|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#81
|
||||
|
||||
ถาม : ไปเจอคนแก่ เขาบอกว่า การทำจิตใจให้สงบ นั่งเหมือนเต่า เดินเหมือนนกพิราบ นอนเหมือนสุนัข ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร ?
ตอบ : หมาจะนอนที่ไหนก็ได้ไม่มีกังวล เห็นไหมว่าหมาอยู่ที่ไหนก็หลับ ถาม : แล้วเต่านั่งได้หรือคะ ? ตอบ : สงบนิ่งเหมือนเต่า เต่าไม่สามารถที่จะโฉ่งฉ่างได้หรอก ต้องช้าอย่างเดียว จะไปตีความว่าเต่านั่งไม่ได้ แต่เรานั่งให้มีความประพฤติเหมือนเต่า คือนิ่งสงบ โดยเฉพาะถ้าหากเก็บตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจได้ยิ่งดี ถาม : แล้วเดินเหมือนนกพิราบ หมายความว่าอย่างไรคะ ? ตอบ : นกพิราบนี่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าเดินแบบไหน คงจะไปด้วยความระมัดระวังมีสติทุกย่างก้าวกระมัง ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2016 เมื่อ 19:46 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#82
|
||||
|
||||
ถาม : ผมไม่รู้ว่าผมหวังสูงไปหรือเปล่า ผมจะช่วยสืบทอดพระศาสนาให้ไปต่อได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะทำก็ทำ ไม่ต้องถามคนอื่นเขา ถ้ามัวแต่ถามคนอื่นเขาแปลว่ากำลังใจยังใช้ไม่ได้...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2016 เมื่อ 19:47 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#83
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้ามีคนทำเงินตก หาเจ้าของไม่เจอ เราควรเก็บหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อาตมาเก็บแล้วหยอดตู้ทำบุญหมด ตั้งใจเลยว่าเจ้าของจะเป็นใครก็ตาม เราทำบุญแทนเขา เจอตู้ทำบุญก็หยอดตู้ไปเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2016 เมื่อ 19:47 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#84
|
||||
|
||||
ถาม : ในพิธีพุทธาภิเษกพระขุนแผน สมเด็จองค์ปฐมท่านสงเคราะห์ในพระขุนแผนด้วยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อยากรู้ให้ดูเอาเอง ถามคนอื่นเรื่องไม่จบ ดูเองให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2016 เมื่อ 19:47 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#85
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันแรม ๘ ค่ำ คือหลังเข้าพรรษาแล้ว ๗ วัน เป็นวันที่คณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีนัดหมายกัน เพื่อจะไปทำวัตรพระผู้ใหญ่เนื่องในวาระเข้าพรรษา อาตมาก็นำพระขึ้นรถทัวร์วิ่งลงไปเมืองกาญจน์ มาติดแหง็กอยู่ที่ด่านไทรโยค ทหารไม่ยอมให้ไป ถามแล้วถามอีก สอบแล้วสอบอีกตั้งครึ่งค่อนชั่วโมง ถึงปล่อยให้ผ่านได้ แต่ก็ยังขับรถไล่ตามไปดู
ไปถ่ายรูปว่าไปวัดไหนกันบ้าง พอกลับมาถึงที่วัดท่าขนุน ทางวัดบอกว่ามีทหารวิทยุขึ้นมาถามว่า พระไปไหนตั้งเยอะแยะขนาดนั้น รู้อย่างนี้เอาไปหมดวัดก็ดี...! นี่เอาไปแค่คันรถเดียวเท่านั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2016 เมื่อ 13:06 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#86
|
||||
|
||||
"ปัจจุบันนี้การดำเนินการของรัฐบาลทุกอย่างอยู่ในลักษณะกดดัน ไม่ให้เกียรติ เห็นพระเป็นศัตรู เมื่อไม่กี่วันก่อน ก่อนหน้าที่อาตมาจะลงมากรุงเทพฯ ก็มีการไปตรวจสอบวัดต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ป่า ต้องใช้คำว่า "อุ้มพระออกจากป่า"
ในขณะเดียวกัน พอทางด้านอิสลามมีการบุกรุกพื้นที่ป่า กลับมีการประชุมข้าราชการทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกที่ประนีประนอมที่สุด ก่อนหน้านั้นก็มีภาพห้างบิ๊กซีประชาสัมพันธ์เชิญโต๊ะอิหม่ามไปกินอาหารแทนการเลี้ยงพระ เพราะฉะนั้น...พวกเราหัดซ้อมละหมาดไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นะ ถึงเวลากลายเป็นประเทศอิสลามจะได้ไม่ลำบากมากนัก...! ส่วนอาตมาเป็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เพราะอยู่กับพวกเขามาตลอด ชาวพุทธของเราต้องบอกว่าเป็นพลังเงียบที่เงียบจนไม่มีเสียง ขณะที่อิสลามเขามีอยู่แค่ ๔ เปอร์เซ็นต์เศษ เขาเรียกร้องสิทธิทุกอย่าง แต่พวกเราเงียบอย่างเดียว การเดินทางไปสังเวชนียสถานของพวกเราก็ควักกระเป๋ากันเอง แต่ถ้าหากว่าเป็นอิสลาม รัฐบาลควักกระเป๋าเป็นร้อยล้านเพื่อสนับสนุนให้เขาเดินทางไปแสวงบุญ การสร้างมัสยิดรัฐบาลก็ต้องควักเงินอุดหนุน ขณะที่ศาสนาพุทธโดนสั่งไม่ให้ อบจ. สนับสนุนเงินในการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดทุกรูปแบบ ทั้งที่ก็ภาษีอากรของพวกเราแทบทั้งนั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2016 เมื่อ 13:08 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#87
|
||||
|
||||
"ต้องบอกว่าเขาพยายามสร้างสถานการณ์ทุกอย่างที่จะสร้างความหวั่นไหวให้กับพวกเรา แม้กระทั่งเรื่องการตั้งสมเด็จพระสังฆราชก็มีการยุแหย่ จนกระทั่งเรื่องไม่เป็นเรื่องก็กลายเป็นเรื่อง หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำไม่มีความผิดเลย เขาก็พยายามโยงให้เห็นว่าท่านผิด จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังตั้งข้อหาท่านไม่ได้ เพราะว่าท่านเป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่เป็นผู้ผิด
เราซื้อของชิ้นหนึ่งมาจากท้องตลาด ถ้าหากว่าของชิ้นนั้นหนีภาษี ความผิดนั้นเป็นของผู้ผลิตหรือผู้ขาย ไม่ใช่ผู้ซื้อ ผู้ซื้อเป็นผู้เสียหาย แต่เขาก็พยายามบอกว่าท่านผิด แล้วก็ปล่อยทิ้งคาราคาซังไว้อย่างนั้น โดยไม่มีการดำเนินคดีเพราะว่าดำเนินคดีไม่ได้ แต่ว่าท่านเสียไปแล้ว ซึ่งลักษณะอย่างนี้ถ้าหากว่าเป็นฆราวาสมีหวังโดนฟ้องกลับไปนานแล้ว แต่หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านก็เมตตา บอกว่าอย่าไปฟ้องเขาเลย ให้อภัยเขาเถอะ เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องกังวลว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้จะประสบความสุขความเจริญในภายหน้าหรือไม่ เพราะว่าเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง แม้กระทั่งเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ประเทศอื่น ๆ มีประชากรไม่ถึง ๙๐ เปอร์เซ็นต์นับถือศาสนา ก็ประกาศให้เป็นศาสนาประจำชาติได้ อย่างประเทศมาเลเซีย สมัยมหาธีร์ โมฮัมหมัด เป็นนายกรัฐมนตรี ประกาศให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติทั้ง ๆ ที่มีอิสลามแค่ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วก็บอกว่าถ้าศาสนาอื่นคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรมให้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศอื่น ดังนั้น...อาตมาจึงบอกว่า หากไม่ใช่แกล้งโง่และรับงานมาของบรรดาผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็มีส่วนช่วยพวกเขาในการทำลายพระพุทธศาสนาอย่างเลือดเย็นที่สุด โดยที่อ้างว่าถ้าสนับสนุนศาสนาพุทธเมื่อไร ศาสนาอื่นจะโดนเบียดเบียน ซึ่งเป็นเรื่องที่สักแต่ว่าจินตนาการและพูดขึ้นมาลอย ๆ เพราะศาสนาพุทธยังไม่เคยเบียดเบียนศาสนาอื่นเลย มีแต่โดนเบียดเบียนมาตลอด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2016 เมื่อ 13:11 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#88
|
||||
|
||||
"ในบ้านเราเมืองเรา ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ศาสนาพุทธก็อยู่ร่วมกับศาสนาอื่นอย่างสงบและให้เกียรติ มีแต่ศาสนาอื่นที่คอยเบียดเบียนเราตลอด เรื่องพวกนี้แค่เราดูประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปก็รู้ว่าความจริงคืออะไร แต่เขาก็พูดออกมาหน้าด้าน ๆ ว่า ถ้าให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้วจะทำให้ศาสนาอื่นเดือดร้อน ดังนั้น...พรุ่งนี้ให้ไปทำหน้าที่ของเราเอง จะรับหรือไม่รับก็บอกไปให้ชัดเจน แต่ถ้าหากว่ามีช่องกาให้รับช่องเดียวโดยไม่มีช่องไม่รับ ก็แล้วแต่เราว่าจะทำอย่างไรกับบัตรนั้น
ศาสนาอิสลามตีสองหน้ากับเรามาโดยตลอด ด้านหนึ่งก็บอกว่าศาสนาพุทธดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ เป็นมิตรอย่างนั้นเป็นมิตรอย่างนี้ แต่ในด้านปฏิบัติแล้วก็เบียดเบียนเรามาตลอด เหยียบได้เหยียบ กระทืบได้กระทืบ แม้กระทั่งในยุคที่ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ปฏิวัติ ก็ส่งหนังสือบอกทางด้านจุฬาราชมนตรีว่า ขอให้ใจเย็นได้ ไม่มีทางที่ศาสนาพุทธจะได้เป็นศาสนาประจำชาติอย่างเด็ดขาด แต่พอต่อหน้าสื่อมวลชนโดนสอบถามเรื่องนี้ ก็ตอบว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ดี ควรจะได้รับการสนับสนุนเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องบอกว่าพลิกลิ้นตลบตะแลงหลอกลวงพวกเรามาโดยตลอด และยังคงหลอกลวงไปเรื่อย ๆ โดยให้บรรดานักวิชาการที่แสดงตัวว่าเป็นนักวิชาการน้ำดี กล่าวถึงแต่ศาสนาพุทธในด้านที่ดี แต่ขณะเดียวกันในแนวปฏิบัติคือแอบให้สัญญาณให้อิสลามิกชนเบียดเบียนพวกเราในทุกรูปแบบ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2016 เมื่อ 13:13 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#89
|
||||
|
||||
"เพราะฉะนั้น...ถ้าหากเราไม่รู้เท่าทัน เราก็ยังคงให้อภัยและยินดีอยู่ร่วมกับเขา คืออยู่ในลักษณะของม้าอารี เด็กรุ่นหลังไม่เคยฟังนิทานเรื่องม้าอารี เขาบอกว่า ม้าเขามีคอกอยู่ แล้วคืนนั้นฝนตก วัวก็เข้ามาขออาศัยอยู่ด้วย ม้าก็บอกว่าอยู่ด้วยไม่ได้หรอกเพราะว่าคอกแคบ อยู่ได้แค่ตัวเดียว วัวก็บอกว่าขอแค่ยื่นหัวเข้าไปหลบฝนก็พอ ม้าก็ใจดี อนุญาตให้ยื่นหัวเข้ามาหลบฝนได้ พอผ่านไปพักหนึ่งวัวก็บอกว่า ตัวเขาเปียกฝนอยู่ ขอเข้าไปหลบฝนสักครึ่งหนึ่งเถอะ ม้าก็ใจดีให้เบียดเข้ามาครึ่งหนึ่ง ท้ายสุดวัวก็เบียดเข้าไปทั้งตัว ม้าก็อยู่ไม่ได้ ต้องออกไปตากฝนแทน
ตอนนี้ฐานะของศาสนาพุทธ พุทธศาสนิกชนของเราก็อยู่ในลักษณะของม้าอารี ควรหรือยังที่พวกเราจะลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของพวกเราคืนมา เรื่องพวกนี้บางทีไม่จำเป็นต้องให้พระพูดถึง พวกเราก็ควรที่จะรู้สึกกันได้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลามได้รับการออกเป็นกฎหมาย ได้รับงบประมาณสนับสนุนทุกอย่าง ในขณะที่ศาสนาพุทธโดนกีดกันทุกวิถีทาง ในเมื่อเขาไม่ต้องการอยู่ร่วมกับเรา แล้วเราจะไปอยู่ร่วมกับเขาทำไม ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2016 เมื่อ 13:14 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#90
|
||||
|
||||
"ถ้าอยากจะดูตัวอย่าง ต้องดูตัวอย่างประเทศพม่า ประเทศพม่าพระเป็นฝ่ายนำ ทุกวันนี้อิสลามไม่มีโอกาสได้เติบโต แม้กระทั่งประเทศที่เจริญแล้วอย่างประเทศญี่ปุ่นก็ระบุไว้ชัดเจน คุณจะนับถืออิสลามก็ได้ แต่ห้ามแต่งตัวแบบอิสลาม ห้ามทำพิธีของอิสลาม ห้ามสร้างศาสนสถานของอิสลาม ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่ได้รับความยุติธรรม คุณก็ไปอยู่ประเทศอื่น นี่คือกฎหมายที่ชัดเจนของญี่ปุ่น ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้รับผลกระทบจากศาสนาอิสลามเลย แต่บ้านเราโดนเบียดเบียนมาโดยตลอด แล้วพวกเราก็ยังใจดีกับเขามาโดยตลอดเหมือนกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2016 เมื่อ 13:15 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#91
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้ประเทศไทยกลัวผีขึ้นสมอง ทางด้านรัฐบาลก็กลัวผีประชาธิปไตยจะหลอก ทางด้านชาวบ้านก็กลัวผีเผด็จการจะหลอก เลยกลัวผีกันทั้งประเทศ..!
การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ใช่ว่าคนร่างไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไร แต่ตั้งใจทำให้มีปัญหา เพราะถ้าประชามติผ่าน จะสืบทอดเจตนารมณ์ไปประมาณ ๒๐ ปี ถ้าประชามติไม่ผ่าน รัฐบาลก็อยู่ยาวไปเรื่อย ๆ ต้องบอกว่าคนร่างอัจฉริยะมาก แต่ของทุกอย่างในดีก็มีร้าย ในร้ายก็มีดี ถ้าเคยฟังนิทานเรื่องหนึ่ง ครอบครัวชาวนาต่างประเทศเลี้ยงม้าไว้ตัวหนึ่ง ปรากฏว่าม้านั้นหนีเข้าป่าหายไป ใคร ๆ ก็บอกว่าแกโชคร้ายมาก อีกไม่กี่เดือนต่อมา ม้าตัวนั้นกลับมาพร้อมกับลูกม้าตัวหนึ่ง ที่หนีเข้าป่าหายไป ก็เพราะไปหาตัวผู้จึงได้ลูกกลับมา คนเขาก็ว่าทำไมโชคดีอย่างนี้ ปรากฏว่าลูกชายเห็นลูกม้าใหม่เลยจับมาฝึก ลูกม้าไม่ยอมให้ใส่บังเหียน พอลูกชายชาวนาขึ้นขี่ก็โดนสลัดตกลงมาขาหัก ใคร ๆ ก็บอกว่าทำไมแกโชคร้ายอย่างนี้ อีกไม่กี่วันต่อมามีการเกณฑ์ทหารไปรบ ชายคนนี้ขาหักเลยไม่ต้องไปรบ ใคร ๆ ก็บอกทำไมแกโชคดีอย่างนี้ ฉะนั้น...รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขาตั้งฉายาว่าอะไรก็ตาม อาตมาขอตั้งว่า "ฉบับตกม้าขาหัก" ก็แล้วกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2016 เมื่อ 19:22 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#92
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในยุคสมัยเรามีดหมอขนาดไม่เกิน ๕ นิ้วพกดีที่สุด ใหญ่กว่านี้ก็กลายเป็นอาวุธไปแล้ว สมัยโบราณเขาใช้งานจริง ในเมื่อใช้งานจริงก็นิยมมีดหมอเล่มใหญ่ ๆ ตั้งแต่ ๑๑ นิ้ว ๑๒ นิ้ว ๑๖ นิ้ว บางรายก็ยาวเป็นแขนเลย
มีดหมอต้องหมั่นเช็ดหมั่นถูด้วย อาตมาพกมีดหมอ (ดาบฟ้าฟื้น พ.ศ. ๒๕๒๐) หลวงพ่อวัดท่าซุงมาหลายสิบปี ยังใหม่เอี่ยมเงาวับ บางคนพกไม่กี่ปี สนิมขึ้นเสียจนดึงไม่ออก รักจะใช้มีดใช้ปืนต้องขยันเช็ดถูหน่อย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2016 เมื่อ 19:58 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#93
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นโยมถวายกองทุนค่ารักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร ต้องบอกว่าวัดท่าขนุนของเรา พวกกองทุนต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นมาจริง ๆ ก็เพื่อส่วนรวมทั้งนั้น แต่วัดอื่น ๆ ไม่มี อย่างพระครูหน่อยไปเรียนปริญญาเอก พอเอาเอกสารไปให้ทางด้านผู้อำนวยการหลักสูตรเซ็นรับรองว่ารับทุนไปเรียนจริง ๆ ผู้อำนวยการหลักสูตรเอาไปอวดทั่วมหาวิทยาลัยเลย บอกว่าเป็นนักเรียนทุนปริญญาเอกคนแรก ความจริงเป็นคนแรกของคณะเขา เพราะอาตมาส่งเรียนที่คณะอื่นมาเยอะแล้ว แต่คณะพระพุทธศาสนาเพิ่งจะมีนักเรียนทุนปริญญาเอกคนแรก ที่ไปเรียนส่วนใหญ่ใช้ทุนส่วนตัว ประเภทเจ้าอาวาสส่งลูกวัดเรียน ส่งเรียนทั้งแม่ชีและเด็กวัดด้วยเขายังหาไม่เจอ
ส่วนกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร ล่าสุดอาตมากะว่าจะจ่ายให้ท่านอาจารย์พระมหาทรงกลดไปรักษาตัว ความจริงการรักษา ตัวยาส่วนมากจะฟรี ยกเว้นยานอกบัญชีซึ่งเป็นของแพง ต้องจ่ายเอง อีกส่วนที่จ่ายเองคือค่าห้องพิเศษ คืนละ ๔๐๐ บาท ก็ตั้งใจจะจ่ายให้ท่าน แต่ปรากฏว่าท่านบอกว่าท่านมีเงิน ขอจ่ายเอง เลยไม่ได้เบิกกองทุน กองทุนรักษาพยาบาลหลายท่านตั้งเอาไว้ และลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยตั้งกองทุนเอาไว้ นานจนลืม แต่หลายท่านก็เพิ่มทุนสม่ำเสมอทุกเดือน หลายท่านหนักกว่านั้นอีก เพิ่มทุนจำนวนเท่า ๆ กันทุกเดือนและวันนั้นของทุกเดือน ต้องบอกว่าสัจจบารมีเข้มข้นมาก พอถึงวันต้องโอนเงินเข้าบัญชีเท่ากันทุก ๆ เดือน ลักษณะอย่างนั้นอาตมาจะทำบัญชีอย่างสบายใจมาก ถ้าไม่มีแปลว่าอาตมาลืมลงให้เอง เนื่องจากเขาโอนเข้ามาเท่ากันทุกเดือนอยู่แล้ว คำพูดและการกระทำบางอย่างก็ต้องบอกว่า แสดงออกซึ่งบารมีของคนทำ วัดได้เลยว่ามีความตั้งใจแน่วแน่แค่ไหน มีสัจจบารมีเข้มข้นแค่ไหน ปกติแล้วทำบุญเดือนละครั้งสม่ำเสมอก็หายากแล้ว แต่ว่าหลายรายยังทำตรงวันเดิมทุกครั้ง เป็นเรื่องที่ต้องอนุโมทนา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-08-2016 เมื่อ 21:39 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#94
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นคนค่อนข้างจะคลั่งในเรื่องเครื่องรางมากกว่าพระ อาจเป็นเพราะในเรื่องของพระในความรู้สึกก็คือ นิมนต์พระท่านมาเสกก็ได้แล้ว ในเรื่องเครื่องรางของขลังทำยากกว่า เพราะต้องเสกให้มีอานุภาพเท่ากับพระ เป็นอะไรที่ทำยากกว่าหลายเท่า จะสังเกตว่าอาตมาเล่นแต่เครื่องราง ไม่ค่อยเล่นพระหรอก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2016 เมื่อ 20:25 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#95
|
||||
|
||||
"อาตมาได้พระของขวัญปากน้ำรุ่นหนึ่งมาจากคุณยาย แขวนอาบน้ำเลยเหลือครึ่งองค์ พระโดนน้ำละลาย องค์นั้นหลวงพี่สามารถขอแลกไป ท่านบอกครึ่งองค์ก็เอา ขอให้แท้ไว้ก่อน หลวงพี่สามารถเอาพระหูยานลพบุรีมาแลก อาตมาบอกว่า "หูยานแพงมากเลยนะพี่" ท่านบอกว่า "แต่กูไม่มีวัดปากน้ำว่ะ" ยอมรับพี่แกเลยว่าศรัทธาจริง
คุณลองนึกถึงหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ยดูสิ เสือของท่านสมัยนั้นราคา ๖ บาท เจ้าประคุณเถอะ เป็นพระราชหัตเลขาในของหลวงรัชกาลที่ ๕ เลยนะ ในพระราชนิพนธ์บอกว่า เป็นรูปเสือแกะหยาบ ๆ พอดูออกว่าเป็นเสือเท่านั้น ฝีมือก็ชาวบ้าน ๆ แต่ว่าคนทั่ว ๆ ไปก็แย่งชิงอยากได้ ปกติราคา ๑ บาท หน้าที่หายาก ๆ ก็ขึ้นถึง ๖ บาท คิดดูว่าสมัยโน้น ๖ บาท สมัยนี้ ๖๐,๐๐๐ บาทจะได้ไหม ? สมัยก่อนหลวงตาบัวท่านเล่าให้ฟังว่า ที่บ้านหลวงตามีเงินตั้ง ๒ ชั่ง ก็คือ ๑๖๐ บาท ถามว่าเก็บอย่างไรครับ ? ท่านบอกว่าพ่อเอาใส่กระบอกไม้ไผ่ไว้ เป็นเหรียญเงินใหญ่ ๆ มีเงินตั้ง ๒ ชั่งเป็นมหาเศรษฐีเลย ท่านบอกว่าควายตัวละบาทเดียว มีเงินซื้อควายได้ตั้ง ๑๖๐ ตัว จะไม่รวยได้อย่างไร ? นั่นนะเงินติดบ้าน แล้วจะไม่ให้ท่านเป็นมหาเศรษฐีได้อย่างไร"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-08-2016 เมื่อ 22:31 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#96
|
||||
|
||||
"พระของท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี สร้าง ๘๔,๐๐๐ องค์ เทลงแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วมานั่งรอที่วัด ปรากฏว่าหายไป ๒ องค์ ทำอย่างไรก็เรียกไม่กลับ ตามไปดู เขาบอกว่าเจ้าที่ขอไว้ เทใส่หัวตูตั้งเยอะขนาดนี้ เลยขอไว้ ๒ องค์"
ถาม : ท่านทำไว้เยอะนะ ตั้ง ๘๔,๐๐๐ องค์ ? ตอบ : ท่านทำแจกทหารออกสงคราม แค่นี้จะไปพออะไร ถ้าไม่ใช่ลูกหลานทหารจะไปเอาที่ไหน ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2016 เมื่อ 20:30 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#97
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับนายเต้ยว่า "จะบวชก็บวชสิวะ อย่าคิดมาก เราตัดสินใจเด็ดขาดเสียอย่าง ประเภทต่อให้ภูเขาไฟ กระทะน้ำมันขวางหน้าก็ลุยไปเลย เขาเรียกว่าตัดสินใจไม่เด็ดขาด ก็เลยไปพะวงนั่นพะวงนี่ คนไหนที่ถ้าตั้งใจทำแล้วจะได้ผลเร็ว มักจะโดนขวางสุดชีวิต เหมือนอย่างกับว่าทำไมยากอย่างนี้วะ ? จะเอาให้เราท้อให้ได้ ต้องบ้าลุยไปเรื่อย ๆ จะไปเสียเวลาสนใจอะไรกับสิ่งรอบข้าง
วันก่อนเจอท่านอาจารย์บรรจบ เรื่องงานพุทธศาสนาท่านชักจะท้อ ๆ แล้ว อาตมาบอกว่าท้อไม่ได้นะท่านอาจารย์ อาตมาทำมาจนป่านนี้ยังไม่เคยท้อเลย เรื่องของพระพุทธศาสนาต้องประกาศให้ดัง ๆ ชัด ๆ เหมือนอย่างพระที่วัดท่าขนุน ท่านขึ้นเทศน์วันพระ ประกาศว่า "ขออานิสงส์ที่ข้าพเจ้าได้แสดงธรรมสงเคราะห์แก่ญาติโยมพุทธบริษัทในครั้งนี้ จงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้บรรลุถึงซึ่งพระโพธิญาณในอนาคตกาลด้วยเทอญ" เออ...มึงบ้าพอ...! "โมทนา...สาธุ แต่กูไม่ไปกับมึงหรอก..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-08-2016 เมื่อ 21:10 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#98
|
||||
|
||||
ถาม : ระหว่างสวรรค์ชั้นยามากับพรหมโลก มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : สวรรค์ชั้นยามาเหมือนคนกำลังตะเกียกตะกายทำงาน ส่วนพรหมโลกรับเงินเดือนไปแล้วกำลังใช้เงินเดือนนั้น ต่างกันมากไหม ? ระดับของพรหมคือเสวยความสุขตามระดับของตนที่ได้แล้ว ส่วนชั้นยามาคือพยายามทำเพื่อให้ได้อย่างเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2016 เมื่อ 03:43 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#99
|
||||
|
||||
ถาม : สอบถามเรื่องเหล็กไหลครับ
ตอบ : เหล็กไหลเป็นโลหะธาตุอย่างหนึ่ง ที่พัฒนาตนเองขึ้นมาจนมีวิญญาณแล้ว สามารถเคลื่อนที่ได้ สามารถกินได้ ไปได้ มาได้ แต่ไม่มีสภาพจิตคือตัวรู้ที่เข้าไปควบคุมเท่านั้น ถาม : คล้าย ๆ มักกะลีผล ? ตอบ : มักกะลีผลเป็นผลไม้ แต่เหล็กไหลเป็นโลหะธาตุ มักกะลีผลต้องอยู่กับที่ ยกเว้นแต่ว่าเราไปเด็ดเขาถึงตามเรามา แต่เหล็กไหลไปเองได้ ถาม : มีจิตไหมครับ ? ตอบ : บอกแล้วว่ามีแค่วิญญาณคือมีความรู้สึกลักษณะเหมือนพืชกินสัตว์ แต่ไม่มีจิตคือไม่มีตัวรู้ ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น โบราณเขาบอกว่า "เหล็กไหลไพลดำ พูดพล่ามทำบ้า เล่นแร่แปรธาตุ ผ้าขาดตั้งวา คิดสะระตะโสฬส นอนอดเหมือนหมา" ทุกวันนี้เรื่องของเหล็กไหลก็ยังหลอกลวงคนที่โลภมากอยู่เป็นปกติ ถึงเวลาก็มาบอกรู้แหล่งว่าอยู่ตรงโน้นอยู่ตรงนี้ จะนำทางไปให้ ขอค่านำทางสามหมื่นห้าหมื่น ถึงเวลาไปก็ไม่เจออะไร หรือไปถึงก็ทำเป็นลืมทางไปแล้ว ไปไม่ถูก แต่รับเงินจากเราไปแล้ว ส่วนอีกประเภทหนึ่งก็เอาโลหะอื่นมาหลอกลวงกัน เพราะว่ามีวัสดุบางอย่างลักษณะเหมือนดินเหนียวหรือดินน้ำมัน แต่ผสมเศษโลหะเอาไว้ พอถึงเวลาเอาแม่เหล็กดูด ก็ยืดเข้าไปหาแม่เหล็กได้ อีกประเภทหนึ่งคือมีเหล็กไหลจริง แล้วเอาของปลอมมาให้เรา โดยเอาไปทาบกับของจริง ๓ วัน ๗ วัน จะมีอานุภาพเหมือนเหล็กไหลชั่วคราว ทดสอบอย่างไรก็มีอานุภาพของเหล็กไหล แต่หลังจากมาอยู่กับเราไม่กี่วันอานุภาพหมด ซวยอีก ฉะนั้น...จะคิดเรื่องนี้ก็คิดได้ แต่ต้องเตรียมเงินไว้เยอะ ๆ ด้วย เท่าไรก็ไม่พอหรอก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2016 เมื่อ 03:45 |
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#100
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เสียงสวดพระคาถาเงินล้านวัดท่าซุง ส่วนใหญ่แล้วคนไปเข้าใจว่าเป็นเสียงหลวงพ่อฤๅษี ความจริงเป็นเสียงพระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร ถ้าไม่รู้จักก็คือหลวงพ่อโอนั่นแหละ ที่แน่ ๆ คือสวดแค่ ๙ จบเท่านั้น เขาบันทึกไว้แล้วอัดทับซ้ำ ๆ จนเป็น ๑๐๘ จบ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2016 เมื่อ 03:46 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|