#121
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เคยเล่าเรื่องให้ฟังว่า พระเจ้าปเสนทิโกศลเคยตรัสถามพระนางมัลลิกาว่า พระนางรักใครมากที่สุด?
พระนางตอบว่า "หม่อมฉันรักตัวเองมากที่สุด" พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงน้อยพระทัย จึงนำเรื่องนี้ไปทูลต่อพระพุทธเจ้า และตรัสถามว่าทำไมพระมเหสีจึงกล่าวอย่างนั้น? พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า เพราะพระนางมัลลิกาเป็นคนตรง จึงกล้าพูดความจริงที่ว่า คนทุกคนรักตัวเองมากที่สุด พระอาจารย์ย้อนถามกลับมาว่า "ถ้ามีก้อนถ่านร้อน ๆ ตกลงมาบนหัวของทั้งสองคน เราจะปัดของตัวเองก่อนหรือของเขาก่อน?" เถรี : ปัดของตัวเองก่อนค่ะ หลวงพ่อ : นั่นแหละ..จริง ๆ แล้วเราไม่ได้รักใครหรอก..เรารักตัวเองมากที่สุด สิงหา ๕๑
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-03-2010 เมื่อ 17:26 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#122
|
||||
|
||||
วันที่ไปงานหล่อพระ วัดวีระโชติธรรมาราม พระอาจารย์ได้เมตตากล่าวสอนลูกศิษย์คนหนึ่งว่า
"มาจนถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่เวลาที่ไปเที่ยวหาอะไรข้างนอก ทุกอย่างที่เราศึกษาเรียนรู้มา มากจนเกินไปแล้ว เหลือแต่ว่าทำให้ได้ผลเท่านั้น" ๒๘ มีนา ๕๓
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2010 เมื่อ 15:38 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#123
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า สมัยท่านเป็นฆราวาส ท่านจะมีคู่แข่งคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิง เป็นลูกสาวคนจีน สามารถนั่งคุยไล่ต้อนเรื่องอารมณ์การปฏิบัติได้ทั้งวันเลย ถ้าใครมีอารมณ์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น ก็มานั่งไล่ซักไปซักมา จนกว่าอีกฝ่ายจะจนมุม ต้อนไปจนไม่มีอะไรจะให้ต้อนแล้ว ก็กลับไปทำใหม่ แล้วมาไล่ต้อนกันอีก
หลวงพ่อบอกว่าถ้าคนที่ทำได้จริง จะรู้และมองออก ว่าเขาทำได้จริง ตอนแรกเตี่ยของผู้หญิงคนนี้นึกว่าหลวงพ่อมาชอบลูกสาวเขา ถึงได้มานั่งคุยทุกวัน วันหนึ่งเตี่ยเขาก็เลยมานั่งฟังบ้าง ว่าคุยอะไรกัน ฟังไปฟังมา เตี่ยฟังไม่รู้เรื่อง เลยไม่ฟังแล้ว หลวงพ่อสอนมาว่า "ถ้าเรามีคู่แข่งในการปฏิบัติ จะทำให้ก้าวหน้าได้เร็ว" บอกท่านไปว่า "หนูก็พยายามควานหาเหมือนกันค่ะ" ท่านเตือนว่า "ให้ระวัง...ถ้าเป็นเพศตรงข้าม เราต้องมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างกัน" ๗ กรกฎา ๕๑
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-04-2010 เมื่อ 22:59 |
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#124
|
||||
|
||||
วันอาสาฬหบูชา ปี ๒๕๕๑ หลวงพ่อสมเด็จ ฯ วัดสระเกศ ท่านเทศน์เรื่อง มรรค ๘
ในเรื่องของสัมมาทิฐิ ท่านบอกว่า "สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นชอบ ถ้าเห็นชอบในระดับสูง คือ เห็นชอบในการหลุดพ้น" เรื่องสัมมาสติ ท่านบอกว่า "ถ้ายังใจลอยอยู่ ยังใช้ไม่ได้" เรื่องสัมมาสมาธิ ท่านบอกว่า "ก่อนนอนให้ภาวนาพุทโธ สัก ๑๐ จบก่อนนอน แต่ถ้าเรามีสมาธิ จะภาวนาสัก ๑๐๐ จบ หรือ ๑,๐๐๐ จบก็ยังได้" ๑๗ กรกฎา ๕๑
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-04-2010 เมื่อ 09:50 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#125
|
||||
|
||||
ก่อนทำวัตรเย็น หลวงพ่อเล็กท่านเทศน์สอนในเรื่องการปฏิบัติว่า "อาตมาเคยบอกเอาไว้ในเรื่องการปฏิบัติ ว่าเหมือนกับการลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว ถ้าลวกแต่เส้นเฉย ๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าเติมเครื่องปรุงไป ใส่น้ำปลาบ้าง ใส่น้ำตาลบ้าง ใส่น้ำส้มบ้าง ก็รู้สึกน่ากิน อร่อย ทีนี้ล่ะกินไม่หยุด แต่ถ้าเราหยุดเสียตั้งแต่ต้นที่เป็นเส้นลวก ไม่ไปปรุงแต่ง มันก็ทำอะไรเราไม่ได้"
๓ ตุลา ๕๑
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-04-2010 เมื่อ 22:59 |
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#126
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเล็กเมตตาเล่าเรื่องการรับงานของท่านให้ฟังว่า
เรื่องของงานต้องเป็นอย่างนี้ ต้องพิจารณาดูความหนักเบาของงาน ถ้ารู้สึกว่าที่นี่สำคัญกว่าก็ต้องเอาที่นี่เป็นหลัก งานนั้นก็ต้องตัด บางทีพรรคพวกเขารู้สึกว่าเราไม่ให้เกียรติเขา งานเขาแท้ ๆ แต่เราไม่ไป เขาก็ต้องรู้ว่าเราติดงานที่นี่ ส่วนใหญ่หลวงพ่อก่อนที่จะรับงานก็จะบอกไว้ชัดเจน ว่างานไหนรับได้..งานไหนรับไม่ได้ ช่วยได้แค่ไหนก็จะบอก ประเภทรับปากว่าจะไป...แต่ไปไม่ได้ จะทำให้เขาเสียเวลารอ ๒ มกราคม ๕๓
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#127
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาปฏิบัติเกิดอารมณ์อย่างหนึ่ง เป็นอารมณ์ที่รู้สึกอึดอัดใจ อยากจะสะบัดร่างกายนี้ทิ้งออกไป แต่ก็ไม่ออกสักที รู้สึกอึดอัด ตัน ๆ อย่างบอกไม่ถูก
ตอบ : เพราะไม่ต้องการร่างกายนี้แล้ว ในเมื่อเราทนมาได้จนถึงทุกวันนี้ จะทนอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ใกล้จะดีแล้ว ถาม : แต่อารมณ์นี้มาบ่อยเหลือเกินค่ะ นั่งอยู่เฉย ๆ ก็มา ตอบ : สมัยก่อนหลวงพ่อก็เป็น บางทีนั่งคุยกับเพื่อนอารมณ์นี้ก็เกิดขึ้น จนเพื่อนมองว่าเราบ้าก็มี เพราะเป็นแล้วไม่อยากคุยกับใคร ถ้ามีสมาธิเมื่อไร ก็จะเข้ามาทันที อารมณ์นี้เกิดขึ้นอยู่สักพักแล้วคลาย แล้วทำกลับไปสู่อารมณ์เดิมอีก ถาม : กว่าจะคลายอารมณ์นี้ได้นานเหลือเกินค่ะ ตอบ : ซ้อมบ่อย ๆ ตอนนี้เริ่มจะทรงตัวแล้ว ถาม : พอคลายจากอารมณ์นี้แล้ว จะเป็นอารมณ์นิ่งมาก นิ่งเหมือนคนไม่มีความรู้สึก เย็นชา เหมือนคนตายด้าน ตอบ : (หัวเราะ) ถ้าเป็นแบบนี้ มีแฟน..แฟนคงโกรธ เพราะไม่ยอมคุยด้วย นั่นเป็นอารมณ์ฌาน ถาม : ตอนแรกหนูก็ไม่แน่ใจค่ะ ว่าทำมาถูกทางหรือเปล่า ? ตอบ : ถูกทางแล้ว เพราะใกล้บ้าแล้ว..! ๑ กันยา ๕๐
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-04-2010 เมื่อ 03:49 |
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#128
|
||||
|
||||
มีผู้หญิงคนหนึ่งมากราบหลวงพ่อ ลักษณะแปลก ๆ เขาพูดจาอยู่คนเดียว เหมือนคนขาดสติ หลังจากเขากลับไป หลวงพ่อหันมาสอนว่า
"เราต้องเห็นเป็นปกติ ก็คือ เห็นเป็นธรรมดาให้ได้ ภิกษุพึงทำใจเหมือนแผ่นดิน เพราะแผ่นดินรองรับทั้งสิ่งที่สะอาดและไม่สะอาด โดยไม่มีความหวั่นไหวใด ๆ ภิกษุพึงทำใจเหมือนดั่งเปลวไฟ เพราะเปลวไฟไหม้ของที่สะอาดและไม่สะอาด โดยเสมอหน้ากันไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ภิกษุพึงทำใจเหมือนสายน้ำ สายน้ำขึ้นเสมอทั้งสองฟากฝั่งโดยไม่เลือกว่าเป็นบ้านเศรษฐีหรือบ้านยาจก ภิกษุพึงทำตนเหมือนสายลม สายลมย่อมพัดไปโดยมิได้ติดอยู่ ณ ที่ใด ๆ เลย เราก็เปลี่ยนจากภิกษุเป็นพระโยคาวจร"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-04-2010 เมื่อ 03:51 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|