#1
|
|||
|
|||
พระพุทธรูปนาคปรก ๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตี รุ่น ๒
พระพุทธรูปนาคปรก ๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตี รุ่น ๒ (นาคไทย ๙ เศียร)
พระพุทธรูปนาคปรก เนื้อบรอนซ์ ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้ว พระพุทธรูปนาคปรก เนื้อเรซิ่น ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้ว จำนวนการจัดสร้าง เนื้อบรอนซ์ สร้างจำนวน ๒๖ องค์ ( หมายเลขกำกับ ๑-๒๖ ) เนื้อเรซิ่น สร้างจำนวน ๒๖๐ องค์ ( หมายเลขกำกับ ๑-๒๖๐ ) พระพุทธรูปนาคปรกลอยองค์ ขนาด ๒ ซ.ม. เนื้อทองคำ พระพุทธรูปนาคปรกลอยองค์ ขนาด ๒ ซ.ม. เนื้อเงิน พระพุทธรูปนาคปรกลอยองค์ ขนาด ๒ ซ.ม. เนื้อชุบทอง พระพุทธรูปนาคปรกลอยองค์ ขนาด ๑ ซ.ม. เนื้อทองคำ พระพุทธรูปนาคปรกลอยองค์ ขนาด ๑ ซ.ม. เนื้อเงิน พระพุทธรูปนาคปรกลอยองค์ ขนาด ๑ ซ.ม. เนื้อชุบทอง วันเสาร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง ขนาด ๑ ซ.ม. จำนวนสร้าง เนื้อทองคำ ๑๐๕ องค์ เนื้อเงิน ๑,๐๑๒ องค์ เนื้อชุบทองพ่นทราย ๓,๐๒๓ องค์ ขนาด ๒ ซ.ม. จำนวนสร้าง เนื้อทองคำ ๑๔ องค์ เนื้อเงิน ๓๐๙ องค์ เนื้อชุบทองพ่นทราย ๑,๐๐๖ องค์
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย มะลิแก้ว : 11-12-2014 เมื่อ 09:04 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
พระอาจารย์จะสร้างพระนาคปรกขนาดหน้าตัก ๙ นิ้ว ท่านกล่าวถึงสาเหตุของการสร้างว่า "สาเหตุที่อาตมาจะทำพระนาคปรกนั้นมีหลายประการด้วยกัน
ประการแรก ในชีวิตอาตมารักงูมาตั้งแต่เด็ก ถึงขนาดแอบขุดหลุมแล้วก็เลี้ยงงู ถ้าไม่ใช่คำสั่งผู้ใหญ่ ไม่เคยฆ่างูเลย เพราะรู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อน จนอาตมาสามารถที่จะจับงูเล่นได้ทุกตัว ประการต่อมา ก็คือ หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ท่านประทานพระนาคปรกให้หนึ่งองค์ ท่านบอกว่า "คุณอยู่ป่าอยู่ดง มีพระนาคปรกอย่างนี้ไว้บูชาจะดีกว่า เหมาะสมกับคุณมากกว่า" ประการสุดท้าย ก็คือ ตามที่ "พระ" ท่านบอก ลักษณะของพระนาคปรกแฝงความหมายของการพิทักษ์พระพุทธศาสนา เพราะเราทำเพื่อฉลองการที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ครบ ๒,๖๐๐ ปี" อ้างอิงจาก..เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ (เดือนสุดท้าย)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2012 เมื่อ 15:12 |
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
พระอาจารย์กล่าวถึงพระนาคปรกรุ่น ๒ ว่า "ถ้าใครอยากให้พระนาคปรกสวยกว่านี้ ให้ไปจ้างเขาปิดทองแท้ ถ้าปิดทองแท้จะงามอร่ามเลย เพราะทองแท้สีจะสว่างใสกว่านี้มาก สมกับเป็นพญามุจลินทร์นาคราช
นาคมีปกติชอบหลับ พญากาลนาคราชหลับไปตื่นหนึ่งพระพุทธเจ้าตรัสรู้ไปพระองค์หนึ่ง พอถาดทองของพระพุทธเจ้าจมลงสู่บาดาล กระทบกับถาดทองของพระพุทธเจ้าองค์ก่อน เสียงดังกริ๊กปลุกพระยากาลนาคราชตื่นขึ้นมา “อะไร..นอนยังไม่ทันหายง่วงเลย พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นอีกพระองค์แล้ว ?” เวลาของท่านนี่สุดยอด หลับไปตื่นหนึ่ง ก็มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาอีกพระองค์หนึ่ง แต่ท่านก็ขึ้นมาแสดงความยินดี นำบรรดานาควิกาขึ้นมาขับร้อง ประโคมดนตรี ฟ้อนรำถวาย เหมือนพวกเราที่แสดงการรำถวายพระ คงเป็นประเภทตระกูลเดียวกัน มีการแสดงถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาเหมือนกัน" อ้างอิงจาก..เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 21:08 |
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระนาคปรกลอยองค์ ฉลอง ๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตี (นาคไทย ๙ เศียร) รุ่นนี้ ตอนทำพุทธาภิเษกได้ขออนุญาตกับพระท่านว่า พระกริ่งพิชัยสงครามทั้ง ๒ รุ่น ตอนนี้ราคาองค์ละหลายหมื่น ญาติโยมหลายท่านอยากบูชาแต่กำลังไม่ถึง กราบขออนุญาตสร้างรุ่นใหม่
พระท่านตรัสว่า เอาพระนาคปรกรุ่นนี้ไปใช้แทนก็แล้วกัน ก็เลยกลายเป็นว่ารุ่นใหม่ไม่ได้สร้าง แต่เอารุ่นนี้ไปแทนได้ ยอดที่สร้างก็ไม่ได้มากมายนัก ตอนนี้ที่เหลืออยู่ก็มีเนื้อชุบทอง ๒ ซ.ม. (๑,๐๐๐ องค์) กับเนื้อเงินแท้ ๒ ซ.ม.(๓๐๐ องค์) เท่านั้น" อ้างอิงจาก..เก็บตกงานฉลองบ้านวิริยบารมี วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย มะลิแก้ว : 10-12-2014 เมื่อ 20:07 |
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ มะลิแก้ว ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
พระอาจารย์พูดถึงพระนาคปรก ๙ เศียรทองคำว่า "ชนวนเก่ามีตะกรุดมหาสะท้อน เนื้อทองคำอยู่ ๒ ดอก และมีตะกรุดโสฬส เนื้อทองคำของหลวงปู่เอี่ยม ๑ ดอก อาตมาลอกเอาผงตะกรุดโสฬสของหลวงปู่เอี่ยมที่พอกไว้ข้างนอก ไปผสมเป็นพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน รุ่น ๑ แต่ทองคำเอามาหลอมเป็นพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน รุ่น ๒ คราวนี้พอเอาชนวนมาหล่อพระนาคปรกลอยองค์ ก็เลยกลายเป็นติดไปด้วย
มีเพื่อนพระที่เล่นเครื่องรางของขลังท่านหนึ่งบอกว่า ตะกรุดโสฬสเนื้อทองคำของหลวงปู่เอี่ยมท่านไม่น่าจะทำ อาตมาถามว่า “แล้วที่ของผมคืออะไร ? ” ท่านบอกว่า “พระอาจารย์ลองคิดให้ดี ๆ นะครับ พระพุทธเจ้าห้ามพระจับเงินจับทอง แล้วพระสมัยก่อนท่านเคร่งครัดกว่าเราเยอะ จะเห็นว่าท่านทำตะกรุดจะใช้ฝาบาตรหรือใช้ตะกั่วถ้ำชา เพราะฉะนั้น..ผมว่าตะกรุดทองคำไม่น่าจะใช่ของหลวงปู่เอี่ยม” “แต่ผมเคยเห็นตะกรุดทองคำที่หลวงปู่มั่นจารให้โยมว่ะ..!” อาตมาเชื่อว่าถ้าเรื่องเคร่งครัด หลวงปู่มั่นท่านเคร่งเป็นที่เลื่องลือแน่ แต่ท่านก็ทำให้โยมเพราะโยมเป็นคนหาแผ่นทองคำมา ก็เลยขึ้นอยู่กับการพิจารณา ถ้าท่านใดมั่นใจก็ใช้ไปเถอะ เพราะวัตถุมงคลสำคัญตรงความมั่นใจ ของดีแค่ไหนถ้ากำลังใจไม่เปิดรับก็เท่านั้นแหละ แต่ว่าสิ่งที่ท่านท้วงติงมานี่มีเหตุผลเลยนะ แต่อาตมาก็คิดในแง่ที่ว่า ถ้าดังระเบิดไปทั้งประเทศอย่างหลวงปู่เอี่ยม พวกลูกศิษย์ที่เป็นเจ้าใหญ่นายโต พ่อค้า คหบดี ต้องมี แล้วท่านที่ฐานะรวย ๆ ก็อยากจะได้ของที่สมกับฐานะตัวเอง อย่างหลวงปู่ศุขท่านก็ทำตะกรุดสามกษัตริย์ทอง นาก เงิน ด้วยซ้ำไป ที่ทำถวายบรรดาเจ้าใหญ่นายโตตามวังต่าง ๆ โดยเฉพาะเสด็จในกรมหลวงชุมพร พวกเครื่องคาดราชศาสตราสมัยก่อนเป็นโลหะมีค่าทั้งนั้น แม้กระทั่งลูกสะกดยังเป็นสามกษัตริย์เลย" อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-07-2015 เมื่อ 02:51 |
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ มะลิแก้ว ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนเปิดให้ผู้ปฏิบัติธรรมบูชา พระนาคปรกลอยองค์ที่วัด ปรากฏว่ามีส่วนหนึ่งต้องการสีทองมากกว่า อาตมาก็นึกว่า ส่วนใหญ่เวลาเห็นพระท่านจะเป็นแก้ว ดูแล้วคล้ายเงินมากกว่า แต่คนกลับไปติดสีทอง"
อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ |
สมาชิก 121 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ มะลิแก้ว ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้ทั้งในและนอกประเทศสถานการณ์ไม่ค่อยจะดี ในบ้านเราขนาดรัฐบาลทหารแท้ ๆ ยังจะเอาไม่อยู่ ต้องนึกถึงภาษิตจีน “คนอยู่ในยุทธจักร ไม่เป็นตัวของตัวเอง” ในเมื่อคนอยู่ในยุทธจักร ไม่เป็นตัวของตัวเอง บรรดากระแสของนักวิชาการ เขาต้องการจะเล่นงานอีกฝ่ายหนึ่งให้หนัก ชนิดไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเลย ถ้ารัฐบาลไม่คล้อยตามก็จะหันมาเล่นรัฐบาลแทน ทางรัฐบาลก็ต้องตัดสินใจว่าจะรบกับนักวิชาการ หรือจะรบกับชาวบ้านดี ท้ายสุดรบกับชาวบ้านดีกว่า ก็เล่นอีกฝ่ายจมดินไปเลย
เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของรัฐบาล ถ้าการบริหารงานไม่ตรงไปตรงมา ยังมีอคติ มีพวกมากลากไปอยู่ ต่อให้เป็นรัฐบาลวิเศษวิโสมีอำนาจขนาดไหนก็ไปไม่รอด ค่านิยม ๑๒ ประการ ลดเหลือแค่ "ยุติธรรม" คำเดียวก็พอแล้ว พูดแบบนี้เดี๋ยวอาตมาจะโดนเรียกไปปรับทัศนคติอีก ถ้าเรียกไปตูจะไปนั่งเทศน์ให้ทหารฟังเอง..!" "ต่างประเทศก็มีการก่อการร้ายแทรกซึมไปทุกมุมโลก ต้องบอกว่าสาเหตุใหญ่มาจากอเมริกา อเมริกาทำตัวเป็นตำรวจโลก แต่ไม่มีความยุติธรรม ไปยุ่งเกี่ยวแล้วก็สร้างสถานการณ์ต่าง ๆ เอาไว้เยอะ ก็เลยทำให้ประเทศที่เขาเดือดร้อนไม่ชอบใจ โดยเฉพาะบรรดาประเทศในตะวันออกกลาง โดนปั่นหัวให้รบราฆ่าฟันกันมานับครั้งไม่ถ้วน แล้วก็ส่งกองกำลังเข้าไปเข่นฆ่าคนของเขา จุดมุ่งหมายมีอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือจะขายอาวุธ อย่างที่สองก็คือต้องการน้ำมัน ในเมื่ออย่างนั้นเวลาเขาตอบโต้กลับคืนมาด้วยวิธีการที่รุนแรง ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าประเทศเล็ก ๆ หรือกองกำลังเล็ก ๆ จะทำให้เขาหวาดเกรงได้ก็ต้องอาศัยความโหดร้าย ในส่วนนี้ก็เลยทำให้ลุกลามไปหมด เพราะรู้ว่าปะทะซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีก่อการร้าย อย่างล่าสุดเห็นว่าเอาพวกเด็ก ๆ ถ้าพูดภาษาไทยก็คือปัญญาอ่อน ไปเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตาย เอาเด็กผู้หญิง เอาเด็กปัญญาอ่อนไปทำลักษณะอย่างนั้น โหดร้ายทั้งกับตนเองและกับคนอื่น ก็เลยทำให้มองเห็นเค้าว่า ภาวะสงครามใหญ่กำลังลุกลาม ถ้าฝรั่งเศสโดดไปเล่นด้วยเต็มตัวเมื่อไร ใครมีญาติอยู่ทางยุโรปหรืออเมริกา ก็เรียกกลับบ้านเราได้แล้ว อย่างน้อยบ้านเราก็ปลอดภัยกว่า ถึงแม้จะมีระเบิดแถว ๆ สยามพารากอนบ้างก็ช่างเถอะ..! เขาบอกว่าตายแล้วเขาจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า เพราะเขาเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ จะว่าไปแล้วเป็นเรื่องของกรรมสนอง เพราะอเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญไปฝึกอาวุธให้เขา ถึงเวลาเขาก็เอาสิ่งที่ฝึกได้นั่นแหละมาใช้งานคืน ทุกขะโต ทุกขะถานัง ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว เรื่องของผู้ก่อการร้ายเป็นเรื่องของผู้เฝ้าระวังกับผู้ก่อเหตุ คนเฝ้าระวังอย่างไรก็ต้องเผลอจนได้ ใครมีวัตถุมงคลที่มั่นใจว่าป้องกันนิวเคลียร์ได้ก็พก ๆ ไว้บ้างนะ บ้านเขานี่ต้องการจะหักจีนลงมา เพราะจีนชักจะล้ำหน้าล้ำตา แล้วการที่จะหักล้างประเทศมหาอำนาจขนาดนั้นได้ ก็ต้องเล่นกันด้วยนิวเคลียร์ แล้วลมจากจีนก็พัดเข้าไทย ต่อให้ไม่มีลม พวกกระแสก็ลอยมาทางบ้านเราได้อยู่ดี ถ้าได้ยินข่าวว่าถล่มกันด้วยนิวเคลียร์แล้ว ก็งัดพระเครื่องกันนิวเคลียร์มาแขวนนั่งภาวนาไป จะเป็นสมเด็จคำข้าว สมเด็จหางหมากของวัดท่าซุงก็ได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำไม่ได้ให้รวยอย่างเดียว ท่านตั้งใจทำไว้ให้กันนิวเคลียร์ด้วย จำนวนสร้างทั้งรุ่นก่อนรุ่นหลัง สมเด็จคำข้าว ๕,๑๐๐,๐๐๐ องค์ มีรุ่นพิเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ ก็เป็น ๕,๒๐๐,๐๐๐ องค์ สมเด็จหางหมากนี่แสนเดียว รุ่นหลังไม่ทราบว่าเท่าไร คนบ้านเรามี ๖๐ กว่าล้านคน จะ ๗๐ ล้านอยู่แล้ว แล้ว ๕ ล้านองค์ที่ว่านี่ บางทีอยู่กับบางคนเป็นร้อยองค์เลย..! ของวัดท่าขนุนก็หาพระนาคปรกฉลอง ๒,๖๐๐ ปีพุทธชยันตีหรือพระกริ่งพิชัยสงครามไว้บ้าง อาตมาทำไว้ให้ตีกับชาวบ้านโดยเฉพาะ..!" อ้างอิงจาก..เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2015 เมื่อ 20:18 |
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ มะลิแก้ว ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในบรรดา พระพุทธรูปปางต่าง ๆ อาตมาติดใจพระปางนาคปรกมาตั้งแต่เด็ก สมัยเด็ก ๆ พี่ชายเล่นพระเครื่อง มีพระนาคปรกลพบุรีอยู่องค์หนึ่ง หน้าตักประมาณหนึ่งนิ้ว เห็นแล้วอยากได้ใจจะขาด ตอนหลังได้เหรียญหลวงปู่ท่านเจ้าคุณนรฯ ธมฺมวิตกฺโก ที่เขาเรียกว่าเหรียญจเรตำรวจ ถูกใจมาก..เพราะว่าเป็นพระพุทธรูปนาคปรกเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าทำไมถึงชอบพระพุทธรูปปางนาคปรก พอฝึกกรรมฐานถึงได้รู้ว่าเคยเกิดเป็นพญานาคบ่อยมาก
ในช่วงฉลอง ๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตี ถึงได้สร้างพระนาคปรก โดยเฉพาะพระนาคปรกขอม เนื้อเรซิ่นองค์สีขาว ๆ องค์นั้นขลังสุด ๆ เพราะว่าท่านเลือกสีของท่านเอง ทางร้านทำตัวอย่างมาให้หลายสี พอเห็นสีขาวก็สะดุดตา ตั้งใจจะถ่ายรูปท่าน ปรากฏว่ากล้องถ่ายเอง..! ถ่ายเองจนกระทั่งคนอื่นสงสัยว่าทำไมถ่ายได้เร็วขนาดนั้น โชคดีที่มีพยานคือ ตาเอ๋ (มะลิแก้ว) อยู่ใกล้ ๆ ยกมือให้เขาดูว่าอาตมาตั้งกล้องไว้เฉย ๆ นิ้วยังไม่ได้แตะชัตเตอร์เลย กล้องก็ลั่นเองได้ สรุปว่าท่านเลือกเอาสีนั้นของท่านเอง สีอื่นไม่ต้องมาเลย ถ่ายไป ๘ รูปโดยไม่ต้องกดชัตเตอร์เลย แค่หันกล้องตรงก็ถ่ายรูปเองได้ หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ท่านประทานพระนาคปรกขอมให้องค์หนึ่ง บอกว่า "องค์นี้เหมาะกับคุณ" คำว่าเหมาะของท่าน ท่านเองก็คงใช้คำพูดที่เหมาะสมที่สุดในช่วงนั้นแล้ว ที่เหลือให้ไปรู้กันเองว่าเหมาะเพราะอะไร คราวนี้ทำพระขึ้นมาด้วยความที่เป็นวาระสำคัญก็คือครบ ๒,๖๐๐ ปี การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ที่ทำพระนาคปรกมีอีกความหมายหนึ่งก็คือ การปกป้องรักษาพระพุทธศาสนา การพิทักษ์พระพุทธศาสนา แล้วขณะเดียวกันองค์เล็กก็อยู่ในลักษณะที่ว่า นอกจากรักษาพระพุทธศาสนาแล้วยังรักษาตัวเราด้วย พระนาคปรกองค์เล็กที่เป็นนาคไทยสร้างยากที่สุด เพราะว่าเศียรนาคแหลม ๆ พลาดหน่อยเดียว ถ้าไม่หักก็งอ ช่างต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง" อ้างอิงจาก... เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-07-2015 เมื่อ 02:50 |
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ มะลิแก้ว ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|