|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เดี๋ยวอีกสักครู่พวกเราก็จะมีการเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล
แต่คราวนี้วันนี้ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ ซึ่งถ้าไม่ใช่ปีอธิกมาส ก็คือวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ เป็นวันสำคัญยิ่งอีกวันหนึ่งของพระพุทธศาสนาที่โลกลืมไปแล้ว เชื่อว่าท่านทั้งหลายก็คงจะลืมไปด้วย ก็คือเป็นวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ที่ภาษาราชการเรียกกันว่า วันอัฐมีบูชา ปกติแล้ววันที่มีความสำคัญขนาดนี้ ก็น่าจะได้รับการยกย่องและจัดงานใหญ่เสมอกับวันอื่น ๆ อย่างเช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา หรือว่าวันอาสาฬหบูชา แต่เนื่องจากว่าวันอัฐมีบูชานั้น ห่างจากวันวิสาขบูชาแค่ ๘ วัน ก็เลยทำให้ส่วนใหญ่แล้วเตรียมงานไม่ทัน เมื่อนานไปจึงกลายเป็นวันสำคัญที่โดนหลงลืมไปเป็นปกติ ทั่วประเทศไทยขณะนี้มีวัดที่จัดงานอัฐมีบูชาอยู่แค่ไม่กี่แห่ง จำได้แม่นยำว่ามีวัดพระแท่นศิลาอาสน์ จังหวัดอุตรดิตถ์แห่งหนึ่ง แม้แต่กาญจนบุรีของเราที่มีวัดพระแท่นดงรังวรวิหาร ก็ไม่ได้มีการจัดงานอย่างเป็นทางการ ปีนี้วันอัฐมีบูชามาตรงกับวันแรม ๘ ค่ำเดือน ๗ เพราะว่าเป็นปีอธิกมาส มีเดือน ๘ สองหน แล้วก็มาตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระบรมราชินีเข้าพอดี ก็ถือว่าเป็นวาระอันเป็นมงคลใหญ่สองวาระซ้อนกัน พวกเราที่ตั้งใจจะเจริญพระพุทธมนต์ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ก็เท่ากับว่าทำงานใหญ่สองงานพร้อมกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2021 เมื่อ 02:34 |
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
คราวนี้ก่อนที่จะลงมาทำวัตรค่ำ เพื่อนฝูงเขาส่งคลิปมาให้ดู เป็นภาพที่ประชาชนชาวอินเดียนำเทวรูปเคารพจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นพระศิวะ พระนารายณ์ พระอุมา พระแม่ลักษมี ตลอดจนกระทั่งเทพเจ้าจำนวนมากมาย และบรรดาสัตว์พาหนะของเทพเจ้าอย่าง โคนนทิ หงส์ หรือว่าหนู โดนนำไปทิ้งลงแม่น้ำจำนวนมหาศาล โดยมีเหตุผลว่าบูชาไปเทพเจ้าก็ไม่ช่วยให้พ้นจากเชื้อไวรัสโควิด ๑๙..!
อาตมาเห็นแล้วก็เศร้าใจ แต่จะว่าไปแล้วศาสนาพราหมณ์ฮินดูนั้น นับถือเทพเจ้าแบบไม่ค่อยจะตรงแบบนี้มาตลอดตั้งแต่แรกเริ่ม ก็คือเห็นเทพเจ้าทั้งหลายเป็นสิ่งที่มีไว้เพื่อร้องขอ อยากได้อะไรก็อ้อนวอนต่อเทพเจ้าเพื่อให้ท่านประทานให้ จะว่าไปแล้วการเคารพนับถือ เทวดา นางฟ้า พรหม ต่าง ๆ จัดเป็นเทวตานุสติ คือการระลึกถึงเทวดาอย่างหนึ่ง ในศาสนาพุทธของเราก็มีเทวตานุสติ ที่เป็นกรรมฐานกองใหญ่ ๑ ใน ๔๐ กอง แต่พระพุทธเจ้าของเราไม่ได้สอนให้ร้องขอ พระองค์ท่านมั่นใจในศักยภาพของบุคคล จึงสอนวิธีการที่ทำให้เป็น เทวดา นางฟ้า และพรหม ตลอดจนกระทั่งพระวิสุทธิเทพ คือเทวดาผู้บริสุทธิ์อย่างสิ้นเชิงบนพระนิพพาน โดยแสดงหลักธรรมต่าง ๆ ประกอบการที่ทำให้เราปฏิบัติแล้ว สามารถเป็น เทวดา นางฟ้า พรหม หรือว่าหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีศีล ๕ ครบถ้วนบริบูรณ์ ประกอบไปด้วย หิริ โอตัปปะ รู้จักละอายต่อความชั่ว ไม่กล้ากระทำ รู้จักเกรงต่อผลของความชั่วว่าจะส่งผลให้เราต้องลำบากเดือดร้อน คุณธรรมทั้งหลายเหล่านี้ทำให้เราเป็นเทวดาได้ เป็นนางฟ้าได้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถรักษาศีล ๕ และเจริญสมาธิภาวนาจนทรงฌานในระดับระดับหนึ่ง ตั้งแต่ปฐมฌานหยาบขึ้นไปจนถึงฌาน ๔ ละเอียด ท่านทั้งหลายก็สามารถเป็นพรหมตั้งแต่ชั้นที่ ๑ ถึงชั้นที่ ๑๑ ตามกำลังที่ทำถึง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2021 เมื่อ 02:37 |
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายรักษาศีลได้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เจริญในกสิณกองใดกองหนึ่ง แล้วต่อเป็นอรูปฌานที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ท่านทั้งหลายก็สามารถเกิดเป็นอรูปพรหมได้ เพียงแต่ว่าการเกิดเป็นอรูปพรหมนั้นอันตรายมาก เพราะว่าไม่สามารถบำเพ็ญกุศลอื่นเพิ่มเติมได้ เหลืออยู่อย่างเดียวว่า ถ้าหากหมดบุญ แล้วไม่มีเศษบุญเก่าเหลืออยู่ ก็อาจจะหลุดลงอบายภูมิไปเลย
ส่วนท่านใดที่รู้จักบำเพ็ญภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ยกเอาวิปัสสนามาพินิจพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงว่า สภาพร่างกายของเราก็ดี คนอื่นก็ดี สัตว์อื่นก็ดี วัตถุธาตุทั้งหมดก็ดี มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้ ระหว่างที่ดำรงอยู่ ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ แล้วถอนจิตออกมาจากการยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้หรือในโลกนี้ ก็สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ ในส่วนนี้ศาสนาพุทธของเราจึงมีหลักธรรม หรือว่าหลักการที่สร้างให้พุทธศาสนิกสามารถเป็น เทวดา นางฟ้า พรหม อรูปพรหม หรือ พระวิสุทธิเทพ เข้าสู่พระนิพพานได้ แต่ในปัจจุบันนี้ ชาวพุทธส่วนใหญ่ก็เริ่มเอนเอียงไปในทางศาสนาพราหมณ์ฮินดู ก็คือกราบไหว้บูชาพระพุทธรูป โดยมีการอธิษฐานร้องขอสิ่งต่าง ๆ เหมือนกัน หรือไม่ก็ใส่บาตรพระสงฆ์ ก็อธิษฐานขอสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะวันที่ ๑ และวันที่ ๑๖ ก็คือขอให้ถูกหวยรวยเบอร์ ซึ่งมีแต่จะทำให้พวกเราทั้งหลายห่างไกลหลักธรรมที่แท้จริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเรื่อย ฉะนั้น..สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านที่เป็นพระภิกษุสามเณรหรือแม่ชี จำเป็นที่จะต้องมีหลักการที่มั่นคง จะได้แนะนำให้แก่ญาติโยมทั่วไปให้เข้าใจได้ถูกต้อง สิ่งทั้งหลายที่เขาทำ เราไม่สามารถที่จะไปบังคับให้เขาแก้ไขได้ แต่เราสามารถชี้แจงสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าหากว่าเขาทั้งหลายเหล่านั้นมีกุศลกรรมเข้ามาสนับสนุน ก็จะเลี้ยวกลับเข้ามาในหนทางที่ถูกต้อง ทำให้สามารถล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ง่ายกว่าผู้ที่ยังหลงทางอยู่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2021 เมื่อ 02:39 |
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ดังนั้น..พวกเราตอนนี้ที่จะเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่เราทำก็จัดเป็นมหากุศล แต่ขอให้เราตั้งใจมั่นว่า ผลบุญทั้งหลายที่เราทำนี้ ก็เพื่อให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้
แล้วก็อย่าได้ลืมในเรื่องของการ สลัด ตัด ละ อารมณ์ชั่วร้ายต่าง ๆ ของกิเลส ไม่ว่าจะเป็น รัก โลภ โกรธ หรือหลงก็ตาม เพราะว่าถ้าเราที่เป็นพระภิกษุสามเณรหรือแม่ชี ไม่สามารถที่จะตัดละสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ให้มีน้อยกว่าฆราวาสทั่วไป หรือว่าให้หมดไป เราก็ไม่สามารถที่จะเป็นตัวอย่าง หรือไม่สามารถที่จะสอนคนอื่นได้เต็มปากเต็มคำ จึงเป็นเรื่องที่เราทั้งหลายจำเป็นต้องตระหนักอย่างยิ่ง โดยเฉพาะญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่ จะเป็นที่วัดท่าขนุนนี้ก็ดี จะเป็นที่อยู่ทางบ้านก็ดี ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศก็ตาม ต้องพยายามปฏิบัติให้ตรงตามแนวที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรามา เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว เราจะได้เป็นตัวอย่างให้แก่บุคคลที่ยังไม่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ยิ่งถ้าเราสามารถพัฒนา กาย วาจา ใจ ของเรา จนเข้าสู่ระดับพระอริยเจ้าได้ เราก็จะกลายเป็นตัวอย่างที่ดี มีคนที่สนใจจะปฏิบัติตาม เพราะว่าเราสามารถทำจนเห็นผลมาแล้ว ลำดับต่อไป เดี๋ยวพวกเราก็จะได้เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีกันต่อไป ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณร ตลอดจนเจริญพรแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2021 เมื่อ 02:41 |
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|