กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-12-2023, 16:51
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,900 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-12-2023, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,375 ครั้ง ใน 34,251 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพไม่ได้บิณฑบาต เดินทางออกจากวัดตั้งแต่เช้า ไปถึงโรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม หมู่ที่ ๑ ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ประมาณ ๗ โมงครึ่ง ปรากฏว่าพระมหาชูศักดิ์ กิจฺจกาโร ป.ธ.๘ เจ้าคณะตำบลศรีมงคล เจ้าอาวาสวัดไตรรัตนาราม ผู้ถือใบอนุญาตโรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม พร้อมด้วยผู้อำนวยการโรงเรียนมารอรับอยู่แล้ว

กระผม/อาตมภาพมอบเช็คเงินสด ๓๐๐,๐๐๐ บาท งวดสุดท้ายให้กับทางพระมหาชูศักดิ์ เพื่อที่จะสร้างอาคารวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม ซึ่งแต่แรกที่คุยกันนั้น ท่านเจ้าคุณอาจารย์ขวัญ - พระศรีสุทธิเวที (ขวัญ ถิรมโน ป.ธ.๙) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ท่านปรารภว่าอยากได้ห้องวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนสักหนึ่งห้อง เมื่อคุยกันไปคุยกันมา ทางด้านผู้อำนวยการเห็นว่า ในเมื่อสร้างห้องกับสร้างอาคาร งบประมาณก็ใกล้เคียงกัน จึงให้ออกแบบเป็นอาคารไปเลย ภายในงบประมาณ ๖๐๐,๐๐๐ บาท

งบประมาณในส่วนนี้ คือส่วนที่ญาติโยมทั้งหลายได้ร่วมบุญไปกับชมรมรักษ์ธรรมรักษ์ไทย ซึ่งมีนางสาวพัชรีภรณ์ หยกอุบล เป็นประธานดำเนินงานของชมรม กระผม/อาตมภาพรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของชมรม โดยมีเป้าหมายว่าจะสร้างถาวรวัตถุให้กับทางสถานที่ราชการ โรงพยาบาล หรือว่าโรงเรียนปีละ ๑ แห่ง

โดยเฉพาะถ้าเป็นโรงเรียนก็จะร่วมจัดงานวันเด็กของปีนั้นให้กับนักเรียนไปด้วย ปีนี้มาลงที่โรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม ซึ่งกระผม/อาตมภาพเคยเป็นเจ้าภาพสร้างห้องเรียนมาแล้ว ในตอนที่พระเดชพระคุณพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ.๙, Ph.D.) ที่ปรึกษาคณะสงฆ์วัดสามพระยาวรวิหาร ตอนนั้นหลวงพ่อเจ้าคุณท่านมาเป็นประธานในการเปิดโรงเรียนแห่งนี้ แล้วตอนนี้ก็มาเป็นเจ้าภาพในการสร้างอาคารวิทยาศาสตร์ให้กับทางโรงเรียน ซึ่งตรงนี้นอกจากญาติโยมทั้งหลายจะได้บุญได้กุศลในส่วนของธรรมทานแล้ว ยังได้บุญกุศลในส่วนของวิหารทานด้วย

ถ้าหากว่าเป็นไปได้แล้ว ถ้าเรามีกำลังพอที่จะช่วยในสถานที่ไหน ก็อย่าได้รอความช่วยเหลือจากหน่วยราชการ หากแต่ให้ลงมือทำไปเลย ขอเพียงมีผู้นำเท่านั้น เดี๋ยวผู้ตามก็จะมาเอง เนื่องเพราะว่าหลายท่าน แม้ว่าจะมีกำลังทรัพย์ แต่ไม่อยากรับผิดชอบงานมากนัก ดังนั้น..ถ้าหากว่าให้จ่ายเงินร่วมงานอย่างเดียว โดยไม่ต้องลงไปคลุกกับงานก็จะยินดีมาก กระผม/อาตมภาพจึงต้อง "รับหน้าเสื่อ" ในการดำเนินงานส่วนต่าง ๆ ให้กับญาติโยมทั้งหลายผู้ที่ร่วมบุญมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2023 เมื่อ 17:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-12-2023, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,375 ครั้ง ใน 34,251 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับอาคารวิทยาศาสตร์แห่งนี้ สำเร็จไปประมาณ ๘๐ กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว รอพิธีเปิดในวันเด็กปี ๒๕๖๗ ซึ่งตอนนี้ทางชมรมรักษ์ธรรมรักษ์ไทยก็ได้ประกาศหานักฟุตบอล เพื่อที่จะไปลงไปแข่งกับเด็ก ๆ จะได้รู้ว่าเด็กกะเหรี่ยงแถวนี้มีฝีเท้าร้ายกาจขนาดไหน..!?

หลังจากนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็วิ่งตรงไปยังวัดสี่แยกเจริญพร ซึ่งพระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพร ได้จัดพิธีอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อไปถึงปรากฏว่ามีพระนวกะซึ่งบวชเฉลิมพระเกียรติเหลืออยู่ ๕๖ รูปเท่านั้น เนื่องเพราะว่าบางรูปความประพฤติไม่เหมาะสม พระครูเทพจึงสั่งให้สึกไปแล้ว

กระผม/อาตมภาพได้ชี้แจงให้กับพระนวกะทั้งหลายว่า การบวชของท่านนั้นไม่ยาก มีพระอุปัชฌาย์ คู่สวด และพระอันดับครบถ้วนก็บวชได้แล้ว โดยเฉพาะถ้าการบวชฟรีแบบที่วัดสี่แยกเจริญพรนี้ ท่านก็แทบจะมาแต่ตัวเท่านั้น แต่ว่าการที่จะอยู่ให้สมกับความเป็นพระนั้น เป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่ง

เนื่องเพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นปูชนียบุคคล เป็นบุคคลที่ชาวบ้านเขากราบไหว้บูชา ถ้าหากว่าเปรียบกับชีวิตฆราวาสที่เราทำการทำงาน เรารักษาศีล ๕ เหมือนกับเราลงทุนในกิจการไป ๕ ล้านบาท แต่ว่าพระรักษาศีล ๒๒๗ เท่ากับลงทุนไป ๒๒๗ ล้านบาท ถ้าหากว่ากิจการนั้นมีกำไร ญาติโยมก็กำไรแค่ต้นทุนแค่ ๕ ล้านบาท แต่ว่าพระจะกำไรด้วยต้นทุน ๒๒๗ ล้านบาท ซึ่งย่อมมีกำไรมากกว่าฆราวาสหลายเท่า..!

แต่ถ้าหากว่าผิดพลาดขึ้นมา จนเกิดกิจการเสียหายล่มจมลง ฆราวาสจะเสียหายแค่ ๕ ล้านบาท แต่ว่าพระสงฆ์ของเราเสียหายมากกว่าหลายเท่า คือ ๒๒๗ ล้านบาท และความเสียหายตรงนี้ ไม่ได้เสียหายเฉพาะตัวตนของเรา หากแต่เสียหายถึงพระอุปัชฌาย์อาจารย์ เสียหายถึงวัดวาอาราม เสียหายไปถึงพระพุทธศาสนา..!


ดังนั้น
..ท่านทั้งหลาย ถึงแม้ว่าบวชน้อย ถ้าหากว่าตั้งใจทำดี ก็มีคุณค่าเหมือนกับเพชร ถึงจะเม็ดเล็ก แต่ราคาสูงมาก แต่ถ้าหากว่าบวชนาน แล้วสร้างแต่ความชั่วเท่านั้น ก็เหมือนกับขี้..! ยิ่งกองใหญ่เท่าไรก็ยิ่งเหม็นมากเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2023 เมื่อ 01:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-12-2023, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,375 ครั้ง ใน 34,251 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การที่เราท่านทั้งหลายบวชเข้ามา เพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ท่านทั้งหลายจะถวายของแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ต้องเป็นของที่ดีที่สุดที่เราจะหาได้

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษา กาย วาจา และใจ ของตนเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ถ้าหากว่าอยู่ต่อไปได้ ท่านก็จะเป็นกำลังใหญ่ในพระพุทธศาสนา แต่ถ้าหากว่าสึกหาลาเพศไป ต้นทุนบุญกุศลส่วนนี้ ก็จะช่วยให้การดำเนินชีวิตของท่านมีความคล่องตัวกว่าบุคคลอื่นเขา

เมื่อรับปัจจัยไทยธรรมที่ทางเจ้าภาพถวายให้แก่พระวิทยากร ตลอดจนกระทั่งคณะญาติโยมที่มาดักรอทำบุญแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มอบทั้งเงินทองและสิ่งของทั้งหมดให้กับพระครูเทพ เพื่อเอาไว้ใช้ประโยชน์ในงานอุปสมบทหมู่ครั้งนี้ แล้วฉันเพลร่วมกัน โดยมีเพื่อนฝูงอีกรูปหนึ่ง ก็คือพระครูชนะ (พระครูกาญจนธรรมชัย) เจ้าอาวาสวัดหนองไม้แก่น เพื่อนอาจารย์ของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ซึ่งมาร่วมฉันเพลด้วย

เมื่ออิ่มแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางไปยังวัดหนองขุยสิริวนาราม หมู่ที่ ๔ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี นำเอาทั้งเงินและทองซึ่งญาติโยมได้ถวายกระผม/อาตมภาพเอาไว้ ไปร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อพระประธานประจำพระอุโบสถ ซึ่งพระอธิการไพฑูรย์ ธมฺมโชโต เจ้าอาวาสวัดหนองขุยสิริวนารามนั้น ท่านเป็นลูกศิษย์ เรียนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ นำเอาเพื่อนฝูงทั้งรุ่นมาช่วยงานกันตรงนี้

โดยมีพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เป็นประธานในการเททอง กระผม/อาตมภาพทำหน้าที่นั่งปรก คุมธาตุ อธิษฐานจิต และปลุกเสกวัตถุมงคลซึ่งมอบให้แก่ทางผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อพระในวันนี้

เมื่อเสร็จพิธีแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กราบลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เพื่อที่จะเดินทางเข้าสู่ที่พักภายในคืนนี้ เนื่องเพราะว่าพรุ่งนี้ยังมีงานหล่อพระอีกแห่งหนึ่ง ทั้งที่ร่างกายซึ่งกรำงานมาตลอดหลายวัน ตลอดจนกระทั่งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เอาแน่เอานอนไม่ได้ ก็ออกอาการเจ็บไข้ได้ป่วยตามปกติ แต่เนื่องจากว่าภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่ ก็จำเป็นต้องทำให้เต็มที่เท่าที่เราจะทำได้

ครูบาอาจารย์ท่านไม่เคยสอนให้หนีงาน หากแต่ท่านสอนให้เอางานเป็นเครื่องชำระใจของเรา ก็คือแต่ละงานให้เราพิจารณาว่าตัวเรานั้น มีใจฟูหรือว่าฟุบกับสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในงาน ซึ่งเราได้พบได้เห็น ได้สัมผัสหรือไม่ ? ถ้าหากว่ามีการฟูหรือว่าฟุบ ก็ต้องรีบปรับแต่งใจตัวเองใหม่ให้เร็วที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2023 เมื่อ 01:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 10-12-2023, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,375 ครั้ง ใน 34,251 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทำอย่างไรอย่าให้ยินดียินร้ายกับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เพราะว่าเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ถ้าใครสามารถที่จะทำใจแบบนี้ได้ โอกาสที่จะเอางานมาเป็นธรรม เอาธรรมไปเป็นงานก็จะมีมาก ทำให้เราก้าวใกล้มรรคผลเข้าไปเรื่อย ๆ ยิ่งทำงานมากเท่าไร โอกาสเข้าถึงมรรคผลก็ยิ่งมีมากเท่านั้น

กระผม/อาตมภาพเองเป็นบุคคลที่
ครูบาอาจารย์สั่งอะไรมาก็รับทำตลอดชีวิต แปลว่าต้องสู้กับงานจนกระทั่งหมดลมกันไปข้างหนึ่ง จึงจะสมกับเป็นทหารในกองทัพธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมาแสดงความอ่อนแอต่อหน้าข้าศึกว่าเราป่วยอยู่ อย่าเพิ่งรบกันเลย เชื่อว่าข้าศึกคือกิเลส ก็คงจะไม่ฟังเสียงของเราหรอก..!

ดังนั้น..มีวิธีเดียวก็คือ
สู้กันจนกระทั่งหมดลมกันไปข้างหนึ่ง ถ้าหากว่าเราชนะ หนทางการเวียนว่ายตายเกิดก็จะรวบรัดตัดสั้นลง หรือสิ้นสุดลงไปเลย แต่ถ้าหากว่ากิเลสชนะ เราก็คงต้องเวียนว่ายตายเกิด ทนทุกข์ทรมานไปอีกหลายต่อหลายชาติ จึงเป็นเรื่องที่ญาติโยม ตลอดจนกระทั่งพระภิกษุสามเณร ควรที่จะยึดถือเป็นอุทาหรณ์ในการปฏิบัติธรรมของเรา

เรื่องของงานไม่มีคำว่ามาก เพราะว่าทุกอย่างที่ทำนั้น เป็นบุญเป็นกุศลแก่ตัวเราเองทั้งสิ้น บุญกุศลนี้ย่อมส่งผลให้การปฏิบัติธรรมของเรามีความเจริญก้าวหน้า ส่วนในทางโลก บุญกุศลก็สร้างความคล่องตัวให้ในทุก ๆ ด้านอยู่แล้ว ก็แปลว่า เรายิ่งทำยิ่งได้ แล้วแต่ว่าใครจะมองเห็นประโยชน์มากหรือน้อย

บุคคลที่มองเห็นประโยชน์มาก ก็ทุ่มเทให้กับการงานเหล่านั้นมากโดยไม่กลัวเหนื่อย ไม่กลัวลำบาก บุคคลที่เห็นประโยชน์น้อย ก็พยายามที่จะหลบจะเลี่ยง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ท่านทั้งหลายอาจจะต้องเสียเวลาในการเวียนว่ายตายเกิด ทนทุกข์ทรมานไปอีกเนิ่นนาน ทั้ง ๆ ที่หนทางลัดมีอยู่แล้ว แต่เนื่องจากว่าเป็นทางที่ลำบาก ท่านทั้งหลายจึงไม่ยอมเดินไป คิดแต่จะเดินในหนทางที่ง่าย ซึ่งเป็นทางที่ยาวไกลกว่ามากนัก..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2023 เมื่อ 01:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:03



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว