กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 11-12-2023, 17:04
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,649
ได้ให้อนุโมทนา: 216,899
ได้รับอนุโมทนา 747,653 ครั้ง ใน 36,423 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 11-12-2023, 23:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,978
ได้รับอนุโมทนา 4,416,246 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ด้วยความที่ทำแต่งาน เมื่อเลิกงานใจก็จดจ่ออยู่กับการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน จึงไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดชดเชย เมื่อเดินทางไปหาหมอบริเวณโรงพยาบาลกลาง กระผม/อาตมภาพก็ยังสงสัยว่าทำไมวันนี้รถไม่ติด ? สามารถไปถึงเร็วมาก ไปปล่อยไก่ที่โรงพยาบาลกลาง เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าวันนี้เป็นวันหยุดชดเชยวันรัฐธรรมนูญ

ระหว่างที่รับการรักษาอยู่ ก็ได้คุยกับคุณหมอหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะเรื่องการไปสักการะพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วที่ประเทศศรีลังกา คุณหมอปรารภว่า คนศรีลังกาเคารพพระพุทธศาสนามาก ถอดรองเท้าตั้งแต่หน้าประตูวัด ถ้าเข้าวัดก็ต้องแต่งชุดขาวไปกันทุกคน

กระผม/อาตมภาพก็เพิ่มเติมให้ว่า แม้แต่โรงเรียน ถ้าหากว่าเป็นวันพระ เด็กนักเรียนทุกคนก็ต้องแต่งชุดขาวไปโรงเรียน ไม่ว่าคุณจะเป็นชาติใด ภาษาใด นับถือศาสนาใดก็ตาม ถ้าหากว่าเรียนอยู่ในโรงเรียนที่ประเทศศรีลังกา คุณก็ต้องแต่งชุดขาวไปโรงเรียนในวันพระเท่านั้น

เมื่อมาเปรียบเทียบกับทางประเทศลาวและประเทศพม่า ประเทศพม่านั้น เนื่องจากว่าพระสงฆ์ของพม่าเป็นผู้นำในการเรียกร้องเอกราชคืนจากประเทศอังกฤษ จนกระทั่งได้เอกราชคืนมา พระสงฆ์จึงมีสถานะที่สูงส่งมากในประเทศพม่า เหมือนอย่างกับเป็นเจ้านาย ซึ่งไปตรงกับบาลีที่ว่า สงฺฆสฺสาหสฺมิ ทาโสว สงฺโฆ เม สามิกิสฺสโร คือ "ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระสงฆ์ พระสงฆ์เป็นใหญ่เหนือข้าพเจ้า" อีกส่วนหนึ่งก็คือทางประเทศลาวก็เช่นกัน ว่าผู้คนโดยเฉพาะผู้หญิงจะต้องนุ่งซิ่นไปวัด นุ่งซิ่นใส่บาตร หรือว่ามีการถอดรองเท้าตั้งแต่หน้าประตูวัดเช่นกัน

คุณหมอยังปรารภว่า ที่บ้านของตนนั้น ในช่วงที่ยังเด็กอยู่ ขนาดพ่อแม่ที่เป็นคนจีนแท้ ๆ เมื่อเจอกับพระสงฆ์เดินมา ก็ต้องนั่งลงข้างทางแล้วพนมมือไหว้ กระผม/อาตมภาพบอกว่า ทางทองผาภูมิก็ยังเป็นเช่นนี้ พี่น้องมอญพม่า ถ้าหากว่าพบพระ ก็จะหลีกลงข้างทาง ถ้าหากว่าเป็นผู้ชายหลีกลงข้างทางอย่างเดียว ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะหลีกลงข้างทาง นั่งลง แล้วพนมมือไหว้เช่นกัน

เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว ก็เป็นการห่างจากคุณงามความดี เพราะว่ากระแสทางโลกแรงกว่า เนื่องจากว่าถ้านับความเจริญทางวัตถุ เรามีมากกว่าประเทศลาวและประเทศพม่า แต่ว่าในเรื่องความเจริญทางจิตใจนั้น เมื่อบุคคลหันเข้าไปหาวัตถุมากขึ้น ก็ย่อมห่างจากวัดวาอาราม ประกอบกับเราโดนยกบทเรียนเกี่ยวกับหน้าที่พลเมืองและศีลธรรมออกจากการศึกษาของเด็ก ยกโรงเรียนออกจากวัด จึงทำให้เด็กค่อนข้างที่จะห่างจากวัด ห่างจากศีลธรรม ไม่เห็นประโยชน์ในการเข้าวัดอีก จึงทำให้บุคคลที่เข้าวัด บางทีก็ถูกมองดูว่าแปลกแยกจากสังคม..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2023 เมื่อ 23:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 12-12-2023, 00:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,978
ได้รับอนุโมทนา 4,416,246 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ก็ได้แต่ปรารภในลักษณะของคนแก่ที่โหยหาอดีตเท่านั้น แต่ว่าถ้าอดีตเหล่านี้สามารถคืนมาได้ ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะมีความเจริญทางด้านจิตใจ ควบคู่กับไปความเจริญทางด้านวัตถุ ก็จะเป็นสิ่งที่ดีเลิศที่สุด

ถ้าทุกคนสังเกตจะเห็นว่า ขณะนี้ชาวยุโรปชาวอเมริกันจำนวนมาก วิ่งเข้าหาวัฒนธรรมและศาสนาแบบตะวันออก โดยเฉพาะศาสนาพุทธ แล้วคนไทยเรา ตลอดจนกระทั่งคนทางตะวันออก กลับไปวิ่งไขว่คว้าความเจริญทางตะวันตกที่ห่างเหินศาสนาออกไปทุกวัน กลายเป็นงูกินหาง เขาเห็นสิ่งที่ดี ซึ่งเรามีอยู่และอยากได้ ถึงขนาดเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมา เพื่อศึกษาไขว่คว้าไปเป็นสมบัติของตน แต่ว่าคนไทยเรากลับไปไขว่คว้าเอาความเจริญที่ห่างศีลห่างธรรมมาแทน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอยู่เหมือนกัน

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ มีผู้ปรารภว่าทำไมท่านอาจารย์ไพศาล แสนไชย ซึ่งสามารถติดต่อกับทางโลกทิพย์ได้ แล้วสิ่งที่ท่านอาจารย์ไพศาลมาบอกมากล่าวนั้น ต่างไปจากสิ่งที่หลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญก็ดี หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงก็ตาม หรือแม้กระทั่งกระผม/อาตมภาพบอกกล่าวไป ลักษณะ สถานที่ การแต่งกาย ไม่เหมือนกับที่ท่านอาจารย์ไพศาลบอกกล่าวมา ?

กระผม/อาตมภาพเคยสงสัยเองมาแล้ว ว่าทำไมสิ่งที่เห็นมาจึงไม่เหมือนกัน เมื่อกราบเรียนสอบถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่า "เมื่อตอนที่สามารถไปเที่ยวนรก เที่ยวสวรรค์ได้ใหม่ ๆ ข้าขึ้นไปไหว้พระที่จุฬามณี เห็นเป็นแค่เจดีย์ปูนเท่านั้น..!" เมื่อเรียนถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นละครับ ? ท่านบอกว่า "ความสะอาดในจิตใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน บุคคลที่ยิ่งจิตใจสะอาดมากเท่าไร การรู้เห็นก็ละเอียดลึกซึ้งมากเท่านั้น สามารถที่จะเห็นมากกว่าบุคคลที่สภาพจิตยังหยาบอยู่"

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่บุคคลทั่วไปซึ่งยังเป็นปุถุชน คลุกคลีอยู่กับชีวิตทางโลก ๆ แม้ว่าจะสามารถไปรู้ไปเห็นสิ่งต่าง ๆ ในโลกทิพย์ได้ ก็มักจะรู้เห็นในลักษณะที่ค่อนข้างหยาบ คล้ายคลึงกับโลกมนุษย์นี่เอง แต่ถ้าหากว่าสภาพจิตละเอียดมากขึ้น การเข้าถึงธรรมมีมากขึ้น ก็จะสามารถรู้เห็นละเอียดมากขึ้น มีรายละเอียดมากขึ้นไปเอง

อีกส่วนหนึ่งก็คือ บางท่านก็สงสัยว่า ทำไมไปยังสวรรค์เช่นกัน แต่มาบอกกล่าวไม่เหมือนกัน ? เพราะว่าสิ่งที่ท่านอาจารย์ไพศาล แสนไชยไป ที่เรียกว่าแดนสัคคังโลกังนั้น เป็นภาษาบาลี สัคคะ ก็คือ สวรรค์ โลกัง ก็คือ โลก แปลตรง ๆ ว่า โลกสวรรค์ นั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-12-2023 เมื่อ 00:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 12-12-2023, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,978
ได้รับอนุโมทนา 4,416,246 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองก็เคยสงสัยมาก่อนเช่นกัน เมื่อกราบเรียนถามท่านปู่พระอินทร์ ท่านก็บอกว่า "โลกเราทั้งใบ ถ้าเอาหย่อนลงไปในสวรรค์ชั้นหนึ่ง ก็เหมือนกับเอาถั่วเม็ดเดียวใส่ลงไปในเข่งใบใหญ่ ดังนั้น..ถ้าหากว่าเปรียบทางในโลก ๆ แค่กรุงเทพมหานคร คนหนึ่งไปถึงกรุงเทพฯ ทางด้านบางแค อีกคนหนึ่งเข้าถึงกรุงเทพฯ ทางด้านบางนา อีกคนหนึ่งเข้าถึงกรุงเทพฯ ทางด้านดอนเมือง ทั้งสามคนนี้ ถ้าเอามาบอกเล่ากันแล้ว จะเหมือนกันหรือไม่ ?"

กระผม/อาตมภาพก็ "ถึงบางอ้อ" ตอนนั้นเอง ว่าสิ่งที่ท่านปู่พระอินทร์บอกกล่าวมานั้นเป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง เพราะว่าวินาทีแรกที่กระผม/อาตมภาพไปบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ก็ไม่ได้เจอจอมเทวดาในชุดลิเกที่รูปร่างเขียวเหมือนหยกหรือว่าเหมือนแก้วมรกต หากแต่เจอลุงกำนันอ้วนพุงปลิ้น ใส่กางเกงขาสามส่วน มีผ้าข้าวม้าพาดบ่า นั่งสูบบุหรี่มวนโตเกือบเท่าข้อมือ..!

เมื่อกระผม/อาตมภาพไปยืนงง ๆ จ้องท่านว่า "นี่หรือพระอินทร์ ?" ท่านก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วถามว่า "แกอยากเห็นแบบไหนล่ะ ?" แล้วภายในไม่กี่วินาทีก็เปลี่ยนให้เห็นเป็นร้อย ๆ แบบ จนมาในแบบสุดท้ายที่เราเคยชิน ก็คือเหมือนอย่างกับเป็นกายแก้ว แต่งชุดลิเก แล้วมีมหามงกุฎที่บนยอด มีแก้วสีเขียวเม็ดใหญ่ ซึ่งแผ่ประกายลงมาแล้ว ทำให้ร่างกายของท่านพลอยมีสีเขียวไปด้วย

กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนั้นเองว่า ในแต่ละคน แต่ละท่านที่ขึ้นไปนั้น ถ้าหากว่ามีกรรม มีความผูกพันกันต่าง ๆ ไป ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การรู้เห็นของเราอย่างหนึ่ง ความผูกพันที่มีแต่อดีตมาอย่างหนึ่ง ท่านก็จะแสดงให้เห็นต่างกันไป กระผม/อาตมภาพขึ้นไปในฐานะลูกหลาน ท่านก็มาแบบลุงกำนัน
บ้านนอกใจดีเลย แต่ว่าบุคคลอื่นไป อาจจะเห็นท่านเต็มบุญเต็มบารมีก็เป็นได้ เหล่านี้เป็นต้น

ท่านทั้งหลายถ้าหากว่าสงสัย อย่าได้ลืมเคล็ดลับที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ได้กล่าวเอาไว้ ก็คือ "ขอบารมีพระสงเคราะห์ให้เรารู้เห็นตามสภาพความเป็นจริง" ถ้าหากว่าเราถือเคล็ดลับตรงนี้แน่นแฟ้น ก็จะสามารถรู้เห็นได้ชัดเจน แบบเดียวกับที่มองผ่านสายตาของพระอริยเจ้าระดับพระอรหันต์ขึ้นไป ก็คือชัดเจนเหมือนกับตาเห็น เต็มบุญเต็มบารมีของท่าน สิ่งที่เรารู้เห็นตามความเป็นจริง ก็จะสามารถบอกกล่าวรายละเอียด
ได้มากกว่าผู้อื่น หรือว่าเห็นได้เต็มบุญเต็มบารมีมากกว่าผู้อื่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-12-2023 เมื่อ 11:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 12-12-2023, 00:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,978
ได้รับอนุโมทนา 4,416,246 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงก็คือเรื่องของเด็กชายใบบุญ ซึ่งขอพ่อแม่บวชเพื่อพระนิพพาน โดยที่ใบบุญนั้นมีพี่ชายบวชเป็นสามเณรอยู่แล้ว พ่อแม่ก็คิดว่าลูกเห็นพี่บวชอยู่ก็อยากบวชบ้าง แต่ลูกกลับตอบว่า "ลูกเกิดมากี่ชาติลูกก็ทุกข์ เพราะว่าต้องมาเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่เด็กทารกทุกที จึงอยากที่จะบวชเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน หลุดพ้นจากกองทุกข์นี้เสียที..!"

เรื่องพวกนี้ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่มักจะไม่เชื่อ คิดว่าเป็นเรื่องของเด็กที่พูดเพ้อไปตามประสาเด็ก แต่ความจริงแล้วเป็นเรื่องของบุคคลที่สั่งสมบุญบารมีมา เรียกว่าปุพเพกตปุญญตา คือมีบุญที่สั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน ทำให้สามารถระลึกถึงคุณงามความดีเดิม ๆ ของเขาได้ ถ้าหากว่าใบบุญสามารถที่จะบวช แล้วรักษาความเป็นสามเณรและความเป็นพระเอาไว้ได้ เชื่อว่าจะมีการปฏิบัติธรรมที่เจริญก้าวหน้า และกลายเป็นหลักชัยของพระพุทธศาสนาในโอกาสข้างหน้า

เรื่องนี้ก็ต้องแล้วแต่บุญแล้วแต่บารมีว่า เด็กชายใบบุญนั้นเคยอำนวยความสะดวกให้ผู้อื่นมามากน้อยเท่าไร ถ้าเคยอำนวยความสะดวกให้ผู้อื่นมามาก ชาตินี้การขอบรรพชาอุปสมบทจากพ่อแม่ก็จะเป็นไปโดยง่าย แต่ถ้าหากว่าเคยขัดขวางคนอื่น หรือว่าไม่เคยอำนวยความสะดวกแก่คนอื่นมา ก็อาจจะมีข้อขัดข้อง จนกระทั่งไปถึงระยะเวลาอีกรอบของวาระบุญ จึงจะสามารถที่จะบวชได้

ก็ได้แต่เอาใจช่วยว่าให้ใบบุญสามารถที่จะบวชได้ และรักษาความเป็นเณรเป็นพระได้สมบูรณ์ สมกับความตั้งใจของบุคคลที่จะบวชเพื่อพระนิพพานด้วยเถิด

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-12-2023 เมื่อ 11:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:37



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว