#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๗
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันสำคัญวันหนึ่งที่พวกเราไม่ค่อยจะจดจะจำกัน อาจจะเป็นเพราะว่าในสมองมีรอยหยักน้อยไปหน่อย..! ก็คือเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
คำว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้น พวกเราเรียกกันเอง พระนามของพระองค์ท่านก็คือพระนเรศวรฤทธิ์ (พระ - นะ - เรด - วอ - ระ - ริด) เมื่อพวกเราเขียนขึ้นมา แล้วก็จะอ่านว่าพระนเรศวรฤทธิ์ (พระ - น - เร - สวน - ริด) แล้วก็เห็นว่าชื่อนี้ไม่เข้าท่า ก็เลยเรียกสมเด็จพระนเรศวรเฉย ๆ พูดง่าย ๆ ว่าอ่านผิด แล้วก็กลายเป็นถูกอย่างทุกวันนี้..! สมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้น เป็นกษัตริย์ไทยพระองค์เดียว ที่ยกทัพไปตีพม่าถึง ๒ ครั้ง ปกติแล้วยุคไหนสมัยไหนก็มีแต่พม่ายกกองทัพมาตีประเทศไทย แต่คราวนี้ด้วยความที่ออกทางด้านด่านเจดีย์สามองค์แล้วสบาย ง่ายกว่า เมื่อกองทัพไทยยกไปตีพม่า ตีหงสาวดี พม่าก็ย้ายหนีไปอังวะ ตีอังวะ พม่าก็ย้ายหนีไปตองอู ตีตองอู พม่าก็ย้ายหนีไปเมืองปีย์ หรือที่คนไทยเรียกว่าเมืองแปร สมัยนั้นถ้าหากว่าผู้นำยังไม่โดนจับ หรือไม่เสียชีวิต เขาไม่ถือว่าแพ้ เมื่อได้รับบทเรียนตรงนี้ หลังจากที่พระองค์ท่านสร้างพระมหาธาตุมุเตาที่หงสาวดีไว้เป็นพุทธบูชาแล้ว ก็ทรงวางแผนการศึกครั้งใหม่ คราวนี้ก่อนที่พวกเราจะไปฟังถึงแผนการศึกครั้งใหม่ของพระองค์ท่าน กระผม/อาตมภาพอยากบอกกับท่านทั้งหลายที่เคยไป หรือไม่เคยไปสักการะพระมหาธาตุมุเตาก็ดีว่า พระมหาธาตุมุเตาเป็นพระเจดีย์องค์เดียวในพม่าที่มีฉัตรแบบไทย ที่เจดีย์ไจ๊ตาลาน หรือไจ๊ซานลานที่เมืองมะละแหม่งนั้น ตอนแรกก็มีฉัตรแบบไทย แต่ว่าพม่าไปปรับข้างบน จนกระทั่งกลายเป็นศิลปะแบบพม่า เหตุที่ได้ชื่อว่าไจ๊ซานลาน แปลว่าสยามพ่าย ก็เพราะว่าไทยเราหลงกลพม่า เขากลัวว่าทัพไทยจะยึดเมืองพม่าได้ จึงได้หลอกว่ามาสร้างเจดีย์แข่งกัน ถ้าพม่าแพ้ จะยอมยกบ้านยกเมืองให้ ไม่ต้องเสียเวลามาสู้รบปรบมือกัน แต่ถ้าไทยแพ้ ขอให้ยกทัพกลับ เมื่อไปดูสถานที่จริง กระผม/อาตมภาพถึงได้เห็นว่าแผนของพม่านั้นแยบยลมาก เนื่องเพราะว่าให้กองทัพไทยสร้างพระเจดีย์ที่ฝั่งมะละแหม่ง ส่วนของพม่านั้นข้ามทะเลไปสร้างที่ฝั่งเมาะตะมะ ห่างกันอย่างไม่มี ๆ ก็ ๔ - ๕ กิโลเมตร พม่าใช้วิธีใช้เอาไม้ไผ่สานแล้วใช้ผ้าขาวพันเป็นรูปเจดีย์ เมื่อมองข้ามทะเลไปไกล ๆ ก็เห็นเป็นองค์เจดีย์ที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทัพไทยก็เลยต้องรักษาสัญญาสุภาพบุรุษ ก็คือยกทัพกลับ ส่วนทางพม่า พอไทยยกทัพกลับ ก็รีบสร้างเจดีย์ให้เสร็จ แล้วก็มาสร้างต่อเจดีย์ไทยด้านมะละแหม่งด้วย โดยการปรับช่วงบนเป็นทรงมอญ - ทรงพม่า แล้วให้ชื่อว่าไจ๊ซานลาน ก็คือพระเจดีย์สยามพ่าย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2024 เมื่อ 02:46 |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
คราวนี้มากล่าวถึงพระมหาธาตุมุเตาซึ่งเป็นเจดีย์สำคัญมาก เป็น ๑ ใน ๑๒ ศาสนสถานที่คนพม่า - มอญต้องไปสักการะให้ได้ในชีวิตหนึ่ง แต่ว่ามียอดฉัตรเป็นแบบไทย กระผม/อาตมภาพไปกราบสักการะมาหลายครั้ง เคยสอบถามคนมอญ - คนพม่าว่าที่ไหน ๆ ก็เปลี่ยนเป็นฉัตรแบบมอญ - แบบพม่าหมด ทำไมพระเจดีย์หลังนี้ซึ่งใหญ่และสำคัญมาก ๆ ถึงไม่เปลี่ยน ?
คนมอญคนพม่าเขาบอกว่า ผู้ที่จะสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขนาดนี้ได้ ต้องประกอบไปด้วยบุญฤทธิ์อย่างมาก เราไม่รู้ว่าพระองค์ท่านอธิษฐานไว้อย่างไร จึงไม่มีใครกล้าแตะ แม้กระทั่งแผ่นดินไหวจนยอดเจดีย์หักลงมา เมื่อซ่อมเสร็จ ก็อัญเชิญฉัตรเดิมขึ้นไปประดิษฐานใหม่ แล้วบรรดาบุคคลที่กระผม/อาตมภาพสัมภาษณ์ เขาใช้คำว่าพระนเรศทั้งนั้น..! คราวนี้การศึกครั้งที่ ๒ ปรากฏว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยกทัพเข้าทางด่านแม่ละเมาที่แม่สอด พระองค์ท่านตั้งใจว่าจะตีจากข้างบนลงข้างล่าง ก็คือถ้าตีเมืองแปร เอ็งจะหนีไปตองอู ข้าก็จะตามไปตีตองอู ตีตองอูแล้วเอ็งจะหนีไปอังวะ ข้าก็จะตามไปตีอังวะ ถ้าตีอังวะ แล้วเอ็งจะหนีไปหงสาวดี ข้าก็จะตามไปตีหงสาวดี คราวนี้มีทางเดียวที่จะหนีได้ คือต้องลงทะเล..! ความจริงเป็นแผนการศึกที่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน แต่ต้องบอกว่าดวงของประเทศพม่ายังดีอยู่มาก จึงทำให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปเสด็จสวรรคตที่เมืองหาง ประเทศพม่า บางตำนานบอกว่าเป็นฝีลำมะลอก ลักษณะที่ฝีขึ้นแล้วเป็นพิษ จนเสด็จสวรรคต แต่ว่าคนพม่าบอกว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดนบรรดาหมอไสยศาสตร์ของพม่า ปล่อยแมลงภู่คำไปต่อย ในเมื่อโดนทำร้ายด้วยไสยศาสตร์ รักษาไม่ถูกวิธี อาการจึงกำเริบ จนเสด็จสวรรคต..! เรื่องอะไรที่เป็นตำนาน เราก็ฟังหูไว้หู เพียงแต่ว่าทางประเทศพม่านั้น ความเชื่อในเรื่องของไสยศาสตร์ ฤกษ์บนฤกษ์ล่างหนักหนาสาหัสกว่าบ้านเราหลายเท่า กระผม/อาตมภาพเคยชินกับระบบของบ้านเรา พอไปพม่าแทบจะประสาทกิน วางแผนไว้ว่าวันนี้เราจะต้องเดินทางกลับจากเมืองมุด่ง มาถึงด่านพระเจดีย์สามองค์ แต่ปรากฏว่าที่ท่ารถไม่มีรถคันไหนออกวิ่งเลย ต่อให้เช่าราคาแพงเท่าไรก็ไม่ไป เขาบอกว่าวันนี้ฤกษ์ไม่ดี เป็นวันจม ไม่วิ่งรถ..! ความจริงฤกษ์ "วันจม - วันลอย" นั้น เป็นฤกษ์ที่ใช้ในสมัยก่อนซึ่งนิยมไปทางน้ำ ก็เกรงว่าถ้าเดินทางในวันจม ก็จะทำให้เรือรั่ว เรือล่ม เป็นต้น แต่ว่าเมื่อมาใช้กับรถ เขาก็ยังใช้คำว่า "วันจม - วันลอย" อยู่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2024 เมื่อ 02:51 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ดังนั้น..ในเรื่องความเชื่อพวกนี้ ทางประเทศพม่าหนักกว่าบ้านเรามาก และเชื่อถึงระดับงมงายเลย เพราะฉะนั้น..ที่บ้านเราไปไหว้เด็กอายุ ๘ ขวบ ๑๐ ขวบนั้น เป็นเรื่องที่ประเทศพม่าเห็นว่าเป็นเรื่อง "เด็ก ๆ" บ้านเขาเชื่อมากกว่าบ้านเราหลายเท่า
ช่วงที่กระผม/อาตมภาพเข้าไป มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตอนนั้นท่านทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วข้ามไปที่ประเทศพม่า ทางด้านพระเถระของพม่ากระซิบบอกกระผม/อาตมภาพว่า ทางพม่าทำไสยศาสตร์ใส่ท่านทักษิณทุกรูปแบบ แม้กระทั่งที่นอนหมอนมุ้งก็ทำ แม้กระทั่งต้นไม้ที่ให้ปลูกเป็นที่ระลึกก็ใช้ต้นโศก พูดง่าย ๆ ก็คือคุณจะต้องโศกเศร้าเหงาหงอยไปตลอด..! กระผม/อาตมภาพก็ฟังหูไว้หู เนื่องเพราะทราบดีว่า เรื่องของไสยศาสตร์นั้นข้ามประเทศไม่ได้ ก็คือถ้าเราจะส่งไสยศาสตร์ไปทำอันตรายอีกฝ่ายหนึ่ง ที่อยู่อีกประเทศหนึ่งนั้นไม่ได้ เพราะว่า "อารักษ์" คือผู้รักษาประเทศนั้นจะต่อต้าน หรือสกัดกั้นเอาไว้ เรื่องนี้ถ้าใครยังไม่ทราบก็โปรดทราบไว้ด้วย วัตถุมงคลท่านจะติดไปอะไรไป เขาไม่ว่า แต่ถ้าหากว่าเป็นไสยศาสตร์ที่ตั้งใจจะทำร้ายคนของเขา เขาไม่ให้เข้า พูดง่าย ๆ ว่า ท่านทำหน้าที่ของท่านอย่างดีที่สุดแล้ว ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่พวกเราฟังเอาไว้เป็นข้อมูล อย่าไปยืนยันกับใครว่าเป็นจริงตามนี้ นักศึกษาโบราณคดีที่ดีต้องอาศัยหลักฐานที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น ไม่ใช่ "เขาเล่าว่า" วันนี้ตอนช่วงที่ประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ และคณะกรรมการชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ก็มีข่าวดีว่า ทางด้านร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงคำขวัญประจำจังหวัดกาญจนบุรี จากของเดิมคือ "แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่และน้ำตก" เป็น "เมืองขุนแผน แคว้นโบราณ ด่านพระเจดีย์ มณีนิลเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก มรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวร"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2024 เมื่อ 02:53 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ขอให้ทุกท่านทราบว่า คำว่า "มรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวร" นั้น ทางคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ผลักดันมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว กระผม/อาตมภาพเองที่รับตำแหน่งมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ จนบัดนี้ เจอหน้าผู้ว่าราชการท่านใดก็บ่นให้ฟังเสมอว่า สิ่งสำคัญที่สุดของเราก็คือ มรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวร ทำไมไม่มีอยู่ในคำขวัญประจำจังหวัด ? ตอนสมัยที่ตั้งคำขวัญไม่มี ไม่ได้แปลว่าตอนนี้จะมีไม่ได้..!
โดยเฉพาะคุณสมใจ มาโนช ผู้ทรงคุณวุฒิสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ประชุมเมื่อไรก็พูดเรื่องนี้ทุกครั้ง บัดนี้ได้รับการอนุมัติแล้วว่าจะเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่าต้องขัดเกลาอย่างไร ให้ฟังดูเข้าท่ากว่านี้ หรือจะเอาตามนี้เลย ก็ต้องแล้วแต่ทางจังหวัดเขาจะดำเนินการต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2024 เมื่อ 02:54 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|