|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#141
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่เอาชามาถวายว่า "จำไว้...ปกติอาตมาเป็นคนไม่ฉันชา ที่ฉันเพราะมี ถ้าไม่มีก็ไม่ได้เดือดร้อน แต่สำหรับบางท่านติด พอไม่มีชาแล้วอยู่ไม่ได้ อาตมาไปงานบางที ๓-๔ วันติดกันฉันแต่ชา พอกลับวัดมาก็ฉันน้ำร้อนเปล่า ๆ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร
เรื่องของชา หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ท่านยังเป็นนักเทศน์อยู่ ถ้าไม่ได้ฉันชาก็รู้สึกว่าเทศน์ไม่ลื่น ถ้าไปบางวัดเขาก็ไม่ได้เตรียมไว้ให้ ท้ายสุดท่านก็เลยพกชาไปเอง มีอยู่วันหนึ่งท่านกำลังเดินข้ามทุ่งอยู่ มือหนึ่งก็หิ้วกาน้ำชา รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา ก็มาคิดว่า "เราบวชมาเพราะต้องการจะละกิเลส แล้วกาน้ำชานี่คืออะไรกัน ?" ว่าแล้วก็โยนโครมเข้าพุ่มไม้...เลิกฉันตั้งแต่บัดนั้นเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2016 เมื่อ 19:56 |
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#142
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรดาเซียนพระเขามีพระขรรค์หลวงพ่อโสกกันคนละเล่มสองเล่มก็ตั้งตัวเป็นเซียนใหญ่ ถ้ามาเห็นของอาตมานี่คงช็อกตายเลย เพราะมาทีเป็นหอบ..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2016 เมื่อ 19:57 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#143
|
||||
|
||||
"เมืองเพชรฯ เป็นเมืองคนดุ โดยเฉพาะสมัยก่อนเขาเล่นอาวุธสงครามกันล้วน ๆ จะเห็นว่ามือปืนเมืองเพชรใช้แต่ เอ็ม. ๑๖ คนรุ่นเก่าเขาว่า ถ้ามีปลัดขิก ๑ อัน พระขรรค์ ๑ เล่ม ผ้ายันต์ ๑ ผืน ไปไหนไปกัน ไม่กลัวใคร แต่ปลัดขิกของหลวงพ่อโสกหายาก เพราะว่าปลัดขิก ๑ อัน ทำพระขรรค์ได้เป็นสิบเล่ม จนป่านนี้อาตมาเพิ่งมีแค่ ๑ อัน ถ้าไม่ได้คิดจะเอาเข้าพิพิธภัณฑ์ก็คงปล่อยไปนานแล้ว"
ถาม : สะสมของพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไรคะ ? ตอบ : ตั้งแต่วัยรุ่น พอรู้ภาษาบรรดาพี่ ๆ ลุงป้าน้าอาเขาก็นั่งส่องกันแล้ว ถาม : สมัยนั้นราคาแพงไหมคะ ? ตอบ : ก็ไม่แพง สมัยนั้นพระของหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ก็แค่องค์ละ ๒๐ บาท สมัยนี้แสนหนึ่งยังซื้อไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2016 เมื่อ 19:59 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#144
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "พอในหลวงสวรรคต อาตมาเขียนกลอนไม่ออก เพราะที่เคยเขียนไปก็บรรยายไว้หมดแล้ว
สามโลกจักหาใคร........... ไป่มี พ่อดังพระสุริยศรี..............คู่ฟ้า สว่างหล้าธาตรี............ใครเปรียบ...เทียบฤๅ นามพ่ออยู่คู่หล้า..........ตราบฟ้า...ดินสลาย เขียนใหม่ไม่ได้แล้ว ได้แค่นั้น ๗๐ ปีทรงสร้างคุณความดีมาเหลือคณานับ บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เด็กรุ่นใหม่ก็สงสัยว่าทำไมรุ่นพ่อรุ่นแม่รักในหลวงกันจริง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 02:30 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#145
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงอาตมาไม่ได้เล่นวัตถุมงคลมาก่อน คนเล่นก่อนคือน้องชาย (พระครูแสง) สมัยเด็ก ๆ ท่านเฮี้ยนมาก ท่านศึกษาตำราทำผงมหาราช ปถมัง อิทธิเจ ตรีนิสิงเห ท่านทำหมด ถึงเวลาก็นั่งท่องคาถาเขียนลบผงไป "พินธุเอกัง สุมังพันธัง พินธุโท อังกุสังยะถา พินธุตรี ธัมมะวิชาลันทะ เอกะพินธุ วิชานะเย" ไล่ไปเรื่อย เสร็จเรียบร้อยท่านลืมหมด แต่ตำรามาอยู่ในหัวอาตมา เพราะจำที่ท่านท่องท่านทำได้
สรุปแล้วของแต่ละอย่างที่ท่านทำไว้เหมือนกับสอนอาตมา อาตมาเองเป็นคนขี้เกียจ ของยากจะไม่ทำ แต่ท่านกรอกหูอยู่ทุกวันเลยจำได้หมด อาตมาจำโองการมหาทมื่นได้ก็เพราะพระครูแสง ท่านท่องแล้วอาตมาก็จำติดหัวมา อาตมาว่าจะทำตะกรุดมหาโสฬสตามตำราสักชุดหนึ่ง แต่ต้องเสกถึงสามปี เสกด้วยโองการมหาทมื่นวันละ ๙ จบ จะได้ครบหมื่นจบเมื่อสามปีไปแล้ว ตะกรุดของวัดสะพานสูงดังมาทุกรุ่นก็เพราะอย่างนี้แหละ เสกกันทีสามปี อีกตำราหนึ่งที่ยาก คือ หลวงพ่อเจ้าคุณสว่าง วัดเทียนถวาย ท่านทำตะกรุดหน้าผากเสือ เขียนเฉพาะวันเสาร์ห้า แล้วก็ต้องเสกผ่านอีก ๓ เสาร์ห้า สรุปแล้วตะกรุดดอกหนึ่งใช้เวลาสามปีเป็นอย่างน้อย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 02:38 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#146
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับพระที่มาเบิกค่าเล่าเรียนว่า "ความจริงผมเงินหมดตัวไปแล้วนะ ดันมีมาอีก มีกติกาว่า "ห้ามเงินหมดเกินข้ามวัน" มีอยู่วันหนึ่งตั้งใจแกล้ง คือหลังจากเจริญกรรมฐานตอนทุ่มครึ่ง ก็เทกระเป๋าเลี้ยงเพื่อนพระหมดเลย สั่งน้ำปานะมาเลี้ยงพระทั้งวัดเลย กะว่าเดี๋ยวพอไปนอนก็จะไม่มีสตางค์จนถึงพรุ่งนี้
ปรากฏว่า ๔ ทุ่มเขามาทุบประตูเรียกให้ไปสวดศพ เขาบอกว่าคนเพิ่งตาย อยากจะสวดวันแรกเลย ท้ายสุดก็ต้องรับสตางค์มาจนได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 20:33 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#147
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "เวลาเราไม่ชอบอะไรแล้วไปผลักไสจะรู้สึกเหนื่อยนะ ทำไม่รู้ไม่ชี้จะดีกว่า คือไม่ต่อต้าน แต่ก็ไม่รับรอง กลายเป็นว่าเราไม่สร้างภาระให้ตัวเอง มัวไปผลักไปไสตั้งตัวเป็นศัตรูกันก็เหนื่อยตาย ว่าอะไรมาก็ยิ้ม "ค่ะ ๆ" รับแต่ปาก ไม่ทำหรอก ถ้าเราไม่ต่อต้านนี่แรงกดดันจะกลับไปหาเขาเอง จะกลายเป็นคนอื่นเครียด ส่วนเราสบาย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 20:34 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#148
|
||||
|
||||
ถาม : แมวคนอื่นมาอาศัยอยู่กับเรา ถ้าเราจะย้ายที่อยู่แล้วเอาไปด้วยได้ไหมคะ ?
ตอบ : บอกเขาหน่อยสิว่าตอนนี้แมวมาอยู่กับเรา ย้ายไปเราจะเอาไปด้วยนะ จะได้ไม่ไปผิดศีล ไม่อย่างนั้นก็เขียนจดหมายแปะไว้ก็ได้ นึกถึงสมัยโบราณ เวลาเข้าไร่เข้าสวนคนอื่นเขา เห็นของน่ากินก็จับกิ่งไม้หักเกี่ยวไว้ แล้วก็กินไปเถอะ ถือว่าขอแล้ว หักเป็นตะขอไว้ นี่เป็นเคล็ดลับจริง ๆ นะ อย่างพวกบ้านกะเหรี่ยงเขาจะทำ “กะโจ” ไว้ เป็นไสยศาสตร์อย่างหนึ่ง ถ้าหากใครไปกินจะปวดท้องดิ้นอยู่ตรงนั้นแหละ แต่ถ้าใครทำตะขอเกี่ยวไว้จะไม่เป็นไร เพราะถือว่าขอแล้ว โบราณเขาบอกว่า “แมวมาหา หมามาสู่ ถือว่าเป็นมงคล” ที่เป็นมงคลเพราะอะไร เพราะว่าสัตว์เขามีสัญชาตญาณ เขารู้ว่าใครรักใครเมตตาเขา เขาก็อยากอยู่กับคนนั้น ลองไปดูสถานที่ซึ่งเขารับดูแลหมาแมวก็ได้ เอาไปฝากไว้ที่นั่นแล้วก็บริจาคเงินให้เขาหน่อย ปีนี้วัดท่าขนุนได้ลูกหมา ๔๐ กว่าตัว สถิติตกไปหน่อย แสดงว่าเศรษฐกิจไม่ดี ช่วงเศรษฐกิจดี ๆ จะ ๖๐-๗๐ ตัวทุกปี เศรษฐกิจดีเจ้าของเลี้ยงดี หมาก็มีลูกเยอะ ครอกล่าสุด ๗ ตัว ตัวเล็กอย่างกับลูกแมว ก็เลยเรียกว่า "คนแคระทั้ง ๗" เขาอุตส่าห์เอามาปล่อยทั้งกรงเลยนะ เอากรงหิ้วมาทิ้งไว้ เลี้ยงมา ๓-๔ อาทิตย์ ตัวค่อยใหญ่ขึ้นมาหน่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 20:36 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#149
|
||||
|
||||
ถาม : ทำไมเขาเรียกคนรักแมวว่า ทาสแมว ?
ตอบ : แมวเขามีนิสัยอยากทำอะไรก็ทำ ไม่เหมือนหมาที่เรียกแล้วมา ถ้าแมวไม่ชอบใจเรียกให้ตายก็ไม่มา โดยเฉพาะนิสัยแมวดึงขึ้นหน้าก็จะถอยหลัง ดึงถอยหลังก็จะขึ้นหน้า ดึงหลังก็หย่อนท้องติดพื้น พอดึงพุงก็จะโก่งตัวขึ้น นิสัยแมวจะทำอะไรตรงกันข้ามกับที่เราต้องการหมด ถาม : ที่เขาบอกว่าแมว ๕ หมา ๖ อย่าไปเลี้ยงนี่จริงไหมคะ ? ตอบ : โบราณเขาถือ ส่วนใหญ่แล้วเขาดูที่นิ้วตีน ถ้าแมวมีนิ้วตีน ๕ นิ้ว หมามี ๖ นิ้ว เขาก็ไม่เอา แต่ส่วนใหญ่คนตีความผิด กลายเป็นแมวคลอดมา ๕ ตัว หมาคลอดมา ๖ ตัว เขาเลยไม่เอาไปด้วย ความจริงอะไรที่เกินจากปกติน่าจะดีนะ แต่คนโบราณไปถือกันท่าไหนก็ไม่รู้ ปกติลองไปพลิกอุ้งตีนแมวดูสิ จะมีแค่ ๔ นิ้ว แล้วถ้ามี ๕ นิ้วแล้วยังมีโคนเหมือนนิ้วหัวแม่มืออีกอันหนึ่ง แต่ถ้าอุ้งตีนหมาจะมี ๕ นิ้ว ถ้าไปเจอ ๖ นิ้วเขาก็ว่าไม่ดี แต่ก็เลี้ยงไปเถอะ อาตมาว่าอะไรเกินดีทั้งนั้นแหละ เกินดีกว่าขาด...ใช่ไหม ? ถาม : แล้วที่เขาว่าฆ่าแมวเหมือนฆ่าเณรละคะ ? ตอบ : แมวน่ารักมาก ถ้าใจคอโหดร้ายขนาดฆ่าแมวได้ก็ฆ่าเณรได้เหมือนกัน ฉะนั้น...ฆ่าแมวเลยเหมือนกับฆ่าเณร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 20:38 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#150
|
||||
|
||||
ถาม : หนูทำอะไรก็รู้สึกว่าเหนื่อย ทุกข์ไปหมด ?
ตอบ : นี่แหละคือเห็นความทุกข์ ทำอะไรก็เหนื่อยนี่แหละชัด ๆ เลย เป็นตัววิปัสสนาญาณ แล้วเป็นวิปัสสนาญาณแท้ด้วยเพราะเห็นแล้วเบื่อ รักษาความเบื่อไว้ให้ได้ แล้วพยายามใช้ปัญญาเพิ่มหน่อยว่า ถึงเราจะเบื่อแค่ไหน แต่ตราบใดที่สังขารนี้ยังอยู่ เราก็ไปพ้นไม่ได้ ฉะนั้น...เราก็จะอยู่แค่ชีวิตนี้เท่านั้น ถ้าหากว่าสิ้นชีวิตลงไปเมื่อไรเราขอไปพระนิพพาน ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีสังขารร่างกายนี้ การเกิดมาในโลกนี้ เราไม่เอาอีกแล้ว ถาม : ไม่เรียกว่าขี้เกียจหรือคะ ? ตอบ : เขาเรียกว่าขี้เกียจได้ถูกทาง ขี้เกียจเพราะเห็นโทษ ทำอะไรก็เหนื่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 20:39 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#151
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาจับลมหายใจจะรู้สึกว่าลมหายใจยาว ไม่เหมือนก่อน ?
ตอบ : ถ้าจิตละเอียดขึ้นจะรู้สึกว่าลมยาวขึ้น ถาม : เราควรทำอย่างไรต่อ ? ตอบ : เรามีหน้าที่ดูตามไป ไม่ต้องไปใส่ใจ ยาวแค่ไหนก็กำหนดใจตามไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 20:40 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#152
|
||||
|
||||
ถาม : เมื่อก่อนเวลาฝึกซ้อมทิพจักขุยังพอจะรู้เห็นได้ แต่ตอนนี้ไม่สามารถรู้เห็นได้แล้ว ?
ตอบ : การเห็นนั้นเป็นกำลังของอุปจารสมาธิ พอปฏิบัติไปมากขึ้น ๆ กำลังสูงขึ้นก็จะไม่เห็น ไปเห็นอีกทีตอนฌาน ๔ คล่องตัวไปเลย ฉะนั้น...ตอนนี้ที่ไม่เห็นแสดงว่ากำลังฌานสูงขึ้น ถ้าต้องการเห็นก็ทำให้คล่องตัว แล้วหย่อนกลับลงไปที่เดิม ก็จะเห็นใหม่อีก ถาม : ลองใช้ดูหวยแต่ซื้อแล้วไม่ถูก..? ตอบ : เรื่องปกติ สมัยอาตมาซ้อมทิพจักขุญาณก็เหมือนกัน ดูหวยนี่มาครบ ๗ ตัวเลย แต่หาซื้อไม่ได้ พอมาตอนหลังเขาตัดเล่น ๓ ตัวท้ายได้ พอตัดเล่น ๓ แค่ ๒ ตัว พอตัดเล่น ๒ ตัวก็ไปออกตัวเดียว ถ้าเล่นเลขตัวเดียวจะไม่ออกเลย เขาตั้งใจมาแกล้ง อยากรู้ว่าเราโลภหรือเปล่า ? แต่ถ้าบอกคนอื่นจะถูก เพราะเราไม่ได้ซื้อเอง แต่ว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวยุ่ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 20:42 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#153
|
||||
|
||||
ถาม : เวลานอนได้ยินเสียงกรน ?
ตอบ : ตัวเราหลับแต่ใจไม่ได้หลับ เหมือนกับเรานอนไม่หลับ แต่จริง ๆ แล้วหลับ บางทีนอน ๆ ไปแล้วได้ยินเสียงตัวเองกรน ก็สงสัยว่าไม่หลับแต่กรนได้อย่างไร ? ความจริงร่างกายหลับไปแล้ว เพียงแต่หลับแบบมีสติ กำลังใจจะทรงอยู่แค่จุดเดียว ถึงเวลาเกิดอะไรขึ้น ถ้าอยากรู้ก็จะคลายความรู้สึกออกมารับรู้ข้างนอก ถ้าหากหมดก็วิ่งกลับไปที่เดิม ตอนนั้นต้องเป็นประเภทกลัวกิเลสจะกินเรา จึงหลบสุดชีวิตเลย ถาม : เวลานอน เหมือนกับตนเองวูบ เราก็คิดว่าเราจะขยับ แต่ก็ขยับไม่ได้ คือสมาธิระดับไหนคะ ? ตอบ : ก็คือระดับของสมาธิที่อยู่ในปฐมฌานหยาบ เราจะบังคับร่างกายไม่ได้ เพราะจิตกับประสาทแยกออกจากกัน ถ้าผีจะหลอกเขาจะหลอกตอนนี้แหละ เราจะสังเกตว่าที่เขาเรียกว่าผีอำก็อาการนี้แหละ เป็นช่วงที่เขาเข้ามา แล้วเราเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะจิตกับประสาทแยกจากกัน บังคับร่างกายไม่ได้ ให้หมั่นซ้อมลมหายใจเข้าออกไว้ เดี๋ยวพอเข้าออกได้คล่องก็จะได้ดีเอง ตั้งหน้าตั้งตาทำไป เรื่องอื่นอนุญาตให้ขี้เกียจได้ ยกเว้นเรื่องการปฏิบัติ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 20:45 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#154
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาตัดร่างกาย อยากจะไปเลยแต่ไปไม่ได้ ?
ตอบ : ยังไม่ถึงเวลาไปนะสิ ถาม : ทำไมถึงไปไม่ได้ ? ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก เป็นเรื่องธรรมดา ถ้ายังไม่ถึงวาระนี่ อาตมาเองก็ไปไม่ได้หรอก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 20:45 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#155
|
||||
|
||||
ถาม : หนูเห็นเขาโพสต์เขาบอกว่า "ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป" หนูไม่รู้ว่าคิดถูกหรือเปล่า รู้สึกว่าเกิดพอแล้ว ไม่อยากเกิดตามอีกแล้ว ?
ตอบ : หนูคิดถูกแล้ว เพราะหลวงพ่อพูดมา ๒ ครั้งแล้วว่า ในหลวงติงมาว่า “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” นี่เป็นอธิษฐานบารมี ถ้าไปเกิดร่วมกันแล้วลำบากลำบนขึ้นมา อย่าไปต่อว่าพระองค์ท่านนะ ถาม : มีความรู้สึกละอายค่ะ ที่คิดไม่เหมือนคนอื่น ? ตอบ : ไม่ต้องละอายหรอก เราทำถูกแล้ว อาตมาก็ไม่เคยอธิษฐานว่าขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป เพียงแต่ว่าชาตินี้มีอะไรก็ทำถวายอย่างเต็มที่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2016 เมื่อ 20:46 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#156
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยเด็ก ๆ เวลาเรียนหนังสือ ไปบอกพ่อแม่ว่าสอบได้ที่ ๑ แล้วเห็นพ่อแม่ดีใจ อาตมาก็ปลื้มใจไปด้วย ถึงได้บอกว่าพ่อแม่จะยากจนอย่างไรก็ตาม ถ้าลูก ๆ เรียนเก่ง พ่อแม่ก็มีกำลังใจตะเกียกตะกายหาเงินมาส่งให้เรียน สมัยนี้เห็นพ่อแม่ทุ่มเทจนแทบจะเรียนแทนลูก แต่ลูกไม่ค่อยอยากเรียนกัน เป็นเพราะอะไร ?”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2016 เมื่อ 20:08 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#157
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ฝากสำหรับญาติโยมที่อยู่กรุงเทพฯ ต่างจังหวัดคงไม่ต้อง ให้หาโอ่งหรือถังใหญ่ตุนน้ำไว้บ้าง ถ้าหากว่าจะเอามากก็สัก ๓-๔ ถังก็ได้ เปิดน้ำใส่ทิ้งไว้เฉย ๆ ปีหน้าจะแล้งกว่าปีนี้ ปีนี้เตือนโยมแล้วปรากฏว่ารอดไปได้หวุดหวิด เพราะฝนมาทันพอดี”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2016 เมื่อ 17:44 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#158
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ใครที่อยากลดน้ำหนักแล้วก็อยากเล่นไลน์ ให้ใช้วิธีเดินไปเล่นไลน์ไป เพราะอย่างไรเสียก็เล่นวันหนึ่ง ๒-๓ ชั่วโมงอยู่แล้ว เดินไปก็กดไป รับประกันว่าผอมแน่นอน ถ้าไม่รู้จะเดินไปไหนก็เดินวนในห้อง เดินรอบบ้าน เดินไปปากซอย จะสนุกเพลิน ๆ บางทีไม่รู้ตัวเดินไปตั้ง ๑๐-๒๐ กิโลเมตรแล้ว”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2016 เมื่อ 17:44 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#159
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้มีการตั้งสมาพันธ์ชาวพุทธ วัตถุประสงค์เพื่อปกป้องพุทธศาสนา มีการตั้งสาขาตามภาคต่าง ๆ และมีการหาทุนส่งคนลงสมัคร ส.ส. เพื่อจะได้เป็นสิทธิ์เป็นเสียงให้กับชาวพุทธของเราบ้าง ทางสมาพันธ์ฝากหนังสือมาจำหน่าย ถ้าใครอยากจะซื้อหนังสือเพื่อช่วยสมาพันธ์ชาวพุทธก็ได้
อาตมาเองเป็นประธานกรรมการที่ปรึกษาสาขาภาคตะวันตกของสมาพันธ์ชาวพุทธ ประกอบไปด้วยกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ๕ จังหวัด จะว่าไปแล้วก็ใหญ่เหมือนกัน พระเรามีหน้าที่สนับสนุนให้โยมเขาออกหน้า ไม่อย่างนั้นพอมีปัญหาเกิดอะไรขึ้นมา เขาบอกว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ พระก็เดี้ยงเลย ทำอะไรไม่ได้ แต่ว่าศาสนาอื่นเขาส่งคนไปเล่นการเมือง ไปออกกฎหมายที่สนับสนุนของเขาจนกระทั่งจะยึดประเทศไทยอยู่แล้ว จึงจำเป็นที่ศาสนาพุทธของเราต้องตื่นตัวบ้าง คราวนี้ถ้าหากว่าเราตื่นเฉย ๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องช่วยกันด้วย ในเมื่อจะช่วยกันก็ไม่ได้รบกวนมาก ซื้อหนังสือคนละเล่มสองเล่มก็พอแล้ว เพื่อหาทุนให้กับสมาพันธ์เขา ตอนนี้ทางด้านเชียงใหม่ซึ่งเป็นสมาพันธ์ภาคเหนือกับบึงกาฬที่เป็นสมาพันธ์ภาคอีสาน มีการแสดงออกที่ชัดเจนมาก ก็คือ ต่อต้านศาสนาอิสลามทุกรูปแบบ บึงกาฬนี่ห้ามสร้างมัสยิดเลย ประกาศตนเป็นจังหวัดที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแห่งแรกของประเทศไทย ส่วนเชียงใหม่นั้นต่อต้านไม่ให้มีโรงงานอาหารฮาลาล เพราะว่ามีแต่จะสร้างมลพิษ กอบโกยประโยชน์ไป ไม่ได้ให้อะไรกับพื้นที่เลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2016 เมื่อ 17:47 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#160
|
||||
|
||||
"ภาคตะวันตกของอาตมาไม่ห้ามหรอก แต่โตไม่ได้ ถึงเวลาพระเปิดเสียงทำวัตร ต้องถามพระครูหน่อยดู เสียงตามสายดังหน่อยเดียว เขายกมาทั้งหมู่บ้านเลย ไม่ให้เปิด แต่ของเขาละหมาดวันละ ๕ ครั้ง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกลับไม่เป็นไร แบบนี้แปลว่าอะไร ? แปลว่าเขาไม่ยอมอยู่ร่วมกับเราหรืออย่างไร ? ของเราเองมีอะไรเราอดทนอดกลั้นทุกอย่าง แต่ว่าอดทนอดกลั้นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะว่าเขาไม่ยอมอดทนอดกลั้นกับสิ่งที่เราทำบ้าง ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้กระทบอะไรในการดำเนินชีวิตประจำวันของเขา
อาตมาเปิดเสียงตามสายที่วัดท่าขนุนครั้งแรก ปี ๒๕๔๔ เขาไปแจ้งความดำเนินคดีว่ากระจายเสียงในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต อาตมาก็เลยไปขอใบอนุญาต มีกระทั่งใบอนุญาตตั้งสถานีวิทยุให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย สถานีวิทยุของอาตมาได้รับอนุญาตให้ตั้งเสาสูงได้ไม่เกิน ๖๐ เมตร ไอ้ ๖๐ เมตรนี่ไปได้ทั่วประเทศไทยเลยนะ ถ้าเรามัวแต่เฉยอยู่ก็จะกลายเป็นพลังเงียบ และเงียบจนเขายึดบ้านยึดเมืองเราอยู่แล้ว แต่เราก็ยังเฉยอยู่ เพราะฉะนั้น...ตอนนี้จะเฉยไม่ได้ อิสลามเขาพยายามสนับสนุนพวกเขาให้เป็นใหญ่เป็นโต เพื่อที่จะได้ยึดครองประเทศได้ง่าย แต่ต้องบอกว่าเคลื่อนไหวแรงไปหน่อยไก่เลยตื่น เขาวางแผนว่าปี ๒๕๖๓ จะยึดประเทศไทย ตั้งเป็นสาธารณรัฐอิสลาม ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึง ๔ ปีดี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2016 เมื่อ 17:48 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|