กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-11-2023, 18:23
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,659
ได้ให้อนุโมทนา: 216,974
ได้รับอนุโมทนา 748,313 ครั้ง ใน 36,459 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-11-2023, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,102 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ แม้ว่าจะเป็นวันทำงานก็ตาม แต่ว่าญาติโยมทั้งหลายในจังหวัดสงขลาหรือว่าจังหวัดใกล้เคียง ก็พากันมาทำบุญ ทั้งถวายภัตตาหารเช้า-เพล ถวายสังฆทาน และถามปัญหาข้อติดขัดในการปฏิบัติธรรมของตนเอง

ส่วนนี้ทำให้เห็นว่าบุคคลที่ห่างไกลครูบาอาจารย์ หรือว่าห่างไกลที่พึ่งทางใจของตนเองนั้น เปรียบเสมือนบุคคลที่หิวอาหาร เมื่อถึงเวลา มีอาหารมาอยู่ตรงหน้า ก็กอบโกยกินให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ว่าบุคคลที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์อยู่ตรงหน้า บางทีกลับปล่อยปละละเลยให้เวลาผ่านไปอย่างน่าเสียดาย คล้ายกับ "หนูตกถังข้าวสาร" เห็นว่ามีอาหารอุดมสมบูรณ์ ก็ "เอ้อระเหยลอยชาย" ไม่คิดที่จะกอบโกยกินให้เต็มอิ่มของตนเสียที ถ้าประมาทแบบนี้ อาจจะโดนแมวลากไปกินเสียเมื่อไรก็ได้..!

ดังนั้น..ผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนจึงควรที่จะระลึกอยู่เสมอว่า "เวลาล่วงไปล่วงไป เราทั้งหลายทำอะไรกันอยู่ ?" หรือระลึกถึงอยู่เสมอว่าความตายอยู่กับเราแค่ชั่วลมหายใจเข้าออก ถ้าหากว่าหายใจเข้า แล้วไม่หายใจออก เราก็ตาย หรือว่าหายใจออก แล้วไม่หายใจเข้า เราก็ตายอีกเช่นกัน ถ้าหากว่าตายแล้ว เราตกสู่อบายภูมิ ก็เรียกว่าเสียชาติเกิด..!

ดังนั้น..เราจึงควรที่จะขวนขวายความดีในทาน ศีล ภาวนา ให้มากเข้าไว้ เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว เราจะได้มี "เสบียงบุญ" ที่พร้อมสมบูรณ์สำหรับการเดินทางไกลในโลกหน้า หรือว่าท่านทั้งหลายที่สร้างบุญบารมีมาอย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อได้พบหลักธรรมที่ตรงกับกำลังใจของตนเอง ก็จะได้เร่งรัดปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ก็ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ ๑ หลายสิบใบพร้อมกันเสียอีก..!

ถึงแม้ว่าท่านทั้งหลายไม่สามารถที่จะปล่อยวางจนกระทั่งเข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้ได้ แต่ถ้าหากว่ามีหลักธรรมที่เหมาะสมกับกำลังใจ แล้วพยายามขวนขวายไปอย่างเต็มที่ ท่านทั้งหลายก็เท่ากับตัดหนทางการเวียนว่ายตายเกิดของตัวเองให้สั้นลง แม้ว่าจะไม่สั้นถึงขนาดเกิดอีก ๓ ชาติ ๗ ชาติ ก็ขอให้สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2023 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-11-2023, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,102 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่าในส่วนของการเวียนว่ายตายเกิดนั้น ไม่ว่าจะเกิดชาติไหนก็มีแต่ความทุกข์ทั้งสิ้น ความทุกข์นั้นจะมีมาก มีน้อย ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่เราทำมา แต่ถ้าหากว่าถึงเราสร้างบุญเอาไว้ดีขนาดไหนก็ตาม นิพัทธทุกข์ คือความทุกข์เนืองนิจอย่างหนึ่ง สภาวทุกข์ คือความทุกข์ตามสภาพของเราอย่างหนึ่ง ต้องมีแก่เราอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บไข้ได้ป่วย หนาวร้อน หิวกระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ ร่างกายสกปรกโสโครก เหล่านี้เป็นต้น จึงเป็นเรื่องที่ ถึงแม้ว่าจะเกิดมาประกอบด้วยบุญบารมีขนาดไหนก็ตาม ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแล้วไม่ทุกข์นั้นไม่มี..!

เสียดายแต่เพียงว่าญาติโยมทั้งหลายที่อยู่ทางด้านปักษ์ใต้ของเรานั้น ครูบาอาจารย์สายใต้ที่เน้นเรื่องมรรคเรื่องผลมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็มาทางสายเหนียว คงกระพัน มหาอุด เป็นต้น สำนักที่มีชื่อเสียงโด่งดังยาวนานมานับร้อย ๆ ปี อย่างสำนักวัดเขาอ้อ ก็เป็นที่รู้กันว่าเน้นในเรื่องของคงกระพันมหาอุด ไม่ว่าจะเป็นยุคของหลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อก็ดี ลงมาถึงหลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อก็ตาม

แม้กระทั่งที่แตกออกไปเป็นสาขาอย่างวัดบ้านสวน ซึ่งมีหลวงพ่อคง หรือว่าทางวัดดอนศาลา ที่มีหลวงพ่อเอียดก็ตาม ครูบาอาจารย์เหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่ไปจากวัดเขาอ้อทั้งสิ้น บุคคลที่สืบสายมา ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวนก็ดี หรือว่าหลวงพ่อนำ วัดดอนศาลาก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่สืบสายมาด้านของคงกระพัน มหาอุด

ถ้าหากว่าจะไปทางด้านเมตตามหานิยม ก็มักจะเป็นสายเสน่ห์เสียมากกว่า ก็คือเน้นในเรื่องของเสน่ห์เล่ห์กลไปเลย จึงทำให้ญาติโยมที่หวังในเรื่องของการปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น หาครูบาอาจารย์ทางนี้ได้ยากอย่างยิ่ง หรือว่าปรมาจารย์ใหญ่อย่างหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ท่านก็มีชื่อเสียงในด้านนิรันตราย คือความปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ ตามแบบของพระโพธิสัตว์ใหญ่ ซึ่งเป็นหลักชัยให้กับทางด้านปักษ์ใต้มาเนิ่นนานเหลือเกิน

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อมีครูบาอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับการบรรลุมรรคผลกันในชาตินี้ ญาติโยมส่วนหนึ่ง ซึ่งเปรียบเหมือนดอกบัวพ้นน้ำ เมื่อกระทบแสงแดดแล้ว พร้อมที่จะบานบ้าง หรือว่าจะบานในวันรุ่งขึ้น หรือว่าวันต่อ ๆ ไปบ้าง ก็เหมือนกับว่าตนเองเข้าร้านอาหารที่ไม่ตรงกับกำลังใจของตน ก็คือไม่สามารถที่รับประทานแล้วจะรู้สึกเป็นที่พอใจ จึงต้องแสวงหาร้านอาหารอื่น ๆ ต่อไป

ปรากฏว่าร้านอาหารที่เหมาะใจของตนเองนั้น กลับเป็นครูบาอาจารย์ที่อยู่ต่างภาคต่างดินแดน อย่างเช่นว่าทางสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ก็เคยส่งครูบาอาจารย์ลงมายังปักษ์ใต้ในยุคแรก ๆ แม้แต่ครูบาอาจารย์ที่เป็นอาจารย์ใหญ่สายอีสานรูปหนึ่ง ก็คือหลวงปู่เทสก์ เทสรํสี ท่านก็ยังมาอยู่ที่ปักษ์ใต้เสียหลายปี ดังนั้น..เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านเดินทางลงใต้ แล้วลูกศิษย์ลูกหาทางด้านนี้ที่ไม่นิยมการเกิด ก็มาอาศัยเกาะกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เพื่อที่จะรับฟังและปฏิบัติตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2023 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-11-2023, 01:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,102 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า รุ่นเก่า ๆ ซึ่งเคยเกาะกลุ่มกันกลมเกลียวเหนียวแน่นนั้น มาถึงในยุคปัจจุบันก็เริ่ม "ล้า" กันหมดแล้ว ทำให้ไม่มีคณะศิษย์จังหวัดยะลาที่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ หรือว่าไม่มีคณะศิษย์จังหวัดสงขลาที่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่อย่างสมัยก่อน เนื่องเพราะว่าภาระรัดตัวบ้าง รุ่นเก่า ๆ เสียชีวิต ล้มตายลงไปบ้าง ทำให้รุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้เกาะกลุ่มกันแน่นเหนียวเหมือนเดิม เมื่อมีลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤๅษีฯ ลงมาปักษ์ใต้ ก็ต่างคนต่างมากันบ้าง เกาะกันมาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ มาบ้าง ต้องนับว่าเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

แต่ก็เป็นไปตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ สัพเพ สังขารา อนิจจา สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรแก่การยึดมั่นถือมั่น

ท่านทั้งหลายไม่ว่าจะมาเองก็ดี มาเฉพาะครอบครัวของตนก็ดี หรือยังจับกลุ่มกันเป็นคณะ แม้ว่าจะเล็กลงก็ตาม ก็ยังเป็นผู้ใฝ่ในบุญในกุศล ในขณะที่หลักธรรมขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมพุทธเจ้ายังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ ท่านทั้งหลายก็ยังมีสิทธิ์ที่ปฏิบัติแล้วจะได้มรรคได้ผล อย่างที่ตนเองต้องการ หรือว่าปฏิบัติไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะเข้าไม่ถึงมรรคผลนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ แต่ว่าอย่างน้อยท่านทั้งหลายก็ทำให้เส้นทางการเวียนว่ายตายเกิดของตนนั้นสั้นลงไปอย่างมาก ถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่ประมาท

เพียงแต่ว่าการทำบุญนั้นขอให้ใช้ปัญญาประกอบด้วย ไม่ใช่ว่ากระผม/อาตมภาพนั่งเครื่องบินมา แล้วท่านทั้งหลาย ถึงเวลาก็ถวายเครื่องสังฆทาน พระพุทธรูป ผ้าไตร อาหารสด อาหารแห้งไว้มากมาย จนไม่สามารถที่จะขนกลับไปได้

มีอยู่ครั้งหนึ่ง กระผม/อาตมภาพจำได้แม่นยำ ก็คือรับเฉพาะผ้าไตรอย่างเดียวถึง ๒๐๐ กว่าไตรแล้ว..! ต้องอาศัยรถของญาติโยมขนไปเพื่อไล่แจกวัดวาอารามใกล้เคียงแถวนี้ วัดละ ๑๐ ไตรบ้าง ๒๐ ไตรบ้าง กว่าที่จะหมดก็ตระเวนอยู่เป็นวัน เพราะว่าไม่สามารถที่จะขนกลับไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2023 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-11-2023, 01:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,102 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การใช้ปัญญานั้นจำเป็นสำหรับที่ทุกสถานและกาลทุกเมื่อ เนื่องเพราะว่าปัญญานั้น ทำให้เราปฏิบัติสิ่งต่าง ๆ ได้ถูกต้องตามกาลเทศะ แล้วขณะเดียวกัน ในเรื่องของทางโลก ถ้ามีปัญหา เราก็สามารถใช้ปัญญาแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้โดยง่าย

ในเรื่องของทางธรรม ถ้าจะยกข้อธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาพิจารณา ก็สามารถที่จะรู้แจ้งแทงตลอด และยอมรับความเป็นจริงนั้น ทำให้เข้าถึงมรรคผลนิพพานตามที่ตนเองต้องการได้ ปัญญาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ซึ่งในหมวดธรรมต่าง ๆ ถ้าประกอบไปด้วยหลายข้อธรรมแล้ว เราจะเห็นว่าองค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ก็มักจะเอาปัญญาประกอบไว้ตอนท้ายอยู่เสมอ

ท่านทั้งหลายจึงควรที่จะพินิจพิจารณาก่อนที่จะคิด ก่อนที่จะพูด ก่อนที่จะทำ ด้วยปัญญาของเรา ว่าสิ่งที่เราคิด เราพูด เราทำนั้น เป็นไปโดยทำให้หลักธรรมของเราเจริญขึ้น หรือว่าทำให้การปฏิบัติธรรมของเราต้องสะดุดหยุดยั้งลง จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายต้องหมั่นฝึกฝน มองเห็นให้ชัดเจน จะได้ทำอะไรถูกต้องตามกาลเทศะต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-11-2023 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:06



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว