|
มิงกะละบาร์ เมียนมาร์ มิงกะละบาร์ เมียนมาร์ โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
มิงกะละบาร์ เมียนมาร์ ตอนที่ ๓
ตัวไรชุมมาก คันจนไม่เป็นอันนอน ลุกขึ้นนั่งภาวนาตั้งแต่ตีสอง พอตีห้าเจ้าของแพลุกขึ้นก่อไฟหุงข้าว อาตมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวแบบลวก ๆ สวดมนต์ - ทำวัตร อุทิศส่วนกุศลเสร็จ คนอื่นเพิ่งจะตื่น กว่าเขาจะล้างหน้า แปรงฟัน อาตมาก็เก็บของเสร็จรอฉันเช้าแล้ว..!
อาหารเช้ามื้อนี้พ่อออกดำขอถวาย โดยจ่ายรวมกับที่พวกเขากินเมื่อคืน เป็นเงิน ๑,๒๐๐ จั๊ต แล้วนายท้ายพาพระทั้งหมดข้ามน้ำไปไหว้พระเจดีย์มิยันตอง ซึ่งท่านนันทะมาลาได้มาสร้างเอาไว้ กราบพระเจดีย์เสร็จ ครูบาน้อยหายไปไหน..? โน่น...เดินดุ่มขึ้นไปบนเนินเขาแล้ว สักครู่ก็กลับมาพร้อมท่านนันทะมาลา อันว่าท่านนันทะมาลานี้มีวีรกรรมมาก ทั้งที่เพิ่งบวชได้ ๔ พรรษา ท่านเป็นคนกระด้าง ไม่ยอมลงให้ใครง่าย ๆ หักหน้าพระผู้ใหญ่มาหลายงาน จนคณะสงฆ์ทางบ้านสองแควประชุมกันขับไล่ ท่านไปช่วยท่านสุมังคะละสร้างเจดีย์ที่วัดตองไวองค์หนึ่ง ตอนนั้นท่านก็ไปทำความวุ่นวายอยู่ที่นั่นพักใหญ่ จึงถูกไล่มาอยู่ที่นี่ สร้างพระเจดีย์มิยันตองแล้ว เห็นว่าจะสร้างศาลาให้เป็นวัดเลย คงจะลงหลักปักฐานที่นี่แน่ กับครูบาน้อยนั้น ท่านกลับอ่อนน้อมยอมลงให้อย่างที่ผู้อื่นยากจะเชื่อถือ อาจจะแพ้ทางกันเหมือนงูเหลือมเจอเชือกกล้วยก็เป็นได้
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2013 เมื่อ 02:32 |
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
สำหรับอาตมาไม่ถือสาท่านอยู่แล้ว เจอหน้ารีบไหว้เสียก่อนก็หมดเรื่อง ท่านนันทะมาลาบอกนายท้ายเรือให้ไปเอาธงฉัพพรรณรังสีที่ท่านฝากไว้กับแพพักแรม มาผูกติดเรือไปด้วยจะได้ดูเป็นเรือของผู้แสวงบุญ “ด่านทหารตั้งใหม่ที่ดานงเข้มงวดมาก ปักธงไปจะดีกว่า” ท่านว่าอย่างนั้น
กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่าน พอดีญาติโยมลงเรือกันเรียบร้อยแล้ว เรือจึงข้ามมารับ ทำไมเร็วนักล่ะ..? ที่แท้ไม่มีใครกินข้าวเช้ากัน ส่วนใหญ่จะกินแค่มื้อสายกับมื้อค่ำ ก็ดี...นอกจากประหยัดแล้ว ยังไม่เสียเวลาด้วย ลาท่านนันทะมาลามาลงเรือ ออกเดินทางตอนหกโมงครึ่ง (เวลาพม่า) ไอน้ำขึ้นมัวเหมือนหมอกลง อากาศเย็นสะท้านเมื่อเรือวิ่งเร็ว ๆ จนเจ็ดโมงครึ่งไปแล้วแดดออกจ้า คราวนี้อุ่นขึ้นมาหน่อย จากนั้นร้อนขึ้นตามดวงอาทิตย์ที่ลอยสูงขึ้นทุกที แปดโมงมาถึงด่านทหารที่ดานง มีทหารห้านายถืออาวุธครบครัน มีทั้งเอ็ม.๑๖ และ เอ็ม.๒๐๓ (เอ็ม.๑๖ ประกอบเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด ๔๐ ม.ม.) ครูบาน้อยกับนายท้ายขึ้นไปเจรจากันครู่หนึ่ง ก็มีทหารคนหนึ่งถือปืนเดินลงจากตลิ่งสูงมาหาเรือ เขาส่งภาษาพม่ามาแต่ไกล ครูบาน้อยกลัวอาตมาไม่เข้าใจ รีบตามลงมาด้วย ใจเย็นเถอะ..เวลาฉุกเฉินแบบนี้อาตมามักจะเข้าใจดี เดินสวนขึ้นไปตั้งแต่ทหารลงมายังไม่ถึงครึ่งทาง ทั้งพระทั้งโยมตามกันขึ้นไปเป็นแถว “ทหารเขาว่าต้องจอดนาน ให้ขึ้นมาหลบในร่มก่อน” ครูบาน้อยกระซิบ
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2013 เมื่อ 02:34 |
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
อาตมาคว้าเก้าอี้ข้างตัวกลุ่มทหารมานั่ง ท่านจันทะกับท่านอาลอก๊ะส่งภาษาพม่ากัน ท่านญาณะเดินไปปลดทุกข์เบาข้างที่พักทหารแบบหน้าตาเฉย ทุกคนรู้ดีว่าต้องทำตัวอย่างไรทหารถึงจะไม่สงสัย ปล่อยให้ครูบาน้อยต่อรองกับทหารไปแต่ผู้เดียว..!
เขาให้ทุกคนไปรายงานตัวกับผู้บังคับกองพันทหารที่ค่ายซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้าน แล้วแต่ผู้พันของเขาว่าจะยอมให้ผ่านไปหรือไม่..! ครูบาน้อยกับผู้โดยสารทุกคนเดินลัดป่าไปยังหมู่บ้าน ยกเว้นอาตมาทั้งสี่รูปที่นั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ กับเด็กน้อยตกยากสามคนที่แม่เขาขออาศัยมา ซึ่งยังเด็กเกินกว่าที่พวกทหารจะเอาเรื่องด้วย ทหารถูกพระแย่งที่นั่งหมด ต้องไปยืนตากแดดริมตลิ่ง อีกไม่นานก็มีเรือมาอีกสองลำ ประสบชะตากรรมเดียวกัน ต้องเดินไปรายงานตัวในหมู่บ้าน อีกเกือบชั่วโมงครูบาน้อยก็เดินนำคณะของเรากลับมา ส่งภาษาพม่าให้อาตมาอยู่โหวกเหวก อาตมารู้ท่ารีบพยักหน้ารับไว้ก่อน “ยีว์เต๊า (ฉันน้ำ)” อาตมาบอกท่าน พลางหันไปบอกกัปตันเรือพร้อมกับชี้กระติกน้ำทหารที่วางไว้ว่า “กะ (ประเคน)” ต้นเรือรีบยกประเคนให้ ซดน้ำชาร้อนกันเรียบร้อยแล้วก็ลงเรือ นายท้ายพาบึ่งออกจากท่าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทหารจะเห็นพิรุธ โดยเฉพาะจากอาตมา..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2013 เมื่อ 02:37 |
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
ตากแดดหัวแดงผ่านบ้านเยแลเก่าและบ้านเยแลใหม่ มาถึงด่านแวสะลิ (เวสาลี) ตกสิบโมงครึ่ง ต้องลงที่นี่แล้วนั่งเกวียนลัดป่าไป เพราะข้างหน้าโดยเฉพาะที่เมืองจะอีน นอกจากจะเข้มงวดมากแล้ว ยังมีด่านถี่ยิบเลย ขืนเจอเข้าไปหลาย ๆ ด่าน เผยพิรุธออกมามีหวังพากันติดคุกหัวโต สู้ไปทางป่ายังมีโอกาสหลบหน่วยลาดตระเวนได้ง่ายกว่า
เห็นพระลุยเข้ามารวดเดียว ๕ รูป นายด่านก็รีบยกเสื่อมาปูให้ พอได้ยินครูบาน้อยสั่งอาหารเพลก็ยิ้มอย่างพอใจ เพราะเท่ากับเพิ่มรายได้ให้กับพรรคพวกของตน ครูบาน้อยจ่ายค่าเรือให้นายท้าย ที่อาตมาเพิ่งมั่นใจว่าเป็น “นางท้าย” ตอนนี้เอง หลังจากที่สงสัยมาตลอดทาง นายหน้าคิวเกวียนรุมล้อมเข้ามาเสนอให้เช่าเกวียน มันบอกตั้งหกพันห้า..! ครูบาน้อยชี้ให้ไปต่อรองกับพ่อออกดำ บอกด้วยภาษาไทยตามไปเบา ๆ ว่า “สักสี่พันถึงจะเอา” พ่อออกดำต่อรองราคาด้วยมาดนักเลงเก่า คือเอ็งไม่ลดข้าก็ไม่สน นั่งซดน้ำชาสบายใจกว่า..! รายการเขี้ยวชนเขี้ยวแบบนี้ไม่เหมาะกับอาตมา เพราะชอบอะไรที่ตรงไปตรงมามากกว่า อาหารมาแล้ว อาตมาเปิบด้วยมือแบบพม่าแท้ ปล่อยให้พวกพูดพม่าคล่องฉันด้วยช้อนไปเถอะ พออิ่มก็ยกอาหารที่เหลือให้กับครอบครัวตกยาก ตายละวา..มีตั้งห้าคน อาตมาคิดว่ามาแค่สี่เท่านั้น ยิ่งจนทำไมยิ่งลูกดกไปซะทุกคนละโยมเอ๋ย..?
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:07 |
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
พ่อออกดำตกลงค่าเกวียนได้เล่มละสี่พันจั๊ตพอดี จากนั้นไปกินข้าวกลางวันบ้าง เรียบร้อยแล้วก็ให้เจ้าของเกวียนขนของขึ้น นางท้ายเรือมากราบลาเพื่อไปส่งท่านอาลอก๊ะกับห้าแม่ลูกที่เมืองจะอีน อาตมาสั่งความกับท่านอาลอก๊ะว่า “จำให้แม่นว่าคุณคือพระอาลอก๊ะ คุณเป็นคนจะอีนแท้ ๆ ฉะนั้น..อย่าไปกลัวตอนทหารตรวจ เสียงดังเข้าไว้มันจะเกรงใจไปเอง หนังสือรับรองการบวชถ้ามันไม่ได้ขอดูก็อย่าไปให้มันดู ถึงจะอีนแล้วให้เผาไฟทิ้งซะ..! ขอให้โชคดีมีชัย แล้วพบกันใหม่ในโอกาสหน้า..”
เรือล่องตามน้ำต่อไป ขณะที่อาตมาขึ้นเกวียน เล่มแรกเป็นพระล้วน ๆ ๔ รูป เล่มหลังเป็นพ่อออกดำกับพ่อแม่ โรลส์รอยซ์ ๒ แรงวัวคลานกระโดกกระเดกไปตามท้องนา ความนิ่มไม่ต้องพูดถึง อาหารที่ฉันมาใหม่ ๆ เกือบจะขย้อนเลยแหละ..! พอผ่านไปอีกไม่นานก็คล้ายกับกระดูกกระเดี้ยวทั้งตัวจะหลุดเป็นชิ้น ๆ..! ประมาณครึ่งชั่วโมงมาถึงหมู่บ้านแวสะลิ โชเฟอร์ขอแวะกินข้าวก่อน เกวียนของพ่อออกดำจึงแซงหน้าไป ขณะที่แม่เฒ่าเจ้าของบ้านเอาหมอนเอาเสื่อมาถวายพระ นี่จะให้ค้างคืนเลยหรือโยม..? สักพักก็เอาน้ำร้อนกับน้ำตาลปึกมาถวายอีก สาธุ...ขอให้เจริญ ๆ เถอะแม่ออกเอ๋ย ฉลองศรัทธาโยมด้วยการนอนภาวนา แผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ทั่วหน้า ดันวูบหลับไปเฉยเลย..! ลืมตาขึ้นมา..ตายห่...เกือบจะเที่ยงแล้ว เสียเวลาไปเป็นชั่วโมง..! กำลังจะเร่งรัดให้ออกเกวียน เสียงแม่เฒ่าที่นั่งขวางบันไดก็ดังมาเหมือนกระซิบว่า “ทหารพม่า..!”
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:10 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
|||
|
|||
เสียงรองเท้าคอมแบ็ตย่ำพื้นดังสับสน ครู่ใหญ่ก็ยังไม่หมด อาตมาลุกไปมองผ่านช่องใบตองตึงที่กรุข้างฝา โอ้โฮเฮะ..! ทั้งกองร้อยเลยนี่หว่า..! มีลูกหาบอีกหลายสิบคน ที่ถูกบังคับให้มาแบกเสบียงและอาวุธยุทธภัณฑ์ให้ “เมื่อวานก็บังคับคนบ้านนี้ไปแบกของให้...” แม่เฒ่าบอกเสียงแผ่วเบา
“เดชะบุญคุณพระคุ้มแท้ ๆ นี่ถ้าไม่เผลอหลับไปมีหวังสวนกันกลางทาง แบบนั้นคงบรรลัยแน่..!” อาตมานึกแบบขนพองสยองเกล้า นั่งมองหน้ากันพักใหญ่ จนแน่ใจว่าปลอดภัยจึงลงจากบ้าน โชเฟอร์จัดการจูงวัวไปกินน้ำผสมเกลือ บนเกวียนปูฟางและจัดวางสัมภาระไว้เป็นอย่างดี เที่ยงตรงพอดีเมื่อเกวียนแล่นโขลกเขลกออกไป ผ่านชุมบ้านใหญ่ ๆ สามแห่งด้วยกัน แต่ทั้งหมดก็คือบ้านแวสะลิ ออกพ้นบ้านเป็นทุ่งนาแห้งแล้งสลับป่าละเมาะ แดดร้อนเปรี้ยงเรียกเหงื่อมาท่วมตัว ลมนิ่งแบบไม่มีใบไม้ไหวกระดิกแม้แต่ใบเดียว วัวทั้งคู่เหนื่อยจนน้ำลายฟูมปาก มาพักใต้เงาไม้กลางทุ่งตอนบ่ายโมงครึ่ง เสียงเกวียนแล่นตามหลังมา ครู่ใหญ่เกวียนของพ่อออกดำก็มาจอดต่อท้าย บอกว่าเห็นทหารแต่ไกล เลยหลบไปซ่อนตัวกันในป่าท้ายบ้าน อาตมานึกว่าล่วงหน้าไปไกลแล้ว กลับมาช้ากว่าเสียอีก แต่ปลอดภัยกันทุกคนก็ดีแล้ว
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:11 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
|||
|
|||
กินฝุ่นฝ่าเปลวแดดไปอีกเกือบสองชั่วโมง ก็มาถึงบ้านบุคคโล ร่มรื่นน่าอยู่มาก พักดื่มน้ำกันครู่ใหญ่แล้วไปต่อ กว่าจะพ้นทุ่งนาของบ้านบุคคโลก็เกือบชั่วโมง
มาถึงบ้านนองพะเบ๊าะแดดอ่อนลงมากแล้ว ท่านญาณะกับท่านจันทะทนเจ็บหลังเจ็บก้นไม่ไหว ขอลงไปเดินยืดเส้นยืดสายแทนการนั่งกระแทกโครม ๆ ไปบนเกวียน ลัดทุ่งผ่านท้ายบ้านป่าหวายตอนอาทิตย์จวนลับฟ้า พอตกดินสนิทอากาศเริ่มเย็น ลมชักจะโชยมาบ้าง ผ่านบ้านกะหร่างซึ่งอยู่ติดกับบ้านหนองบัว พวกนี้เป็นคริสต์กันทั้งหมู่บ้าน ท้ายบ้านเป็นป่าเต็งรังหนาแน่น มีทางเฉพาะให้เกวียนแล่นไปได้เท่านั้น ถ้าพวกกะเหรี่ยงคริสต์เหล่านี้คิดจะปล้น มันยืนขวางทางแค่คนเดียวก็พอแล้ว..! ถึงบ้านหนองบัวตอนเข้าไต้เข้าไฟพอดี ชาวบ้านบางคนที่ยืนมองแทบติดเกวียนจำท่านนาวินกับอาตมาได้ ร้องบอกต่อ ๆ กันแบบดีอกดีใจ ว่า “ครูบาน้อยมาแล้ว ครูบาไทยก็มาด้วย..” ทั้งหมู่บ้านกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาแบบฉับพลันทันใด..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:12 |
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
|||
|
|||
เกวียนแล่นเข้าวัดหนองบัวที่มืดสนิท ครู่ต่อมาเสียงเครื่องปั่นไฟดังกระหึ่มขึ้น แล้วไฟฟ้าก็สว่างจ้า ฝีมือท่านสุโภคะที่เฝ้าวัดอยู่จัดการให้ อาตมาหอบของขึ้นศาลาใหญ่ที่เหลือแต่นอกชาน เพราะท่านนาวินจัดการรื้อเพื่อสร้างใหม่ทั้งหลัง
มาเกวียน ๗ คนทั้งพระทั้งโยม อาตมาจึงต้องควักเพิ่มไปอีกสองพันเพื่อให้ได้ค่าเช่าแปดพันจั๊ต จากนั้นขอตัวกับโยมที่เริ่มมามากไปสรงน้ำก่อน เวลาถูกน้ำอาการมันแปลก ๆ สงสัยว่ามาลาเรียเจ้าเก่าจะถามหา โทรมมาก ๆ ทีไรมันฉวยโอกาสซ้ำทุกที..! ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียแทบจะลืมตาไม่ขึ้น แต่ต้องฝืนร่างกายคุยกับโยมที่มากันแน่น ย้ำความมั่นใจให้กับทุกคนว่า จะช่วยจนกว่าวัดหนองบัวเสร็จ อย่ากังวลไปเลย คนที่ไม่เข้าใจภาษาไทยบางคำ สะกิดถามคนที่เคยไปทำงานในไทย จนสองทุ่มกว่าทนฝืนต่อไปไม่ไหว จึงขอตัวไปนอนพัก ปล่อยให้ครูบาน้อยรับเละไปคนเดียว..! คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 22-01-2013 เมื่อ 21:10 |
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|