย ถ้าเข้าวัดถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย เพียงแต่ว่าในเรื่องของการบริหารจัดการวัดนั้น มีสารพันปัญหา จึงทำให้พวกเราส่วนใหญ่แล้ว ไม่มีใครอยากจะเป็นเจ้าอาวาสกัน

โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ คณะสงฆ์ของเราเหมือนอย่างกับมีความก้าวหน้าขึ้น เพราะว่าเรามีมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง ก็คือมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฏ (มะ-กุด-ตะ) ราชวิทยาลัย ขอยืนยันว่าอ่านไม่ผิด มหามกุฏ (มะ-กุด-ตะ) ราชวิทยาลัย ใช้ ฏ.ปฏัก สะกด เนื่องเพราะว่าเป็นเพราะว่าเป็นไปตามพระราชหัตถเลขา ก็แปลว่าจะต้องเขียนตามนั้น

พอ ๆ กับที่สมณศักดิ์พระครูวิลาศกาญจนธรรมของกระผม/อาตมภาพนั่นแหละ โดยปกติ วิลาศ ตัวนี้ ถ้าเป็นภาษาบาลีจะสะกดด้วย ส.เสือ แต่ด้วยความเคยชินของคนทั่วไป วิลาศก็ต้องใช้ ศ.ศาลา ก็เลยเขียนเป็น ศ.ศาลามา ผิดตั้งแต่ในสัญญาบัตร ก็ต้องเลยตามเลย ใช้ไปตามนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2023 เมื่อ 10:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-10-2023, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,647 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นอกจากนั้นแล้วเรายังมีกฎหมายหลายฉบับที่เอื้อให้กับพวกเรา อย่างเช่นล่าสุดนี้ ก็คือ พรบ.การศึกษาพระปริยัติธรรม แต่เราจะเห็นว่าคณะสงฆ์ของเรานั้น ภาพพจน์ตกต่ำลงไปทุกที คือดูเหมือนก้าวหน้า แต่เป็นความก้าวหน้าในทางโลก ๆ ซึ่งไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปแข่งขันกับญาติโยมเขา

ตั้งแต่สมัยที่กระผม/อาตมภาพได้รับคำสั่ง ให้ไปเรียนประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ด้วยความที่เรียนเก่ง กวาดเกรด ๔ มาทุกวิชา ถึงเวลาจบการศึกษา เขาจึงให้ตัวแทนนิสิตขึ้นไปกล่าวถึงเรื่องที่อยากจะพูดจะกล่าว เกี่ยวกับหลักสูตรบริหารกิจการคณะสงฆ์นี้ กระผม/อาตมภาพได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนนิสิตของภาค ๑๔ ก็คือ จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐมและสมุทรสาคร กระผม/อาตมภาพบอกว่า

"ตลอดหลักสูตรที่เรียนมา มีวิชาเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้เห็นประโยชน์เลย อย่างเช่นว่าตรรกศาสตร์จะเรียนไปทำอะไร ? การศึกษาของพระภิกษุสามเณรเราสำคัญที่สุดก็คือ ทำอย่างไรที่จะสอนให้พระภิกษุสามเณรของเรารู้จักละอายชั่ว กลัวบาป รักศีลของตัวเอง แค่นี้ก็จบแล้ว ไม่ใช่ไปเรียนตรรกศาสตร์ TT FF ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมา จะกลายเป็นว่าบัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ เพิ่มเติมในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้เพิ่มเติม จะกลายเป็นสัทธรรมปฏิรูปและทำลายศาสนาหรือเปล่า ?" เล่นเอาบรรดาอาจารย์ประจำหลักสูตรกระโดดเป็นโดนผึ้งต่อย..!

แต่ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า บรรดาวิชาการต่าง ๆ ในปัจจุบันของเรา เรียนอยู่ในลักษณะแข่งขันกับทางโลก ทางโลกเขามีวิชาอะไร มหาวิทยาลัยสงฆ์ของเราก็พยายามที่จะสร้างหลักสูตรวิชานั้นขึ้นมา ก็เลยตกอยู่ในลักษณะเดียวกับการเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี หรือว่าแผนกสามัญ แม้กระทั่งแผนกธรรม ก็คือ
ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของผู้เรียน ว่ายังคำนึงถึงสมณสารูปหรือเปล่า ? มีสติรู้ตัวว่าเราเป็นพระภิกษุสามเณรหรือไม่ ?

ตอนกระผม/อาตมภาพเป็นอาจารย์สอนวิชาต่าง ๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ หรือวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ กระผม/อาตมภาพไม่ได้เห็นความสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ให้กับนิสิตเลย เพราะว่าใครก็สอนได้ แล้วนิสิตหลายท่านก็ถึงขนาดอ่านตำราเองก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2023 เมื่อ 10:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-10-2023, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,647 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่สิ่งที่ตั้งใจกระทำก็คือ ก่อนที่จะ "ปิดคอร์ส" วิชานั้น จะบอกกล่าวเขาทั้งหลายอยู่เสมอว่า พวกท่านเป็นพระภิกษุสามเณร ถ้าไม่สามารถที่จะสร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาได้ ก็อย่าทำให้พระพุทธศาสนาต้องพังลงไปเพราะพวกคุณเอง เท่าที่สอนอยู่หลายปี เจตนามีอยู่แค่นี้เท่านั้น ก็คือปลุกจิตสำนึกให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นยังระลึกถึงความเป็นพระเป็นเณรของตนเองอยู่

เนื่องเพราะว่าหลายต่อหลายวิชานั้น มีฆราวาสมาเรียนร่วมด้วย โดยเฉพาะสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาบริหารรัฐกิจ ปัจจุบันนี้ก็มีสาขาวิชาการพัฒนาสังคม สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
พอเรียนร่วมกันแล้ว ไม่พระภิกษุสามเณรของเราก็ฆราวาสนั่นแหละ ลืมตัว..ลืมสถานภาพตัวเอง ก็คือแทนที่จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นพระเป็นเณร ก็ไปรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกับฆราวาส โดยเฉพาะผู้หญิง ส่วนฆราวาสชายหญิง แทนที่จะรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นปูชนียบุคคล ต้องรู้จักรักษาระยะห่าง ก็กลายเป็นเห็นเป็นเพื่อน ตีสนิท ยังดีที่ไม่กอดคอกันไป..!

กระผม/อาตมภาพถึงได้ชื่นชมมากว่านิสิตของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ที่สอนมา ปัจจุบันนี้ท่านเป็นอาจารย์อยู่ ก็คือคุณกัญญาพร สุทธิพันธ์ อีกท่านหนึ่งก็คือคุณพรลักษณ์ แม้นบุตร สองท่านนี้คุยกับพระ คุยกับเณร หรือคุยกับครูบาอาจารย์ที่เป็นพระ ไม่เคยยืนเสมอเลย คุกเข่ากับพื้นตลอด นั่นคือความรู้ตัว มีสติ เห็นว่าอีกฝ่ายก็คือปูชนียบุคคลที่ควรแก่ความเคารพ ไม่ใช่เพื่อนที่จะไปตีเสมอด้วย

กระผม/อาตมภาพถึงได้กล่าวว่า เรียนไปเท่าไรก็ได้ แต่ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับสติสัมปชัญญะของเรา และท้ายที่สุดขึ้นอยู่กับ หิริ โอตัปปะ ต้องรู้จักละอายชั่ว กลัวบาป รักศีลของตัวเอง ระงับยับยั้งชั่งใจเอาไว้ สิ่งใดที่ละเมิดศีล เราก็ไม่ไปด้วย

กระผม/อาตมภาพเองเรียนมาตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ใช้เวลาเกือบ ๑๐ ปี ถ้าหากว่าว่ากันตามหลักสูตรก็ ๑๐ ปีเต็ม และมีหลายคนใช้เวลาเกิน ๑๐ ปี อย่างเช่นบางท่านเฉพาะเรียนปริญญาเอก ว่าไป ๘ ปี เพียงแต่กระผม/อาตมภาพเรียนเร็ว จบเร็ว ก็เลยใช้เวลาไม่ถึง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2023 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 10-10-2023, 01:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,647 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ระหว่างที่เรียนอยู่ เห็นเพื่อนพระสังฆาธิการละเมิดศีลเป็นปกติ เกี้ยวพาราสีเพื่อนผู้หญิงที่เรียนร่วมห้องบ้าง กินอาหารหลังเที่ยงไปแล้วบ้าง แล้วครูบาอาจารย์หลายท่านก็ให้ท้าย บอกว่าพวกเราเรียนหนัก ใช้สมองมาก ถึงเวลาจะต้องหิวเป็นปกติ จะกินอาหารบ้างก็ไม่เป็นไร สามารถที่จะปลงอาบัติได้ กลายเป็นสอนให้ลูกศิษย์ทำชั่วไปอีก..!

ส่วนบรรดาพระสังฆาธิการ พอไปตำหนิเข้าว่า "ทำแบบนี้ อาบัติกินตายห่..เลยมึง..!" ท่านตอบว่า "อาบัติไม่กินพระแล้วจะกินใคร ? เพราะชาวบ้านโดนอาบัติไม่ได้..!" อยากจะบอกว่าจริงของแม่...เหมือนกัน..! แต่ท่านไม่ได้คำนึงถึงเลยว่า
สิ่งที่ตนเองทำนั้น สร้างความเสียหายแก่พระพุทธศาสนาอย่างไร ? ทำให้คนขาดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างไร ? เนื่องเพราะว่าเขาจะเลื่อมใสเรา ก็ต่อเมื่อเรามีอะไรที่ต่างจากเขา ถ้าเหมือนกันทุกอย่าง แล้วเขาจะไปเลื่อมใสทำไม ?

เพียงแต่ว่าพระภิกษุสามเณรสมัยนี้มักจะขาดสำนึก หรือว่าขาดสติในตรงนี้ มีอะไรก็ทำแข่งกับญาติโยมเขา กุฏิก็ติดเครื่องปรับอากาศทุกห้อง ศาลาก็ติด
เครื่องปรับอากาศทั้งหลัง อยากสบายแบบนั้นแล้วบวชทำไม ? เพราะฉะนั้น..หลายท่านมาที่วัดท่าขนุนนี้แล้วอยู่ไม่ได้ เพราะว่าไม่มีห้องปรับอากาศให้ ล่าสุดที่ผ่านมาพวกท่านก็เห็น บรรดา "นิสิตพันธุ์ใหม่" ที่อยากจะเป็นคนเก่งคนกล้า มาถึงพอไม่มีห้องปรับอากาศเท่านั้นเอง ขอถอนตัว ไปนอนที่เขื่อนวชิราลงกรณ แล้วประเภทนั้นหรือ อยากที่จะเป็นคนพันธุ์ใหม่ ? ขนาดคนพันธุ์โบราณยังเป็นไม่ได้เลย..!

จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องดูให้ชัดว่า วงการสงฆ์ของเราในปัจจุบันนี้ดูเหมือนกับก้าวหน้ามาก แต่เป็นการก้าวไปในทางที่ผิด การสาธารณสงเคราะห์อยู่ในลักษณะของการไปแจกข้าวของให้ถึงที่ ไม่ใช่การสอนให้เขาทำมาหากิน การแจก..คุณมีเท่าไรไม่พอแจกหรอก แต่ถ้าหากว่าทำอย่างในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็คือ "สอนให้ตกปลา" แล้วเขาจะมีปลากินตลอดชีวิต ไม่ใช่สอนโดยการเอาปลาไปให้เขากิน ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องหาไปป้อนเขาอยู่ตลอดเวลา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2023 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 10-10-2023, 01:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,647 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อหลายอย่างเดินไปในทางที่ผิด ถ้าเราเห็นก็ต้องทักท้วงบ้าง ทุกวันนี้กระผม/อาตมภาพกลายเป็น "ตัวแสบ" อยู่ในวงการคณะสงฆ์ เห็นอะไรไม่ถูกต้องก็ท้วงแรง ๆ แม้แต่พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ยังบอกว่า "มึงรู้จริงก็พูดไป แต่อย่าให้กระทบเจ้านายมากนัก..!"

ถ้าหากว่าเราไม่หวังยศ ไม่หวังตำแหน่ง ไม่หวังความก้าวหน้าทางโลก มีอะไรเราเอาธรรมเป็นใหญ่ เราจะพูดได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าหากว่าไปมัวแต่หวังยศ หวังตำแหน่ง กลัวเจ้านายเขาเกลียดขี้หน้า เดี๋ยวจะโดน "แป้ก" ถ้าอย่างนั้นชาตินี้ก็อย่าบวชเลย..! เสียเวลาเปล่า ๆ บวชมาแล้วแทนที่จะทำให้ศาสนาเจริญ ก็กลายเป็นตัวถ่วง ดีไม่ดีก็เป็นตัวทำให้ศาสนาพังลงไปเพราะตัวเราเองอีกด้วย..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2023 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:36



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว