|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ พรุ่งนี้เช้ากระผม/อาตมภาพต้องไปเข้ากรรมฐานตั้งแต่ตอนเช้ามืดเป็นต้นไป งานหลัก ๆ เลยระหว่างเข้ากรรมฐานก็คือ รักษากำลังใจตามที่พระหรือครูบาอาจารย์ท่านกำหนดให้ ประการต่อไปก็คือ ปลุกเสกวัตถุมงคลที่เข้าพิธีอยู่ ซึ่งวัตถุมงคลหลักก็คือเหรียญสมเด็จองค์ปฐมยิ้มรับทรัพย์ทุกเนื้อ แม้กระทั่งเหรียญตัวอย่าง เหรียญลองพิมพ์ แล้วก็พระหลวงพ่อโตย้อนยุค เลียนแบบหลวงพ่อโตกรุวัดชีปะขาวหาย กับพระขุนแผนย้อนยุค เลียนแบบพระขุนแผนเคลือบ วัดใหญ่ชัยมงคล ที่พี่ณพ (พันตำรวจเอกอรรณพ กอวัฒนา) ทำเอาไว้ ซึ่งความจริงพระที่พี่ณพทำเอาไว้นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเสก แต่ต้องบอกว่าทุกคนตั้งความหวังไว้ว่า "น่าจะได้อะไรเพิ่มสักนิดหนึ่ง" ก็เลยต้องเอาไปเข้าพิธีตอนกรรมฐาน ๓ วันด้วย โดยเฉพาะพระขุนแผนเคลือบที่เลียนแบบพระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล พี่ณพระบุไว้ชัดว่าเป็นสมเด็จองค์ปฐม ซึ่งตรงจุดนี้เท่ากับเป็นการบังคับไปในตัว เพราะว่าถ้าหากว่าเป็นรูปของสมเด็จองค์ปฐม จะไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดเป็นประธานในพิธีเสก จึงต้องเป็นพระองค์ท่านเท่านั้น ซึ่งเรื่องแบบนี้ ผมเตือนนักเตือนหนาไปหลายทีแล้วว่า การที่จะสร้างรูปพระ โดยเฉพาะสมเด็จองค์ปฐม ให้ทำพิธีกรรมให้ถูกต้อง ก็คือต้องมีการบวงสรวงบอกกล่าวขออนุญาตก่อน จนกระทั่งท้ายสุดก็คือบวงสรวงขออนุญาตในการพุทธาภิเษก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2021 เมื่อ 08:26 |
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ตัวกระผม/อาตมภาพเองได้เปรียบตรงที่ว่าทำบวงสรวงบ่อย ในระหว่างนั้นถ้ามีสิ่งหนึ่งประการใดที่จำเป็นก็มักจะขอไปเลยทีเดียว ตรงจุดนี้ก็เลยทำให้หลายท่านไปเข้าใจผิด ว่าไม่เห็นกระผม/อาตมภาพทำพิธีอะไร ความเข้าใจผิดทั่ว ๆ ไปก็ไม่เป็นไร แต่ความเข้าใจผิดเรื่องของพระ เรื่องของครูบาอาจารย์ จะพาความซวยมาถึงตัวได้ง่าย ๆ..!
จะเห็นว่าวัตถุมงคลอย่างเดียวกัน ต่อให้ทำให้วัดอื่น แต่ถ้าหากว่าจำหน่ายในนามวัดท่าขนุนจะจำหน่ายได้ดีกว่า และมักจะจำหน่ายได้หมด ของวัดอื่นก็รุ่นเดียวกัน เนื้อเดียวกัน เสกพิธีเดียวกัน แต่มักจะจำหน่ายไม่หมด ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็เคยย้ำบอกกับพวกเราทุกคน โดยเฉพาะกับพระเณรของเราว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่เพื่อนเล่น ที่เราอยากจะทำรูปของท่านก็ทำ แล้วกระผม/อาตมภาพจะทำก็ต่อเมื่อได้รับคำสั่งเท่านั้น ล่าสุดนี้ก็พระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) วัดสี่แยกเจริญพร ก็จะทำสมเด็จองค์ปฐมอีกรุ่นหนึ่ง โดยขอให้กระผม/อาตมภาพช่วย ก็คือมีการขอชนวนมวลสารอะไรมา กระผม/อาตมภาพบอกว่า "งานนี้ผมไม่ช่วย เพราะว่าผมไม่ได้รับคำสั่งให้ทำ" ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสร้างวัตถุมงคลไปโดยหวังเงินประการเดียว ขอบอกว่าแค่เริ่มต้นก็คิดผิดแล้ว..! การสร้างวัตถุมงคลนั้น หลัก ๆ เลยก็คือเป็นอนุสติ ให้คนระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยได้ รองลงไปก็คือ ผลพิเศษที่วัตถุมงคลแต่ละอย่าง แต่ละประเภท จะมีขึ้น เกิดขึ้น แก่ญาติโยมที่นำไปบูชา เรื่องของการจำหน่ายแล้วมีรายได้เข้าวัดนั้น ไม่ต้องไปคิดเลย ดูอย่างที่พี่ณพทำก็เช่นกัน ท่านทำขึ้นมาก็ไม่ได้คิดที่จะจำหน่าย แต่ทำเพื่อ "ฝากผลงานไว้ในแผ่นดิน" ว่าวัตถุมงคลที่ประกอบไปด้วยชนวนมวลสารที่หายากขนาดนี้ ท่านสามารถทำได้ เป็นลักษณะของการทำเพื่อเอาชื่อเสียง ใครนำวัตถุมงคลไปใช้มีประสบการณ์ กล่าวขวัญถึงเมื่อไร ก็ไม่ใช่วัตถุมงคลวัดท่าขนุน แต่ว่าเป็นวัตถุมงคลที่พี่ณพทำแล้วมอบให้กับวัดท่าขนุน เพราะท่านเห็นว่าผมทำงานใหญ่หลายงานพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะงานสงเคราะห์ที่เป็นสาธารณะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2021 เมื่อ 08:27 |
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
อีกประการหนึ่งก็คือ ในเรื่องของการสร้างวัตถุมงคลนั้น พิธีกรรมต่าง ๆ บางอย่างก็มีเคล็ดลับอยู่ ซึ่งถ้าหากว่าไม่ได้รับการบอกกล่าวจากครูบาอาจารย์ ทั้งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน เราทำไปก็ไม่ได้ผลเช่นเดียวกับคนที่ท่านรู้เคล็ดลับแล้วทำ
ทุกวันนี้ในช่วงบวงสรวง ผมขอยืนยันว่า ต่อให้เปิดเสียงของหลวงพ่อวัดท่าซุงบวงสรวงก็ตาม ถ้าไม่รู้เคล็ดลับ ก็ไม่ได้ผลเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ บอกใบ้ให้ก็ได้ว่า ตอนช่วงท้ายของการบวงสรวงก็คือ ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา บอกชัด ๆ ว่า "นี่เป็นเวลาแห่งการฟังธรรม" แล้วเกี่ยวอะไรกับการบวงสรวง ? ปล่อยให้พวกท่านไปคิด ปล่อยให้ไปเดาเอาเอง เพราะว่าครูบาอาจารย์ก็ไม่ให้บอก แต่กระผม/อาตมภาพมาบอกต่อแค่นี้ ให้ไปเดากันเล่น เคล็ดลับบางอย่างที่พระ หรือพรหม หรือเทวดาท่านให้เป็นการเฉพาะตัวก็ยังมีอีก ดังนั้น..พิธีกรรมพิธีการเดียวกัน ทำไมแต่ละคนทำแล้วผลไม่เหมือนกัน ? ตรงจุดนี้พวกเราต้องระมัดระวังกันให้มาก หลายท่านทำเหมือนอย่างกับว่า เรียกพระเรียกเทวดามาใช้งาน โปรดระวังไว้ด้วยนะ สมัยอยู่วัดท่าซุง หลวงตาผ่องต้องบอกว่าเป็นพระที่ "เก๋า" ที่สุดในวัดท่าซุง หล่นจาก "ตึกทหารอากาศสงเคราะห์" ปัจจุบันอาคารหลังนี้ไม่มีแล้ว โดนยุบรวมกับศาลาหลวงพ่อ ๔ พระองค์ไปแล้ว หลวงตาผ่องหล่นชั้นบนลงมาข้างล่าง..! พอถึงเวลาท่านก็ว่าคาถาบวงสรวง แล้วก็ทำไม่ถูกหลัก ไม่ถูกพิธี เทวดาท่านก็เลยเมตตายันให้เบา ๆ..! ปลิวจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง เทวดาท่านสอนให้รู้ว่าต่อไปอย่าทะลึ่งทำแบบนี้อีก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2021 เมื่อ 08:30 |
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว กระผม/อาตมภาพเอง ก็ไม่สามารถที่จะบอกเคล็ดลับอะไรให้กับพวกท่านได้มากไปกว่านี้ อย่างแรกก็คือไม่ได้รับอนุญาต อันดับที่สองก็คือถ้าไปถึงรุ่นของท่านแล้ว ไม่รู้ว่าจะโดนเปลี่ยนอีกหรือเปล่า ?
คำว่า "ไม่รู้ว่าจะโดนเปลี่ยนหรือเปล่า ?" ก็คือ อย่างสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง พระท่านบอกไว้อย่างหนึ่ง แต่พอมาถึงยุคผม พระท่านก็บอกไว้อีกอย่างหนึ่ง แบบเดียวกับคาถาเงินล้านที่พี่ณพใช้อยู่ก็ไม่เหมือนกับของที่พวกเราใช้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเป็นผู้บอกให้เหมือนกัน ท่านว่า "พระบอกให้อย่างนี้" เพราะว่าของบางอย่างเหมาะสำหรับคนบางคน แบบเดียวกับฤกษ์พรหมประสิทธิ์ สมัยที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกเอาไว้ มีบางคนได้ไปเป็นฤกษ์สมตน ก็คือเสมอตัว ผมสงสัยจึงกราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า "ทำไมไม่เป็นสิทธิโชค มหาสิทธิโชค หรืออมฤตโชคครับ ?" ท่านบอกว่า "บุญเขามีแค่นั้น" เหมือนกับว่าเราส่งข้าวสารไปให้หนึ่งลิตร หรือว่าถุงละ ๕ กิโลกรัมถุงหนึ่ง บุคคลนั้นก็รับได้ แต่ถ้าหากว่าเราโยนไปกระสอบละ ๑๐๐ กิโลกรัม เขาอาจจะโดนทับตาย เพราะฉะนั้น...เรื่องพวกนี้เราต้องเป็นคนขยันในการศึกษาค้นคว้าและเพียรปฏิบัติให้เกิดผล ไม่ใช่แค่อยากรู้อยากเห็นเฉย ๆ คาถาทุกบทที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้กระผม/อาตมภาพตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น กระผม/อาตมภาพต้องทำให้ได้ผลก่อน ท่านถึงจะให้บทต่อไป ในยุคนั้นบางท่านก็สงสัยว่ากระผม/อาตมภาพเป็น "เด็กเส้น" ทำอะไรไม่เคยผิด...ไม่ใช่ครับ ผมก็ทำผิดได้ แต่ผมเป็นคนทำจริง ทำได้แล้วไปรายงานผล หลวงพ่อท่านก็ให้คาถาบทต่อไปมา แบบเดียวกับหลวงพ่อสำราญ (พระมงคลไชยสิทธิ์) วัดปากคลองมะขามเฒ่า กระผม/อาตมภาพไปทีไรก็ได้คาถามาทุกครั้ง ประการสำคัญที่สุดก็คือ คาถาจะยาวจะสั้นแค่ไหน กระผม/อาตมภาพสามารถจำได้หมด แล้วท่านบอกแค่ครั้งเดียว "บอกให้จำ ไม่ได้บอกให้จด" สมัยก่อนใครจดคาถาไว้ เมื่อจำขึ้นใจ มั่นใจว่าไม่ลืมแล้ว โบราณท่านให้เคี้ยวกลืนไปเลย ไม่อย่างนั้นแล้วกระดาษที่จดคาถาอาจจะไปตก ไปหล่น ให้คนเหยียบ ให้คนข้าม กลายเป็นการปรามาสคุณพระรัตนตรัยไปอีก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2021 เมื่อ 08:32 |
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เห็นหรือยังครับ ? ว่าความเคารพในพระรัตนตรัยของพวกเรากับคนรุ่นเก่า ๆ ต่างกันแค่ไหน ? ทำไมท่านทำแล้วเกิดผล ทำแล้วพระ หรือพรหม หรือเทวดาท่านสงเคราะห์เต็มที่ แล้วทำไมเราทำแล้วไม่เกิดผล ? ทั้ง ๆ ที่ก็ใช้วิธีเดียวกัน ก็เพราะว่าศรัทธา ความเชื่อ และความเคารพไม่เท่ากัน ก็แปลว่าใครทำอะไรก็ได้เท่านั้น
แม้กระทั่งเรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน ตัวกระผม/อาตมภาพเองทุ่มเททำชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ไม่เห็นแก่กินแก่นอน ท่านที่อยู่รุ่นเก่า ๆ อย่างปลัดแป๊ะ (พระปลัดวินัย ชาคโร) จะเห็นว่า สมัยที่กระผม/อาตมภาพมาวัดท่าขนุนใหม่ ๆ ผอมกะหร่องเลย ก็คือหนังหุ้มกระดูก เพราะว่าวันหนึ่ง ๆ เอาแต่ปฏิบัติธรรม ส่วนใหญ่ก็นอนแค่ชั่วโมง สองชั่วโมง พวกท่านทั้งหลายเคยทำแบบนี้บ้างไหมครับ ? กระผม/อาตมภาพเห็นเวรยามของเรา อาสาอยู่เวรอยู่ยามกัน เป็นความดีเฉพาะตัว แต่ถ้าท่านอยู่แค่เพื่อรักษาของสงฆ์ ถือว่าขาดทุน แต่ถ้ารักษาของสงฆ์แล้วภาวนาไปด้วย รักษาอารมณ์ใจในการปฏิบัติไปด้วย นั่นถึงจะคุ้มค่าในการอยู่เวร ตรงจุดนี้ก็ฝากไว้เป็นข้อคิดในการประพฤติปฏิบัติของท่านทั้งหลาย ส่วนกระผม/อาตมภาพเองก็เข้ากรรมฐาน ๓ วัน ไปออกวันตักบาตรเทโวฯ ตอนเช้า งานส่วนที่เหลือในระยะนี้ก็ต้องฝากทุกท่านเอาไว้ โดยเฉพาะในส่วนของการบอกกล่าวให้ญาติโยมที่มาวัดให้เข้าใจว่า ถ้าจะเข้ามาพัก อย่างน้อยต้องฉีดวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ มาเข็มหนึ่ง ต้องมีหลักฐานมายื่น ถ้าหากว่าจะเข้าร่วมงานกับทางวัด ก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะ ทำตามวิธีการที่ ศบค. เขาแนะนำ ถ้าไม่ทำก็คือ "เชิญกลับบ้าน" ต้องบอกญาติโยมให้ชัดเจน ตอนท้ายนี้ก็ขออนุโมทนาแก่ญาติโยมทั้งหลาย ที่เป็นเจ้าภาพผ้าไตรกฐินผ่านเฟซบุ๊ก ที่ "ไอ้ตัวเล็ก" เปิดแค่สักพักเดียวแล้วก็ปิด ได้เจ้าภาพผ้าไตรกฐิน ๒๒๒ ไตร ขออนุโมทนากับกำลังใจของทุกท่านที่ตั้งใจถวายกฐิน แม้ว่าไม่ได้มาร่วมกันที่วัด ขอให้มีความสุขความเจริญ มีความปรารถนาสมหวังโดยถ้วนหน้ากันทุกท่านทุกคนเทอญ..ขอเจริญพร พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2021 เมื่อ 08:35 |
สมาชิก 113 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|