#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ในช่วงเช้า กระผม/อาตมภาพนำพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนไปรับบิณฑบาตจากคณะแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลทองผาภูมิ นำโดยแพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ เพื่อถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ขอให้พระองค์ท่านหายจากการประชวรโดยเร็ว
ในงานปรากฏว่านอกจากคณะแพทย์พยาบาล และบุคลากรของโรงพยาบาลทองผาภูมิแล้ว ยังมีประชาชนเป็นจำนวนมากมาร่วมงานด้วย ทำให้วัตถุมงคลที่กระผม/อาตมภาพนำไปแจกเป็นของขวัญปีใหม่นั้น ไม่เพียงพอสำหรับผู้ที่รู้ข่าวแล้วมาช้า หลังจากนั้นแล้วก็ได้กลับมาเตรียมการงานต่าง ๆ ในการที่จะเปิดตลาดริมแควเมืองท่าขนุน ซึ่งทางด้านท่านนายกฯ ประเทศ บุญยงค์ นายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ ได้นำเอาเจ้าหน้าที่มาช่วยจัดซุ้มทางเข้า ซึ่งเป็นด้านเดียวกับสนามเด็กเล่นเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ตรงกันข้ามกับสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ซึ่งในที่นั้นจะเป็นทั้งลานจอดรถและทางเข้างานจากด้านถนนคนนั่งยองทองผาภูมิ อีกด้านหนึ่งนั้น กระผม/อาตมภาพให้พระภิกษุสามเณรช่วยกันทำซุ้มทางเดินลงไปตามบันได ที่ทางเทศบาลตำบลทองผาภูมิได้สร้างเอาไว้ พร้อมกับประดับไฟต่อเนื่องไปจนถึงสะพานแขวนหลวงปู่สาย แล้วเมื่อข้ามไปทางฝั่งสถานีตำรวจแล้ว ก็ยังประดับไฟต่อเนื่องไปถึงทางเข้าตลาดริมแควเมืองท่าขนุน ทางด้านบ้านพักของผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ก็แปลว่า การเตรียมงานในการเปิดถนนคนนั่งยองทองผาภูมิก็ดี การเปิดตลาดริมแควเมืองท่าขนุนก็ตาม ถือว่าสำเร็จไปแล้วเกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ จึงขออาศัยเสียงตรงนี้แจ้งให้แก่ญาติโยมทั้งหลายที่ตั้งใจไปร่วมงานว่า ถ้าหากว่านำรถยนต์ส่วนตัวมา ให้เข้ามาจอดรถภายในวัดท่าขนุน แล้วเดินข้ามสะพานแขวนหลวงปู่สาย ก็จะไปถึงตลาดริมแควเมืองท่าขนุน หรือถ้าหากว่าที่จอดรถภายในวัดเต็มแล้ว ก็ให้จอดรถบริเวณหน้าวัดตรงลานธรรม บริเวณที่ประดิษฐานสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก ๒๑ ศอก ทางด้านหน้าวัดท่าขนุนแทน ซึ่งพอที่จะจอดได้อีกนับร้อยคัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-12-2022 เมื่อ 04:43 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าที่จอดรถทางด้านถนนคนนั่งยองฯ นั้นไม่สามารถที่จะจอดได้อีกแล้ว เนื่องจากว่ากลายเป็นที่ตั้งร้านค้าของประชาชนไปจนหมด แล้วทางด้านของสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ก็ได้กันที่ส่วนหนึ่งไปเป็นที่จอดรถของกลาง ซึ่งคดียังไม่สิ้นสุดอีกด้วย จึงทำให้ที่จอดรถทางด้านตลาดทองผาภูมินั้นหมดไปโดยปริยาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ท่านทั้งหลายจะต้องมาจอดรถในวัด หรือที่หน้าวัดท่าขนุนแทน
ยกเว้นบางท่านที่ไม่ต้องการเดินไกล สามารถที่จะนำรถไปส่งคน หรือครอบครัวของท่านในบริเวณหน้างานทางด้านถนนคนนั่งยองทองผาภูมิ แล้วหลังจากนั้นก็ขับรถวนกลับมาจอดทางด้านหน้าวัดได้ เมื่อถึงเวลาก็นัดหมายกับญาติพี่น้องหรือว่าเพื่อนฝูงให้โทรศัพท์มา แล้วเราก็ขับรถย้อนกลับไปรับอีกทีหนึ่ง แบบนี้ก็พอไหว แต่คาดว่าการจราจรน่าจะค่อนข้างหนาแน่นกว่าเวลาปกติ หลังจากฉันเพลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางมาร่วมงานฌาปนกิจศพนางอนงค์ ตันติวานิช มารดาของนายนิติพล ตันติวานิช ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๔ บ้านทุ่งเสือโทน ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งครอบครัวของผู้ใหญ่พลนี้ รู้จักสนิทสนมกันกับกระผม/อาตมภาพมานาน โดยเฉพาะทางภรรยา คือนางกนกวรรณ ตันติวานิช ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลชะแลนั้น สนิทกับทางด้านวัดท่าขนุนมาตั้งแต่สมัยที่กระผม/อาตมภาพส่งพระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส หรือว่าพระครูน้อย ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือเจ้าอาวาสวัดหนองบัว เมืองจะอีน ประเทศพม่า ให้ไปเป็นเจ้าอาวาสที่นั่น เนื่องเพราะว่าทางวัดทุ่งเสือโทน หรือชื่อเป็นทางการว่าวัดคลีตี้ผลธรรมมารามนั้น ขาดเจ้าอาวาสมาเนิ่นนานมาก แล้วรักษาการเจ้าอาวาสก็มีความประพฤติไม่เป็นที่พอใจของชาวบ้านทุ่งเสือโทนเป็นอย่างมาก เนื่องเพราะว่าในยุคนั้น ถ้าหากว่าใครจะนิมนต์ท่าน ก็ต้องวางมัดจำก่อน ๕๐๐ บาท เพื่อเป็นเครื่องประกันว่า ถึงเวลาแล้วจะได้มีปัจจัยถวายเจ้าอาวาสอย่างแน่นอน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-12-2022 เมื่อ 04:46 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ในเมื่อโดนญาติโยมทั้งหลายขับไล่ก็ต้องหาเจ้าอาวาสใหม่ แล้วก็ไปตกอยู่ทางด้านวัดท่าขนุนของกระผม/อาตมภาพเอง ที่แทบจะเป็น "สถาบันผลิตเจ้าอาวาส" แล้ว ญาติโยมทั้งหลายเชื่อกันว่า ถ้าเป็นเจ้าอาวาสที่ไปจากวัดท่าขนุนแล้ว ก็จะเป็นผู้ที่เคร่งครัดต่อวัตรปฏิบัติ มีแนวทางในการประพฤติปฏิบัติที่สมควรแก่การเป็นพระสงฆ์
เมื่อขอตัวมา กระผม/อาตมภาพก็ส่งพระครูน้อยไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งภายหลังพระครูน้อยลาออกจากเจ้าอาวาสมาแล้ว ทางด้านบ้านทุ่งเสือโทน เมื่อมีงานมีการอะไร ก็ยังมานิมนต์พระวัดท่าขนุนเข้าไปทำบุญ โดยผู้ที่ดำเนินการและออกหน้าแทนลูกบ้านทั้งหมดก็คือคุณนายผู้ใหญ่บ้านอย่างนางกนกวรรณ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "อบต.ทุ่ง" แล้วปัจจุบันนี้ก็มาเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลชะแล กลายเป็น "รองฯ ทุ่ง" สนิทสนมคุ้นเคยกันมาเนิ่นนาน ดังนั้น..ในส่วนของมารดาของผู้ใหญ่พล ก็คือนางอนงค์ เมื่อสิ้นชีวิตลง ถึงแม้จะมาจัดงานศพที่วัดทุ่งลาดหญ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ญาติมิตรทั้งหลาย ไม่ต้องเดินทางกันข้ามวันข้ามคืน เพื่อเข้าไปยังบ้านทุ่งเสือโทน กระผม/อาตมภาพถึงแม้จะหนทางไกล ก็ต้องเดินทางลงมาร่วมงาน เนื่องเพราะว่านอกจากจะเป็นการแสดงน้ำใจของคนรู้จักคุ้นเคยกันแล้ว ในส่วนของการที่ทั้งผู้ใหญ่พลและรองฯ ทุ่งได้ช่วยเหลือทางวัดท่าขนุนยามมีงานมีการต่าง ๆ โดยการนำเอาพืชผักผลไม้ออกมาเข้าโรงครัวให้ทีละเป็นคันรถ ต้องบอกว่ามีบุญคุณกับทางวัดท่าขนุนจนเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมีงานเช่นนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องไปร่วมงาน เมื่อไปถึงก็เห็นชัดว่า ทางด้านความมีน้ำใจของผู้ใหญ่พลและรองทุ่ง ซึ่งช่วยเหลือวัดวาอารามต่าง ๆ ในอำเภอทองผาภูมิเอาไว้มาก ทำให้พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ พระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ วัดเขื่อนวชิราลงกรณ พระครูสุวิมลกาญจนวัฒน์ เจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๑ พระครูพิสุทธิ์กาญจนาภรณ์ เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๑ ก็มาร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกัน ต้องบอกว่าในระดับพระสังฆาธิการผู้ใหญ่ของทางอำเภอทองผาภูมิ มากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แล้วไหนยังจะมีบรรดาเจ้าอาวาสและเลขานุการต่าง ๆ อีกหลายรูป จึงทำให้เห็นว่าในเรื่องของมิตรจิตมิตรใจนั้นสำคัญมาก สมกับพระบาลีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า วนฺทโก ปฏิวนฺทนํ ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ หรือว่า ผู้ให้ย่อมได้รับการให้ตอบนั่นเอง ในเมื่อเขามีน้ำจิตน้ำใจกับพวกเรามาโดยตลอด ถึงเวลาทางคณะสงฆ์ก็ไม่เกรงว่าจะเป็นทางไกล เพราะว่าเรื่องของผู้เสียชีวิตนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถเสียชีวิตครั้งที่ ๒ ที่ ๓ ได้ ก็มีแต่เสียชีวิตไปครั้งเดียวแล้วทำการประชุมเพลิงกันทั้งนั้น..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-12-2022 เมื่อ 04:49 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เมื่อเดินทางมาร่วมงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางด้านพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ และพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ได้มอบหมายให้กระผม/อาตมภาพเป็นตัวแทนในการเข้าประชุมพระสังฆาธิการ ระดับเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีในวันพรุ่งนี้
พร้อมกับมอบหมายให้กระผม/อาตมภาพรับไฟพระฤกษ์ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมฺพรมหาเถร) ที่ประทานให้เพื่อใช้ในงานสวดมนต์ข้ามปีอีกด้วย นอกจากนี้แล้วก็ยังมีการประชุมสัมมนาครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์อีกต่างหาก กระผม/อาตมภาพจึงไม่สามารถที่จะเดินทางกลับวัดท่าขนุนได้ ต้องมาอาศัยพักอยู่ที่วัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขามของพระครูกาญจนปริยัติคุณ หรือว่าพระครูบ่าว ไม่ว่าจะเป็นการพักที่วัดท่ามะขามก็ดี หรือที่วัดอุทยานก็ตาม กระผม/อาตมภาพจะส่งข้อความทางไลน์ส่วนตัวขออนุญาตเจ้าอาวาสก่อนเสมอ ตรงส่วนนี้ต้องถือว่าเป็นมารยาท หรือว่าเป็นจริยาพระสังฆาธิการที่ขาดไม่ได้ เนื่องเพราะว่าเราเข้าไปอาศัยเขตปกครองของพระสังฆาธิการรูปอื่น เช่นเดียวกับการที่เราจะไปได้รับนิมนต์ให้ไปนั่งพระอุปัชฌาย์ในสถานที่นอกเขตปกครองของตน อย่างเช่นว่า ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพได้รับนิมนต์ให้ไปนั่งพระอุปัชฌาย์นอกเขตอำเภอทองผาภูมิ ก็ต้องทำหนังสือยื่นขอท่านเจ้าของเขตนั้น ตั้งแต่เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอที่เป็นพระอุปัชฌาย์ในพื้นที่ เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงสามารถที่จะไปทำหน้าที่ได้ ไม่เช่นนั้น การนั่งพระอุปัชฌาย์ข้ามเขตนั้น ผิดจริยาของความเป็นพระอุปัชฌาย์ ถึงขนาดโดนถอดถอนได้เลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-12-2022 เมื่อ 04:51 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
เช่นเดียวกับงานวัดต่าง ๆ แม้กระทั่งงานวัดท่าซุง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นวัดต้นกำเนิดของกระผม/อาตมภาพเอง กระผม/อาตมภาพก็ไม่เคยถือสิทธิ์ที่จะไปโดยอาศัยความคุ้นเคย เนื่องเพราะว่าเราต้องถือจริยาพระสังฆาธิการ ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์กติกาในการปกครองคณะสงฆ์ คือถ้าหากว่าไม่มีฎีกานิมนต์มาก็จะไม่ไป
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้าหากว่าบุคคลอื่นมาในสถานที่ของเราโดยไม่ได้นิมนต์ ถ้าทางเจ้าภาพไม่ได้เตรียมปัจจัยไทยธรรมอะไรเอาไว้ให้ก่อน ก็จะเป็นการฉุกเฉิน สร้างความเดือดร้อนให้แก่ทางเจ้าภาพ ผิดกับทางวัดท่าขนุนที่กระผม/อาตมภาพจะเตรียมปัจจัยไทยธรรมเอาไว้ สำหรับท่านผู้ที่มาเองอยู่เสมอ แต่ว่าตนเองนั้นจะไม่ล่วงมารยาท หรือว่าไม่ละเมิดจริยาพระสังฆาธิการตรงนี้ ถ้าหากว่าเจ้าอาวาสไม่ได้นิมนต์ ต่อให้คุ้นเคยกันขนาดไหน กระผม/อาตมภาพก็จะไม่อาศัยความคุ้นเคยไปเองเป็นอันขาด เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเราว่า จริยาพระสังฆาธิการนั้น เป็นเรื่องที่เราต้องประพฤติปฏิบัติให้เคยชิน ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าหากว่ามีเรื่องมีราวกับผู้หนึ่งผู้ใดขึ้นมา แล้วเขายกข้อผิดพลาดตรงนี้ขึ้นมากล่าวอ้าง เราไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลย เพราะว่าได้กระทำผิดไปจริง ๆ และเป็นการผิดต่อคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งถือเป็นกฎหมายหรือระเบียบปกครองคณะสงฆ์เสียด้วย ในเมื่อไม่สามารถที่จะปฏิเสธความผิดได้ ต่อให้ผู้บังคับบัญชาคิดอยากจะช่วยเหลือเรา ก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้ นอกจากตัดสินไปตามโทษานุโทษที่สมควรเท่านั้น..! ถ้าเรากระทำในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จนชิน การที่เราจะรักษาศีล หรือว่าพระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย เพราะว่ากำลังใจในการระมัดระวังรักษา ก็อยู่ในระดับเดียวกันนั่นเอง สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-12-2022 เมื่อ 04:53 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|