กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-11-2023, 20:20
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 347
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,941 ครั้ง ใน 825 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 21-11-2023, 23:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,928 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพกับคณะเดินทางออกจากวัดอุทยาน ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทางเติมเต็มทัวร์นัดเอาไว้ที่ประตู ๒ เวลาตี ๔ ด้วยความเมาขี้ตา กลายเป็นส่งกระดานข่าววัดท่าขนุนว่า ขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ต้องขออภัยทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง..!

ทางเจ้าหน้าที่ของเติมเต็มทัวร์มาตรวจสอบกระเป๋าและติดบัตรให้ทุกคน หลังจากนั้นก็นำไปเช็คอิน พวกเราเข้าไปรอกันอยู่ประตู B2B เพื่อรอขึ้นเครื่องตอน ๖ โมงเช้า แต่ปรากฏว่าป้าย B2B นั้นเป็นป้ายเล็ก ๆ นิดเดียว แปะอยู่ที่ต้นเสา จึงทำให้กระผม/อาตมภาพมองไม่เห็น ไปนอนรออยู่ที่ประตู B2 เสียพักใหญ่ กว่าที่จะมีโยมวิ่งมาตาม

เมื่อได้เวลา ทางด้านเจ้าหน้าที่ก็เชิญญาติโยมคณะหนึ่งให้ไปขึ้นเครื่องก่อน กระผม/อาตมภาพคาดว่าตัวเองจะภาวนา "คาถาวิรุฬจำบัง" มากไปหน่อย ทำให้เขามองไม่เห็นพระที่นั่งหัวโด่อยู่คนเดียว เมื่อทางเจ้าหน้าที่มองเห็น ก็ทำท่าตกใจว่าพระรูปนี้โผล่มาได้อย่างไร จึงแก้ตัวด้วยการให้ไปนั่งรถบัส เพื่อไปขึ้นเครื่องที่กลางสนามบินทางด้านหน้าคู่กับคนขับไปเลย

เครื่องของเราก็คือบริษัทไทยสมายล์ ชื่อเครื่องนครราชสีมา ถึงเวลาก็ออกตามกำหนด มาลงที่สนามบินนานาชาติอุบลราชธานีเวลา ๐๗.๕๕ น. เมื่อผ่านออกมา รับกระเป๋าเสร็จสรรพเรียบร้อย ทางด้านเอเย่นต์ของฝั่งนี้เตรียมรถบัส ๒ ชั้นเอาไว้ให้ ๒ คัน กระผม/อาตมภาพนั่งคันที่ ๑ แต่ว่าหามุมถ่ายรูปยากมาก เนื่องเพราะว่าตัวผู้นั่งกับกระจกรถนั้นห่างกันค่อนข้างมาก ต่อให้เอื้อมจนสุดแขนแล้ว ก็ยังไม่สามารถที่จะถ่ายรูปได้อย่างใจ ดังนั้น..ถ้ารูปออกมาใช้ได้บ้าง ใช้ไม่ได้บ้าง ก็ขอให้ทุกท่านโปรดให้อภัยด้วย

ทางเติมเต็มทัวร์พาพวกเราแวะที่ร้านสามชัยกาแฟ ข้างจวนผู้ว่าฯ ผู้โดยสารรถบัสคันที่ ๑ นั้น เข้าไปที่ห้องด้านใน คันที่ ๒ นั่งอยู่ที่ห้องด้านนอก ซึ่งมีโต๊ะจองติดหมายเลขไว้ทั้งหมดแล้ว ลูกทัวร์ทุกคนจะรู้ว่าตนเองต้องนั่งที่โต๊ะหมายเลขอะไร พร้อมกับตนเองจองอาหารอะไรไว้ จึงกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่าย

พวกเราใช้เวลาในการรับประทานอาหารเช้าแค่ ๓๘ นาทีเท่านั้น ก็สามารถที่จะเดินทางต่อไป เพื่อออกเดินทางไปยังอำเภอสิรินธร พวกเราผ่านสถานที่สวยงามแห่งหนึ่ง เป็นห้วงน้ำกว้างใหญ่ไพศาลมาก
กระผม/อาตมภาพมารู้ทีหลังว่าเป็นพื้นที่น้ำเหนือเขื่อนสิรินธร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2023 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-11-2023, 23:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,928 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง-ออกเมืองทางช่องเม็กของไทยเรา ก็เข้าไปประทับตราพาสปอร์ตออกจากประเทศไทย แล้วต้องเดินลอดอุโมงค์โผล่ไปฝั่งลาว ที่มีแม่หญิงปุ๋ย บอกว่าชื่อเล่นว่าพรทิพย์ แต่ความจริงแล้วชื่อแม่หญิงสมฮัก ไซยะมูน มายืนรออยู่ แล้วชี้ให้เดินตรงไปยังร้านค้าปลอดภาษี ชื่อว่าร้านดาว มีทางแม่หญิงแอน รอรับอยู่ทางนี้ ให้พวกเราได้ไปเข้าห้องน้ำ แล้วนั่งพักผ่อนให้เรียบร้อย เพื่อรอทางด้านเจ้าหน้าที่ฝั่งลาว "จ้ำกา" หนังสือเดินทางของทุกคนในคณะให้ก่อน

การ "จ้ำกา" นั้นปรากฏว่าเกิดเป็นปัญหาใหญ่โตตรงที่ว่า ก่อนหน้านี้มีบางคนไม่ได้ประทับตราหนังสือเข้าเมือง จึงโดนปรับถึง ๔,๐๐๐ บาท ๕,๐๐๐ บาท ทำให้คนไทยส่วนหนึ่งแอนตี้การเดินทางเข้าสู่ประเทศลาว เจ้าหน้าที่ทางด้านนี้จึงพยายามแก้ตัวด้วยการอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เมื่อเราเดินผ่าน ตม.ลาวเข้าไป จึงไม่ต้องหยุดตรวจใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะว่าหนังสือเดินทางและเอกสารอนุญาตเข้าเมืองทุกอย่าง ทางเอเย่นต์ทำไว้ให้หมดแล้ว

รถบัส ๒ ชั้น ทั้ง ๒ คันก็มารออยู่ฝั่งนี้ พวกเราจึงขึ้นรถบัส แล้ววิ่งตรงไปยังแขวงจำปาสัก ซึ่งเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของลาวใต้ แต่ว่าเมืองจำปาสักนั้นถือว่าเป็นเมืองที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง มีชื่อว่าเป็นเขต คือลักษณะจังหวัด แต่ว่าเล็กกว่าเมืองปากเซที่เป็นแขวง เหตุเพราะว่าการเดินทางสมัยก่อนทุรกันดารมาก บรรดาหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะต้องติดต่อกับทางราชการ จึงไปตั้งอยู่ที่เมืองปากเซกันเสียหมด ทำให้ความเจริญไป "ตกคลั่ก" อยู่ที่เมืองปากเซ

คล้าย ๆ กับจังหวัดสงขลา ที่ความเจริญไปตกอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จนกระทั่งหลายคนเข้าใจว่าเป็นจังหวัดหาดใหญ่ อำเภอสงขลา ทางด้านนี้ก็เหมือนกับว่าเป็นเมืองจำปาสัก แขวงนครปากเซ อย่างไรอย่างนั้นเลย

พวกเราเดินทางมาถึงร้านมะนิดา เป็นสวนอาหารต้อนรับลูกทัวร์ของเราที่นี่ เวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว อาหารทุกอย่างก็เตรียมเอาไว้พร้อมมูล โดยเฉพาะโต๊ะพระที่กระผม/อาตมภาพเหมาอยู่คนเดียว และฉันปลานึ่งมะนาวไปครึ่งซีก พร้อมกับผักสด ๑ จาน ส่วนอื่นยกคืนให้กับทางคณะเอาไปแบ่งสันปันส่วนกัน แล้วเดินลงไปริมแม่น้ำโขง เพราะว่าบริเวณนี้ชื่อว่าหมู่บ้านหัวปลาข่อ หรือว่าหัวปลาช่อน แขวงเมืองปากซอง เขาบอกว่าถ้า "มาถึงเมืองปากซองต้องเห็นของใหญ่ เห็นของยาว"

คำว่า ของ ในที่นี้คือแม่น้ำโขง แต่คนไทยกับคนลาวออกเสียงต่างกัน คำว่า ของใหญ่ คือแม่น้ำโขงบริเวณนี้กว้างประมาณ ๒ กิโลเมตร ส่วนของแม่น้ำโขงที่กว้างที่สุดนั้นก็คือบริเวณหลี่ผี - คอนพะเพ็ง ที่กว้างถึง ๗ กิโลเมตร

ส่วนคำว่า ของยาว นั้นก็คือ เป็นมุมที่จะเห็นวิวแม่น้ำโขงเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดเท่าที่จะเห็นได้ บริเวณอื่นก็ไม่สามารถที่จะเห็นได้อย่างนี้ เพราะว่าแม่น้ำโขงนั้นไหลคดเคี้ยวไปตามความเชื่อที่ว่า สุวรรณนาคราชทำการขุดคุ้ยแม่น้ำโขงขึ้นมา จึงคดเหมือนกับงูเลื้อย เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2023 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-11-2023, 23:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,928 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้นพวกเราก็ต้องเปลี่ยนมานั่งรถสองแถว เพื่อตรงไปยังปราสาทหินวัดภู ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยงหัวแทบแตก พ่อใหญ่ที่ขับรถสองแถวให้กระผม/อาตมภาพชื่อพ่อใหญ่คำ เมื่อนำมาถึงบริเวณปราสาทวัดภูแล้ว พวกเราก็ต้องไปรับ "ปี้" ก็คือตั๋วที่ทางคณะเติมเต็มทัวร์ส่งเอเย่นต์มาซื้อหาล่วงหน้าเอาไว้แล้ว

ผ่านการ "กวดปี้" เรียบร้อยก็ไปขึ้นรถราง วิ่งไปส่งที่บริเวณตีนปราสาทหินวัดภู ซึ่งชั้นแรกนี้ยังมีส่วนของปราสาทที่สมบูรณ์อยู่บ้าง โดยเฉพาะเสานางเรียงนั้นสมบูรณ์สุด ๆ และบริเวณลูกกรงหินกลึงต่าง ๆ ก็เหมือนอย่างกับทำใหม่เลยก็ไม่ปาน แต่ดูแล้วว่าเป็นของเก่าแท้แน่นอน หลังจากนั้นพวกเราก็ค่อย ๆ เดินขึ้นไปทีละชั้น มีการหยุดถ่ายรูปของแต่ละชั้นไปด้วย ใครที่แข็งแรงพอก็เดินตามทัน คนที่แข็งแรงไม่พอก็หล่นไปปิดท้ายอยู่ทางด้านล่างนั่นเอง

แม่หญิงปุ๋ย หรือชื่อจริงว่าแม่หญิงสมฮัก บอกว่า ต้นจำปา หรือที่บ้านเราเรียกว่าต้นลั่นทม ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นต้นลีลาวดีนั้น ถ้าใครเจอดอกจำปาที่มี ๔ กลีบหรือว่า ๖ กลีบ ถือว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่ง กระผม/อาตมภาพเดินมองอยู่เป็นระยะทางที่ค่อนข้างจะยาว แต่ไม่เจอดอกที่มี ๔ หรือ ๖ กลีบเลย นอกจาก ๕ กลีบล้วน ๆ แล้วก็มาซื้อ "หมากเบ็ง" หรือว่าบายศรี ๕ ต้น นำไปสักการะทวารบาล ซึ่งความเป็นจริงก็คือท่านท้าววิรุฬหก เทพเจ้าหรือท้าวมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ประจำทิศใต้นั่นเอง มาอยู่อารักขาปราสาทหินวัดภูตรงนี้

หลังจากที่เดินไปถึงชั้นบน ก็ไปซื้อบายศรีอีก ๕ ต้น ๆ ละ ๒๐ บาทไทยเช่นเคย เพื่อที่จะไปสักการะพระพุทธรูปใน "สิม" หรือที่ภาษาไทยก็คือในโบสถ์ แล้วมีหินอธิษฐานอยู่ ๔ ก้อน กระผม/อาตมภาพยกก้อนที่ใหญ่ที่สุด หนักที่สุด ปรากฏว่าสามารถยกขึ้นได้ ครั้นอธิษฐานว่าถ้าเรื่องสำเร็จให้ยกไม่ขึ้น ยกเสียจนกระดูกหลังลั่นก็ยังเอาไม่ขึ้น แปลว่าเรื่องที่ตั้งใจไว้ก็คือจะเกื้อพระพุทธศาสนา แบ่งเบาภาระพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง และกระทำเพื่อมรรคผลนิพพานของตนเองนั้น น่าจะมีสิทธิ์สำเร็จได้ตามคำอธิษฐาน

ครั้นถ่ายรูปหมู่ร่วมกันแล้ว ก็เดินย้อนกลับมาทางเดิม หลายต่อหลายคนถึงกับแข้งขาอ่อน จนกระทั่งหมดสภาพแล้ว กระผม/อาตมภาพลงมาขึ้นรถรางที่พามาจอดอยู่อีกจุดหนึ่ง เป็นทางลัดลงไปบริเวณที่ขายตั๋ว พวกเราไปเข้าห้องน้ำที่ขาขึ้นแน่นหนามาก แต่ตอนนี้ไม่มีใครแย่งเลย ปรากฏว่ามี "อีนางน่อย" อยู่คนหนึ่ง วิ่งเข้าวิ่งออก ส่งกระดาษทิชชู่ เก็บขยะทุกอย่างด้วยความขยันขันแข็ง กระผม/อาตมภาพล้างหน้าเสร็จแล้ว จึงแจกรางวัลไป ๒๐ บาท น่าจะประมาณ ๑๒,๐๐๐ กีบ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2023 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-11-2023, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,928 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อถึงเวลา พวกเราก็เดินออกมาขึ้นรถสองแถวย้อนกลับมา กระผม/อาตมภาพยังคิดว่าต้องวิ่งไปถึง ๑๙ "หลัก" (กิโลเมตร) ถึงจะเจอรถบัสที่จอดอยู่ร้านอาหารมะนิดา แต่ปรากฏว่ารถบัสนั้นมาจอดรออยู่ไม่ไกล บริเวณสถานีบริการน้ำมัน ที่ชื่อว่าปั๊มทันสมัย แต่พวกเราต้องรอแล้วรออีก กว่าที่คณะจะมากันครบถ้วน เนื่องเพราะว่าหลายคนก็อายุมาก หลายคนก็ไม่เคยขึ้นที่สูงขนาดนั้นมาก่อน กว่าที่จะตะเกียกตะกายมาขึ้นรถสองแถวได้ ก็เสียเวลาไปเนิ่นนานทีเดียว

ทางเติมเต็มทัวร์ยังแถมสถานที่สำคัญให้อีกแห่งหนึ่ง ก็คือหลวงพ่อโต วัดภูสะเหล้า (ภูเสลา) ซึ่งบอกว่ามีรถตู้รับขึ้นไป แต่ด้วยความที่รอนานเกินไป หลังจากที่ถ่ายรูปหมู่บริเวณบันไดนาคแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงเดินขึ้นบันไดไปเลย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่บอกว่ามี ๓๐๐ กว่าขั้น แต่พอเดินจริง ๆ น่าจะได้กำไร เพราะว่างอกมาเป็น ๖๐๐ กว่าขั้น..! ขึ้นไปกราบพระ ถ่ายรูปอยู่ข้างบนพักใหญ่ กว่าที่ทางรถตู้จะพาคณะใหญ่มาถึง

ครั้นถ่ายรูปหมู่กันเสร็จเรียบร้อย ออกมาทางด้านนอก ปรากฏว่ารถตู้ลงไปกันหมดแล้ว พวกเรารอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ รถตู้ก็ไม่มา มีแต่รถตรวจการณ์คันหนึ่ง ซึ่ง "บิ๊กก๊อต" เอเย่นต์ทางช่องเม็กนี้ วิ่งติดตามมาด้วย รับพวกเรามาได้ ๕ คน พอลงมาแล้ว กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะทราบว่า ทางรถยนต์นั้น ขึ้นไป ๗ กิโลเมตร ลงมา ๗ กิโลเมตร..! มิน่าว่ารอกันแทบตาย แล้วตอนนี้รถตู้ก็หมด กว่าที่รถตรวจการณ์คันหนึ่งจะรับคณะมาได้ครบ ๗๗ คนอาจจะต้องรอกันครึ่งค่อนคืน กระผม/อาตมภาพจึงฉวยโอกาสบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในวันนี้ ในขณะที่นั่งรออยู่บนรถบัสไปเลย

สำหรับวันนี้ก็น่าจะได้เข้าไปสู่ที่พัก ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นโรงแรมจำปาสักแกรนด์โฮเต็ล ซึ่งน่าจะเป็นโรงแรมระดับหลายดาวอยู่ แล้วพรุ่งนี้จะออกไปใส่บาตรแต่เช้า ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าต้องนั่งรอคณะอีกนานเท่าไร

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2023 เมื่อ 03:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:16



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว