#41
|
||||
|
||||
ก่อนทำบุญวันวิสาขบูชา เช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ไม่ว่าจะเป็นหลักธรรมในระดับไหนก็ตาม พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงปัญญาประกอบท้ายไว้เสมอ โดยเฉพาะหลักใหญ่ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าจะทำเรื่องใหญ่ เรื่องเล็ก เรื่องทางโลก หรือว่าเรื่องทางธรรม เราต้องรู้จักใช้ปัญญาคิดและตรองด้วย กระผม/อาตมภาพนั่งอยู่ตรงนี้ กระจกคั่นอยู่ทั้งบาน โยมมาถึงก็ถือพวงมาลัยมานั่งมองหน้ากัน ถ้าสามารถส่งทะลุมาได้ ก็จะรับเหมือนกัน แล้วท้ายที่สุดก็ถามว่า "จะให้ผมทำอย่างไรครับ ?" ก็ตอบว่า "ก็ให้มึงเอาหัวแม่ตีนคิดดู...! ว่ามึงควรที่จะทำอย่างไร ?" ของบางอย่างถ้าหากว่าไม่ใช้วาจาแรง ๆ คนก็จะไม่จำ แล้วพอไม่จำ ต่อไปก็จะพลาดอีก ดังนั้น...เมื่อถึงเวลาใช้วาจาแรง บางคนก็ไปนินทาลับหลัง เขาบอกว่า "เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนดุอย่างกับหมา..!" จะว่าไปแล้วก็ภูมิใจเหมือนกัน เพราะแสดงว่าที่เคยด่าไป อย่างน้อยก็ได้ผล เขาจำกันได้ว่าเจ้าอาวาสดุเหมือนหมา..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2022 เมื่อ 06:21 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
การที่จะทำสิ่งหนึ่งประการใด อย่าหาตัวประกัน ก็คืออย่าถามคนอื่น เราต้องตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจของเราเอง ผิดก็คือผิด เก็บไว้เป็นบทเรียน คราวหน้าจะได้ทำถูก ถ้าทำถูกก็จดจำเอาไว้ว่า คราวหน้าเราต้องตัดสินใจในลักษณะแบบนี้ ไม่ใช่ไปเที่ยวถามคนอื่นว่า "ผมควรทำอย่างไรครับ ?"
โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคเพื่อผล ถ้าเราขาดการตัดสินใจที่เด็ดขาด โอกาสเข้าถึงมรรคผลจะไม่มีเลย แม้แต่พระพุทธเจ้าก็เป็นเพียงผู้บอกเท่านั้น การตัดสินใจจะทำ หรือไม่ทำ จะเอาหรือไม่เอา อยู่ที่ตัวเอง บางท่านอาจจะสงสัยว่าสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเทศน์ครั้งเดียวเป็นพระอรหันต์กันมากมาย แต่สมัยนี้ฟังเทศน์กันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วไม่ได้อะไร เหตุก็เป็นเพราะว่าเราตัดสินใจไม่เป็น ดังนั้น...เมื่อฟังแล้วเข้าใจว่าหลักธรรมตรงไหนเป็นประโยชน์ และเราทำได้ ให้ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นเลยว่าเราจะทำ และจะรักษากฎเกณฑ์กติกานี้ด้วยชีวิต ถ้าในลักษณะอย่างนี้ มรรคผลก็จะเข้าถึงท่านโดยง่าย เรื่องที่สำคัญที่สุดในการปฏิบัติธรรมก็คือ ถ้าได้..เราเอา ตัดสินใจว่าเราจะทำตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าท่านทั้งหลายสามารถรักษากำลังใจที่เด็ดขาดแน่นอนแบบนี้เอาไว้ ต่อให้มรรคผลระดับสุดท้าย คือความเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่ใช่ของยาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-06-2022 เมื่อ 23:05 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
หลังตามผางประทีปวันวิสาขบูชา เย็นวันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ การตามประทีปของวัดท่าขนุน เริ่มมาจากพระครูน้อย (พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) ที่ตอนนี้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว ประเทศพม่า ได้ยินเรื่องที่พระอนุรุทธเถระมีทิพจักขุญาณเป็นเลิศ นอกจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีใครมีทิพจักขุญาณเหนือไปกว่าพระอนุรุทธอีก ซึ่งเกิดจากการที่ชาติหนึ่ง ท่านได้ตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชาต่อพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระครูน้อยจึงอยากจะทำอะไรที่เป็นพุทธบูชาขึ้นมาบ้าง ก็เลยคิดเองทำเองด้วยวิธีที่โง่มาก..! ก็คือไปซื้อยาชูกำลังมา ๕๐๐ ขวด จัดแจงเทใส่ขวดใหญ่แช่ตู้เย็นไว้ แล้วเอาขวดยาชูกำลังมาเจาะฝา ใช้จีวรเก่าฟั่นเป็นไส้ เทน้ำมันก๊าดลงไปจนเต็มขวด แล้วก็เอามาจุดไฟถวายเป็นพุทธบูชา แล้วเกิดผล ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกคือ ทำยากฉิบหายเลย..! ประการที่สองคือ พระเณรนอนไม่หลับไปหลายวัน เพราะว่ายาชูกำลัง ๕๐๐ ขวดที่เทใส่ขวดใหญ่เก็บไว้ในตู้เย็น คนโน้นก็ดื่ม คนนี้ก็ดื่ม ทำเอาตาค้างไปตาม ๆ กัน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-06-2022 เมื่อ 23:03 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
กระผม/อาตมภาพดูจากท่าทีของท่านแล้ว งานต่อไปคงทำอีกแน่นอน และถ้าทำแบบนี้ก็คงจะมีประโยชน์น้อย แต่มีโทษมากกว่า จึงโทรไปหาโยมติ๊ก (คุณถาวภักดิ์ ตียาภรณ์) ที่เชียงใหม่ ถามโยมติ๊กว่าทางเชียงใหม่ที่เขาทำประทีปกันนั้น ช่วยหาซื้อให้หน่อยได้ไหม ? โยมติ๊กถามว่าจะเอาสักกี่ดวง ? กระผม/อาตมภาพบอกไปว่า ๒,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ ดวง
โยมติ๊กก็ซื้อแล้วส่งทางขนส่งมาให้ สมัยโน้นยังไม่มีพวก FedEx ไม่มี Kerry ไม่มี Jet ปรากฏว่ามาถึงแล้วใช้งานไม่ได้ดั่งใจ เพราะว่าผางประทีปจากทางเหนือนั้น เขาทำใส่มาในตลับเล็ก ๆ ประมาณเหรียญ ๑๐ บาท หนาสักประมาณเกือบ ๑ เซนติเมตร จุดได้ประมาณ ๑๐ นาที ไส้ก็จะล้มดับหมดแล้ว พูดง่าย ๆ ก็คือ สวย ๑๐ นาที..! หลังจากนั้นแล้วก็ดับ จึงต้องมาคิดหาวิธีกันใหม่ ท้ายสุดก็สรุปได้ว่า เราต้องหล่อผางประทีปกันเอง อันดับแรกเลยก็ศึกษาดูว่า ที่ใดสามารถที่จะปั้นถ้วยให้เราใส่เทียนได้บ้าง ก็ไปเจอที่เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จึงไปขอให้เขาช่วยปั้นให้ ใบละ ๕ บาท สั่งมาครั้งแรก ๕๐๐ ใบ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2022 เมื่อ 06:31 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
ลองผิดลองถูกอยู่หลายงาน สรุปได้ว่าผางประทีปของเรากว่าจะเป็นตัวเป็นตนได้ อันดับแรกเลยก็ไส้ล้มเหมือนกัน ในเมื่อไส้ล้มก็ต้องหาวิธีว่าทำอย่างไรไม่ให้ไส้ล้ม ก็มีผู้เสนอลวดดอกไม้ไหว เอามาพันไส้ก่อนแล้วค่อยดัดเป็นตีนกา คือเป็นขาตั้งสามแฉก
คราวนี้อยู่ได้ แต่ว่าผางประทีปนั้นจะอยู่ได้ราว ๆ ชั่วโมงกว่าเท่านั้น แล้วก็ดับ ทำอย่างไรเราจะทำให้อยู่ได้นานขึ้น ? ก็มีผู้เสนอว่า ให้เขาปั้นถ้วยรุ่นใหม่ใหญ่กว่าเดิม จะได้อยู่ได้นานขึ้น ได้ผลจริง ๆ อยู่ได้นานมาก อยู่ได้ประมาณ ๖ ชั่วโมง..! แต่ก็เปลืองเทียนมากเป็นพิเศษ แล้วก็มีคนติว่า ผางประทีปที่เราหล่อนั้น หน้าไม่สวย..หน้าแตก..! ก็ต้องไปศึกษากันอีกว่า ทำอย่างไรที่จะหล่อเทียนแล้วหน้าไม่แตก ? ได้ความว่าต้องเติมน้ำมันพืชลงไปด้วย โดยอัตราส่วน ๑ : ๑๐ ถ้าหากว่าใช้เทียนหนึ่งพันกิโลกรัม ก็เติมน้ำมันพืชลงไปหนึ่งร้อยกิโลกรัม เปลืองหนักเข้าไปอีก..! แต่ออกมาแล้วสวย จึงค่อย ๆ ขยายจำนวนขึ้นเป็น ๓,๐๐๐ ดวง ๕,๐๐๐ ดวง ๘,๐๐๐ ดวง ๑๐,๐๐๐ ดวง ๑๒,๐๐๐ ดวง ๑๕,๐๐๐ ดวง ปัจจุบันนี้แต่ละงานอยู่ที่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ - ๑๘,๐๐๐ ดวง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 05-12-2022 เมื่อ 23:05 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
สมัยที่ยังอยู่บ้านวิริยบารมีหรือบ้านเติมบุญ จะมีญาติโยมหลายท่านที่เคยไปช่วยฟั่นไส้ผางประทีปมาแล้ว ทำให้เรารู้ว่าฟั่นแน่นไปไฟก็ดับ เพราะว่าน้ำเทียนผ่านไม่ได้
กว่าจะหาจุดลงตัวได้แต่ละอย่าง ก็ต้องลองผิดลองถูกกันนานมาก แต่เป็นที่น่าชื่นใจว่า หลังจากทดสอบแล้ว ปีที่ ๔ เราก็ได้รับการบรรจุเป็น Unseen Thailand จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีที่อื่นเห็นแล้วประทับใจมาก ขอมาศึกษางาน แล้วก็เหี่ยวกลับไป..! อันดับแรก ก็เพราะว่าผางประทีปรุ่นนี้ถ้วยละ ๗ บาท หนึ่งหมื่นถ้วยก็เจ็ดหมื่นบาท..! แล้วใช้ได้ประมาณ ๒ - ๓ งาน ความร้อนที่สูงมาก ก็จะทำให้ถ้วยกรอบ โดนกระทบแรงหน่อยก็แตกแล้ว ก็แปลว่าถ้าเราตามประทีปปีละ ๔ ครั้งตามที่ตั้งใจไว้ หนึ่งปีก็ต้องเปลี่ยนถ้วยประทีปกันใหม่ทั้งหมด อันดับที่สอง คือการซื้อเศษเทียนมาเพื่อหล่อผางประทีป เราต้องใช้เทียนขี้ผึ้งครั้งละประมาณหนึ่งตันครึ่ง..! ซื้อเศษเทียนมาในราคากิโลกรัมละ ๓๓ บาท ซื้อครั้งละ ๑,๕๐๐ กิโลกรัม เป็นเงิน ๓๘,๕๐๐ บาท สรุปก็คือคนที่มาดูงานชื่นชมกับความสวย แต่ให้ไปทำเองก็ไม่เอาแล้ว จ่ายไม่ไหว..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2022 เมื่อ 06:36 |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
ลงทุนผางประทีปปีละ ๗๐,๐๐๐ บาท ลงทุนขี้ผึ้งสำหรับหล่อผางประทีปงานละประมาณ ๓๕,๐๐๐ - ๔๐,๐๐๐ บาท ก็แปลว่าความสวยที่เห็นนั้นก็คือ มาเผาเงินให้ญาติโยมได้ดูกัน..!
แต่ว่าถ้าคิดถึงในเรื่องของพุทธบูชาแล้วคุ้มค่ามาก อาตมาคงไม่คุ้มหรอก แต่ญาติโยมทั้งหลายนั้นคุ้ม คุ้มตรงที่ว่าถ้าเกิดใหม่เราก็จะมีทิพจักขุญาณอย่างพระอนุรุทธเถระ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2022 เมื่อ 06:37 |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
พวกเรามีความดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ "ไม่ค่อยจะจำ" จึงต้องด่ากันสาดเสียเทเสีย จะได้ซึมเข้าไปบ้าง ประเภทที่กลับไปแอบร้องไห้ได้ยิ่งดี แบบนั้นจะจำได้นานมาก..!
อาตมาเลยกลายเป็นคนปากร้ายไปโดยปริยาย แต่ก็ต้องทนทำหน้าที่ต่อไปเพราะว่าเป็นครู ในเมื่อเป็นครู มีหน้าที่สอน ถ้าสอนแล้วพวกเราเอาดีไม่ได้ก็ขายหน้าครู บอกว่าเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์เล็ก พระอาจารย์เล็กต้องเอาปีบคลุมหัวเดินเลย..กูไม่รู้จักมัน..! ลูกศิษย์ต้องสามารถเชิดชูครูบาอาจารย์ได้ สร้างเกียรติคุณให้แก่ครูบาอาจารย์ได้ ถึงจะเรียกว่าลูกศิษย์ที่ดี พอถึงเวลาเอ่ยอย่างเต็มปากเต็มคำว่า "ผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง" รับรองว่าไม่ทำให้หลวงพ่อขายหน้า ลองไปนึกถึงขุนช้างขุนแผนสิ รู้จักแสนตรีเพชรกล้าไหม ? แม่ทัพหัวเมืองเหนือซึ่งสมัยก่อนเรียกว่า หัวเมืองลาว แต่จริง ๆ แล้วก็คือล้านนา เชียงใหม่ เวลาจะรบกันก็ต้องบอกชื่อเสียงเรียงนามกันก่อน จะได้รู้ว่าเราฆ่าใคร หรือว่าใครฆ่าเรา..! บางทีชื่อเสียงเกียรติคุณส่วนตัว หรือว่าชื่อเสียงของครูบาอาจารย์ก็ข่มอีกฝ่ายหนึ่งได้แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2022 เมื่อ 06:39 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
เมื่อพลายงามถาม แสนตรีเพชรกล้าก็บอกว่า "ตัวเราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมน มียศเป็นแสนตรีเพชรกล้า" ยืดเต็มที่เลยนะ คำว่า แสน นี่เป็นยศทางทหารของภาคเหนือ ถ้าภาคกลางของเราก็จะคุ้นกับ หัวพัน หัวหมื่น ท่านขุน คุณหลวง คุณพระ ท่านเจ้าคุณ ถ้าหากใครอ่านจินตนิยายเรื่องขุนศึก ก็จะมีพันฤทธิ์ พันเดช หมื่นศึกสะท้าน
สมัยที่กระผม/อาตมภาพ แท็กทีมไปรังแกชาวบ้าน ก็มี หลวงเลิศเลอรบ หลวงจบไกรแดน หลวงแสนพลพ่าย โอ๊ย..มันส์ ตอนรังแกชาวบ้านนั้นสนุก แต่ตอนนี้มานั่งโอย...โอย..เพราะว่ากรรมปาณาติบาตตามมาทวง..! แสนตรีเพชรกล้าอวดครูให้พลายงามฟังว่า พระครูผู้บอกวิทยา...........ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง........ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง ครูบาอาจารย์ของแสนตรีเพชรกล้าคือท่านอาจารย์ศรีแก้วฟ้า แห่งถ้ำวัวแดง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2022 เมื่อ 03:43 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
พอบอกคนอื่นแล้วก็ต้องถามกลับ
เจ้าหนุ่มน้อยนี่หรือชื่อพลายงาม.......ช่างสมรูปสมนามดูงามยิ่ง ตละแกล้งหล่อเหลาเพราพริ้ง.........รูปร่างดังผู้หญิงพริ้งพรายตา จะเปรียบลูกก็อ่อนกว่าลูกเล็ก.........จะเปรียบหลานพาลจะเด็กกว่าหลานข้า (ลดราคาอีกฝ่ายหนึ่งจนหมดค่าเลย) ไม่ควรจะรบสู้กับปู่ตา...................กลับไปบอกบิดามารอนราญ (เอ็งนั้นเด็กเกินไป..ให้ไปเรียกพ่อมาจะดีกว่า) พลายงามก็ตอบว่า ครานั้นพลายงามทรามคะนอง.........ร้องตอบต่อคดีตรีเพชรกล้า แน่เธออย่าเพ่ออหังการ์...............เจรจาหมิ่นประมาทเราชาติเชื้อ (อย่าเพิ่งดูถูกกัน) ตัวท่านแก่กายอย่างควายเฒ่า...............อันตัวเราถึงจะเด็กเล็กลูกเสือ ฝีมือใครไพร่ลาวแหลกเป็นเบือ.............อย่าหลงเชื่อว่าผู้ใหญ่แล้วไม่แพ้ ถ้าไม่ดีที่ไหนใครจะมา...................... จะขอลองวิชากับตาแก่ (โดนถอนหงอกไปเรียบร้อยแล้ว) ให้มันปรากฏชื่อเลื่องลือแท้...............จะย่อยยับพับแน่ดอกกระมัง (แพ้ไปขายหน้าเขานะ ผมนี่เด็กใหม่ มีแต่เสมอตัวกับกำไร ของปู่ถ้าหากว่าแพ้ผมเมื่อไร ก็ขาดทุนยับเยิน ประมาณนั้น) ครานั้นแสนตรีเพชรกล้า...........โกรธาตาแดงดั่งแสงครั่ง (โกรธ..จำไว้นะว่าอย่าโกรธ โกรธเมื่อไรขาดสติ ขาดสติเมื่อไร วิชาการต่าง ๆ ที่ศึกษาเอาไว้ ก็จะคิดไม่ทัน ไม่สามารถที่จะงัดขึ้นมาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ ) เหม่อ้ายนี่หนักหนาว่าไม่ฟัง............มาโอหังอวดรู้สู้สงคราม (อุตส่าห์เตือนแล้ว ยังรั้นอีก) เท้ากระทืบกระทบโกลนโผนผก.............มุ่นหมกขับคว้างมากลางสนาม ท่วงทีขี่ม้าสง่างาม.............................รำง้าวก้าวตามกระบวนทวน (ตรงนี้น่าสงสัย ใช้ง้าวเป็นอาวุธ แต่เขาบอกว่ากระบวนทวน กระบวนทวนในที่นี้ก็คือสวนเข้าหา ไม่ใช่ใช้เพลงทวน เหมือนอย่างกับเราทวนน้ำ ก็คือรำง้าวสวนเข้าไปหาฝ่ายตรงข้าม ภาษาไทยดิ้นได้ กรุณาอย่าแปลผิด) พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวหมดเล่ม จำไว้ว่าอ่านแล้วอย่าจำแบบอาตมา อ่านใหม่แล้วจะไม่สนุก เพราะจำได้หมดแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2022 เมื่อ 03:46 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
วันนั้นเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยคุยกันต่อหน้าดร.พระครูโรจน์ ท่านบอก "ไอ้ห่...มันนั่งท่องให้กูฟัง ๑๕ นาทีติดต่อกัน มึงลองคิดดูซิ เป็นเล่มเลยนะมึง ไม่รู้ว่ามันเอาห้วที่ไหนมาจำ..!"
ถ้ารู้ว่าอาตมาสมองชำรุดมาแล้วนี่ ทุกคนจะตกใจ เพราะว่าตอนเด็กตายไปเกือบสองชั่วโมง สมองขาดออกซิเจน ชำรุดไปมาก ป่วยเป็นโรคลมชักอยู่หลายปี กว่าที่จะหายเป็นปกติ นี่ถ้าไม่ได้สมองชำรุดเสียก่อน ป่านนี้คงอยู่แถว ๆ ดาวพฤหัสบดีแล้ว ไม่มาอยู่แถวนี้หรอก...! ทางโน้นวิทยาการเขาก้าวหน้ากว่าเราเยอะมาก โลกเราเคยส่งยานอวกาศไป อยากจะสำรวจดู ปรากฏว่ายานอวกาศโดนชาวพฤหัสบดีสอยทิ้งหมด โดยที่ชาวโลกไม่รู้ด้วย..! สมมุติว่าอเมริกาส่งยานไป ทางด้านโน้นเขาก็จะเล็งให้ตรงเป๊ะกับอเมริกาที่ส่องกล้องดูอยู่ แล้วก็ยิงตูมทิ้งไปเลย..! ให้พอดีกับจังหวะที่บังกันอยู่ ก็คือตัวยานอวกาศจะบังหน้ากล้องที่ส่องดู ก็จะเห็นเหมือนกับยานอวกาศอยู่ ๆ ก็ระเบิดไปเฉย ๆ แต่ถ้าหากว่ายิงเฉียง ๆ นี่เราจะเห็นแล้วว่ามีแสง มีสีอะไร ตรงเข้ามาใส่ยาน เขาโคตรเก่งเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2022 เมื่อ 03:47 |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
สังคมบ้านเราวิปริตผิดเพี้ยนมากเลย ก็คือเคารพคนมีเงิน สมัยก่อนเขาเคารพกันที่คุณธรรมความดี ผู้ใหญ่จะทำอะไรก็ตาม ต้องคิดแล้วคิดอีก จะเสียหายถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูลหรือเปล่า ? เพราะฉะนั้น..จึงไม่มีใครที่จะกล้าทำอะไรที่เป็นการล่วงละเมิดสถาบัน เพราะคิดถึงลูก ถึงหลาน ถึงเหลน สมัยนี้ไม่ค่อยจะคิดกันเพราะไม่มีสมอง..!
การศึกษาเด็กรุ่นใหม่ของเรารั้งท้ายของโลกไปแล้ว ไม่ใช่แค่รั้งท้ายอาเซียน ในขณะเดียวกันประเทศในอาเซียนอย่างสิงคโปร์ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก กระผม/อาตมภาพไปดูมาแล้ว บ้านเขาเรียนยากกว่าเรา เกิดในสิงคโปร์ต้องรู้อย่างน้อย ๒ ภาษา ก็คือถ้าคุณใช้ภาษายาวี คุณต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ถ้าใช้ภาษาจีน ต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ถ้าใช้ภาษาอังกฤษ ต้องเรียนภาษาจีนเพิ่มเติม กระผม/อาตมภาพไปเที่ยวสิงคโปร์ เดินตามเด็กอนุบาล ฟังครูเขาบรรยายให้เด็กฟัง "นี่เป็นชั่วโมงการศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ เรามาเรียนรู้ศาสนาอื่น ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเปลี่ยนแปลงศาสนาของตัวเองไปนับถือแบบเขา แต่ให้รู้ว่าทำไมเขาถึงได้นับถือศาสนานี้ มีหลักการและเหตุผลอะไรที่ทำให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นในชีวิตของเขา หลักการของทุกศาสนาเป็นสากล ถ้าทำให้คนหนึ่งคนใดดีขึ้นมาได้ เราก็ควรที่จะเอามาปรับใช้ด้วย" นั่นเขาสอนเด็กอนุบาล..! แล้วบรรยายเป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ เลย อนุบาลนะนั่น ส่วนบ้านเราจบปริญญาตรีแล้วเจอฝรั่งยังวิ่งหนีเลย..! วัดท่าขนุนอบรมมัคคุเทศก์น้อยภาคภาษาอังกฤษไปแล้ว ปัจจุบันมีมัคคุเทศก์แปดภาษา ภาษาไทย อังกฤษ ลาว พม่า มอญ ม้ง เย้า กะเหรี่ยง เพราะฉะนั้น...วัดท่าขนุนมีมัคคุเทศก์นานาชาติ ใครมาสามารถพูดด้วยได้หมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-06-2022 เมื่อ 23:03 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
บ้านเราเมืองเราเสียดายตรงที่ว่า นักการเมืองส่วนใหญ่ทำเพื่อพวกพ้องและตนเอง แม้ว่าในหลวงรัชกาลที่ ๙ จะแสดงการเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ ชนิดไม่มีใครทำได้ให้ดู ก็หาคนเลียนแบบและทำตามน้อยมาก เพราะว่าติดสบาย
เกษตรทฤษฎีใหม่แบบเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ระยะแรกเราต้องเหนื่อยก่อน หลังจากนั้นจะเกิดความมั่นคงอย่างยิ่ง อย่างเช่นตอนนี้ข้าวของแพงทุกอย่าง แต่ถ้าเราทำเกษตรทฤษฎีใหม่แบบที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ วางแนวเอาไว้ เราจะไม่เดือดร้อนอะไรเลย เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีในไร่ในสวนของเราเองหมด สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่เป็นหนี้ใคร ถึงไม่มีเงินก็อยู่ได้ ประเทศรัสเซียเอาไปใช้งาน ปัจจุบันนี้อเมริกาคว่ำบาตรมาหลายยกแล้ว ไม่เห็นรัสเซียจะเดือดร้อนอะไรเลย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวยกย่องว่า ถ้าไม่ได้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เขาคงอยู่ไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ บอกว่าถ้าคุณทำให้ประชาชนท้องอิ่มได้ เขาก็จะสนับสนุนคุณเอง ประธานาธิบดีปูตินสงสัยว่า "แล้วจะทำอย่างไร ?" ท่านบอกว่า "วิจัยว่าพื้นที่น้ำแข็งแบบนี้ ปลูกพืชผลทางการเกษตรแบบไหนถึงจะได้ผลดีที่สุด ? พื้นที่ภูเขาแบบนี้ ปลูกพืชผลการเกษตรแบบไหนได้ผลดีที่สุด ? พื้นที่ราบแบบนี้ ปลูกพืชผลการเกษตรแบบไหนได้ผลดีที่สุด ? เน้นพืชอาหาร โดยเฉพาะข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวบาร์เลย์" ประธานาธิบดีปูตินทำตาม เห็นผลตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังไม่สวรรคต ปัจจุบันนี้คนอื่นมีปัญญาคว่ำบาตรรัสเซียไปเถอะ คว่ำจนบาตรแตก พ่อเจ้าพระคุณก็ไม่สะเทือน..กูไม่เดือดร้อนอะไร..กูมีกิน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2022 เมื่อ 03:51 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
สงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นเรื่องตลกมาก อเมริกาพยายามที่จะสร้างภาพให้รัสเซียเป็นผู้ร้าย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองนั่นแหละเป็นผู้ร้าย ก็คือไปยุยูเครนให้เข้านาโต จะได้ไปตั้งขีปนาวุธจ่อคอหอยรัสเซีย ปรากฏว่ารัสเซียเตือนแล้วเตือนอีกเป็นสิบรอบก็ไม่ฟัง รัสเซียก็เลยยกพวกไปลุย ไม่น่าเชื่อว่าประชากรเกินครึ่งโลกเชียร์ผู้ร้ายอย่างรัสเซีย..! เพราะว่าเดี๋ยวนี้คนฉลาดขึ้น เห็นว่าผู้ร้ายที่แท้จริงไม่ใช่รัสเซีย แต่เป็นอเมริกาต่างหาก..!
ผลกระทบมาถึงบ้านเราแน่นอน ถ้ารัฐบาลยังมัวแต่เล่นการเมืองอยู่ ที่ได้บอกไปแล้วว่าหากะโหลกกะลา ถ้วยถังกะละมังแตกอะไรก็ได้ ปลูกโน่นนี่นั่นไว้บ้าง ถึงเวลาถ้าหากว่าของแพง เราก็กินของเราเอง เหลือมากก็แจกเพื่อนบ้านไป ดูแปลงสาธิตการเกษตรวัดท่าขนุนสิ อนุญาตให้ชาวบ้านทุกคนไปเก็บกินได้ ทำให้เขาดูว่ามีประโยชน์อย่างไร ส่วนดูแล้วคุณจะทำตามหรือเปล่า ? หรือไม่ทำ ก็เรื่องของคุณ เราได้ทำแล้ว เหมือนการปฏิบัติธรรมตรงที่เรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรช่างมัน ถ้าวางกำลังใจแบบนี้ได้ การปฏิบัติธรรมจะก้าวหน้าทุกคน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2022 เมื่อ 03:53 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
แปลงสาธิตการเกษตรโคกหนองนาวัดท่าขนุนก็ดี แปลงผักสวนครัวรั้วกินได้ก็ดี แปลงสาธิตเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยศาสตร์พระราชาก็ตาม วัดท่าขนุนกินเองเกือบหมด ไม่ขาย..อยากได้ให้ไปเก็บเอง เอ็งไม่เก็บข้าก็เก็บกินเอง ทำแล้วใครฉลาดรู้จักดู ก็เลียนแบบไป ใครจะเลียนแบบหรือไม่เลียนแบบเรื่องของเขา เราได้ทำแล้ว เข้าใจอารมณ์นี้แล้วหรือยัง ?
เรามีหน้าที่ทำ ผลจะเกิดอย่างไร หรือไม่เกิด เป็นเรื่องของมัน จำเคล็ดลับตรงนี้ให้ดี ๆ ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วอยากก้าวหน้า ตอนทำต้องทิ้งความอยากให้ได้ เรามีหน้าที่ภาวนา จะได้หรือไม่ได้ จะเป็นหรือไม่เป็น ก็ช่างหัวมัน เดี๋ยวหลังทำวัตรเย็นแล้ว ต้องไปเวียนเทียนกัน อย่าลืมว่าทุกสิ่งที่เราทำ ให้ตั้งใจว่าเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อานิสงส์ถ้าพึงมีพึงได้ ขอให้ส่งผลให้ตัวเราเข้าสู่พระนิพพานเท่านั้น หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ตอบปัญหาที่คนถามว่า "ถ้าหากว่าเอาแต่พระนิพพานอย่างเดียว แล้วเราจน ก็ลำบากสิครับ" หลวงพ่อท่านบอกว่า "พระนิพพานเหมือนกับยอดเขาสูงสุด ก่อนที่คุณจะขึ้นถึงยอดเขาสูงสุด ทุกอย่างข้างทางมีอะไร เราก็เจอ เราก็ได้มาหมดแล้ว" สรุปว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้จนนะ..เอ๊ะ..เรื่องเดียวกันหรือเปล่า ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2022 เมื่อ 03:55 |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
ช่วงงานสวดพระคาถาเงินล้าน เช้าวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ต้องรู้เวลา ถ้าหากว่ารู้ว่าเราช้า ก็ต้องเผื่อเวลาไว้ ไม่ใช่ว่าถึงเวลาก็ปล่อยเลยตามเลย มาเมื่อไรก็ได้ พวกมาเมื่อไรก็ได้ ถึงเวลาจะได้อะไรก็เมื่อไรก็ได้เหมือนกัน..! ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นเมื่อไร..! ลำดับต่อไป ก่อนทำความดีทั้งปวง ก็ต้องเริ่มด้วยความดีพื้นฐาน คือศีล แต่ด้วยความที่วันนี้ศีลของเราเมื่อเลิกปฏิบัติธรรมแล้ว พวกเราส่วนใหญ่ก็จะเหลือแค่ศีล ๕ ดังนั้น...ให้รับศีล ๕ แล้วเลิกปฏิบัติธรรมเมื่อไร ก็ไปใช้ศีล ๕ เป็นเครื่องนำชีวิตของเราตามเดิม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-06-2022 เมื่อ 23:04 |
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
อุตส่าห์มีท่านผู้เจริญนำพระกรุเก่ามาให้ ๔ องค์ ปลอมล้วน ๆ..! จะเล่นพระกรุเนื้อดิน ต้องศึกษาว่าแต่ละกรุมีลักษณะเด่นของเนื้อเป็นอย่างไร หลังจากนั้นก็ดูพิมพ์ทรง ถ้าเนื้อใช่ พิมพ์ใช่ มีโอกาสใช่ประมาณ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าสมัยนี้มีขี้โกง สร้างพิมพ์ด้วยการใช้คอมพิวเตอร์สแกน และเอาเนื้อเก่าขององค์ชำรุด มาบดแล้วพิมพ์ขึ้นมาใหม่
เพราะฉะนั้น..เนื้อใช่ พิมพ์ใช่ ยังมีโอกาสใช่แค่ประมาณ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ต้องดูองค์ประกอบอื่นด้วย ถ้าดูเองไม่เป็น อย่าเที่ยวไปหามาให้อาตมา จะเสียเงินเยอะ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพระกรุจะมีราคาค่อนข้างแพง เราอย่าไปเห็นแก่ของถูก อย่าไปฟังนิทานว่าเขาเก็บมา ๗ ชั่วโคตรแล้ว ลักษณะอย่างนั้นภาษานักเล่นพระเขาเรียกว่า "โดน" หรือไม่ก็เรียกว่า "ตกควาย" ก็คือเขาไม่ได้ตกปลา แต่เขาตกได้ควายทั้งตัว..! พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมวิสาขบูชา ๒๕๖๕ ณ วัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ - วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล และ นาทาม)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-06-2022 เมื่อ 23:04 |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|