#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เริ่มเข้าครึ่งปีแล้ว แต่ละวันผ่านไปรวดเร็วมาก สำหรับนักปฏิบัติธรรมแล้ว เราต้องมีการประเมินตนเองอยู่เสมอ ว่าวันนี้เราทำได้ดีกว่าเมื่อวานหรือเปล่า ?
โดยเฉพาะสิ่งที่ต้องทบทวนหลัก ๆ เลยก็คือบารมี ๑๐ ซึ่งไม่ว่าเราจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม อีก ๙ อย่างจะตามมาครบถ้วน แล้วขณะเดียวกันสังโยชน์ ๑๐ ที่เป็นเครื่องร้อยรัดเราให้ติดอยู่กับวัฏสงสารนั้น วันนี้เราพยายามละในสังโยชน์ข้อไหนได้บ้าง ? การทบทวนตัวเองก็คือการที่เราปฏิบัติตามพระบาลีที่ว่า อัตตนา โจทยัตตานัง ให้กล่าวโทษโจทก์ตนเองเอาไว้เสมอ โดยเฉพาะสิ่งที่เราต้องพิจารณาอยู่เสมอก็คือว่า กาย วาจา ใจที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่อีก เราต้องทำ กาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายพิจารณาอยู่ทุกวันที่ทำวัตร ก็กลายเป็นเรื่องที่สูญเปล่า สักแต่ว่าให้คล่องปากไป โดยไม่ได้เอาไปใช้งานอย่างแท้จริง ช่วงนี้สิ่งที่เราต้องระมัดระวังก็คือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ซึ่งกลับมาอาละวาดใหม่ แม้ว่าจะไม่หนักหนาสาหัสเหมือนตอนที่ระบาดใหม่ ๆ แต่ว่าหลายท่านที่ร่างกายไม่แข็งแรง เมื่อรับเชื้อเข้าไป ก็มีอาการที่ค่อนข้างจะยาวนาน ทำให้เสียเวลาในการรักษาตัว เสียงานเสียการไปด้วย สำหรับวันพรุ่งนี้เป็นวันเตรียมงานของพวกเรา เพื่อที่จะรับภาระหนักในวันที่ ๓ ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และตรงกับวันวิสาขบูชาพอดี โดยเฉพาะช่วงวันวิสาขบูชา กระผม/อาตมภาพจะมอบทุนการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ซึ่งปีนี้เป็นครั้งแรกที่สามารถหาทุนมอบให้กับเขาได้ครบถ้วนทั้ง ๓๔ โรงเรียน แต่คราวนี้การมอบทุนการศึกษาแต่ละโรงเรียนก็ต้องมีเวลา กระผม/อาตมภาพจึงแจ้งทางพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิว่า การจัดพระครูสัญญาบัตรเพื่อไปร่วมงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ที่ว่าการอำเภอทองผาภูมินั้น ปีนี้ขออนุญาตให้เว้นกระผม/อาตมภาพไว้รูปหนึ่ง เพราะว่า ๓๔ โรงเรียน ถ้าใช้เวลาโรงเรียนละ ๑๐ นาที ก็ว่าไป ๓๔๐ นาทีแล้ว เกือบ ๆ ๖ ชั่วโมง แล้วเรายังต้องมีการทำบุญใส่บาตร แสดงพระธรรมเทศนาอีก ในวันมะรืนพวกเราจะต้องช่วยกันดูแลเด็ก ๆ แล้วขณะเดียวกัน งานอื่นก็ต้องทำด้วย จะได้รู้กันว่าพวกเรามีความคล่องตัวกันแค่ไหน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-06-2023 เมื่อ 02:12 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
สำหรับวันนี้ กระผม/อาตมภาพให้ไอ้ตัวเล็กนำตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช ของหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราชไปลงเว็บ ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราชเป็นตะกรุดที่กระผม/อาตมภาพมีความเห็นว่า เป็นวัตถุมงคลที่สร้างได้ยากที่สุด เว้นเสียจากการลบผงวิเศษทั้ง ๕ ชนิดแล้ว ก็ไม่น่าจะมีอะไรที่สร้างยากไปกว่านี้อีก เพราะว่าตำรานี้มาจากหลวงปู่สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว สืบทอดกันมาตายสายวัดประดู่โรงธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ในสมัยโบราณเขาใช้สร้างเป็นเครื่องคาดราชศาสตราของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าพวกเราเคยเห็นเครื่องคาดราชศาสตรา จะเห็นว่ามีทั้งตะกรุดและลูกสะกด ตะกรุดนั้นก็คือตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราชนี่เอง ซึ่งจะต้องอาราธนาพระสงฆ์ ๑๐๘ รูป อยู่ในมณฑลพิธี ผู้ลงตะกรุดจะอยู่ตรงกลาง พระสงฆ์ทั้ง ๑๐๘ รูป จะต้องเจริญบทอิติปิ โส รัตนมาลา ซึ่งพระสงฆ์ ๑๐๘ รูปนั่นก็คือ การแทนพระพุทธคุณ ๕๖ พระธรรมคุณ ๓๘ พระสังฆคุณ ๑๔ รวมแล้ว ๑๐๘ พอดี ส่วนบทอิติปิ โส รัตนมาลานั้น เป็นการเอาบทพุทธคุณ ๕๖ มาแยกออกเป็นพระคาถา ๕๖ บทด้วยกัน เมื่อพระเจริญพระพุทธมนต์บทใดก็ลงอักขระตามบทนั้น ๆ อย่างเช่นว่า ลงตัวอิ ก็เป็นพระคาถาบท อิฏโฐ สัพพัญญุตัญญานัง อิจฉันโต อาสะวักขะยัง อิฏฐัง ธัมมัง อะนุปปัตโต อิทธิมันตัง นะมามิหัง ลงอิได้ตัวเดียว ตัวต่อไปก็คือ ติ ติณโณ โย วัฏฏะทุกขัมหา ติณณัง โลกานะมุตตะโม ติสโส ภูมี อะติกกันโต ติณณะโอฆัง นะมามิหัง ลงติได้อีกหนึ่งตัว พอไปตัวปิ ก็คือ ปิโย เทวะมะนุสสานัง ปิโยพรหมานะมุตตะโม ปิโย นาคะสุปัณณานัง ปิณินทริยัง นะมามิหัง ลงปิได้อีกหนึ่งตัว โสก็คือบทโสกา วิรัตตะจิตโต โย โสภะนาโม สะเทวะเก โสกัปปัตเต ปะโมเทนโต โสภะวัณณัง นะมามิหัง ลงโสได้อีกหนึ่งตัว ว่าอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบ ๑๐๘ ตัว ส่วนตัวเลขนั้นลงด้วยบทโสฬะสะมังคะลัญเจวะ ฯลฯ แล้วปิดท้าย ๔ มุมด้วย ชนะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-06-2023 เมื่อ 02:15 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ใครอยากจะศึกษา ลองศึกษาจากตำราหลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม ที่เป็นบูรพาจารย์ของเราเช่นกัน เพราะว่าหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ไปศึกษาจากหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี ที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม
ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะไม่มีความเพียรพอที่จะศึกษาเรื่องพวกนี้ กระผม/อาตมภาพก็เลยถ่ายทอดให้ผู้สนใจก็คือ "หยาดฝน" อยากรู้ว่าเป็นใครไปตามหาว่ายูเซอร์เนมหยาดฝนในเว็บไซต์วัดท่าขนุนนี้คือใคร เพราะว่าแต่ละบทที่ลงตามสูตรนั้น ไม่ได้ไล่ไปตามลำดับ แต่ว่าจะมีช่องตารางที่ลงโดยจำเพาะเจาะจงอยู่ เมื่อเสร็จแล้ว ยังมีการเสกปิดอีกต่างหาก ถ้าหากว่าตามสายของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกว่าวัตถุมงคลที่สร้างยากที่สุดของท่านก็คือพระสมเด็จคำข้าว เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่เสกคำข้าวนั้น คาถาจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามที่พระท่านบอก จึงไม่สามารถที่จะถ่ายทอดต่อได้ เพราะว่าบางที บทนี้เสก ๓ วัน บทโน้นเสก ๗ วัน อีกบทหนึ่งเสกวันนี้ พรุ่งนี้เปลี่ยนไปอีกแล้ว แต่ถ้าหากว่าในเรื่องของการสร้างเครื่องรางของขลังหรือวัตถุมงคล นอกจากการลบผงวิเศษ ๕ ชนิดแล้ว กระผม/อาตมภาพยืนยันว่า การสร้างตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราชนั้นยากที่สุด แค่นิมนต์พระ ๑๐๘ รูป ที่สวดอิติปิ โส รัตนมาลาได้ ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหนแล้ว ดังนั้น..เราจะเห็นว่าวัตถุมงคลที่เข้าพิธีมหาจักรพรรดิปี ๒๕๑๕ ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก หรือวัดหลวงพ่อพระพุทธชินราช จึงเป็นที่ต้องการของคนเป็นจำนวนมาก เพราะว่าจัดใหญ่เต็มพิธี มีการล้อมราชวัตรฉัตรธง นิมนต์พระล้อมรอบ ๑๐๘ รูป ครูบาอาจารย์ผู้ลงนั่งอยู่ภายใน ว่ากันไปตามตำรา ใครสนใจศึกษา เขาถือว่าถ้าเรียนวิชาตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราชจบ อย่างอื่นก็ไม่น่าจะเหลืออะไรยากอีกแล้ว เพียงแต่ว่าตะกรุดที่สร้างแล้วได้รับการยอมรับในวงการ ก็มีของหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช แล้วก็ท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ทั้ง ๒ ท่านเป็นลูกศิษย์สายวัดประดู่โรงธรรมด้วยกัน คนอื่น ๆ ที่สร้างยังไม่ได้รับการยอมรับขนาดนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-06-2023 เมื่อ 02:17 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนที่ท่านสร้างเพื่อให้เป็นของประจำตระกูล หลวงปู่เทียมท่านไม่ได้ลงแค่มหาจักรพรรดิตราธิราช แต่ว่ายังล้อมด้วย ๔ มหาอำนาจ ล้อมด้วยมหาระงับ ล้อมด้วยมหาละลวย พันซ้อน ๆ กันไปไม่รู้กี่ชั้นต่อกี่ชั้น ดอกตะกรุดของท่านจึงใหญ่มาก เส้นผ่าศูนย์กลางก็น่าจะประมาณเหรียญ ๑๐ บาทเป็นอย่างน้อย ส่วนความยาวนั้น ถ้าดอกปกติที่ใช้งานกันก็อยู่ที่ ๘ นิ้ว แต่ที่ทำประจำตระกูลของท่านต้อง ๑๒ นิ้วขึ้นไป
เรื่องพวกนี้ครูบาอาจารย์ที่ท่านสนใจและรักลูกศิษย์จริง ๆ จนกระทั่งยอมทำให้ ต้องบอกว่าหายากมาก เพราะว่าปีที่หลวงปู่เทียมท่านทำตะกรุดนั้น ทองคำหนึ่งบาท ราคา ๓๕๐ บาท ตะกรุดของท่านดอกหนึ่ง ๑,๐๐๐ บาทสมัยนั้น เท่ากับทองคำเกือบ ๓ บาท นึกเอาก็แล้วกันว่าของคนแย่งกัน จะเหยียบกันตาย ทั้ง ๆ ที่แพงขนาดนั้น..! ของรุ่นเก่าที่แพงแบบนี้เห็นมีแต่ของหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ยเท่านั้น ก็คือเสือแกะของท่าน ตัวละ ๑ บาท คุณต้องเข้าใจว่าเงิน ๑ บาทสมัยนั้น ซื้อข้าวได้เป็นเกวียน แล้วช่วงที่คนต้องการมาก ๆ ขึ้นราคาไปถึง ๖บาท..! ซึ่งเรื่องนี้มีพระราชหัตถเลขาของในหลวงรัชกาลที่ ๕ บันทึกเอาไว้ชัดเจนมาก ของพวกนี้อยู่ที่เราตั้งใจศึกษาและทำจริง ถ้าเกิดผลคนจะศรัทธาเองโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะคนรุ่นหลังที่ไม่ทันหลวงปู่ กระผม/อาตมภาพแนะนำให้ไปกราบหลวงพ่อพระประธานในโบสถ์ คือหลวงพ่อกษัตราธิราช เพราะว่าตอนที่กระผม/อาตมภาพไปปลุกเสกนั้น แทบไม่ต้องทำอะไรเลย พลังจากองค์พระประธานที่แผ่ลงมาอย่างเดียวก็เกินความสามารถของกระผม/อาตมภาพไปหลายเท่าแล้ว นั่งอาราธนาบารมีพระแล้วเราก็พลอยได้รับไปด้วย คาดว่าถ้าญาติโยมทั้งหลายไปอธิษฐานอะไรที่นั่นก็น่าจะมีผลเร็วกว่าที่อื่น สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-06-2023 เมื่อ 02:19 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|