#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗
|
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช พรุ่งนี้พวกเราบิณฑบาตกันอีก ๑ วัน แล้วก็แจ้งหยุดการบิณฑบาต ๓ วันตลอดช่วงสงกรานต์ โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ปีนี้ เราได้รับวันหยุดพิเศษ คือวันที่ ๑๒ เมษายน จึงทำให้มีวันหยุดเพิ่มขึ้นมาอีก ๑ วัน
การบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติของวัดท่าขนุน จึงเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ใครที่มาไม่ทันก็ถือว่าร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้รับวุฒิบัตรในการปฏิบัติธรรมครั้งนี้ การปฏิบัติธรรมจะไปสิ้นสุดในวันที่ ๑๖ เมษายน หลังจากการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ในระหว่างนั้นพวกเราก็ดำเนินกิจการไปตามปกติ เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นไม่ปกติ เนื่องเพราะว่าหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ท่านตัดสินใจจะสร้างวัตถุมงคลรุ่นเสาร์ ๕ ขึ้นมาบ้าง และจะปลุกเสกในวันที่ ๑๓ เมษายน แต่เนื่องจากทางวัดของเรามีการปลุกเสกวัตถุมงคลของตัวเอง ท่านจึงเลื่อนงานไปช่วงเย็น เพื่อที่พระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ จะได้ไปร่วมงานกันได้ คราวนี้ทางวัดของเราที่ปลุกเสกวัตถุมงคลนั้น กระผม/อาตมภาพรับของข้างนอกเฉพาะเหรียญหลวงปู่สาย รุ่นครบรอบ ๕๐ ปี โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ซึ่งเป็นรูปหลวงปู่สาย หลังยันต์เกราะเพชรเท่านั้น เนื่องเพราะว่านอกจากมีส่วนในการร่วมออกแบบแล้ว ถ้าหากว่าไม่รับมาเข้าพิธี เขาหาเงินสร้างหอพักนักเรียนไม่ได้ ก็จะมาเอาเงินที่วัดท่าขนุนอยู่ดี ส่วนของท่านอื่น ๆ ที่ติดต่อกันมาอยู่ตลอดเวลา ขอยืนยันว่าไม่รับ แม้แต่ของแม่ชีชื่น (อุบาสิกาชื่น ศรีสองแคว) เอง เนื่องเพราะว่าถ้ารับแม้แต่รายเดียว ก็ตอบปัญหาผู้ที่เราไม่รับไม่ได้ เรื่องของแนวทางในการปฏิบัติตน จะต้องตรงไปตรงมาและเสมอหน้ากัน ไม่ใช่คนโน้นพิเศษ คนนี้เด็กของเรา แล้วก็ไปให้เขา ถ้าทำตัวในลักษณะนั้น ก็จะมีคนส่วนหนึ่ง ซึ่งผิดหวังไป จะนำเอาเรื่องแบบนี้ไปเป็นจุดโจมตีเราได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2024 เมื่อ 01:21 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าระยะนี้ ข่าวคราวที่ไม่ดีไม่งามเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์ของเรามีเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันนี้ที่แทบทุกสำนักข่าวช่วยกัน "ขยี้" เป็นการใหญ่ ก็คือเรื่องของนักการเมืองหญิง ที่เขาใช้คำว่า "สาวใหญ่" มีเพศสัมพันธ์กับมหาหนุ่ม โดยที่ใช้คำว่า "พระ" ทั้ง ๆ ที่ตัวต้นเหตุสึกไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ว่าสำนักข่าวทุกสำนักแกล้งโง่ ไม่รู้ในจุดนี้ แล้วใช้คำว่า "พระ" กันอย่างครึกครื้น
ดูอย่างไรก็เหมือนทฤษฎีสมคบคิด ที่ตั้งใจจะทำลายพระพุทธศาสนาของเรา เนื่องเพราะว่าโดยวิสัยของนักข่าวแล้ว เป็นไปไม่ได้ว่าเรื่องนี้จะไม่รู้ แต่ตั้งใจนำเสนออกมา เหมือนอย่างกับว่าพระรูปนี้ท่านยังครองสมณเพศอยู่ เรื่องพวกนี้จะเกิดมากขึ้นไปเรื่อย ๆ และทำให้บุคคลที่ขาดความมั่นคงในพระรัตนตรัย เพราะว่าแทนที่จะเกาะคุณงามความดีในความเป็นพระรัตนตรัย กลับไปเกาะตัวบุคคล แล้วท่านก็จะเห็นว่าสาเหตุหนึ่งที่เกิดขึ้นก็เพราะว่ามีผู้ไปทำนายทายทักว่า นักการเมืองสาวใหญ่กับมหาหนุ่มท่านนี้เป็นเนื้อคู่กัน ซึ่งเรื่องเหลวไหลแบบนี้มีอยู่มาก และถ้าพระของเราไปทำ ก็เสี่ยงต่ออาบัติหนัก เนื่องเพราะว่าถ้าเขาเชื่อถือแล้วไปอยู่กินร่วมกัน เราก็จะโดนอาบัติสังฆาทิเสส ข้อชักสื่อชายหญิงให้เป็นผัวเมียกัน ซึ่งบรรดาพระหมอดูเสี่ยงกับอาบัติหนักตรงนี้มากที่สุด ขาดความระมัดระวังเมื่อไรก็ขาดจากความเป็นพระ จนกว่าจะได้รับการลงโทษ แล้วคณะสงฆ์ ๒๐ รูป สวดรับคืนความเป็นพระให้ใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องของหมอดู หรือว่าเรื่องอื่น ๆ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา ถือว่าไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก สร้างวัตถุมงคล ทำนายทายทักอะไรก็ดี จัดอยู่ในประเภทนี้ทั้งนั้น แล้วถ้าท่านทั้งหลายถามว่า "ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้ววัดท่าขนุนยังสร้างวัตถุมงคลไปทำอะไร ?" ก็ขอตอบว่า "เพราะว่ากูไม่โง่..!" องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา แปลว่า ทำเป็นอาชีพ ในเมื่อเราไม่ทำเป็นอาชีพ ก็ไม่ได้หากินด้วยเดรัจฉานวิชา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ต้องพิจารณาให้ชัดเจน เพราะว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้นั้น พระองค์ท่านทำไปก็เพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่อง น่าเลื่อมใสของพระพุทธศาสนา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2024 เมื่อ 08:41 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เพียงแต่ว่ามีบุคคลจำนวนหนึ่งที่แอบแฝงเข้ามาหากิน เหมือนอย่างในซีรีส์เรื่องสาธุ รู้สึกว่ากระผม/อาตมภาพจะโฆษณาให้ซีรีส์นี้มากเกินไปแล้ว เพียงแต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ถ้าเรามั่นคงในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง เราก็จะไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ยกเว้นว่าเราไปยึดถือในตัวบุคคลมากกว่าหลักธรรม
กระผม/อาตมภาพเคยยกตัวอย่างมาหลายครั้งแล้ว ก็คือคุณน้าของกระผม/อาตมภาพเอง เป็นน้องสาวคนติดกันของโยมแม่ เป็นคนใจบุญ ชอบทำบุญ เมื่อได้ข่าวว่ามีครูบาหนุ่มมากบารมี ก็อุตส่าห์ตะเกียกตะกายไปทำบุญด้วยถึงจังหวัดเชียงราย ก็คือท่านอาจารย์นิกร ครั้นเมื่อมีเรื่องมีราวเป็นข่าวกันขึ้นมา ว่าท่านอาจารย์นิกรมีความเสียหาย คุณน้าก็เปลี่ยนใจมาทำบุญกับท่านอาจารย์ยันตระ ครั้นท่านอาจารย์ยันตระมีปัญหาเสียหายขึ้นมา คุณน้าของกระผม/อาตมภาพ ก็ไปทำบุญกับหลวงพ่อภาวนาพุทโธ ฉิบหายเลย..! เนื่องเพราะว่าเป็นการแสวงหาและยึดมั่นในตัวบุคคล เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ ก็เหมือนอย่างกับคนอกหักติด ๆ กันหลายครั้ง เชื่อว่าถ้าไม่ตายเสียก่อน คุณน้าของกระผม/อาตมภาพ ก็คงจะไม่เคารพนับถือพระสงฆ์รูปใดอีกเลย เพราะว่าเจอเข้าไปสามดอกเต็ม ๆ..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเรายึดใน ศีล สมาธิ ปัญญา เร่งปฏิบัติให้เกิดผล ศรัทธาของเราจะแน่นแฟ้นมาก เพราะว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกอย่างเป็นของจริง และพิสูจน์ได้ เพียงแต่ว่าคนเราส่วนใหญ่แล้ว สร้างบารมีมาน้อย ปัญญาก็เลยพลอยน้อยไปด้วย อดไม่ได้ที่จะยึดมั่นในตัวบุคคล แทนที่จะยึดหลักธรรมคำสอนไปเร่งรัดปฏิบัติตน จึงเป็นเรื่องที่พอเกิดความเสียหายต่าง ๆ ขึ้นกับพระพุทธศาสนา ก็มักจะไปเหมาเอาว่า "พระภิกษุสามเณรทั้งหมดเป็นแบบนี้..!" ก็คล้าย ๆ กับเรื่องไม่ดีไม่งามที่เกิดขึ้นในวงการตำรวจ แล้วคนส่วนหนึ่งก็หมดศรัทธาว่า "ตำรวจดี ๆ ไม่มีอีกแล้ว" แม้กระทั่งบางคนก็ออกปากว่า "ตำรวจดียังมีอยู่ แต่ไม่เคยได้เจอ" บางคนก็บอกว่า "ตำรวจที่ดีมีอยู่ แค่หน้าสำนักงานกรมตำรวจปทุมวันเท่านั้น" ก็คืออนุสาวรีย์ที่อุ้มคนที่กำลังลำบากอยู่..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2024 เมื่อ 01:27 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ในวงการสงฆ์ของเราก็เหมือนกัน ท่านทั้งหลายจะเห็นว่านี่แค่กึ่งกลางพุทธกาลเท่านั้น ยังไม่ได้ครบ ๕,๐๐๐ ปีของพระพุทธศาสนา เพศภาวะพระภิกษุสามเณรยังสมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังสมบูรณ์บริบูรณ์ ถ้าเราขยันหมั่นเพียร และปฏิบัติได้ถูกต้อง มรรคผลนิพพานก็ยังไม่ใช่เรื่องล้าสมัย สามารถเข้าถึงกันได้ทุกคน
แต่ด้วยความที่สร้างบารมีมาน้อย ปัญญาน้อย ก็มักจะไปใช้วิธีง่าย ๆ ที่กระผม/อาตมภาพเรียกว่า "มักง่าย" เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นในชีวิตของตน แทนที่จะพิจารณาว่า บุญกุศลของเราขาดช่วงลง ทำให้อกุศลแทรกเข้ามา ส่งผลไม่ดี เราแทนที่จะเข้าวัดเข้าวา ไปตั้งหน้าถือศีล ปฏิบัติธรรม เราก็กลับไปหาหมอดู ไปเปลี่ยนชื่อ ไปเสริมดวง ไปต่อลายมือ ซึ่งถ้าเรื่องทั้งหลายเหล่านั้นทำแล้วเกิดผลจริง บ้านเราคงมีแต่คนรวยทั้งประเทศแล้ว..! แต่ด้วยความที่พวกเราขาดความพยายาม ไม่ยอมทำของยาก ก็คือศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาชีวิตที่ยั่งยืนที่สุด เราเอาแต่มักง่าย เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นก็เปลี่ยนชื่อ บางคนก็เปลี่ยนไป ๗ - ๘ ชื่อแล้ว ยังไม่เห็นจะดีขึ้นสักที เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นก็ไปสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ไปเจอสำนักที่ท่านแนะนำให้ทำใน ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ดีไป ไปเจอสำนักที่หากิน ก็เรียกร้องเอาผลประโยชน์จากเรามาก ๆ และท้ายที่สุดก็อาจจะคิดผิด ทำผิด หลงผิด เหมือนอย่างกับนักการเมืองสาวใหญ่กับมหาหนุ่มที่เป็นข่าวเป็นคราวโด่งดังอยู่ในปัจจุบัน จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องสังวรเอาไว้ ว่าในพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง ความบริสุทธ์หรือไม่บริสุทธิ์ป็นของเฉพาะตน นาญโญ อัญญัง วิโสธเย บุคคลหนึ่งไม่สามารถที่จะทำอีกบุคคลหนึ่งให้บริสุทธิ์ได้ ก็แปลว่าความดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2024 เมื่อ 01:29 |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|