|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตอนนี้นับว่าพระเณรของเราได้รับวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ กันครบถ้วนแล้ว ก็ต้องขอบพระคุณท่านโจ้ (พระปฏิวัติ ฐิตเมโธ) และเจริญพรขอบคุณคณะบุญเพื่อพระนิพพาน ที่ช่วยดำเนินการตรงนี้จนเสร็จเรียบร้อย หลังจากนี้ก็รอการรับวัคซีนเข็มที่ ๒ กันต่อไป
แต่คราวนี้อยากจะแจ้งให้กับญาติโยมที่อยู่ทางสงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ถ้าหากว่าฟังรายการนี้อยู่ ให้รีบขวนขวายฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะว่าพวกท่านอยู่ในรอยต่อของการแพร่ระบาด ทั้งจากทางด้านบนลงไป และจากทางด้านมาเลเซียขึ้นมา มีโอกาสที่จะติดเชื้อกันสูงมาก..! ถ้าหากว่าใครมีใบนัดแล้ว ก็ไปฉีดตามที่หมอนัดเอาไว้ ใครที่ยังไม่มี ให้รีบสมัครหมอพร้อม หรือไม่ก็แจ้งแก่ อสม.หรือโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านที่สุด สอบถามว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ถึงจะได้รับวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้ แล้วก็ทำตามที่ทาง อสม.หรือว่าแพทย์พยาบาลแนะนำมา เพราะว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของปักษ์ใต้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ยิ่งท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศจะเปิดประเทศในช่วง ๑๒๐ วัน ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะว่าบุคคลที่รับวัคซีนครบ ๒ เข็มแล้วยังติดเชื้อได้ มีตัวอย่างให้เห็นกันมากมายที่ต่างประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกา ตอนนี้ก็ประกาศว่าไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย ถ้าเจอการระบาดอีกสักครั้งหนึ่ง ก็ยังคงไม่รู้สึกรู้สาอยู่ดี เพราะว่าคนของสหรัฐอเมริกานั้น ถือสิทธิส่วนบุคคลมากจนเกินไป ไม่ว่าอะไรก็ตาม ถ้าหากว่าเป็นคำสั่งจากทางฝ่ายปกครองให้ทำโน่นทำนี่ เขาถือว่ามาบังคับกัน เขาไม่ยอมรับ เรื่องนี้ทำให้สหรัฐอเมริกามีคนตายจากเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ถึง ๖๐๐,๐๐๐ กว่ารายเข้าไปแล้ว..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2021 เมื่อ 02:28 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ดังนั้น..ในส่วนนี้นอกจากญาติโยมที่อยู่ ๕ จังหวัดปักษ์ใต้ที่อาตมภาพกล่าวถึงมา ญาติโยมที่อยู่ต่างประเทศก็ต้องระมัดระวังให้หนัก ถึงรับวัคซีนไปแล้ว ก็ต้องเว้นระยะ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ต่อไปอีกอย่างน้อย ๒ ปี และโดยเฉพาะถ้าหากว่ารับวัคซีนถึง ๖ เดือนไปแล้ว ก็ควรที่จะไปฉีดรอบใหม่ ก็แปลว่าอย่างน้อย ๆ ท่านต้องรับวัคซีนสัก ๔ ครั้ง
เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ แม้ว่าจะเกิดจากกรรมเก่า แต่บางอย่างถ้าไม่ประมาท เราก็สามารถผ่อนหนักเป็นเบา และผ่อนเบาให้เป็นหายได้ คราวนี้ความไม่ประมาทนั้นต้องอาศัยสติ สมาธิ และปัญญาเป็นอย่างสูง เผลอสติเมื่อไรเราก็จะเผลอตัว อย่างเช่นว่า ลืมใส่หน้ากาก ลืมล้างมือ หรือว่าเผลอเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด เป็นต้น น่าเสียดายที่บ้านเรา ซึ่งก่อนหน้านี้มีวัฒนธรรมที่เด็กอ่อนน้อมถ่อมตนและเชื่อฟังผู้ใหญ่ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศของเราได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่แล้วเด็ก ๆ ได้รับการศึกษามามาก โดยเฉพาะการศึกษาแบบฝรั่ง ทำให้ตั้งคำถามกับทุกเรื่อง ซึ่งเรื่องแบบนี้ถ้าหากว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมแล้ว ถือว่าท่านหาสิ่งที่มาขวางการปฏิบัติของตนเอง ก็คือ มีวิจิกิจฉา ลังเลสงสัยไปทุกเรื่อง กำลังใจไม่ได้มุ่งมั่นต่อสิ่งที่ตนเองทำ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จจึงมีน้อยมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-06-2021 เมื่อ 00:12 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะเห็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ ปีของเราว่า
พันปีแรก จะมากไปด้วยพระที่ทรงปฏิสัมภิทาญาณ พันปีที่สอง มากด้วยพระที่ทรงอภิญญา ๖ พันปีที่สาม ช่วงที่เราอยู่ มากด้วยพระที่ทรงวิชชา ๓ พันปีที่สี่ จะมากด้วยพระสุกขวิปัสสโก พันปีที่ห้า จะมากด้วยพระอนาคามี เราจะเห็นถึงความถดถอย เพราะว่าสัญญาและปัญญาของคนเราทรามลงจากการที่ตั้งข้อสงสัยกับทุกสิ่งทุกอย่าง เนื่องจากว่าในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าเราสงสัยเมื่อไรเท่ากับเราสร้างอุปสรรคมาขวางตนเอง เราจะเห็นว่าโบราณาจารย์ บางทีบัญญัติพระคาถาบางบทขึ้นมา ฟังไม่ได้ศัพท์เลย บางทีก็เป็นถ้อยคำที่หยาบ ๆ คาย ๆ ค่อนไปทางลามกเสียด้วยซ้ำไป แต่ลูกศิษย์นำไปปฏิบัติแล้วได้ผลที่ชัดเจนมาก พอมาถึงสมัยนี้แล้ว หาคนที่ปฏิบัติแล้วประสบความสำเร็จอย่างนั้นได้น้อย ก็เพราะว่าคนรุ่นหลังส่วนใหญ่แล้วไปตั้งข้อสงสัย ขาดศรัทธาอย่างแท้จริง โดยเฉพาะศาสนาพุทธของเรา ถ้าขาดตถาคตโพธิสัทธา คือความศรัทธาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มั่นใจว่าพระองค์ท่านรู้จริงรู้รอบในทุกเรื่อง เราก็จะลังเลสงสัย ในเมื่อลังเลสงสัย โอกาสที่ปฏิบัติแล้วได้มรรคได้ผลก็น้อย บุคคลสมัยนี้จึงไม่สามารถที่จะใช้พระคาถาให้เกิดผลอย่างแท้จริง ไม่สามารถที่จะใช้วัตถุมงคลให้เกิดผลอย่างแท้จริง เพราะว่าสงสัย แล้วทำให้ขาดศรัทธา ศาสนาทุกศาสนาต้องเริ่มต้นด้วยศรัทธาทั้งนั้น ถ้าไม่ศรัทธาคนก็จะไม่เข้าหาศาสนานั้น ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2021 เมื่อ 02:32 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ดังนั้น..ตรงจุดนี้เมื่อเราทราบแล้วว่าจุดบกพร่องของเราอยู่ตรงไหน ก็ต้องพยายามแก้ไข การมีปัญญารู้จักสงสัยเป็นเรื่องดี แต่ต้องควบคุมให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม ก็คือก่อนปฏิบัติธรรมจะลังเลสงสัยเท่าไรก็ได้ แต่ตอนที่ท่านปฏิบัติธรรมต้องลืมให้หมด แล้วตั้งหน้าตั้งตาภาวนาเท่านั้น
และยังมีอีกหลายท่าน ที่ต้องบอกว่าปัญญาน้อยเกินหรือปัญญามากเกินไปก็ไม่ทราบ อย่างเช่นสงสัยว่า ในเมื่อหลวงพ่อสอนว่าไม่ให้ยึดลมหายใจเข้าออก แต่พอตนเองปฏิบัติไประยะหนึ่ง กำลังใจกลับเกาะติดอยู่กับลมหายใจเข้าออก ไม่ยอมปล่อย แล้วอย่างนี้ทำอย่างไรถึงจะก้าวหน้าได้ ? ตรงนี้ต้องบอกว่าเป็นพวกฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด...! เพราะว่าการปฏิบัติตั้งแต่แรกเริ่มก็คือ เราต้องพยายามอยู่กับลมหายใจเข้าออก จนกำลังใจแนบแน่นเป็นหนึ่งเดียวกับลมหายใจเข้าออก คือเกาะติดชนิดไม่ยอมปล่อย แต่ในส่วนที่ไม่ให้สนใจลมหายใจเข้าออกก็คือ เมื่อกำลังใจเริ่มเข้าสู่ภาวะของทุติยฌาน เป็นอัปปนาสมาธิขั้นที่ ๒ ลมหายใจจะเบาลงบ้าง หายไปบ้าง คำภาวนาจะหายไปบ้าง เราค่อยปล่อยวาง ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับลมหายใจ แค่รับรู้เฉย ๆ ว่าตอนนี้อาการเป็นอย่างนั้น ไม่ดิ้นรนเพื่อให้เข้าถึงอาการอย่างนั้น และไม่พยายามกลับมาหายใจใหม่ ก็คือไม่ต้องไปใส่ใจกับลมหายใจแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-06-2021 เมื่อ 00:13 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ท่านที่จับแพะชนแกะ แล้วแถมยังชนผิดด้วย ก็คือข้ามขั้นตอนไป แทนที่จะเริ่ม ก.ไก่ ข.ไข่ ก็ไป บวก ลบ คูณ หาร กันเลย แล้วก็สงสัยว่า ทำไมเราจะ บวก ลบ คูณ หาร แล้วต้องเขียนเลข ๑ ถึง ๐ ได้ครบถ้วนก่อน ? ทำไมเราต้องศึกษาว่าเลขแต่ละตัวมีผลต่างกันอย่างไร ? ทำไมเราต้องเข้าใจว่าการบวกคือการเพิ่มขึ้น การลบคือการลดลง การคูณก็คือการเพิ่มขึ้นแบบทวีจำนวน การหารก็คือการแบ่งส่วนที่เท่า ๆ กัน ? ก็เพราะว่าท่านตีความเกินจากสิ่งที่ตนเองทำอยู่ในปัจจุบันไปมาก
ดังนั้น..ครูบาอาจารย์ท่านถึงสอนเราอย่างชัดเจนว่า เรื่องของตำรายึดมากไปก็ไม่ดี ไม่ยึดเลยก็อาจจะเกิดผลเสีย พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า กัลยาณมิตรเป็นเกือบทั้งหมดของการปฏิบัติธรรม คำว่ากัลยาณมิตรในที่นี้ พระองค์ท่านหมายถึงครูบาอาจารย์ หรือบุคคลที่มีความเข้าใจหลักธรรมอย่างลึกซึ้ง อาจจะอธิบายให้เราเข้าใจอย่างชัดเจนได้ ดังนั้น..ในวันนี้ที่เรียนถวายต่อพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยม ทั้งในที่นี้และที่ฟังอยู่ทางบ้าน ทั้งในประเทศและต่างประเทศก็คือ อย่าได้ประมาทต่อเชื้อโรคร้ายที่คิดว่าเราจะชนะได้ ไม่มีอะไรสามารถชนะแรงกรรมได้ โรคภัยไข้เจ็บเกิดจากกรรมเก่าที่เราทำไว้ ถ้าทรงความไม่ประมาท ก็สามารถที่จะผ่อนหนักเป็นเบา ทำเบาให้เป็นหาย และขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเชื่อฟังข้อแนะนำของทางแพทย์พยาบาล หรือถ้าในประเทศไทยก็อย่างเช่น ศบค. ก็จะทำให้ท่านสามารถที่จะเอาตัวรอดจากเชื้อไวรัสนี้ไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากว่าไม่เชื่อฟัง ตั้งข้อสงสัย ไม่ปฏิบัติตาม อย่าว่าแต่เอาตัวรอดจากเชื้อโรคเลย แม้แต่การปฏิบัติธรรมของท่านก็เอาตัวไม่รอดด้วย..! จึงขอเรียนถวายทุกท่าน และเจริญพรให้แก่ญาติโยมได้ทราบแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2021 เมื่อ 02:36 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|