#1
|
||||
|
||||
ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
ชนใดไม่มีดนตรีกาล................ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ........เขานั้นเหมาะคิดขบถอัปลักษณ์ ฤๅอุบายมุ่งร้ายฉมังนัก..............มโนหนักมืดมัวเหมือนราตรี และดวงใจย่อมดำสกปรก...........ราวนรกชนเช่นกล่าวมานี่ ไม่ควรใครไว้ใจในโลกนี้............เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ คงจะเคยคุ้นหูเพลงนี้กันบ้าง และหลายท่านคงจะรู้ลึกลงไปอีกว่า เนื้อร้องเป็นพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า ร.๖ และคุ้นตากับการที่มีผู้ นำไปใช้ยกย่องให้ความสำคัญในการดนตรี แต่เมื่อได้ศึกษาธรรม ได้บวช ก็พบว่า ดนตรีขัดต่อศีล ๘ ศีล ๑๐ ไปกระทั่งพระวินัยของสงฆ์ พาลนึกไปว่าล้นเกล้า ร.๖ ท่านคงห่าง ธรรมไปหน่อยกระมัง ทั้งยังพาลนึกตำหนิว่าเนื้อหาแกว่ง ๆ ออกนอกเรื่องดนตรีไป เหมือน คิดอะไรไม่ออกก็เป๋นอกเรื่องไป มาถึงบางอ้อเมื่อรู้ความจริงว่าพระราชนิพนธ์นี้เป็นเรื่องการเมืองล้วน ๆ ด้วยทรงมีพระทัยกว้างสนับสนุนประชาธิปไตย ไปพร้อม ๆ กับพระปรีชา ทรงอัจฉริยภาพรอบด้าน แม้การละคร การดนตรี กวีศิลป์ ก็ทรงอยู่ใน ระดับแนวหน้าในประวัติศาสตร์ของชาติไทย อีตาหลวงอะไร(ก็จำบรรดาศักดิ์ไม่ได้)คนหนึ่งมีฝีปากกล้า หรือควรเรียก ฝีปากกากล้า บังอาจเขียนร้อยกรองลงหนังสือพิมพ์มีความนัยกล่าวโทษ พระมหากษัตริย์ไม่เป็นอันทำอะไร ได้แต่เล่นละคร เล่นดนตรีเอาสนุก ไปวัน ๆ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น มิได้ทรงถือโทษแต่อย่างใด เพียง ปรามกลับด้วยพระทัยเปี่ยมล้นพระเมตตาในเชิงกวีอย่างไพเราะ งดงาม ถึงจะดุก็ดุตามหลัก เพื่อเตือนให้สำนึกในฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่ยังทรงลง หางเสียงอย่างปราณียิ่ง หาได้เจือด้วยความพิโรธโกรธเคืองอย่างใดไม่ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักประชาธิปไตยโดยแท้ ทรงแสดงพระปรีชา พระปฏิภาณ ทรงเลือกใช้ถ้อยคำได้อย่างเหมาะเจาะ สมแก่เหตุ สมแก่กาล สมบูรณ์บริบูรณ์หมดจดยิ่งนัก ช่วยกันเผยแพร่ให้ตรงความจริงกันหน่อยเถิด ไม่อยากเห็นผู้ใดนำ พระราชนิพนธ์นี้ไปใช้ยกย่องการดนตรีอีก เพราะนอกจากจะเป็นเรื่อง คนละแควแล้ว ยังเป็นการริดรอนไม่ให้พระปรีชาเป็นที่ประจักษ์อย่าง เต็มกำลัง เหมือนที่อีตาคนเก่าเคยเข้าใจผิดมาแล้ว |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 20-10-2009 เมื่อ 01:11 |
#3
|
|||
|
|||
ในสมัยปัจจุบันนี้ ก็ยังมีนักวิชาการบางท่าน หรือ บางคณะ ยังมีทัศนคติที่ไม่ดี ต่อ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวอยู่ไม่น้อยครับ ในแวดวงนักประวัติศาสตร์ลือกันว่า อ.ประจำคณะบางท่านในงานเสวนาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร
แต่พอลับหลัง ก็มีข่าวลือว่า มีการบังคับให้นักศึกษาที่จะทำปริญญานิพนธ์ หรือ วิทยานิพนธ์ก็ตามจะต้องเขียนเนื้อหาไปในเชิงที่จะกล่าวร้ายต่อพระราชกรณียกิจในรัชสมัยของพระองค์ครับ ไม่เช่นนั้น ปริญานิพนธ์ หรือ วิทยานิพนธ์ นั้นก็จะไม่ผ่านครับ จริง ๆ แล้ว ถ้าจะบอกว่า พระองค์ถูกนักประวัติศาสตร์สมัยใหม่วิพากษ์วิจารณ์(ในทางที่จะทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ) ในเกือบทุก ๆ เรื่องก็น่าจะได้ ตั้งแต่ พระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ จนไปถึงเรื่อง พระราชกรณียกิจด้านการเมืองการปกครอง และ ด้านวรรณกรรม ฯลฯ ครับ ทั้งนี้เหตุผลที่ทำให้เกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อพระราชกรณียกิจต่าง ๆ นั้น น่าจะมาจากเรื่องของ การเมือง โดยส่วนมากครับ เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ ก็คงจะไม่พ้น ข้อธรรมในส่วนของ โลกธรรม ๘ ประการ ครับ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เด็กเมื่อวานซืน : 03-04-2009 เมื่อ 08:06 |
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เด็กเมื่อวานซืน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|