|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้เป็นวันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๗ ซึ่งปีนี้เป็นปีอธิกมาส จึงกลายเป็นวันวิสาขบูชา
แต่คราวนี้สิ่งหนึ่งที่หลายคนวิตกกันอยู่ ก็คือเรื่องของจันทรุปราคาที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันพุธ วันพุธกลางคืนเขาถือว่าเป็นวันของพระราหู แล้วยังเกิดราหูอมจันทร์ขึ้นมาอีก กลายเป็นราหูซ้อนราหู คนก็เลยกังวลกันหนัก โดยเฉพาะบรรดานักโหราศาสตร์หรือหมอดูสำนักต่าง ๆ แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสังเกต จะเห็นว่าผมไม่ให้ราคากับเรื่องนี้เลย ไม่ใช่ว่าผมดูถูกในเรื่องของโหราศาสตร์นะครับ แต่ผมเข้าใจอย่างแท้จริงว่า อำนาจของพระราหูนั้น ถ้าเปรียบกับพระรัตนตรัยแล้ว ก็เหมือนอย่างกับเอาหิ่งห้อยไปเทียบกับดวงอาทิตย์ ถ้าท่านศึกษาในพระไตรปิฎก จะเห็นชัดว่าเมื่อพระอาทิตย์กับพระจันทร์จะโดนราหูอม ก็เอ่ยสรรเสริญคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมา ราหูพอได้ยินก็ตกใจ จนอกสั่นขวัญหาย ต้องหนีเตลิดเปิดเปิงไปทันที ดังนั้น...ผมถึงไม่ให้ราคาเกี่ยวกับเรื่องความน่ากลัวของราหูเลย ท่านทั้งหลายได้ยินมาถึงตรงนี้ คงจะพอมองเห็นแล้ว เพราะว่าผมภาวนาจับภาพพระเป็นปกติ สวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ถวายพระทุกวัน อย่างน้อย ๓ จบ แล้วท่านคิดว่าราหูจะทำอะไรผมได้บ้าง ? เคย "ฝัน" ด้วยซ้ำไปว่าเขาทำอะไรผมไม่ได้ จนกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว มีอะไรบางทีก็เรียกหาใช้งานกัน เพียงแต่ว่ากำลังใจของท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ฆราวาสก็ตาม ต้องมีความเลื่อมใสศรัทธาในคุณพระศรีรัตนตรัยอย่างแท้จริง ทำอย่างไรเราจะเข้าถึงตรงจุดนี้ได้ ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-05-2021 เมื่อ 05:10 |
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ถ้าท่านสามารถเข้าถึงตรงจุดนี้ได้อย่างที่ผมเคยบอกแล้ว เราต้องทุ่มเททรัพยากรมหาศาลจนประมาณไม่ได้ เราถึงสามารถที่จะสร้างยานอวกาศนำพาตัวเองให้หลุดไปสู่ห้วงของอวกาศ ซึ่งก็ยังอยู่ในสุริยจักรวาล ทุ่มเทงบประมาณมหาศาลอีกนับไม่ถ้วน ถ้าสามารถหาพลังงานมาได้ ก็จะหลุดไปอยู่ในดาราจักรทางช้างเผือก ถ้าหาพลังงานเพิ่มได้อีก ก็หลุดเข้าไปในเอกภพ ต้องฝ่าดาราจักรนับหมื่นนับแสน
กว่าจะหลุดเข้าไปถึงชายขอบของเทวดาชั้นจาตุมหาราช ต้องบอกว่าขนทรัพยากรมาจนหมดโลก ท่านก็ยังไปไม่ถึง แต่อำนาจของ ศีล สมาธิ ปัญญา ขั้นต้นเท่านั้น สามารถส่งท่านไปถึงที่นั่นได้สบาย ๆ แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราที่ก้าวข้ามจากนั้นไปแล้วล่ะ ? พ้นจากความเป็นเทวดา พ้นจากความเป็นพรหม ซึ่งไม่รู้ว่าต้องทุ่มเทพลังงานมหาศาลขนาดไหนกว่าจะผ่านได้แต่ละขั้น แต่พระองค์ท่านหลุดไปสู่พระนิพพาน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พลังงานของพระองค์ท่านจึงมหึมามโหฬาร ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงได้ แต่เราต้องทำให้ถึงความเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระธรรม และพระอริยสงฆ์ จึงจะทุ่มเทให้ได้แม้กระทั่งชีวิต คราวนี้การที่เราจะทำให้ถึงนั้น ทำอย่างไร ? อันดับแรกก็รักษาศีล แล้วก็สร้างสมาธิภาวนาให้เกิด ไม่ต้องมากครับ..แค่ระดับปฐมฌานเท่านั้น ทันทีที่สมาธิของเราก้าวสู่อัปปนาสมาธิระดับปฐมฌาน รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นกิเลสใหญ่ทั้งหมด จะโดนอำนาจของฌานสมาบัติที่เป็นโลกิยะนะครับ กดดับลงชั่วคราว ความสุขกายสุขใจที่เยือกเย็นจนบอกไม่ถูกจะเกิดขึ้น ทำไมถึงบอกไม่ถูก ? ก็เพราะว่าเราโดนแผดเผาด้วยไฟรัก ไฟโลภ ไฟโกรธ ไฟหลง อยู่ตลอดเวลา อำนาจสมาธิเบื้องต้นสามารถดับไฟใหญ่ทั้ง ๔ กองนี้ลงได้ คนที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ ไฟดับลง ท่านสามารถบอกได้หรือไม่ว่าเขามีความสุขความสบายแบบไหน ? เราไม่สามารถอธิบายเป็นภาษามนุษย์หรือว่าตัวหนังสือได้ เพราะว่าเป็นสภาวธรรมที่เกิดขึ้นในใจ ซึ่งบาลีเรียกว่า ปัจจัตตัง ก็คือรู้เฉพาะตน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-05-2021 เมื่อ 05:12 |
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ถ้าเราเพิ่มปัญญาเข้าไปเพียงเล็กน้อยว่า ตัวเราเป็นโลกิยบุคคล ทรงแค่ระดับปฐมฌาน ยังมีความสุขความเยือกเย็นใจได้ขนาดนี้ แล้วบุคคลที่ทรงฌานที่ ๒ จะมีความสุขขนาดไหน ? เพราะว่าหนักแน่นมั่นคงกว่ามาก บุคคลที่ทรงฌานที่ ๓ จะมีความสุขขนาดไหน ? บุคคลที่ทรงฌานที่ ๔ จะมีความสุขขนาดไหน ?
แล้วบุคคลที่สามารถทรงฌานที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ซึ่งเป็นอรูปฌานได้ จะมีความสุขขนาดไหน ? เพราว่าความมั่นคงยิ่งมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระดับ อำนาจแค่โลกิยสมาธิขั้นต้นยังยิ่งใหญ่ขนาดสามารถประหัตประหารกิเลสให้สงบนิ่งลงได้ชั่วคราว เรายังมีความสุขขนาดนี้ แล้วพระโสดาบันจะมีความสุขขนาดไหน ? อรรถกถาจารย์กล่าวว่า พระโสดาบันนั้นมีความสุขยิ่งกว่าพระเจ้าจักรพรรดิที่เกิดมาแล้วไม่ต้องหวาดระแวงอะไร เพราะว่าในโลกไม่มีใครเป็นศัตรูกับพระองค์ท่าน ความสุขระดับนั้นของพระเจ้าจักรพรรดิ ไม่ได้เศษ ๑ ส่วน ๑๖ ของพระโสดาบัน แล้วพระสกทาคามีที่แค่เวียนว่ายตายเกิดชาติเดียวจะมีความสุขขนาดไหน ? เห็นทางหลุดพ้นอยู่ตรงหน้าแล้ว พระอนาคามีที่ไม่ต้องลงมาเกิดให้ทุกข์ ปฏิบัติต่ออยู่สุทธาวาสพรหมก็ดีหรือว่าอยู่สวรรค์ชั้นที่ตนเองปรารถนาก็ตาม รอเวลาเข้าสู่พระนิพพานเท่านั้น ไม่ต้องเสี่ยงกับอบายภูมิด้วยประการทั้งปวง จะมีความสุขขนาดไหน ? แล้วพระอรหันต์ที่ท่านพ้นตายพ้นเกิดพ้นทุกข์ทั้งปวงแล้ว จะมีความสุขขนาดไหน ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-05-2021 เมื่อ 05:13 |
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นบรมครูของทั้งมนุษย์และเทวดา เป็นผู้สอนพระอรหันต์เข้าสู่พระนิพพานจนนับไม่ถ้วน จะมีความสุขขนาดไหน ? ใช้ปัญญาเล็กน้อยแค่นี้ครับ ท่านจะเห็นความยิ่งใหญ่ ความน่าเคารพเลื่อมใสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
เมื่อถึงตอนนั้นกำลังใจ วาจาที่กล่าว ร่างกายที่ประพฤติ ก็จะมอบกายถวายชีวิตให้กับคุณพระศรีรัตนตรัยแบบไม่มีข้อแม้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ตายลงไปเพื่อแลกกับความดีตรงนี้ก็ยอม ถ้ากำลังใจของท่านเข้าถึงตรงนี้ได้ มองเห็นตรงนี้ได้ ท่านจะเห็นว่าไม่ใช่แค่ราหูซ้อนราหูหรอกครับ ผมให้ขี่กันมาอีก ๑๐ เท่าก็ทำอะไรไม่ได้สำหรับบุคคลที่มั่นคงต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผมถึงได้บอกว่า ผมไม่ได้ให้ราคาตรงนี้เลย หิ่งห้อยไม่สามารถที่ประชันได้แม้แต่แสงจันทร์ แล้วจะไปเทียบอะไรกับดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่ เพียงแต่ท่านทั้งหลายต้องทำให้ถึงตรงนี้ และต้องรู้จักคิด เมื่อเวลาจิตสงบแล้ว ปัญญาถึงจะเกิด แล้วหลังจากนั้นเมื่อท่านกราบพระ ก็จะกราบด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ไม่ใช่สักแต่แปะ ๆ ให้ครบ ๓ ครั้ง ท่านเอ่ยว่า นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ก็นอบน้อมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก ก็ยึดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก ก็ยึดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก ก็ยึดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-05-2021 เมื่อ 05:14 |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ท่านทั้งหลายจะกลายเป็นคนขยันโดยอัตโนมัติ ความขี้เกียจใด ๆ ไม่สามารถที่จะครอบงำได้ เพราะเห็นคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงแล้ว เมื่อหลาย ๑๐ ปีก่อน ผมถึงบอกกับตนเองว่า ถ้าต้องอยู่ทุกข์ทรมานในโลกนี้ไปจนอายุ ๑๒๐ ปี แล้วให้ผมเข้าถึงแค่พระโสดาบันเท่านั้น ก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ไม่ต้องถึงพระอรหันต์นะครับ แค่พระโสดาบันเท่านั้น
ดังนั้น...ในส่วนนี้จึงฝากต่อพระภิกษุสามเณร แม่ชี และฆราวาส ไม่ว่าจะฟังอยู่ที่นี่ หรือว่าอยู่ทางบ้าน ทางวัดวาอาราของตนเองก็ตาม จะอยู่ภายในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม เรื่องของดวงดาวต่าง ๆ เรื่องของเทวดานพเคราะห์ต่าง ๆ จะส่งผลต่อท่านทั้งหลายได้น้อยยิ่งกว่าน้อย ถ้าหากว่าท่านมั่นคงในคุณพระศรีรัตนตรัย ขอให้เชื่อมั่นว่า คุณพระรัตนตรัยสามารถกำจัดทุกข์ กำจัดภัยได้จริง โดยเฉพาะภัยใหญ่คือกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ภัยอื่น ๆ นั้น ล้วนแต่เป็นเพียงเศษฝุ่นเท่านั้น ถ้ากำลังใจทุกคนตั้งมั่นไว้ได้อย่างนี้ เราก็ไม่ต้องไปเครียด ไม่ต้องไปกังวล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เรามีคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ยึดมั่นในพระองค์ท่านด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พากเพียรปฏิบัติด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ถ้าทำอย่างนี้ได้ ความสำเร็จในชาตินี้ของท่านทั้งหลายก็ไม่เกินที่จะหวัง ก็ขอเรียนถวายและเจริญพรต่อทุกท่านไว้แต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-05-2021 เมื่อ 05:15 |
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|