|
ใต้ฟ้าอิระวดี การท่องไปในเมืองพม่า โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
ใต้ฟ้าอิระวดี ตอนที่ ๑๔
เมื่อคืนแม่ค้ามาเรียกตอนสามทุ่มครึ่ง เอาพระพุทธรูปหยกมาส่งและรับเงินไป พอกำลังเคลิ้ม ๆ ห้าทุ่มเศษ ท่านกุสะละพระพม่าลุกไปห้องน้ำ ปิดประตูดังสนั่น..! ตีสองลุกขึ้นอีกแถมเปิดไฟด้วย อาตมาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี พรรษาท่านไล่เลี่ยกัน น้อยกว่าอาตมาพรรษาเดียวเองกระมัง ? นับเป็นพระเถระแล้วเลยไม่เกรงใจใคร จะว่าไปแล้วท่านก็ทำไม่ถูก อยู่ด้วยกันต้องเกรงใจกันบ้าง นี่ทำตามใจตัวเองท่าเดียว
ไหน ๆ ลุกแล้วจึงสรงน้ำเตรียมตัวเดินทางซะเลย พอดีมีคณะแสวงบุญเพิ่งมาถึงไม่มีที่พัก ได้เข้าพักแทนพวกเราสบายไป ถ้าไม่ค้างหลายคืนก็ไม่ต้องจ่ายเงิน โซยุนท์พาปู่เขียวไปดวดน้ำมันเถื่อนเสีย ๕ แกลลอน เนื่องจากปั๊มยังไม่เปิดเลยต้องเล่นกับของแพง หมดไป ๑,๑๕๐ จั๊ต แล้ววิ่งสั่นงั่ก ๆ ไปในความมืด รถบรรทุกคันโตเต็มถนนแบบนี้ ถ้าไม่เมตตาหลบให้มีหวังเละ..!(ปลักควายอยู่ทางมุมขวา) พม่าแบ่งการปกครองออกเป็นแค่ ๗ รัฐ ๗ มณฑล แต่ละรัฐใหญ่โตแค่ไหน ดูเอาจากที่เมื่อวานวิ่งมาก็พอคาดเดาได้ วันนี้เราต้องวิ่งผ่านมณฑลมะกูยไปยังเมืองพุกาม ตูดยังไม่ทันหายระบมต้องมานั่งยาวอีกแล้ว ถนนเล็กจนแทบหลีกกันไม่ได้ รถสวนกันแต่ละที ต้องหลบลงข้างทางคนละครึ่งถึงจะไปได้ ถนนถูกสิบล้อที่มีแค่แปดล้อของเขา ขย่มซะเป็นปลักควายไปหมด แต่สิงห์รถบรรทุกของเขามารยาทดี เปิดทางให้ทันทีที่เห็นรถเล็กตามมา
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2010 เมื่อ 16:03 |
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
อาจจะเป็นเพราะเขาถ้อยทีถ้อยอาศัยกันแบบนี้เอง มาพม่าเกือบสองอาทิตย์ยังไม่เห็นรถชนกันเลย แม้แต่หมาตายสักตัวแบบบ้านเราก็ไม่มี พลิกเหลี่ยมพลิกมุมจนก้นระบมกันทั่วถึงดีก็ฟ้าสว่าง ได้ระยะทาง ๑๐๕ ไมล์จากเมืองปีเมี้ยว นับว่าทำเวลาได้ดีมาก ๆ แวะฉันเช้ากันที่ร้านอาหารคริสเตียน ภาษาอังกฤษของเขาดีมาก ทำข้าวผัดไข่ดาวมาให้ ตามด้วยกาแฟกับปลาไหล เอ๊ย..ปาท่องโก๋ตัวยาวเป็นศอกตามแบบฉบับของเขา...
ท่านนาวินไปซื้อหมากฝรั่งเอาไว้เคี้ยวแก้ง่วง มีแต่ตรานกแก้วของไทยทั้งนั้น ถามทางไปพุกามว่าอีกไกลหรือไม่ ? คนขายหน้าเหมือนหมวย ตอบยิ้ม ๆ ว่า “ประมาณเที่ยงคงถึง…” โอ๊ย..! ได้ยินแล้วสงสารก้นตัวเองเป็นบ้า อยากรำพึงแบบบุเรงนองจังเลยว่า “ข้ามาทำศึกลำเค็ญ เหนื่อยแสนยากเย็นไม่เว้นว่างเปล่า…” เฮ้อ.. กรรมของตูแท้ ๆ..! พระเจดีย์เมียะตะลูน มณฑลมะกูย งดงามอร่ามตา สองชั่วโมงจากเมืองต่องวินจีที่พวกเราหยุดฉันเช้า ก็มาถึงมณฑลมะกูย ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิระวดีเช่นกัน อาจารย์จิตพาเลี้ยวขวาหน้ามหาวิทยาลัยที่ถูกปิดตายเข้าไปในวัด เพื่อที่จะได้กราบพระเจดีย์เมียะตะลูน (มรกตบรรจถรณ์) ซึ่งบรรจุเตียงมรกต ที่พระวิษณุกรรมเนรมิตให้เป็นแท่นที่ประทับขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จมากับขบวนแห่ที่ไปรับพระองค์ให้มาโปรดชาวพม่า เมื่อพระองค์เสด็จกลับไปแล้ว เขาจึงสร้างเจดีย์ขึ้นมาเพื่อบรรจุเตียงนี้ไว้ ให้ประชาชนได้เคารพบูชาสืบกันมาจนถึงทุกวันนี้… องค์พระเจดีย์เมียะตะลูนงามเหลือเกิน ทองที่หุ้มพระเจดีย์ทั้งองค์ คล้ายกับเปล่งรัศมีออกมาได้เอง อร่ามตามลังมเลืองผ่องใสอย่างประหลาด รูปทรงเจดีย์งดงามลงตัวผิดกับที่อื่นเขา จากองค์พระเจดีย์มองลงไป เห็นทิวทัศน์แม่น้ำอิระวดีสายเลือดใหญ่ของประเทศพม่า ทอดโค้งอย่างอ่อนช้อยหายลับไปในม่านหมอก หาดทรายที่ขาวสะอาดตา สวยกว่าชายทะเลชื่อดังหลาย ๆ แห่งของโลกด้วยซ้ำไป ท่านนาวินไปซื้อหนังสือประวัติการสร้างพระเจดีย์ เลยได้ของดีมาเป็นพุทราลูกเล็ก ๆ รสชาติหวานกรอบ ถุงละแค่ ๑๐ จั๊ตเท่านั้น…
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2010 เมื่อ 16:52 |
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
มาพม่าหลายวันอาตมาแทบจะเป็นโรคขาดวิตามินไปแล้ว เนื่องจากฉันผลไม้เป็นหลักมาตลอด เมืองพม่าหาผลไม้ยากชะมัด มาเจอแบบนี้เข้า อาตมาเลยเหมามาทีเดียว ๓ ถุง แบ่งให้ข้างหลัง ๑ ถุง คืนท่านนาวิน (เพราะอาตมาฉันมากกว่าเจ้าของ) ๑ ถุง ที่เหลือจัดการโซ้ยซะให้สมกับที่อดมานาน แต่อะไร ๆ ที่เกี่ยวกับอาหารเหมือนกันอยู่อย่าง คือจะอร่อยแค่คำแรก ๆ เท่านั้น พอนานไปเริ่มหมดรสชาติ ส่งที่เหลือเกือบครึ่งถุงให้โซยุนท์ แกวางไว้ตรงหน้าพวงมาลัย สนใจแต่หมากที่ตัวเองซื้อมามากกว่า ตูละหน่าย…
ไม่ว่าจะเป็นเมืองไหนของพม่า ก็ต้องเข้าคิวเข้าคิวเติมน้ำมันกันแบบนี้ทั้งนั้น(ในกระบะท้ายคือท่านกุมาระกับท่านกุสะละ) มาเข้าคิวเติมน้ำมันที่ปั๊ม เขาปันส่วนมาให้แค่ ๓ แกลลอน ต้องอาศัยบริการปั๊มเถื่อนตามเคย ห่างมาไม่ถึง ๒๐๐ เมตร มันเปิดขายกันแบบเย้ยฟ้าท้าดินกันเลยนะไอ้เวลล์..! ไอ้พวกนี้แหละที่ทำให้น้ำมันขาดจากปั๊ม รถเข้ากี่คันมันลงปันส่วน ๑๐ แกลลอนรวด ลงบัญชี ๑,๘๐๐ จั๊ต เอา ๗ แกลลอนที่เหลือมาปล่อยให้ปั๊มเถื่อนที่ฟาดอาตมาแกลลอนละ ๒๗๐ จั๊ต แล้วเอาเงินไปแบ่งกัน ขอให้จำเริญ ๆ เถอะนะพ่อคุณแม่คุณทั้งหลาย ขุดน้ำมันได้เอง ชาวบ้านยังต้องใช้น้ำมันแพงขนาดนี้ คล้าย ๆ กับประเทศอะไรที่ใกล้ ๆ บ้านคุณเลยว่ะ..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2010 เมื่อ 16:52 |
สมาชิก 98 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
จ่ายไป ๓,๑๙๐ จั๊ต กระเป๋าเบาไปเลย ชีวิตยังไม่สิ้นก็ดิ้นกันต่อไป โซยุนท์ควบปู่เขียวไปด้วยความเร็วค่อนข้างมากสำหรับรถเก่าอย่างนั้น การนั่งรถเก่ามันดีตรงที่มีเสียงลั่นเอี๊ยด ๆ เป็นเพื่อนแก้เหงา หรือไม่ก็ช่วยกล่อมให้หลับไปเลย ถึงสี่แยกมีป้ายบอกทางยุ่งไปหมด ยอดโชเฟอร์เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด…
ยีนาชอง (คลองน้ำมัน) ทะเลทรายของพม่า กว้างขวางสุดลูกหูลูกตาคือภูเขาหินทราย มองไปทางไหนเหลืองไปหมด หาต้นไม้สีเขียว ๆ ทำยายากเต็มที ตรงช่วงต่ำตกท้องช้างเป็น แม่น้ำทรายขนาดมหึมา ถ้าน้ำหลากมาเมื่อไร มันจะกลายเป็นแม่น้ำสายนรกไปทันที มีคนช่วยขุดทรายออกจากพื้นถนน เป็นการสมัครใจทำกันเอง แล้วแต่ผู้ใช้ถนนจะเมตตาให้เงินหรือไม่…
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2010 เมื่อ 16:55 |
สมาชิก 97 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
แม่น้ำทรายนี้ชื่อยีนาชอง (คลองน้ำมัน) พอข้ามแม่น้ำทรายไป แผ่นดินหลายล้านไร่ล้วนเป็นสีทรายแห้ง มีต้นไม้หนามบางชนิดขึ้นเขียวประปราย เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า พม่ามีทะเลทรายกับเขาเหมือนกัน มองไปไกลลิบ ๆ เห็นโครงเหล็กบางอย่างระเกะระกะไปหมด พอเข้าไปใกล้จึงเห็นว่าเป็นแท่นขุดเจาะน้ำมันทั้งนั้น..!
ซ้ายขวาหน้าหลังมีแต่แท่นเจาะน้ำมันเต็มไปหมด ถี่ยิบชนิดแทบเจาะซ้ำหลุมเดียวกันเลย เขาใช้ระบบปั๊มโยกแบบง่าย ๆ ดูดน้ำมันขึ้นมาสู่ท่อเมนที่ส่งไปยังเมืองมินบู เห็นมีถังพักน้ำมันขนาดใหญ่โตมโหฬารอยู่เหมือนกัน ไม่ทราบว่าเป็นน้ำมันดิบ หรือว่าเป็นน้ำมันที่ได้ผ่านการกลั่นมาแล้ว ไอแดดเต้นเป็นตัวฝ้าฟางไปทั่ว… แท่นเจาะน้ำมัน มากมายเต็มไปหมด สองข้างทางเขาพยายามพัฒนาด้วยการปลูกต้นยูคาลิปตัสบ้าง ต้นทานตะวันบ้าง แต่รู้สึกว่าจะไม่ได้ผล เพราะมันแคระแกร็นนิดเดียว มาถึงตลาดยีนาชอง คณะทรหดทัวร์ของเราหยุดพักฉันเพล ร้านอาหารแถวนี้เหมือนกับโอเอซิสกลางทะเลทราย พอเห็นคนมา รีบแย่งกันต้อนลูกค้าเข้าร้าน พอดีมีสองแถวตามมาอีกคันหนึ่ง ผู้คนเลยพลุกพล่านอยู่สักหน่อย… แตงกวาทะเลทรายมันขาดน้ำจนเนื้อเหนียวเป็นหนังสติ๊ก แต่นกกระจาบทอดกรอบเยี่ยมสุด ๆ ลงมาปุ๊บหมดจานปั๊บ เขาต้องรีบเอามาเติมให้ จ่ายค่าอาหารแล้วฉวยโอกาสเติมน้ำจากหม้อดินใส่ขวดไปด้วย ไม่ต้องเสียเงินซื้อน้ำขวดที่แสนจะแพง อะไรที่ขาดแคลนมีคนต้องการมาก มักจะแพงเป็นธรรมดา…
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2010 เมื่อ 16:54 |
สมาชิก 98 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
|||
|
|||
ทีแรกเห็นเป็นทะเลทรายยังคิดว่ามันจะมีคนอยู่หรือ ? เอาเข้าจริง ๆ แล้ว เมืองยีนาชองมันใหญ่กว่าจังหวัดของไทยซะอีก นอกเมืองมีแต่แท่นเจาะน้ำมันทั้งนั้น สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ดูจะพร้อมมูลแม้กระทั่งระบบไฟฟ้า คงเป็นเพราะบารมีของการเป็นเมืองน้ำมัน เมืองเงินเมืองทองนี่เอง…
เข้าเขตเมืองเป่าเมี้ยว มีดงตาลแน่นขนัด ทั้งที่พื้นเป็นทรายล้วน ๆ แต่ต้นตาลกลับงามสะพรั่ง แบบนี้รัฐบาลไม่ต้องไปส่งเสริมการปลูกพืชอะไรแล้ว เอาแค่ต้นตาลอย่างเดียวก็เกินพอ ชาวบ้านเขาทำน้ำตาลกันเหมือนทางบ้านเรา แต่เขารองน้ำตาลด้วยหม้อดินเผา ไม่ใช้กระบอกไม้ไผ่ เพราะไม่มีต้นไผ่แม้แต่ต้นเดียว… ชาวบ้านเก็บฟืนไปต้มน้ำตาล ที่เมืองเป่าเมี้ยว ผู้หญิงชาวบ้านหาบฟืนมาต้มน้ำตาล วินจีลองขอยกดูมัดเดียวแล้วตีหน้าพิกล ส่ายหน้าแบมือว่าไม่ไหว เล่นเอาพรรคพวกโห่กันเกรียว สาว ๆ เขาแบกกันคนละสองมัด แต่ละมัดโตเป็นโอบสูงท่วมหัว เขาเก็บเอาจากแขนงของต้นไม้หนามที่ขึ้นอยู่ในทะเลทรายนี่แหละ เก็บได้เฉพาะกิ่งแห้ง ห้ามตัดกิ่งสดหรือต้นเป็นอันขาด..! หยุดพักฉันน้ำที่เมืองควุยปิ่น เขาเอาน้ำตาลปึกมาถวายให้ฉันกับน้ำชาด้วย ไม่คิดเงินเพิ่มแต่ประการใด ร้านนี้เอาใบตาลอ่อนมาสานเป็นกระเป๋าบ้าง ของเล่นบ้าง เพื่อขายให้แก่บรรดานักท่องเที่ยว ผูกห้อยระโยงระยางไว้ที่หน้าร้าน มีของพิเศษอย่างหนึ่งคือ ข้าวตอกคลุกน้ำตาลปึก ปั้นตากแห้งเป็นคำ ๆ หน้าตาน่ากินดีจัง…
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2010 เมื่อ 03:28 |
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
|||
|
|||
พักกันแล้วพักกันอีก ทั้งหยุดปัสสาวะ หยุดถ่ายรูป หยุดนั่งพัก หยุดฉันน้ำ ในที่สุดคณะทัวร์ตูดระบมก็มาจนถึงพุกาม ตลอดทางมาและในเมืองพุกามนี่ก็เป็นทะเลทรายไปซะทั้งนั้น จากเมืองปีเมี้ยวมาถึงพุกามใช้เวลาประมาณ ๑๒ ชั่วโมง ยายหมวยบอกว่าประมาณเที่ยงคงถึง นี่เรามาเอาซะเกือบสี่โมงเย็น..!
ซุ้มประตูใหญ่เข้าเมืองพุกาม (อย่าลืมว่ารถพม่าวิ่งชิดขวา) ผ่านฟรีมาทุกด่าน มาเสียเงินค่าผ่านทางตรงประตูเมืองพุกามนี่เอง เขาทำเป็นซุ้มประตูเมืองขนาดใหญ่ ประกาศเขตให้รู้กันชัด ๆ จ่ายค่านักเลงไป ๓๕ จั๊ต ส่วนที่อาตมาให้แก่คนขุดทรายออกจากถนนทั้งสี่ช่วงที่ผ่านมานั่น เป็นการให้เขาด้วยความเต็มใจ ไม่นับว่าเป็นการเสียเงิน เป็นการทำบุญมากกว่า…
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2010 เมื่อ 03:27 |
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
|||
|
|||
พวกเรามาทางนยองอู(Nyaung U)ก่อน เมืองพุกามใหญ่มากจนมีเมืองซ้อนเมืองอยู่ ถ้าเป็นของเราคงเหมือนเชียงใหม่กับลำพูนที่แฝดติดกัน นยองอูเป็นเขตเมืองเก่า มีเจดีย์เก่าต้อนรับทันทีที่เริ่มเข้าเมืองเลยทีเดียว โซยุนท์พาไปยังวัดใหญ่โตมโหฬาร แค่ทางเข้าวัดที่มักทำเป็นหลังคาคลุมทางเดินนั้น วัดนี้เขาสร้างเป็นตึกถาวรยาวเหยียดเป็นกิโลเลย..!
พระมหาเจดีย์ชุยซีคงตระหง่านค้ำฟ้า คนไทยเรียกตามถนัดลิ้นว่าชเวซีกอง ซุ้มศาลาหน้าเจดีย์ทั้งสี่ทิศเป็นไม้แกะสลักลวดลายงดงามเป็นที่สุด น่าเสียดายที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานเหลือเกิน (กว่าพันปี) ลวดลายเริ่มลบเลือนไปด้วยความเก่าแก่ พระมหาเจดีย์ชุยซีคง (สุวรรณประดิษฐ์) นี้ เป็นคู่แข่งบารมีของพระมหาเจดีย์ชุยดากง(ชเวดากอง) ขนาดชื่อยังตั้งซะเกือบจะเหมือนกันเลย ที่นี่มีดีอะไรจึงเป็นคู่แข่งของพระมหาเจดีย์ชเวดากองได้… พระมหาเจดีย์ชุยซีคง ที่มีความสำคัญคู่กันกับพระมหาเจดีย์ชุยดากง ๑. พระมหาเจดีย์นี้ไม่มีเงา (แบบเดียวกับพระปฐมเจดีย์) ๒. พุทธบริษัทเข้ามามากเท่าไรก็ไม่เต็มพื้นที่ (แบบวัดจอมคีรีนาคพรต) ๓. ฝนตกมากเท่าไรน้ำก็ไม่เคยท่วมขัง ๔. เสียงระฆังจากมุมหนึ่งได้ยินไม่ถึงอีกมุมหนึ่ง ๕. ต้นพิกุลที่นี่ออกดอกทั้งปี เอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน ถ้ามากเกินไปมันจะเฟ้อซะเปล่า ๆ ยายหนูตัวจ้อยมาเสนอขายหนังสือพระพุทธเจ้าสอนอะไร ? อาตมาบอกว่าเรื่องนี้รู้แล้ว และยังทำไม่ได้อย่างที่ท่านสอนด้วย ต้องการหนังสือโกลเด้นเมียนมาร์ (Golden Myanmar)น่ะพอมีบ้างไหม ? เธอได้ยินภาษาอังกฤษแบบแปลกหู เลยถามว่าเป็นคนชาติไหน...? อาตมาตอบว่า “โยเดีย (อยุธยา)..” เธอพูดไทยออกมาชัด ๆ ว่า “พูดไทยไม่ได้..!”
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 04-05-2010 เมื่อ 14:08 |
สมาชิก 97 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
|||
|
|||
เด็กตัวแค่นี้เองรู้จักทำมาหากินแล้ว แถมพูดภาษาอังกฤษไฟแล่บเลย เดินต้อนหน้าต้อนหลังให้ช่วยซื้อของที่เธอขาย เมื่อไม่ได้หนังสือที่ต้องการ อาตมาจึงซื้อรูปถ่ายของพระมหาเจดีย์ยามค่ำคืนไป ๑ รูป ราคา ๙๐ จั๊ต เขาเคลือบพลาสติกมาเรียบร้อย ท่านกุมาระพระพม่าซื้อไม้ทานาคาที่เป็นเครื่องสำอางไปมัดใหญ่ ของอย่างนี้เขาสำหรับผู้หญิงไม่ใช่หรือ.? พระใช้ไม่ได้อีกต่างหาก จะถามว่าเอาไปฝากสาวที่ไหนก็เกรงใจ..!
ทะเลเจดีย์เมืองพุกาม เขาว่ามีถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ พอออกมาพ้นพระมหาเจดีย์ชุยซีคง อาตมาก็แทบเต้น..! ทั่วที่ราบอันเป็นทรายกว้างใหญ่ไพศาล มีแต่เจดีย์เก่าเต็มไปหมด มากมายจนประมาณไม่ถูก ต้องเอาอยุธยาของเรา บวกสุโขทัย บวกศรีสัชนาลัย บวกกำแพงเพชร จึงจะพอลุ้นกับเขาได้ มองไปทางไหนมีแต่เจดีย์ละลานตาไปทั่ว ถึงจะเก่าแก่ผุพังก็งดงามสุดใจขาดดิ้น..! ขุดดินปั้นอิฐ ตัดต้นไม้เผาอิฐ จนกลายเป็นทะเลทราย ทุกคนหัวเราะกับอาการตื่นเต้นของอาตมา ช่วยกันบอกว่าใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งสติแตกตามท่านชาติชาย (พระชาติชาย สุธมฺมธนปาโล) ไปซะก่อน..! เจดีย์ที่นี่ยังมีอีกมากนัก เขาว่ามีมากถึงแปดหมื่นสี่พันองค์..! แล้วท่านนาวินนำไปกราบชมพระมหาเจดีย์อะนันดา (ไร้เทียมทัน) โอ้โฮ..! นี่มันนครวัดชัด ๆ เลย…ทำไมมหึมามโหฬารขนาดนั้น..! พระมหาเจดีย์อะนันดา มหึมาไร้เทียมทานจริง ๆ เดินวนกราบพระจนอิ่ม นอกจากพระประธานทั้งสี่ทิศแล้ว เขายังสร้างซุ้มบรรจุพระพุทธรูปไว้ตามผนังชั้นใน สองชั้นสามชั้น เป็นพันเป็นหมื่นองค์ แค่ประตูไม้หนาเป็นฟุต สูงร่วมสามวา ที่เขาแกะสลักเป็นลายโปร่งอย่างเดียวก็ดูไม่รู้เบื่อแล้ว อยากรู้ว่ามันยิ่งใหญ่แค่ไหน ต้องนึกถึงประตูเมืองในสมัยก่อน ๆ คงพอวาดภาพออก..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 04-05-2010 เมื่อ 14:10 |
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
|||
|
|||
ชมเท่าไรไม่รู้จักเบื่อ พอโซยุนท์พาวนเข้าไปในทุ่งที่มีแต่เจดีย์ อาตมาก็สติแตกเรียบร้อย..! ขึ้นรถลงรถ ถ่ายรูปเท่าไรก็ไม่ได้อย่างตาเห็น ท่านกุสะละ ท่านกุมาระ ท่านพร หัวเราะท่าทีเหมือนคนบ้าของอาตมากันยกใหญ่ ส่วนท่านนาวินบอกว่า เมื่อตอนที่ท่านชาติชายมาก็เหมือนกัน แค่พระมหาเจดีย์อะนันดาที่เดียว วนอยู่ได้เป็นวัน ๆ...
พระเจดีย์บูพะยา พอมากราบพระเจดีย์บูพะยา (น้ำเต้า) ผลของการวิ่งพล่านไปทั่วก็ออกฤทธิ์ ขี้มันจะแตกนะซี..! สงสัยพุทราทำพิษเข้าแล้ว วิ่งไปถึงส้วมแล้ว ยังต้องจ่ายเงินอีก ๖ จั๊ต ถึงจะแลกกุญแจห้องส้วมมาได้ แล้วยังต้องวิ่งไปเปิดเองด้วย มันจะเปิดไว้ก่อนไม่ได้หรืออย่างไรวะ ? ถ้าเกิดท้องเสียอาการแย่กว่านี้ มีหวังราดซะก่อน..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 25-04-2010 เมื่อ 21:30 |
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
|||
|
|||
พระมหาเจดีย์กะเด๊าะปะลิน เรียบร้อยแล้วออกมาซื้อภาพเจดีย์อีก ๔๐ จั๊ต จากนั้นไปกราบพระมหาเจดีย์กะเด๊าะปะลิน (อภิวาทบัลลังก์) ซึ่งสูงที่สุดในจำนวนเจดีย์ทั้งหมด... พอมาถึงพระมหาเจดีย์มิงกะลา (มงคล) อาตมาก็บ้าไปเลย เพราะมีทางขึ้นคล้ายบันไดไปได้ถึงบริเวณกึ่งกลางเจดีย์ อะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้วคราวนี้ อาตมาระเห็จขึ้นไปถ่ายภาพทุ่งพระเจดีย์รอบทิศทางแบบต่อเนื่อง เสียงชัตเตอร์ลั่นฉับ ๆ เหมือนกับระบบมอเตอร์ไดรฟ์ก็ไม่ปาน ทุกคนพร้อมใจกันปล่อยให้อาตมาบ้าไปคนเดียว โดยไม่มีใครคิดขัดคอให้เสียอารมณ์... พระมหาเจดีย์มิงกะลา (มหามงคล) เมืองพุกาม มารู้ตัวอีกที ตายละวา..! ฝรั่งทั้งชายทั้งหญิงปีนตามขึ้นมาเป็นสิบ..! ข้างล่างนั้นเล่า บรรดาชาวบ้านยืนมองกันถมึงทึงเป็นกลุ่มใหญ่ ปกติเขาไม่ให้ผู้หญิงเข้าเขตพระเจดีย์อยู่แล้ว นี่บรรดาแหม่มดันปีนตามขึ้นมาถึงข้างบนเป็นฝูง อาตมารีบเผ่นลงมาแทบไม่ทัน บอกโซยุนท์ออกรถด่วนจี๋ก่อนที่จะถูกเหยียบแบนคาเท้า โทษฐานที่ริเริ่มไปนำเขาก่อน..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2010 เมื่อ 19:52 |
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
|||
|
|||
พระมนูหะเจดีย์มียอดหลายยอด คล้ายโลหะปราสาท ด้านในเขาสร้างพระพุทธรูปนั่งและนอนองค์ใหญ่คับเจดีย์ จนแทบไม่มีทางเดิน ตามประวัติว่า พระเจ้ามนูหะแห่งอาณาจักรมอญสุธรรมวดี ถูกพระเจ้าอโนรธา (พระเจ้าอนุรุทธมหาราช) แห่งอาณาจักรพุกาม จับมาจองจำไว้ที่นี่ ท่านสร้างพระเอาไว้แบบนี้เป็นปริศนาว่า การที่เอาผู้ยิ่งใหญ่อย่างพระองค์มาไว้ในที่แคบ ก็เหมือนกับพระที่พระองค์สร้างนี่แหละ อาตมามองพระเจ้าอโนรธาที่มาช่วยอำนวยความสะดวกให้ ท่านว่า “มีใครไม่เคยทำผิดบ้างล่ะ? ผิดของเขาบางทีมันก็ถูกของเรา..!” แฮ่..จริงครับหลวงปู่..!
พระมนูหะเจดีย์ เมืองพุกาม หน้าพระเจดีย์เป็นบาตรพระขนาดยักษ์ บรรจุน้ำได้ ๘๐ ปีบ มีบันไดให้คนปีนขึ้นไปจ่าย เอ๊ย..บริจาคเงินใส่บาตรด้วย ออกมาจะขึ้นรถ เจ้าเด็กตัวกะเปี๊ยกทั้งชายหญิงดูท่าจะเป็นพี่น้องกัน มาดึงจีวรพูดอะไรไม่รู้ มารู้ตอนที่ท่านนาวินบอกเมื่อรถออกแล้วว่า เขาชวนซื้อขนมของแม่เขาที่ขายอยู่ ถ้ารู้แต่แรกคงให้ฟรีไปซักร้อยจั๊ตแล้วไอ้หนูเอ๊ย..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2010 เมื่อ 19:49 |
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
|||
|
|||
พระมหาเจดีย์โลกะนันดา (โลกรื่นรมย์) สีทองเด่นงามอยู่ติดริมน้ำอิระวดี มีแผ่นศิลาจารึกภาษาพม่าโบราณอยู่สองแผ่น อ่านไม่ออกจึงไม่ทราบว่าเขาบอกเรื่องราวอะไรบ้าง พอกราบพระเจดีย์ก็เหมือนกับมีใครมาล้อเล่นด้วย ระฆังเงินใบจิ๋วที่ยอดพระเจดีย์ ดังกรุ๋งกริ๋งอยู่เฉพาะใบที่อยู่ตรงกับอาตมาเท่านั้น ใบอื่นไม่ยอมดัง..!
พระมหาเจดีย์โลกะนันดา ลองย้ายข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งก็ได้เรื่อง ระฆังมันตามไปดังเฉพาะใบตรงหน้าอีกตามเคย อาตมารีบอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรดาเพื่อนเก่าทั้งหลาย ถ้าไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อน เขาคงไม่ล้อเล่นแบบนี้หรอก หน้าพระเจดีย์ไปไม่ไกลเป็นสระน้ำใหญ่ เกิดจากการที่เขาขุดดินขึ้นมาปั้นอิฐเพื่อสร้างเจดีย์นี่เอง มีเด็ก ๆ ขายของเต็มไปหมด…
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2010 เมื่อ 19:50 |
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
|||
|
|||
พออาตมาเดินเข้าใกล้ เด็ก ๆ ก็กรูกันมาเสนอขายข้าวตอก ทำท่าบอกว่าสำหรับเป็นอาหารปลาในสระ อาตมาเล็งดูแล้วไม่เห็นปลาสักตัว มีแต่ข้าวตอกลอยฟ่องเป็นแพ จึงเดินขึ้นไปกราบพระอุปคุตที่ศาลากลางสระ เด็กก็ตามตื๊ออีก จนอาตมาต้องบอกว่า “ถ้าใครพูดไทยได้แม้แต่คำเดียว จะเหมาหมดเลย..!” ปรากฏว่าบุญมันไม่ถึง ไม่มีใครพูดได้สักคน..!
เห็นแม่น้ำอิระวดีใสสะอาดน่าเล่นเป็นที่สุด มีเรือเครื่องอยู่หลายลำ ถ้ามีโอกาสมาอีก ต้องหาจังหวะล่องแม่น้ำให้ได้ ขึ้นรถไปกราบพระเจดีย์มรกต (เมียะเซดี) เด็ก ๆ มาช่วยบริการหลายคนเพื่อเอารางวัล เขาบอกวิธีว่า ถ้ายืนตรงจุดที่กำหนดถูกวิธีแล้ว จะอธิษฐานอะไรก็สมปรารถนา วิธีการของเขายุ่งยากเป็นบ้าเลย… พระเจดีย์เมียะเซดี เมืองพุกาม เขามีแท่นเป็นบันไดเตี้ย ๆ สองขั้น ข้างบนเซาะร่องเอาไว้ ขนาดวางเท้าลงได้ข้างเดียว ต้องก้าวเท้าซ้ายขึ้นไปก่อน หย่อนเท้าขวาลงไปในร่อง แล้วตามด้วยเท้าซ้าย พนมมือขึ้นแหงนหน้ามองพระประธาน แล้วอธิษฐานเอาตามอัธยาศัย ทุกคนทำตามกันเป็นของสนุก อาตมาเองลองดูบ้าง ยืนแทบไม่ติด จะล้มซะให้ได้ แต่ก็ขอเข้าถึงพระนิพพานในชาตินี้… ย้อนกลับมาถ่ายภาพพระมหาเจดีย์มิงกะลา ในลำแสงสุดท้ายของวันทันพอดี แล้วไปหาที่พักกันสำหรับคืนนี้ ตอนแรกท่านนาวินจะให้ไปเช่าโรงแรมที่พระมหาเจดีย์ชุยซีคง แต่อาตมาติดใจส้วมที่พระเจดีย์บูพะยาซะแล้ว จึงบอกทุกคนให้ไปลองติดต่อที่วัดนั้นดู โดยที่ไม่ได้บอกเขาว่าอธิษฐานไว้อย่างไร...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2010 เมื่อ 19:51 |
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
|||
|
|||
คืออาตมารู้สึกคุ้นเคยกับบรรดาหมู่พระเจดีย์ทั้งหลาย เหมือนกับกลับมาบ้านเก่าของตนเอง จึงอธิษฐานว่า “ถ้าเคยเกิดที่นี่จริง ก็ขอพักที่เจดีย์บูพะยานี่แหละ” บังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบ พระเจ้าของถิ่นท่านเปิดหอพระอาคันตุกะให้หน้าตาเฉย ถามถึงค่าที่พัก ท่านบอกว่าให้ใส่ตู้บริจาคเอาตามอัธยาศัย...
พระเจดีย์บูพะยา ด้านริมแม่น้ำอิระวดี(หลังจากปิดทองแล้ว) ออกไปสรงน้ำกันใกล้ๆ กับส้วม เขาแยกเป็นของผู้หญิงผู้ชาย แต่ด้านของผู้ชายสูงกว่าทำให้น้ำไม่ไหล ทางด้านผู้หญิงยังไม่มีใครใช้บริการ พวกเราเลยเฮละโลไปด้านของผู้หญิงแทน มีขันน้ำแค่ใบเดียว ต้องผลัดกันอาบผลัดกันฟอกสบู่ ทุกคนพร้อมใจกันซักผ้า อาตมาเสร็จก่อนมีที่ตากเรียบร้อย คนมาทีหลังต้องตากกับพื้นห้องก็มี... มีญาติโยมสี่ห้าคนมาพักด้วยและเป็นผู้หญิง หอพักอาคันตุกะเป็นห้องโถงโล่งๆ ไม่มีที่หลีกไปไหน พระภิกษุพักนอนในที่มุงที่บังเดียวกับผู้หญิง แม้ชั่วขณะหนึ่งก็ต้องอาบัติ อาตมาจึงใช้จีวรที่ตากอยู่นั่นแหละทำม่านกั้น กลายเป็นที่มุงเดียวกันแต่คนละที่บัง รอดจากศีลขาดไปได้อีกครั้ง พม่าเขาไม่ค่อยเคร่งครัดกับเรื่องล่อแหลมเหล่านี้เอาซะเลย..! คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 19-05-2010 เมื่อ 14:45 |
สมาชิก 85 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|