|
พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงปู่สาย อคฺควํโส) ธรรมะ ชีวประวัติ และคำสอนของหลวงปู่สาย อคฺควํโส |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
อุปกิเลส ๑๐
อุปกิเลส ๑๐ เมื่อพระโยคาวจรได้ญาณที่ ๕ คือ มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ จะเกิดวิปัสสนูปกิเลส ๑๐ ขึ้น ถ้าพระโยคาวจรขาดสติ หลงเพลิดเพลินอยู่กับวิปัสสนูปกิเลส ๑๐ นั้น จะไม่ได้บรรลุมรรคผล ยิ่งกว่านั้นอาจทำให้เกิดวิปลาสเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นพระอรหันต์ด้วย วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ คือ ๑. โอภาส แสงสว่าง ๒. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ ๓. ปัสสัทธิ ความสงบกาย-จิต ๔. สุข ความสุข ๕. สัทธา (อธิโมกขะ) ความเชื่อมั่นว่าตนปฏิบัติถูกทาง ๖. ปัคคาหะ ความเพียรมาก ๗. อุปัฏฐาน สติปรากฏสิ่งต่าง ๆ ตามต้องการ ๘. ญาณ ความรู้ มีปัญญากล้า ๙. อุเบกขา ความวางเฉย ๑๐. นิกันติ ความใคร่ พอใจ เพลิน คัดลอกจากหนังสืออนุสรณ์งานบำเพ็ญกุศลศพ ครบ ๑ ปี พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงพ่อสาย อคฺควํโส) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ต. ท่าขนุน อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี |
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
อธิบาย
๑. โอภาส แสงสว่างเกิดขึ้นในจิตทำให้รู้เห็นทุกสิ่ง ที่อยู่ภายในห้อง บริเวณอาคารหรือแผ่กว้าง ๑. เกิดในจักขุทวารดุจฟ้าแลบ เป็นประกายดังตีเหล็กไฟออกไปหลาย ก.ม. แสงสว่างนี้ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นพระอรหันต์แล้ว หรือมีแสงสว่างเท่าหิ่งห้อย เท่าไฟฉาย ตารถยนต์รถไฟ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2019 เมื่อ 02:05 |
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
๒. ปีติ แปลว่า ความอิ่มเอิบใจ มี ๕ ประการ คือ
ขุททกาปีติ น้ำตาไหล ขณิกาปีติ ขนจะลุกซู่ซ่าเป็นพัก ๆ โอกกันติกาปีติ ตัวโยกไปโยกมา หรือเกิดอาการดิ้นเหมือนอย่างกับการปลุกพระ หรือผีเจ้าเข้าสิง อุเพ็งคาปีติ ลอยขึ้นทั้งตัว ลอยไปรอบสถานที่ หรือว่าลอยไปไกล ๆ ก็ได้ ผรณาปีติ รู้สึกว่าตัวพอง ตัวใหญ่ ตัวรั่ว ตัวทะลุ มีสิ่งต่าง ๆ หลั่งไหลจากร่างกายออกมามากมาย หรือบางรายก็รู้สึกว่า แตกระเบิดละเอียดไปเลยก็มี ป.ล. คัดลอกคำอธิบายปีติแบบต่าง ๆ จากหนังสือกรรมฐาน ๔๐ พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ |
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
๓. ปัสสัทธิ จิตเจตสิกมีความสงบ
๑. สงบเงียบดุจเข้าผลสมาบัติ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 05-08-2009 เมื่อ 21:16 |
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
๔. สุข มีความสุขสบายดีมาก
๑. มีความยินดีมาก เพลิดเพลิน สนุกสนาน ไม่อยากออก อยากอยู่นาน ๆ |
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
๕. สัทธา เชื่อและเลื่อมใสเกินไป
๑. อยากให้ทุกคนได้เข้าปฏิบัติ |
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
๖. ปัคคาหะ อาจารย์ยิ่งชม ยิ่งขยันมากเกินไป ทำให้ผู้นั้นขาดสติไปก็เป็นได้
๑. ตั้งใจปฏิบัติจริง ยอมสู้ตายไม่ถอยหลัง มุ่งแต่จะให้สำเร็จถ่ายเดียว |
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
๗. อุปัฏฐานะ สติมากเกินไป คิดแต่อดีต-อนาคต ทิ้งอารมณ์ปัจจุบันส่วนมาก
๑. ระลึกแต่เรื่องอดีตที่ผ่านมานานแล้ว เช่นสมัยเป็นเด็ก |
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
๘. ญาณะ เอาความรู้ด้านปริยัติกับปฏิบัติมาเปรียบเทียบกัน ทำให้เข้าใจผิด คิดว่าถูก อวดดี สู้ครู
๑. ชอบวิพากษ์วิจารณ์อารมณ์ต่าง ๆ เช่น พองเป็นเกิด ยุบเป็นดับ ฯลฯ |
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
๙. อุเบกขา ใจเฉย ๆ ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ ใจหลง ๆ ลืม ๆ
๑. บางครั้งลืมกำหนดเห็นพอง-ยุบ ใจเลื่อนลอยคล้ายกับไม่ได้นึกคิดอะไร |
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
|||
|
|||
อุปกิเลส ๑๐ มีความละเอียดมากขนาดนี้
ทำอย่างไรถึงจะไม่ติดอยู่ในอุปกิเลสได้ครับ รู้สึกว่ายากมากครับ |
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ปราโมทย์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
๑๐. นิกันติ พอใจในอารมณ์ต่าง ๆ
๑. พอใจในแสงสว่าง ปีติ สุข สัทธา ความเพียร ญาณ อุเบกขา |
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ถ้าอุปกิเลสเหล่านี้ข้อใดข้อหนึ่งเกิดขึ้น ให้ผู้ปฏิบัติรีบกำหนดทันทีว่า "เห็นหนอ ๆ" หรือถ้านึกอะไรไม่ได้ ให้กำหนดว่า "รู้หนอ ๆ" ก็จะหายไป ถ้าหายไปช้า ๆ พึงทราบเถิดว่า "สติ สมาธิ ปัญญาของเราอ่อนไป" ให้พยายามลุกขึ้นไปเดินจงกรมเพิ่มประมาณสัก ๕-๑๐-๒๐ นาที จึงจะได้ผลดี ญาณยังอยู่ในเขตสมถะ
ถ้ากำหนดเพียงครั้งเดียว หรือสองครั้ง สามครั้งแล้วหายไป แสดงว่า "สติ สมาธิ ปัญญาของเราดีขึ้นบ้าง" ให้นั่งต่อไปได้ ญาณดีขึ้น เข้าเขตอุทยัพพยญาณอย่างอ่อน ๆ แล้วขอให้พยายามต่อไป อย่าประมาทและอย่านอนใจ ถ้ากำหนดแล้วหายวูบไปเลย ตัวเองก็ผงะไปข้างหลัง ตกใจเล็กน้อยอย่างนี้ดี เข้าเขตญาณที่ ๔ คือ อุทยัพพยญาณอย่างแก่ เป็นภาวนามยปัญญา ตั้งแต่นี้ไปสมถกรรมฐานกับวิปัสสนากรรมฐานแยกกันตรงนี้ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2019 เมื่อ 02:05 |
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|