กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-01-2024, 18:26
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,899 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-01-2024, 01:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,981
ได้รับอนุโมทนา 4,416,066 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพไม่ได้ออกบิณฑบาต เนื่องเพราะว่าต้องนำรถยนต์ที่ใช้อยู่ประจำไปเข้าศูนย์ซ่อม เนื่องจากว่าได้ทำการเคลมประกันเอาไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และนัดเข้าศูนย์ฯ กันภายในวันนี้

จะว่าไปแล้ว รถยนต์คันนี้ก็อายุสูงวัยอยู่ทีเดียว เนื่องเพราะว่าเริ่มย่างเข้าปีที่ ๘ แล้ว แต่กระผม/อาตมภาพตั้งใจเอาไว้สองอย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือถ้าหากว่ามีรถยนต์ไฟฟ้า ที่ชาร์จครั้งหนึ่งวิ่งได้ประมาณ ๑,๐๐๐ กิโลเมตร ถึงจะเปลี่ยนรถใหม่ หรือไม่ก็ครบ ๑๐ ปีแล้วถึงจะเปลี่ยนรถใหม่

แต่ดูท่าว่าเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้านั้น คงต้องชะลอเอาไว้ก่อน เนื่องเพราะว่าดูเหมือนจะไม่ได้รับการสนับสนุน ทั้งจากทางรัฐบาลและเอกชนของประเทศเรา จนป่านนี้รถไฟฟ้ายังคงไปไม่ถึงไหนเลย ในช่วงหยุดยาวสิ้นปีที่ผ่านมา ก็มีปัญหาเรื่องที่ชาร์จรถไฟฟ้าไม่เพียงพอ แม้ว่าพยายามที่จะจับจองออนไลน์เอาไว้ ก็ไม่มีสถานที่ให้ชาร์จไฟได้

กระผม/อาตมภาพเองนั้น ตอนแรกตั้งใจจะทำสถานีชาร์จรถไฟฟ้าสัก ๖ หัวจ่าย ที่บริเวณหน้าวัดท่าขนุน เพื่อให้ญาติโยมที่มีรถไฟฟ้ามาชาร์จฟรี แต่เมื่อทางเจ้าหน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทรถไฟฟ้า
มาพิจารณาแล้ว ปรากฏว่าสถานที่นั้น อันดับแรก..ห่างไกลจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้าหลัก ก็คือหม้อแปลง เป็นระยะทางเกือบ ๔๕๐ เมตร

ประการที่สองก็คือสายไฟที่เดินเข้าไปนั้น เป็นสายไฟมาตรฐานขนาด ๒.๕ เท่านั้น สายไฟสำหรับสถานีชาร์จไฟฟ้า ต้องเป็นสายใหญ่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องขยับเข้าไปภายในวัด บริเวณหมู่เรือนไทยประยุกต์ ซึ่งต้องลดจาก ๖ ช่องจ่ายไฟเหลือแค่ ๒ ช่องจ่ายไฟเท่านั้น

แต่ก็มีปัญหาอีกตรงที่เจ้าหน้าที่บอกว่า "ไฟฟ้าน่าจะไม่พอ จำเป็นที่จะต้องลงหม้อแปลงใหม่อีก ๑ ลูก" กระผม/อาตมภาพจึงต้องระงับโครงการเอาไว้ก่อน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า วัดท่าขนุนในปัจจุบันนี้มีหม้อแปลงไฟฟ้า ๒๕๐ KVA สำหรับการใช้ไฟทั้งวัด ๑ ลูก และมีหม้อแปลงไฟฟ้าขนาด ๒๕๐ KVA สำหรับพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนโดยเฉพาะอีก ๑ ลูกแล้ว ถ้าหากว่าต้องลงหม้อแปลงอีกลูก ก็รู้สึกว่าจะสิ้นเปลืองมากจนเกินไป

แล้วอีกประการหนึ่ง ถ้าหากว่าหัวจ่ายไฟฟ้าอยู่ภายในวัด ญาติโยมที่นำรถไฟฟ้ามาชาร์จได้ ก็ดูท่าจะมีแต่ผู้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น คนทั่ว ๆ ไปก็คงจะไม่วิ่งเข้าวัดไปอีกหลายร้อยเมตร เพื่อที่จะชาร์จไฟฟ้าอย่างแน่นอน เหตุเพราะว่าอันดับแรกก็คือ ไม่รู้ว่ามีหัวจ่ายไฟฟ้าอยู่ภายในวัด ประการที่สองก็คือ อยากที่จะวิ่งตรงไปสู่เป้าหมายทีเดียวมากกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-01-2024 เมื่อ 00:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-01-2024, 01:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,981
ได้รับอนุโมทนา 4,416,066 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าเข้าทางประตูใหญ่วัดท่าขนุน ไปจนถึงสถานที่ชาร์จไฟฟ้า ก็ตกประมาณ ๗๐๐ เมตร ถ้าหากว่าเข้าทางด้านฌาปนสถานของวัด ก็ตกประมาณ ๔๕๐ เมตร จึงไม่ใช่เรื่องที่ท่านทั้งหลายจะเสียเวลาเพื่อที่จะแวะเข้าไป โครงการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าฟรีสำหรับรถไฟฟ้าวัดท่าขนุน จึงต้องพับเก็บไปโดยปริยาย แล้วในขณะเดียวกัน ดูท่าว่าต้องใช้รถน้ำมันที่เปลี่ยนเป็นระบบแก๊สนี้ต่อไปอีกหลายปี

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้าซื้อรถใหม่แล้วรถไฟฟ้า
เกิด "บูม" ขึ้นมา เราก็จะเสียท่าขาดทุน เพราะจ่ายค่าน้ำมันแพงกว่าหลายเท่า ประการที่สองก็คือ การที่เราจะซื้อรถใหม่ ถ้ารถไฟฟ้าสามารถพัฒนาไปถึงระดับชาร์จครั้งหนึ่งวิ่งได้ ๑,๐๐๐ กิโลเมตร ก็น่าจะไม่คุ้มกัน เพราะว่าพัฒนาการทางด้านนี้ไปเร็วมาก เราซื้อรถใหม่มาปีสองปี แล้วต้องไปซื้อรถไฟฟ้า ดูท่าจะไม่คุ้มกับเงินของญาติโยมที่จ่ายไป

โดยเฉพาะกระผม/อาตมภาพเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยในทุกเรื่อง อันดับแรกก็คือจะไม่ใช้รถที่หรูหราจนเกินไป ญาติโยมจะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพใช้รถตรวจการระดับพื้น ๆ ที่วิ่งกันทั่วประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้น มีญาติโยมปวารณาจะถวายรถตรวจการระดับพรีเมี่ยม ราคาเกือบ ๔ ล้านบาท แต่กระผม/อาตมภาพเองก็ดี น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ก็ตาม ไม่อยากที่จะเครียดเวลาวิ่งอยู่บนท้องถนน เพราะว่ารถแพง อาจจะไปเฉี่ยวไปชนเข้าเมื่อไรก็ไม่รู้..!?

โดยเฉพาะข้อตกลงทุกครั้งที่มีผู้ถวายรถก็คือ ผู้ถวายจะต้องรับผิดชอบเรื่องการต่อทะเบียน การต่อประกัน และค่าใช้จ่ายในการเข้าศูนย์ทุกครั้ง พูดง่าย ๆ ว่ากระผม/อาตมภาพมีหน้าที่ใช้เท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็จะไม่รับรถยนต์คันนั้นมาไว้เป็นภาระของตน

ในเมื่อเรื่องมากขนาดนี้ จึงทำให้ญาติโยมที่ปวารณาถวายรถยนต์ต้องปวดหัวไปตาม ๆ กัน คิดว่าถ้าทนใช้รถยนต์นี้ไป จนกระทั่งรถไฟฟ้าสามารถที่จะขยับขึ้นมาในการชาร์จครั้งหนึ่งวิ่งได้ประมาณ ๑,๐๐๐ กิโลเมตร เพื่อเป็นการประกันความเสี่ยงว่าสามารถที่จะไปกลับได้ โดยไม่ตายอยู่กลางทางแล้ว ค่อยมาพิจารณากันใหม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าหรือไม่

เมื่อวิ่งไปถึงวัดท่ามะขาม (วัดราษฎร์ประชุมชนาราม) น้องเล็ก ก็ปล่อยกระผม/อาตมภาพลงที่อาคารปฐมา เพื่อตรวจงานบูรณปฏิสังขรณ์วัดท่ามะขาม ในฐานะประธานอุปถัมภ์โครงการงานบูรณปฏิสังขรณ์วัดท่ามะขามแห่งนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2024 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-01-2024, 01:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,981
ได้รับอนุโมทนา 4,416,066 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ความจริงแล้วผู้ที่ ลงทุน ลงแรง ลงเงิน ทั้งหมด ก็คือพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ.๖ วัดปากน้ำภาษีเจริญ หรือว่าที่ท่านทั้งหลายรู้จักกันในนามหลวงพ่อมหาเอ บ้านสุมโน ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ที่กระผม/อาตมภาพบวชให้ เมื่อไปเรียนบาลีที่วัดปากน้ำแล้ว สามารถที่จะสร้างความเลื่อมใสศรัทธาในการนำปฏิบัติธรรมให้แก่ญาติโยมจำนวนมาก จึงทำให้ท่านมีกำลังเพียงพอที่จะอาสามาพัฒนาวัดท่ามะขามแห่งนี้ให้

ความจริงแล้วกระผม/อาตมภาพต้องการให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสเลย แต่ว่าช่วงนั้นท่านเจ็บไข้ได้ป่วย โดยเฉพาะเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ จึงไม่ยอมรับภาระตรงนี้ หากแต่ว่าเป็นผู้หาเงิน เพื่อที่จะบูรณปฏิสังขรณ์ โดยมีพลเอกเจษฎา เปรมนิรันดร ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม รับผิดชอบในการหาช่างมาดำเนินงานให้ จึงต้องขอโอกาสนี้ขอบพระคุณและเจริญพรขอบพระคุณทั้งสองท่าน ที่รับภาระใหญ่ไป ทำให้กระผม/อาตมภาพมีหน้าที่แค่ผ่านมาก็คอยดูแลเท่านั้น

ผ่านไปประมาณ ๒ ชั่วโมงเศษ รถของทางศูนย์รถยนต์ก็มาส่งน้องเล็ก พวกเราอาศัยรถคันใหม่ที่ทิดเดช (นายพิรุฬห์พัชร์ รัคสิกรณ์) ถวายให้ใช้ชั่วคราวในระหว่างที่รถเข้าซ่อมในศูนย์ฯ วิ่งออกมาทางถนนบายพาสกาญจนบุรี กระผม/อาตมภาพจะโทรแจ้งให้กับทิดจ้อน (นายปริวัฒน์ วัฒนะโชติ) มารับเงินไปฝากเข้าธนาคารให้ แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า "เงินอยู่ที่ไหน ?" แล้วก็นึกได้ว่าเงินอยู่ในรถที่ส่งเข้าศูนย์ซ่อมไปเรียบร้อยแล้ว จึงกำหนดใจถามท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งดูแลรักษารถอยู่

เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น มีความผูกพันกับท่านมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็คือในรถยนต์คันนั้น มีรูปแกะสลักลอยองค์ท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ใส่เอาไว้ในรถ เพื่อช่วยคุ้มครองเป็นประจำ

สมัยก่อนในตัวของ
กระผม/อาตมภาพเอง จะพกท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณของหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณีติดตัวอยู่ แต่มาภายหลังสละให้กับลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) ไปใช้งานแทน ซึ่งคุณลูกเธอออกทัวร์ นำลูกค้าตะลอนไปทั่วเหนือใต้ออกตก ไม่เคยโดนผีที่ไหนหลอก ปลอดภัยได้ทุกเมื่อ ในขณะที่บางทริปนั้น เพื่อนฝูงต้องแห่กันมานอนอยู่ห้องเดียวกับลูกกิฟท์กันหมด เนื่องเพราะว่าทุกคนโดนผีหลอกจนนอนไม่ได้..! เมื่อไม่มีของท่านอาจารย์ปู่ กระผม/อาตมภาพก็หันมาพกท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ ของท่านเจ้าคุณศรีสัจจญาณมุนี (สนธิ์ ยติธโร) วัดสุทัศนเทพวรารามแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2024 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-01-2024, 01:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,981
ได้รับอนุโมทนา 4,416,066 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วขณะเดียวกัน เมื่อสร้างเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรรณของวัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพก็พกเพิ่มขึ้นมาอีกเหรียญหนึ่ง แต่ว่าภายหลังเมื่อรองสมเกียรติ (นายสมเกียรติ นาคศรีโภชน์) รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าขนุนและรองประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ อยู่ในช่วงดวงตก เกิดอุบัติเหตุ รถพังไปสองคันติด ๆ กัน กระผม/อาตมภาพจึงสละเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรรณเนื้อเงินที่พกประจำติดตัวอยู่ให้ไป ตั้งแต่นั้นมาทุกอย่างก็ปกติ และเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาตามลำดับ

ในเมื่อมีท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณอยู่ในรถ จึงได้น้อมใจถามท่านว่า "สตางค์ยังอยู่หรือไม่ ?" ท่านปู่บอกว่า "ยังอยู่ครบถ้วนดี ไม่มีใครเห็น" กระผม/อาตมภาพจึงบอกน้องเล็กที่ทำท่าจะเหยียบกระจายว่า "ใจเย็น ๆ ไปตามปกติของเรา เงินยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหน"

เมื่อไปถึง ทางเจ้าหน้าที่รับรถก็ยังแปลกใจว่า อยู่ ๆ ย้อนกลับมาทำไม ? กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "ลืมของเอาไว้ในรถ" แล้วเจ้าหน้าที่ก็พาตรงเข้าไปยังรถ ซึ่งจอดเข้าที่ซ่อมและกำลังมีการถอดเบาะออก โดยเฉพาะถอดเบาะหลังสองตัวที่กระผม/อาตมภาพวางเป้ใส่เงิน ๔,๔๖๐,๐๐๐ บาทเอาไว้ ปรากฏว่าเป้ใส่เงินก็วางอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยที่คนถอดก็มองไม่เห็น เมื่อกระผม/อาตมภาพหยิบเป้ขึ้นมา ทางช่างก็ยังทำหน้างง ๆ ว่า "เอ๊ะ..ยังมีของหลงอยู่อีกด้วยหรือ ?"

เมื่อขอบคุณบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย และน้อมใจขอบพระคุณท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณแล้ว กระผม/อาตมภาพก็หอบเงินขึ้นรถของทิดเดช เดินทางต่อไปยังวัดอุทยาน เพื่อที่จะไปถ่ายรูปสำหรับการขอวีซ่าเข้าประเทศจีน เนื่องจากว่ามีกำหนดการเดินทางไปประเทศจีนในอีกประมาณครึ่งปีข้างหน้า แต่เนื่องจากว่าทางประเทศจีนนั้น อันดับแรกเลยก็คือขอวีซ่ายากมากสำหรับพระ ประการที่สองก็คือ รูปสำหรับขอวีซ่าของประเทศจีนนั้น จุกจิกยุ่งยากมากที่สุด มีข้อกำหนดเยอะมาก จึงต้องไปถ่ายรูปที่ร้านประจำ ซึ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับการขอวีซ่าเข้าประเทศจีนเป็นอย่างดี

แม้จะมีข่าวว่าท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประสานกับทางประเทศจีน ขอฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวไทย แต่ว่ารายละเอียดยังไม่ปรากฏ ทางด้านบริษัททัวร์จึงได้ขอให้พวกเราส่งไฟล์รูปไปตามปกติ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงแล้วค่อยว่ากันใหม่ เมื่อถ่ายรูปกันเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพเข้าสู่ที่พัก ก็มาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ฟังกันในวันนี้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2024 เมื่อ 02:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:05



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว