#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ต้องขออภัยญาติโยมที่มาทำบุญและถวายสังฆทานในช่วงบ่ายวันนี้ด้วย เพราะว่ากระผม/อาตมภาพติดการประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เนื่องจากว่าเป็นการประชุมทั้งภาค คือ ๔ จังหวัด กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร มีเรื่องที่ต้องนำเสนอมาก จึงลากยาวจนเกือบ ๕ โมงเย็น กว่าจะเสร็จสิ้นการประชุม
ความจริงในเรื่องของการประชุมนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนในอปริหานิยธรรม ๗ ว่า ความไม่เสื่อม ๗ ประการ ประกอบไปด้วย ความพร้อมเพรียงกันในการประชุม ความพร้อมเพรียงในการเลิกประชุม ความเคารพผู้เป็นประธานในที่ประชุม เป็นต้น เรื่องนี้เกิดจากการที่พระเจ้าอชาตศัตรูต้องการตีแคว้นวัชชี เนื่องจากว่าระหว่างแคว้นวัชชีกับแคว้นมคธมีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง ซึ่งในบาลีอธิบายว่า เมื่อยามฝนตก จะมีทรัพย์หล่นลงมา ก็น่าจะเป็นพวกเพชรพลอยรัตนชาติ ซึ่งเมื่อน้ำฝนตกแล้วหลากลงมา ก็ทำให้พวกเพชรพลอยเหล่านี้ไหลลงมาที่ตีนเขา แล้วทุกครั้ง แคว้นวัชชีก็จะยกกองทัพไปเก็บทรัพย์สมบัติเหล่านี้ไปก่อน ถามว่าแคว้นมคธมีคนไปบ้างหรือเปล่า ? มี..แต่น้อยกว่า ขาดความพร้อมเพรียงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงทำให้ไม่สามารถที่จะสู้แคว้นวัชชีได้ พระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อเสียท่าแคว้นวัชชีหลาย ๆ ครั้ง ไม่เคยได้สมบัติมาเลย จึงเกิดความคิดว่า "ในเมื่อภูเขาทั้งลูกแบ่งกันไม่ได้ ก็เอาทั้งแคว้นไปเลย..!" แต่ด้วยความที่แคว้นวัชชีมีความสามัคคี เหนียวแน่นกลมเกลียวกันมาก ถ้าหากว่าคิดที่จะยกทัพไปตี ก็คงเข้าทำนองภาษิตจีนที่ว่า ผู้อื่นสูญเสียหนึ่งพัน ตัวเราสูญเสียแปดร้อย สรุปง่าย ๆ ว่าฉิบหายวายป่วงใกล้เคียงกัน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-02-2022 เมื่อ 03:09 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
พระเจ้าอชาตศัตรูหาวิธีสารพัดแล้ว ไม่สามารถที่จะตีแคว้นวัชชีได้ จึงให้วัสสการพราหมณ์ที่เป็นอำมาตย์ผู้ใหญ่ ไปทูลถามจากพระพุทธเจ้า..หากินง่ายดี เมื่อวัสสการพราหมณ์ไปทูลถาม พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ตอบ แต่หันไปตรัสถามพระอานนท์ว่า "อานันทะ..ดูก่อนอานนท์ ชาวแคว้นวัชชียังปฏิบัติในอปริหานิยธรรมที่ตถาคตให้ไว้ดีอยู่หรือ ?" พระอานนท์ตอบว่า "ยังคงมั่นคงอยู่ในอปริหานิยธรรมทั้ง ๗ อย่างสม่ำเสมอพระพุทธเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าจึงตรัสให้วัสสการพราหมณ์ได้ยินว่า "ตราบใดที่แคว้นวัชชียังมั่นคงในอปริหานิยธรรมทั้ง ๗ ตราบนั้นไม่มีผู้ใดตีแคว้นวัชชีได้" วัสสการพราหมณ์ได้ยินแล้วก็กลับไปกราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรู พระเจ้าอชาตศัตรูถามว่าอปริหานิยธรรม ๗ ประการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ให้แคว้นวัชชีไว้นั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง ? วัสสการพราหมณ์ก็ทูลให้ทราบว่า หมั่นพร้อมเพรียงกันประชุม เมื่อเลิกประชุมก็เลิกพร้อมกัน เคารพผู้เป็นใหญ่ในที่ประชุม เคารพบุคคลที่เป็นคนชราในชุมชน ไม่เบียดเบียนรังแกผู้หญิงและเด็ก ให้ความคุ้มครองพระอรหันต์ที่มาถึงแว่นแคว้นของตน เป็นต้น พระเจ้าอชาตศัตรูพอได้ฟังก็รำพึงว่า แค่ประการเดียวก็หมดหนทางที่จะทำลายแคว้นวัชชีแล้ว อย่าว่าแต่แคว้นวัชชียังมีหลักการนี้ถึง ๗ ประการ จึงตรัสให้วัสสการพราหมณ์หาวิธีอย่างไรที่จะทำลายแคว้นวัชชีได้ วัสสการพราหมณ์ก็เลยคิดแผนให้พระเจ้าอชาตศัตรูโบย แล้วขับออกจากแคว้น เมื่อออกจากแคว้นมคธไป ก็ไปอาศัยที่แคว้นวัชชี ด้วยความที่เป็นมหาอำมาตย์ใหญ่ มีความรู้มาก เมื่อกษัตริย์วัชชีทั้งหลายจึงรับเข้าไปอยู่ในแคว้น แล้วก็ตั้งให้เป็นอาจารย์ของราชบุตร คราวนี้เราต้องเข้าใจว่าราชบุตรหรือราชกุมารของแคว้นวัชชีนั้นมีมาก เนื่องจากว่าแคว้นวัชชีกับแคว้นมัลละนั้น ปกครองโดยระบอบสามัคคีธรรม ซึ่งหลายท่านกล่าวว่าเป็นต้นแบบของประชาธิปไตย ก็คือมีกษัตริย์ที่เป็นผู้นำอยู่ ๗ พระองค์ แต่ละพระองค์จะเลือกผู้นำที่ตนเองมั่นใจขึ้นมาอีก ๑๐๐ เป็น ๗๐๐ แล้ว ๗๐๐ นั้นจะเลือกผู้นำที่ตนเองมั่นใจอีกคนละ ๑๐ เป็น ๗,๐๐๐ ดังนั้น...คณะกษัตริย์ที่ปกครองแคว้นวัชชีจึงประกอบไปด้วย ๗,๗๐๗ พระองค์ ลักษณะคล้าย ๆ กับการเลือกตั้งเหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-02-2022 เมื่อ 03:12 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงเวลาประชุมพร้อมเพรียงกัน เลิกพร้อมเพรียงกัน ไม่มีใครแตกแถวแตกแนว รับฟังท่านผู้เป็นประธานแล้วปฏิบัติตาม ทุกอย่างก็เป็นไปโดยความพร้อมเพรียงและเข้มแข็ง ในเมื่อมีกษัตริย์ ๗,๗๐๗ พระองค์ เราต้องนึกว่ามีราชกุมารกี่พระองค์ ? อย่างไม่มี ๆ ก็ต้องอีก ๗,๐๐๐ กว่าองค์
วัสสการพราหมณ์เมื่อได้โอกาสเข้าไปสอนเหล่าราชกุมารไประยะหนึ่ง ก็เริ่มแผนการของตน ก็คือเมื่อถึงเวลาเลิกสอนแล้ว ก็เรียกราชกุมารพระองค์ใดพระองค์หนึ่งเอาไว้ ให้เข้าไปในห้องสองต่อสอง พูดง่าย ๆ ว่าทำโน่นทำนี่ให้พักหนึ่งก็ปล่อยกลับ ราชกุมารอื่นสอบถามว่า "อาจารย์เรียกท่านไปทำอะไร ? มีการบอกวิชาลับอะไรที่คนอื่นรู้ไม่ได้หรือ ?" ราชกุมารนั้นก็จะปฏิเสธว่าไม่มีอะไร แต่พอเปลี่ยนเป็นราชกุมารพระองค์นั้น พระองค์นี้ไปเรื่อย ๆ ระยะหนึ่ง ทุกคนก็เริ่มหวาดระแวงกันว่า อาจารย์อาจจะถ่ายทอดวิชาลับพิเศษให้ผู้อื่นเหนือกว่าตน ก็เอาไปฟ้องผู้เป็นพระราชบิดา ผู้เป็นพระราชบิดาพอได้ยินได้ฟังก็เริ่มไม่พอใจกัน เมื่อถึงเวลาประชุม ก็เกิดอารมณ์ประมาณว่า "ลูกมึงเก่งกว่า ดีกว่า มึงก็ไปประชุมแล้วกัน..!" ตนเองก็เริ่มขาดประชุม พอทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ๆ ท้ายสุดตีกลองประชุมแล้วไม่มีใครเข้าประชุมเลย กว่าจะถึงระยะเวลานั้น ก็ผ่านไป ๓ ปี เมื่อตีกลองแล้วไม่มีใครประชุมเลย วัสสการพราหมณ์จึงส่งข่าวถึงพระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อยกทัพไปก็ล้มล้างแคว้นวัชชีได้โดยง่าย เพราะว่าไม่มีใครสู้รบ ต่างคนต่าง "โบ้ย" ให้เป็นภาระคนอื่น จนปัจจุบันนี้คำว่า วัสสการพราหมณ์ แทนความหมายของการเป็นไส้ศึก ที่เข้าไปทำลายความสามัคคีของอีกฝ่ายหนึ่ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-02-2022 เมื่อ 03:15 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
มีผู้ตั้งกระทู้ถามว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ไม่ใช่หรือว่า ถ้ากล่าวอย่างนั้นแล้ว วัสสการพราหมณ์จะหาทางทำลายแคว้นวัชชีได้ ? ก็ต้องตอบว่ารู้ แต่ว่าต้องเสียเวลาไป ๓ ปี แผนการนี้ถึงจะสำเร็จและคนตายน้อยมาก เพราะว่าแทบจะไม่มีการต่อต้านเลย
แต่ถ้าหากว่าไม่ตรัสแบบนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูจะยกทัพบุกไปเลย เพราะว่าอดรนทนไม่ไหวแล้ว คราวนี้พอแข็งชนแข็งก็เลือดนองท้องช้าง อย่างที่บอกไป..ภาษาจีนกล่าวว่าทำลายฝ่ายตรงข้ามหนึ่งพัน ตัวเราก็สูญเสียแปดร้อย..! ต้องนับว่าเป็นความกรุณาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่อย่างน้อยก็สามารถยับยั้งการทำลายแคว้นวัชชีให้ช้าลงไปได้ถึง ๓ ปี และขณะเดียวกันก็มีคนตายน้อยมาก แต่ว่าวัสสการพราหมณ์ในปัจจุบันนั้น มักจะยุแหย่ให้ประเทศอื่นรบกันเอง แล้วตนเองขายอาวุธให้..! ซึ่งปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่เขาก็รู้เท่าทันกันหมดแล้ว แต่น่าสงสารที่ประเทศยูเครนโดนหลอกว่าถ้ายอมเข้านาโตแล้ว ทางด้านสหรัฐอเมริกาและนาโตจะให้ความคุ้มครองอย่างเต็มที่ แต่ว่าสงครามผ่านไปแล้ว เริ่มเข้าสู่วันที่สาม เราจะเห็นว่า คนที่รับปากเอาไว้ว่าช่วยเต็มที่ ไม่มีช่วยอะไรเลย นอกจากช่วยเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-02-2022 เมื่อ 03:18 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ตรงนี้ต้องบอกว่าประธานาธิบดีปูตินอ่านเกมขาดว่า ให้ลงไปลุยเองสหรัฐก็ไม่เอา นาโตเองก็แตกแยกกัน เพราะว่ายุโรปไม่ได้เหนียวแน่น ส่วนหนึ่งต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากประเทศรัสเซีย ถ้ารัสเซียไม่ส่งก๊าซให้ก็ปางตาย แต่ว่าส่วนนั้นยังไม่น่ากังวล เพราะว่าถ้ารัสเซียเผด็จศึกเร็ว ๕ วัน ๗ วันจบ ก็กลายเป็น "ละครปาหี่" แหกตาคนทั้งโลกของอเมริกา ที่รับปากว่าจะช่วยอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็ปล่อยให้เขาตายเอง..!
แต่ว่าตรงจุดนี้ที่ควรระวังอย่างมากที่สุดก็คือ ในระหว่างที่ความสนใจของคนทั้งโลกมุ่งอยู่ที่ยูเครน จะมีประเทศทางตะวันออกกลางฉวยโอกาสนี้หรือเปล่า ? และขณะเดียวกันประเทศจีนจะฉวยโอกาสที่สหรัฐอเมริกามุ่งความสนใจไปทางอื่น บุกยึดไต้หวันไปเลยหรือเปล่า ? พวกเราเองไม่ต้องเสียเวลาคิดตรงนี้ มีโอกาสให้ค่อย ๆ ดูไป สำคัญที่สุดก็คือ มั่นใจในวัตถุมงคลอะไรก็ให้พกติดตัวไว้ แล้วสวดมนต์ภาวนาทุกวัน เพราะว่าถ้าหากว่าผู้นำประเทศระดับนั้นขาดสติ ใช้อาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา หางเลขจะมาถึงบ้านเราด้วย ถ้าเรามีความมั่นคงในคุณพระรัตนตรัยจริง ๆ กระเซ็นกระสายจากกัมมันตภาพรังสีที่มาถึง ก็จะทำอันตรายเราไม่ได้ วันนี้จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-02-2022 เมื่อ 03:20 |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|