|
ใต้ฟ้าอิระวดี การท่องไปในเมืองพม่า โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
ใต้ฟ้าอิระวดี ตอนที่ ๒
ลุกขึ้นเดินจงกรมตั้งแต่ตีสาม พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลผู้นอนไม่หลับ มีอยู่ ๕ ประเภท คือ
๑. หญิงผู้ครุ่นคำนึงถึงชาย ๒. ชายผู้ครุ่นคำนึงถึงหญิง ๓. คนร้ายผู้ประสงค์ต่อทรัพย์ ๔. พระราชาผู้ขยันออกประกอบพระราชภารกิจ ๕. ภิกษุผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ลุกขึ้นเร่งทำความเพียรเพื่อความหลุดพ้น อาตมาก็ไม่ทราบว่าตนเองนั้นจัดอยู่ในประเภทใด แต่รับรองว่าไม่ใช่พระราชาผู้ขยันแน่ ๆ พอตีสี่พระเวรลุกขึ้นมาตีเกราะปลุกทั้งพระเณรและชาวบ้าน เกราะทำด้วยท่อนซุงโตเป็นโอบ เสียงดังสะท้อนกับภูเขารอบข้างกระหึ่มไปหมด คนขี้เซาสุดขีดเท่านั้นที่จะไม่ได้ยิน (ถ้าถึงขนาดนั้นก็ควรหามไปเผาได้แล้ว..!) อาตมาเลิกเดินจงกรมไปสรงน้ำ ท่านอังกุระทำท่าจะขาดใจตายแทน อากาศกำลังสบายแบบนี้ ท่านยังทั้งคลุมทั้งห่ม ถ้าเจอ ๑๔ - ๑๕ องศา แบบที่เกาะพระฤๅษี ท่านคงชักตายไปเลย..! ตีห้าครึ่งเสียงระฆังเรียกพระเณรออกบิณฑบาต ท้องฟ้ายังมืดอยู่ เห็นพระเณรเดินถือตะเกียงกระป๋อง สะพายบาตรเดินตามกันไปเป็นทิวแถวในความมืด พระภิกษุสามเณรกำลังออกบิณฑบาต หกโมงครึ่ง รถกระบะเก่า ๆ มารับอาตมากับคณะไปฉันเช้าที่บ้านงาน มาตอนกลางวันแบบนี้จึงเห็นชัดว่า บ้านเรือนของชาวบ้านล้วนแต่ชำรุดทรุดโทรมทั้งนั้น ท่านนาวินอธิบายว่า รัฐมอญกับรัฐกะเหรี่ยงไม่ค่อยเจริญหรอกครับ รัฐบาลเขาว่าพวกนี้หัวแข็ง จึงไม่มาพัฒนาให้ ต้องเลยหงสาวดีไปแล้ว จึงค่อยเห็นความเจริญบ้าง... อาหารพม่าหนักเครื่องเทศและน้ำมัน จะผัดจะแกงน้ำมันท่วมมาทั้งนั้น ท่านอาจารย์พอจะฉันแกงพม่าได้ไหมครับ..? ท่านอังกุระ มหาบัณฑิตจากสำนักมหากันตะยงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง อะไรที่มนุษย์เขากลืนลงไปได้ คุณส่งมาได้เลย.. อาตมาตอบแบบไม่ต้องรบกวนกฤษฎีกาตีความ เป็นพระมีอะไรก็ต้องฉันแบบนั้น แค่ดำรงขันธ์ไปวัน ๆ ก็พอแล้ว... เห็นแบบอย่างที่ดีจากชาวบ้านที่นี่คือ เขามีพานดอกไม้ธูปเทียนสำหรับขอศีล มีการประกาศให้สรรพสัตว์ทั้งหลายร่วมโมทนาบุญ และเมื่อเสร็จพิธีแล้วจะกราบขอขมาพระรัตนตรัย ลักษณะแบบนี้อาตมาเห็นแต่ชาวบ้านทางเหนือของเราเท่านั้น ที่ยังทำกันอยู่เป็นปกติ ที่อื่นถ้ายังมีอยู่ ก็แปลว่าอาตมายังไม่เคยพบ ถ้าเป็นดังนั้นก็ต้องกราบขออภัย กลับมาสอนลูกแมวต่อ อาจารย์สุมังคะละท่านขอร้อง ขอบารมีท่านอาจารย์ด้วยเถอะครับ ให้ผมสอนจะกลายเป็นสำเนียงลาวหมด มันก็จริงของท่าน พยายามแก้คำว่า เกี้ยว ให้เป็น แก้ว คำว่า แบ้น ให้เป็น บ้าน เท่านี้ก็แย่แล้ว การเรียนภาษาตอนโตแล้วมันเสียตรงฐานการออกเสียงนี่แหละ เผลอทีไร ร.เรือ เป็น ร.เรีย ทุกที..! ถูกไล่ที่ถึงรู้ว่าเพลแล้ว หยุดสอนไปฉันขนมจีนพม่า น้ำยาแบบลาวหน้าตาคล้ายแกงเขียวหวาน แต่รสชาติของมันคือซุปหัวหอมดี ๆ นี่เอง ส่วนน้ำยาแบบพม่านั้นก็คือแกงหยวกกล้วยธรรมดา สีดำ ๆ รสชาติค่อนข้างจะเค็ม ไม่มีผลไม้ตามมาหลังอาหาร มีแต่ขนมหน้าตาแปลก ๆ ๒ - ๓ ชนิด รสเหมือนแป้งทอดเปี๊ยบเลย... หมดปัญหาเรื่องปากท้อง แต่ปัญหาใหญ่กำลังจะตามมา แม่ออกกงซุ่ยเกิดคิดแผนเลิศขึ้นมาได้ จะให้ลูกแมวตามไปเรียนหนังสือที่เมืองไทยกับอาตมา ยกให้เป็นลูกครูบา.. แม่ออกแกสรุปง่าย ๆ ยุ่งตายห่..เลยตู.. ถ้าไม่ถูกบรรดาลูก ๆ ของอาตมาฉีกเป็นชิ้น ๆ ซะก่อน อาตมาก็คงติดคุกหัวโต ข้อหาให้การอุปการะคนต่างด้าว..! ถามดูถึงรู้ว่ายายหนูอายุ ๒๐ แล้ว ครบลักษณะผิวพม่านัยน์ตาแขก เพียงแต่ตาออกจะเจ้าชู้ไปหน่อย.. พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ ของมันเป็นลาว พ่อทวด แม่ทวด ของมันก็ลาว แม่มันก็เป็นลาว มาได้กับพม่า... แม่ออกแกชักประวัติจนหลานสาวบ่นอุบอิบว่า เป็นม่านมันบ่ดีที่ใด๋ ? ม่านก็คือพม่านั่นเอง... ขืนปล่อยให้สาธยายต่อคงถึงสิบแปดชั่วคน พอดีไม่ต้องเรียนกัน พระเจ้าจะอยู่กันไม่ได้ก็ตรงญาติโยมเอาลูกหลานงาม ๆ มาฝากนี่แหละ อาตมาตัดบทด้วยการแยกอักษรสูง อักษรกลาง อักษรต่ำ แล้วสอนวิธีการผันวรรณยุกต์ตามเสียงอักษร ให้ลูกแมวก้มหน้าก้มตาซ้อมการผันเสียงไป ก่อนที่แม่ออกแกจะมีแผนร้าย..เอ๊ย..แผนดี ๆ อะไรออกมาอีก..! สี่โมงเย็นเลิกสอน ทรงสมาธิแน่นไปหน่อย เพราะกลัวจิตใจจะฟุ้งซ่าน ไปคิดมิดีมิร้ายกับลูกศิษย์สาว ๆ เข้า พอดีมีโยมโดนไสยศาสตร์มาให้ท่านสุมังคะละช่วย ท่านว่ามันเกินกำลัง ขอให้อาตมาสงเคราะห์แทน ฟาดหัวไปเปรี้ยงเดียวหลุดเกลี้ยงยิ้มแต้ไปเลย บอกว่ารักษามาหลายที่ไม่หายเด็ดขาดเหมือนที่นี่..! หลังทำวัตรเย็นถึงได้ดูของดี ท่านสุมังคะละสวมหน้ายักษ์อบรมพระเณรและเด็กวัด ใครขาดสวดมนต์ทำวัตรถูก ชยันโต ซะหูตูบไปตาม ๆ กัน เด็กวัดที่ไม่มาสวดมนต์ทำวัตรถูกเรียกมาเข้าแถว ฟาดหลังด้วยรัดประคตคนละ ๓ ที พ่อแม่เพิ่นอยากให้พวกมึงได้ดีถึงเอามาฝากวัด ขี้คร้านแบบนี้มันสิดีได้จังใด๋ ? คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2010 เมื่อ 11:50 |
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|