#1
|
||||
|
||||
ประวัติพระธาตุเจ้าดอยต๊อก
หลังจากที่ประวัติพระพุทธบาทตะเมาะจบลงไปนั้น ละอ่อนดอยต๋ามฮอยพระรัตนะ ก็ขอนำประวัติพระธาตุเจ้าดอยต๊อก จ.เชียงใหม่ มาเผยแผ่ให้ท่านผู้ที่สนใจได้ศึกษา เผื่อว่าท่านใดไปเที่ยวทางเหนือ จะได้แวะเวียนไปกราบพระธาตุเจ้า คำปรารภ พระธาตุเจ้าดอยต๊อกหรือพระธาตุเจดีย์ศรีพุทธสถานอภิบาลดอยเต่านี้ แต่เดิมมีซากปรักหักพัง เหลือเพียงอิฐก้อนใหญ่แบบสมัยโบราณและซากเศษกระเบื้องเท่านั้น แต่สถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มากแห่งหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนในอดีต ชาวบ้านมักเห็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จแสดงปาฏิหาริย์บ่อย ๆ ในคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ โดยพระบรมสารีริกธาตุจะเสด็จลอยไปพระธาตุเจ้าดอยเกิ้ง และเสด็จกลับมาดอยต๊อกเป็นอย่างนี้ประจำ ที่ภูเขาหรือดอยลูกนี้ ถ้าใครทำอะไรไม่ดีในบริเวณนี้มักจะมีอันเป็นไปต่าง ๆ
__________________
เมื่อนภาไร้เมฆบดบัง ทั่วทุกด้านสว่างไสว ลมพัดโชยเรื่อย ๆ ไกล ขุนเขาไร้เสียงจำเนียงนรรจ์ วันนี้น่ายินดี หยุดชีวีที่ผูกพัน ไร้ทุกข์โศกในทุกวัน ทิ้งขันธ์ ๕ ไม่พบเจอ ครูบาเจ้าชัยยะลังก๋าอรัญญาวาสีมหาเถร แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2009 เมื่อ 03:40 |
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หนุมานเชิญธง ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ประวัติพระธาตุเจ้าดอยต๊อก โดยสังเขป ดังมีประวัติเล่าสืบ ๆ กันมาว่า ในสมัยของพระนางจามเทวี พระนางได้มาสร้างวัดป่าหยวก (ปัจจุบันนี้ได้จมไปใต้น้ำเขื่อนแล้ว) ต่อจากนั้นมาสร้างวัดแคป (น้ำท่วมไปแล้ว) ต่อจากนั้นก็ไปสร้างวัดหัวโต่งหรือวัดหัวทุ่ง ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นวัดร้างอยู่กลางสวน ต่อจากนั้นก็ไปสร้างที่เมืองฮอดคือวัดหลวงฮอดในปัจจุบัน จากนั้นไปสร้างที่วัดดอยน้อย อำเภอจอมทอง หลังจากนั้นไปสร้างที่เมืองลำพูนคือวัดจามเทวีในปัจจุบัน ในเวลาขณะนั้นได้เกิดสงครามกับม่าน (พม่า) ที่ยกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ ชาวบ้านเกิดความระส่ำระสายกลัวภัยสงคราม จึงนำของมีค่าจากวัดป่าหยวก วัดแคป วัดหัวโต่ง มาซ่อนไว้ในถ้ำดอยพระเคี่ยน เนื่องจากกลัวพม่านำของมีค่าไป ปากถ้ำมีทางทิศตะวันออกที่เราสร้างฐานพระครอบไว้ในเจดีย์นี้ เป็นปล่องถ้ำลึกลงไป ๑๐ ศอก เป็นที่เก็บของสำคัญต่าง ๆ เดิมทีพุทธสถานแห่งนี้เป็นชื่อ ดอยพระเคี่ยน แต่เมื่อเกิดสงครามกับพม่าชาวบ้านกลัวพม่า นำของมีค่าไปจึงเปลี่ยนชื่อเป็นดอยต๊อกไป แต่ดอยต๊อกจริง ๆ ก็มีอยู่อีกแห่งหนึ่ง
__________________
เมื่อนภาไร้เมฆบดบัง ทั่วทุกด้านสว่างไสว ลมพัดโชยเรื่อย ๆ ไกล ขุนเขาไร้เสียงจำเนียงนรรจ์ วันนี้น่ายินดี หยุดชีวีที่ผูกพัน ไร้ทุกข์โศกในทุกวัน ทิ้งขันธ์ ๕ ไม่พบเจอ ครูบาเจ้าชัยยะลังก๋าอรัญญาวาสีมหาเถร แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หนุมานเชิญธง : 27-11-2009 เมื่อ 15:18 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หนุมานเชิญธง ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
สำหรับซากเมืองท่าสร้อยหรือแก่งสร้อย ปัจจุบันได้จมอยู่ใต้น้ำเขื่อนภูมิพล พร้อมทั้งวัด ๙๙ วัดนั้น เหลือไว้แต่พระธาตุและรอยพระบาท ที่เราได้ไปสักการะทุกวันนี้เท่านั้น เมืองแก่งสร้อยหรือท่าสร้อยนั้น ในตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลกผูกที่ ๔ เมืองท่าสร้อยเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุกระดูกแขนซ้ายและพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ตำนานหรือประวัติพระธาตุเจ้าดอยต๊อก ก็ขอยุติลงแต่เพียงเท่านี้
__________________
เมื่อนภาไร้เมฆบดบัง ทั่วทุกด้านสว่างไสว ลมพัดโชยเรื่อย ๆ ไกล ขุนเขาไร้เสียงจำเนียงนรรจ์ วันนี้น่ายินดี หยุดชีวีที่ผูกพัน ไร้ทุกข์โศกในทุกวัน ทิ้งขันธ์ ๕ ไม่พบเจอ ครูบาเจ้าชัยยะลังก๋าอรัญญาวาสีมหาเถร แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2009 เมื่อ 17:32 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หนุมานเชิญธง ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เกร็ดเล็ก ๆ น้อยจากละอ่อนดอยต๋ามฮอยพระรัตนะ
__________________
เมื่อนภาไร้เมฆบดบัง ทั่วทุกด้านสว่างไสว ลมพัดโชยเรื่อย ๆ ไกล ขุนเขาไร้เสียงจำเนียงนรรจ์ วันนี้น่ายินดี หยุดชีวีที่ผูกพัน ไร้ทุกข์โศกในทุกวัน ทิ้งขันธ์ ๕ ไม่พบเจอ ครูบาเจ้าชัยยะลังก๋าอรัญญาวาสีมหาเถร แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2009 เมื่อ 17:34 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หนุมานเชิญธง ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|