#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๗
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันสำคัญของเด็ก ๆ ทั้งประเทศ เพราะว่าวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมในทุกปีนั้นคือวันเด็ก เป็นวันที่ผู้ใหญ่ก็ดี ครูบาอาจารย์ก็ตาม จะจัดหาสิ่งของต่าง ๆ มาเป็นของขวัญให้กับเด็ก และมีการละเล่นต่าง ๆ
โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ที่ไปจัดสรรเอาอาวุธต่าง ๆ ออกมาให้เด็ก ๆ ได้ดู เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ ก็คือความรู้สึกอยากจะเป็นทหารของชาติ ปกป้องประเทศชาติของเราให้ปลอดภัยจากข้าศึกต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็ได้คุ้นเคยกับอาวุธต่าง ๆ อาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้เขาทั้งหลายเหล่านั้น สามารถที่จะสร้างอาวุธต่าง ๆ ขึ้นมาภายหลัง เพื่อที่จะได้ใช้ในประเทศชาติของเรา โดยไม่ต้องเสียเงินเสียทองไปซื้อจากต่างประเทศก็ได้ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังโรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนารามแต่เช้า เพื่อร่วมกับทางชมรมรักษ์ธรรมรักษ์ไทย ซึ่งนำโดยไอ้ตัวเล็ก (นางสาวพัชรีภรณ์ หยกอุบล) ที่ขนเอาของขวัญและผู้คน เตรียมที่จะไปสนุกสนานกับเด็ก ๆ ที่นั่น เพียงแต่ว่าพอถอยรถออกจากโรงรถเท่านั้น ก็ตายสนิทอยู่แค่หน้าโรงรถนั่นเอง ปรากฏว่าแบตเตอรี่หมด..! เนื่องจากว่าไม่ได้เดินทางมา ๓ - ๔ วัน โดยเฉพาะในระยะหลังนี้ มักจะเป็นแบตเตอรี่แห้ง ชนิดหัวจม ซึ่งเราไม่สามารถจะจัดการอะไรได้เลย ซ้ำยังมีอายุแค่ประมาณ ๑ ปีเท่านั้น จึงต้องโทรตามช่างยศ (นายสมยศ มณีรัตน์) เจ้าของอู่ ส.มณีรัตน์ยานยนต์ ให้ส่งลูกน้องมาทำการต่อสายพ่วงสตาร์ทให้ แต่ว่าเมื่อเดินทางมาถึงบริเวณไฟแดง แถวหน้าวัดน้ำตก อำเภอไทรโยค ปรากฏว่ารถสะดุดดับคาที่ไปอีก จนท้ายที่สุด ต้องรบกวนไอ้ตัวเล็กวิ่งขึ้นมาจากโรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม เอาแบตเตอรี่มาพ่วงให้ แล้วเข้าร้านขายแบตเตอรี่ที่บริเวณใกล้เคียง จ่ายเงินไป ๒,๗๐๐ บาท ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ไปเลย แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2024 เมื่อ 00:31 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เผือกน้อย ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
ตอนนี้ก็เลยมีความเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่า ทำไมผู้ใช้รถยนต์บางคนถึงได้บอกว่า "ใช้รถครบ ๑๐ ปีแล้ว ควรที่จะเปลี่ยนคันใหม่ เพราะว่าทุกอย่างจะเสื่อมสภาพ ให้เราต้องซ่อมต้องเปลี่ยน จนกระทั่งราคาเกือบจะเท่ากับรถคันใหม่" เพราะว่ารถคันนี้เพิ่งจะเปลี่ยนระบบกรองแก๊ส ที่ทำให้รถยนต์สามารถที่จะเร่งขึ้นได้อย่างใจ แต่กลายเป็นว่าตัวกรองเสีย ไม่สามารถที่จะทำงานต่อไปได้ ครั้นพอรู้ว่ากรองตัวนี้ใช้มาเป็นตัวที่สองสำหรับรถที่อายุ ๑๐ ปี ทุกคนก็ทำหน้างง ๆ บอกว่าปกติ ๒ ปี ๓ ปี เขาก็เปลี่ยนกันครั้งหนึ่งแล้ว ก็แปลว่า สิ่งของทั้งหลายเหล่านี้ก็จะทยอยกันเสียไปเรื่อย ๆ ตามลักษณะของอนิจจัง ความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งนั่นเอง
แม้ว่าจะเดินทางไปถึงโรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม ช้าไปกว่าที่ตั้งใจก็ตาม แต่ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระศรีสุทธิเวที (ขวัญ ถิรมโน ป.ธ.๙) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ก็ยังไปถึงทีหลังกระผม/อาตมภาพอยู่พักหนึ่ง ครั้นได้เวลา กระผม/อาตมภาพก็ทำหน้าที่จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และนำทั้งครูบาอาจารย์ ตลอดจนกระทั่งเด็ก ๆ สวดมนต์ไหว้พระ จากนั้นกล่าวสัมโมทนียกถาถึงการมาร่วมงานวันเด็กในวันนี้ แล้วเดินไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ ของโรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม ซึ่งกระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าภาพสร้างให้ ในนามของชมรมรักษ์ธรรมรักษ์ไทย ครั้นเมื่อได้เวลาแล้ว ก็ทำการเจิมป้ายและถ่ายรูป เป็นการเปิดอาคารวิทยาศาสตร์ครั้งนี้ เสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ขอตัวกับท่านเจ้าคุณอาจารย์ เพื่อที่จะเดินทางไปยังงานต่อไป แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2024 เมื่อ 00:32 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เผือกน้อย ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
เพียงแต่ว่าการเดินทางมาครั้งนี้นั้นก็คือวัดอรัญญิการาม หรือว่าในชื่อที่ชาวบ้านคุ้นเคยคือวัดสามง่าม ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีครูบาอาจารย์สำคัญก็คือ หลวงปู่เต๋ (พระครูภาวนาสังวรคุณ) วัดสามง่าม เจ้าของตะกรุดสามห่วง ที่เรียกกันว่าตะกรุดมหารูด ซึ่งในช่วงที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้น บางทีวัสดุในการจารตะกรุดหมดลง เพราะว่ามีคนมาขอกันเป็นจำนวนมาก ท่านถึงขนาดต้องตัดเอาถุงปูนที่ใช้ในการก่อสร้าง มาลงอักขระเลขยันต์แล้วม้วนเป็นตะกรุดให้ ตลอดจนกระทั่งตะกรุดหนังหน้าผากเสือของท่านก็ติดอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยเช่นกัน
โดยเฉพาะในส่วนของกุมารทอง ต้องบอกว่าวัดสามง่ามแห่งนี้ หลวงพ่อเต๋ คงฺคสุวณฺโณ ท่านทำให้กุมารทอง หรือที่ท่านเรียกตั้งแต่สมัยนั้นว่า "ตุ๊กตาทอง" นั้น เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศไทย ครั้นยุคต่อมา หลวงปู่แย้ม (พระครูประยุตนวการ) ท่านก็สามารถสืบสายบารมีเกี่ยวกับด้านตุ๊กตาทอง หรือว่ากุมารทองนี้ต่อมาได้ เมื่อสิ้นหลวงปู่แย้มแล้ว ท่านเจ้าคุณอาจารย์สมัย - พระศรีธีรวงศ์ (สมัย สจฺจวโร ป.ธ.๙) เจ้าคณะอำเภอดอนตูม ท่านก็เข้ามารักษาการเจ้าอาวาส ด้วยความที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ ท่านเรียนมาในยุคสมัยใหม่ นอกจากเป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยคแล้ว ท่านยังเรียนวิปัสสนาภาวนาในระดับปริญญาโทเป็นรุ่นแรกอีกด้วย ท่านเจ้าคุณอาจารย์ไม่อยากให้ชาวบ้านทั้งหลายยึดติดกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไป จนห่างไกลจากคุณพระรัตนตรัย จึงได้สร้าง Baby Buddha ที่ท่านเรียกว่า "มหากุมารสิทธัตถะ" ขึ้นมา โดยที่หวังว่าคนบูชา อย่างน้อยก็ได้นึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพยังคิดว่า "ท่านเจ้าคุณอาจารย์อาจจะคิดมากเกินไป" เนื่องเพราะว่าการใช้วัตถุมงคลนั้น ต่อให้เป็นกุมารทองก็ตาม ตอนอาราธนาก็ต้องนึกถึงครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทให้ ถ้าไม่ใช่หลวงปู่เต๋ ก็ต้องเป็นหลวงปู่แย้ม ก็แปลว่าได้สังฆานุสติไปเต็ม ๆ อยู่แล้ว ถ้ารักษาข้อห้ามต่าง ๆ ได้ ก็จัดว่าเป็นสีลานุสติอีกด้วย แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2024 เมื่อ 00:34 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เผือกน้อย ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
เมื่อมาถึงวัดสามง่าม กระผม/อาตมภาพได้เข้าไปกราบสังขารของหลวงปู่แย้ม แล้วพักผ่อนอยู่บริเวณนั้นครู่หนึ่ง ค่อยมาเดินดูรอบงาน เห็นว่ามีแผงจำหน่ายวัตถุมงคล โดยเฉพาะของหลวงปู่เต๋ วัดสามง่ามอยู่ด้วย แต่เมื่อดู ๆ แล้วก็ต้องเดินเลี่ยงมา เนื่องเพราะว่าตะกรุดมหารูดสามห่วงของหลวงปู่เต๋ ซึ่งเคล็ดลับในการใช้ก็คือ ถ้าสู้เอาไว้ข้างหน้า ถ้าหนีเอาไว้ข้างหลัง ถ้าเข้าหาผู้ใหญ่ให้ไว้ข้างขวา ถ้าเข้าหาผู้หญิงให้ไว้ข้างซ้ายนั้น ปรากฏว่ามีของปลอมเพียบเลย จึงทำให้กระผม/อาตมภาพค่อนข้างที่จะงง อาจจะเป็นเพราะว่าเขาทำดีมาก จนทางวัดแยกแยะออกได้ยากก็เป็นได้
การทำวัตถุมงคลให้เก่านั้นไม่ยาก แต่การที่เก่าแล้วสามารถหลอกตาผู้เชี่ยวชาญได้นั้น เป็นเรื่องยากเป็นอย่างยิ่ง วัตถุมงคลชุดนี้ ต้องบอกว่าทำเก่าได้ดี เพียงแต่ว่าไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ก็คือ แผ่นทองที่ปิดอยู่ เนื่องเพราะว่าไม่ลงทุน ไปใช้ทองที่เป็นทองวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง ปิดลงไปโดยอายุไม่มากพออย่างหนึ่ง จึงทำให้แยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าเป็นของที่ทำขึ้นมาใหม่ เมื่อเห็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงหมดความสนใจ เข้าไปพักผ่อนอยู่ในสำนักงานเจ้าคณะอำเภอดอนตูม ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน โดยมีพระเถรานุเถระทยอยกันมา และเวทีการแสดงก็อยู่ใกล้ ๆ อาจจะมีเสียงรบกวนต่าง ๆ แทรกเข้ามาได้ ถ้าหากว่ามีเสียงรบกวน ก็ต้องขออภัยทุกท่านด้วย อีกสักครู่เมื่อได้เวลา ก็ต้องเข้าไปทำการปลุกเสกวัตถุมงคล อาจจะทำให้การบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนล่าช้าไปได้ จึงได้ทำการบันทึกในขณะนี้เสียก่อน สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2024 เมื่อ 00:36 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เผือกน้อย ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|