|
ใต้ฟ้าอิระวดี การท่องไปในเมืองพม่า โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
ใต้ฟ้าอิระวดี ตอนที่ ๑๕
ชวนท่านนาวินที่ตื่นเช้าพอกัน ออกเดินชมบ้านชมเมืองตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง อ้อมลงไปยังท่าเรือริมแม่น้ำ อากาศเย็นสดชื่นเหมือนกับที่เกาะพระฤๅษี มีเรือเมล์ขนาดใหญ่ที่วิ่งระหว่างเมืองแปรกับพุกามจอดทอดสมออยู่ ตามชายฝั่งเขาขนเครื่องปั้นดินเผามากองรายเรียงไว้เตรียมขนไปขาย มีโรงงานส่งเสริมการทำเครื่องเขินอยู่ไม่ไกลนัก...
เรือยนต์โดยสารที่วิ่งระหว่างเมืองแปรและเมืองพุกาม สั่งก๋วยเตี๋ยวแห้งมาเป็นอาหารเช้า หน้าตาคล้ายก๋วยเตี๋ยวหลอดคลุกน้ำมัน มีไข่ต้มเคียงเหมือนกับขนมจีนบ้านเรา แต่ที่นี่เขาผ่าไข่ต้มด้วยกรรไกร..! เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่ควรเลียนแบบ พริกป่นเผ็ดโลดคล้ายพริกกะเหรี่ยง ฉันเสร็จทั้งที่อากาศเย็น ๆ กลับเหงื่อแตกพลั่ก ต้องออกไปเดินตากลมแม่น้ำคลายร้อน... พระเจดีย์บูพะยา(น้ำเต้า) มุมมองจากริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี เดินเลียบริมฝั่งอ้อมเป็นวงกลมมาทางพระเจดีย์บูพะยา ตรงท่าน้ำมีเรือหางยาวหลายลำ สอบถามราคาดูว่า ถ้าเช่าเรือล่องแม่น้ำเขาคิดเท่าไร..? คำตอบคือไปแค่นยองอูคิด ๑,๕๐๐ จั๊ต ขึ้นบันไดท่าน้ำชันลิบมาข้างบน ท่านนาวินไปหาซื้อฟิล์มถ่ายรูป ท่านไม่ได้ตุนมาแบบอาตมา เลยเจอของแพง เล่นซะม้วนละ ๗๕๐ จั๊ต..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2010 เมื่อ 16:21 |
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
รวมพลได้โดยที่คนอื่นจัดการกับมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว ปู่เขียวพาวนกราบพระเจดีย์ต่าง ๆ ในทุ่ง จากพระมหาเจดีย์ตัตบินยู (สัพพัญญู) ที่สูงที่สุดในหมู่พระเจดีย์ทั้งหมด (ที่ว่าพระมหาเจดีย์กะเด๊าะปะลินสูงที่สุดนั้นข้อมูลผิด) วนมายังพระมหาเจดีย์อะนันดา (ไร้เทียมทัน) ที่ใหญ่ที่สุด จากนั้นมุดหายเข้าไปในทุ่งที่เป็นทะเลทรายกันเลย...
พระมหาเจดีย์ตัตบินยู (สัพพัญญู) เมืองพุกาม ฝรั่งหลายรายปั่นจักรยานมา ค่อย ๆ ชื่นชมกับความงดงามและยิ่งใหญ่ของมรดกโลกแห่งนี้ เราแซงหน้าพวกเขามาถึงพระมหาเจดีย์ธัมมะยันจี (มหาธรรมาราม) ที่ปรักหักพัง แต่ยังเห็นชัดถึงความโอฬาริกมหึมา พระมหาเจดีย์สุระมณี (จุฬามณี) ที่งดงามอลังการ ยิ่งดูยิ่งชอบใจ มันน่าจะอยู่สักเจ็ดวันถึงจะชมได้เต็มอิ่ม... พระมหาเจดีย์สุระมณี(จุฬามณี) เมืองพุกาม
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2010 เมื่อ 19:53 |
สมาชิก 92 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
อาณาจักรพุกามนับเป็นอาณาจักรแรก ๆ ของพม่า ถ้าจะเปรียบไปแล้ว คงจะได้แก่อาณาจักรน่านเจ้าของเรา แต่ของเขาอายุมากกว่า (ประมาณ ๑,๖๐๐ ปี) สมัยนั้นมีพระเจ้าอโนรธามหาราช(คนไทยเรียก อนุรุทธมหาราช)และพระเจ้าจันสิตถามหาราช(คนไทยเรียก ครรชิตมหาราช) ที่ยิ่งใหญ่ของพม่าเป็นผู้ครองอาณาจักร พระองค์ท่านมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง...
แข่งกันทำบุญด้วยการสร้างเจดีย์จนเต็มไปทั้งทุ่ง นอกจากพระองค์ท่านจะสร้างวัดวาอาราม และพระเจดีย์ต่าง ๆ เองแล้ว ยังเปิดโอกาสให้เสวกามาตย์ข้าราชบริพาร ตลอดถึงชาวบ้านร้านตลาดทั่ว ๆ ไป ได้แข่งขันกันทำบุญด้วยการสร้างเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชา ทำให้ทั้งเมืองมีแต่เจดีย์มากมายนับไม่ถ้วน จากคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมา เชื่อว่ามีมากถึง ๘๔,๐๐๐ องค์..! พุกามทั้งเมืองมีแต่พระเจดีย์ เชื่อกันว่ามีถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ พม่าไม่ได้อนุรักษ์ของเก่าแบบของไทยเรา พระเจดีย์องค์ใดที่เขาแน่ใจในรูปแบบว่าถูกต้องตามสถาปัตยกรรมในสมัยนั้น ๆ แล้ว เขาจะบูรณะใหม่ขึ้นมาทันที ทั้งปิดทอง หุ้มทอง ต่อยอด เสริมฐาน มองไปทางไหนมีแต่คนงานเต็มไปหมด บ้างก่ออิฐ บ้างผสมปูน บ้างทำนั่งร้าน เรียกว่าทำงานแข่งกับเวลาที่ผ่านไปทุกวินาที...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2010 เมื่อ 16:55 |
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
ที่อาตมาเรียกว่าพระมหาเจดีย์นั้น ขอให้ทุกท่านจินตนาการเอาว่า ใหญ่โตมโหฬารเพียงใด เพราะนอกจากมีกำแพงเมืองทุกด้านแล้ว ยังมีประตูเข้าออกแบบประตูเมืองทั้งสี่ทิศอีกด้วย ดังที่เปรียบพระมหาเจดีย์อะนันดาว่า เหมือนนครวัดของเขมรนั้น ท่านที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ตระการตาของนครวัดมาแล้ว โปรดทราบด้วยว่าไม่หนีกันเลย...
พระมหาเจดีย์อะนันดา ประกอบด้วยกำแพงยาวเหยียด พระเจดีย์นิรนามหมายเลข ๓๔๙ มีบันไดขึ้นไปถึงกลางองค์ได้เช่นกัน อาตมาใช้เป็นจุดชมวิวตามเคย คราวนี้ไม่มีใครตามมากวนใจ มองไปไกลสุดสายตา ล้วนแล้วแต่เป็นหมู่พระเจดีย์ทั้งสิ้น ที่พังลงมาครึ่งค่อนหลังก็มี พังเฉพาะยอดก็มี ที่เหลือแต่กองอิฐคร่ำคร่าดูรูปทรงไม่ออกก็มี ที่เหลือเพียงรอยจาง ๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องขึงเชือกบอกเขตไว้ก็มาก... พระเจดีย์อะโรดอปิ๊ด (สมปรารถนา) ชื่อดีจึงมีคนมาสักการะกันมาก มาถึงพระเจดีย์อะโรดอปิ๊ด (สมปรารถนา) ที่เป็นเจดีย์องค์เล็กมาก ถ้าเทียบกับองค์อื่น ๆ ที่ผ่านมา แต่คนมากราบไหว้กันแน่นขนัด เพราะภายในมีหลวงพ่อสมปรารถนา ที่เชื่อกันว่าใครมาอธิษฐานขอสิ่งใดแล้ว มักจะได้สมดังใจทุกประการ (คล้ายหลวงพ่อทันใจของบ้านเรา) เรียกว่าชื่อดีมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว... หลวงพ่อสมปรารถนา วัน ๆ นั่งให้ชาวบ้านขอพรก็เหนื่อยแย่แล้ว..! ข้างในเขาเข้าไปปิดทองกราบไหว้อธิษฐานกัน ข้างนอกบรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างพากันโฆษณาขายล็อตเตอรี่กันยกใหญ่ คนรุมซื้อกันแน่นไปหมด ถ้าทุกคนถูกหวยพร้อมกัน คงเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ดีพิลึก..! แต่เขาไม่ได้คิดกันแบบอาตมา แม้แต่พระพม่าท่านก็ซื้อกันเป็นปกติ อาตมาเดินเลี่ยงไปหามุมถ่ายรูปพระเจดีย์ และดูของอื่น ๆ แทน...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2010 เมื่อ 16:48 |
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
พุทราลูกใหญ่คล้ายพันธุ์เหรียญทอง ราคาโคตะระแพง..! มีพุทราลูกใหญ่คล้ายพันธุ์เหรียญทองขายด้วย ลองถามราคาแล้วลมจะใส่ ความนึกอยากฉันหายวับไปกับตา ราคาลูกละ ๘ จั๊ต..! ขอย้ำอีกทีว่าลูกละ ๘ จั๊ต..! ทำไมถึงได้แพงบรรลัยวายวอดปานฉะนี้หนอ..? ปกติของตามแหล่งท่องเที่ยวต้องแพงอยู่แล้ว แต่ไม่น่าแพงขนาดนี้ แบบนี้เขาไม่เรียกว่าฟันลูกค้าแล้ว มันเผานั่งยางเลยมากกว่า..! พระเจดีย์สิ่นเมียชีน (องค์กลางส่วนยอดปิดทอง) ที่ชื่อดีจึงมีผู้เป็นเจ้าภาพบูรณะ พระเจดีย์สิ่นเมียชีน (มีช้างมาก หมายถึง บารมีสูง) เป็นอีกองค์ที่ชื่อดีมีคนนิยม จึงได้รับการปิดทองเหลืองอร่ามไปครึ่งองค์แล้ว วนไปวนมากลับมาที่พระมหาเจดีย์อะนันดาอีกจนได้ ท่าจะสติแตกแล้วจริงกระมัง..? ต้องกลั้นใจปิดท้ายด้วยพระมหาเจดีย์ธีโลมินโล (เอาฉัตรตั้งกษัตริย์) เป็นองค์สุดท้าย ทั้งที่ยังไม่อยากจากไปเลย... พระมหาเจดีย์ธีโลมินโล (เอาฉัตรตั้งกษัตริย์) เมืองพุกาม พระมหาเจดีย์ธีโลมินโลนั้น ได้ชื่อจากการที่กษัตริย์ผู้ครองอาณาจักรพุกาม ไม่สามารถจะตัดสินพระทัยได้ว่า จะยกราชสมบัติให้กับราชบุตรพระองค์ใด จึงตรัสเรียกเจ้าชายทุกพระองค์มายืนรายล้อมพระมหาเศวตรฉัตร แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า หากผู้ใดสมควรจะได้ครองราชสมบัติ ก็ขอให้พระมหาเศวตรฉัตรที่ตั้งไว้ตรงกลาง ล้มไปหาเจ้าชายพระองค์นั้น จึงเป็นที่มาของชื่อพระมหาเจดีย์ด้วยประการฉะนี้... เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด ยลยิ่งแสงแก้วเก้า แก่นหล้า หลากสวรรค์ เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น...พันแสง รินรสพระธรรมแสดง...ค่ำเช้า เจดีย์ระดะแซง...เสียดยอด ยลยิ่งแสงแก้วเก้า...แก่นหล้า หลากสวรรค์ โคลงบทนี้ท่านนรินทร์ (อินทร์) แต่งไว้ชื่นชมพระมหานครของเราเองแท้ ๆ แต่เอามาใช้กับพุกามได้อย่างเหมาะเจาะลงตัวที่สุด ลาก่อน..มหาอาณาจักรแห่งพระพุทธศาสนา ถ้าไม่ตายคงจะได้กลับมาชื่นชมกับความยิ่งใหญ่ของท่านอีกครั้ง โซยุนท์แวะเข้าปั๊ม ให้พระเจ้าเป็นพยานเถอะ ในปั๊มยังมีพระเจดีย์เก่าที่เขาล้อมรั้วขึ้นทะเบียนไว้อย่างดิบดีเลย..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2010 เมื่อ 16:51 |
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
|||
|
|||
ปันส่วนน้ำมันมาได้แค่ ๓ แกลลอน ต้องอาศัยปั๊มเถื่อนตามเคย มาได้ที่เมืองจ็อกปันตอง โดนเข้าไปแกลลอนละ ๓๒๐ จั๊ต จุกสนิทแทบฉันเพลไม่ลง..! หลังเพลคณะของเราออกเดินทางไปยังมณฑลมัณฑะเลย์ ผ่านเขาโป๊ปป้า (บุปผา) ที่เป็นยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว มีวัดที่มีชื่อเสียงด้านการปฏิบัติอยู่ข้างบน แต่เวลาเราไม่พอ เลยไม่ได้แวะเข้าไปชม...
เขาโป๊ปป้า (บุปผา) ตามรายทางมีชาวบ้านจับกลุ่มนั่งทุบหินกัน ที่ได้ขนาดแล้วเขาลำเลียงมากองไว้ข้างถนน รอให้ผู้ที่สนใจมารับซื้อไปทำประโยชน์ แดดร้อนเปรี้ยง ๆ กับหินแข็งกระด้าง ช่างมีชีวิตอยู่กับความโหดร้ายเสียนี่กระไร... ถ้ามาอยู่กันแบบนี้แล้วปฏิบัติธรรมคงรุ่งเป็นบ้า เพราะเห็นทุกข์กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ทำก็ไม่มีกิน..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2010 เมื่อ 16:10 |
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
|||
|
|||
ทางขึ้นเขายาวตลอดคดเคี้ยวเป็นงูเลื้อย แล้วดิ่งลงยาวเลยเหมือนกัน โซยุนท์ใช้เกียร์ช่วยไม่เป็น เล่นเบรกยาวตลอด ขับรถบนเขาถ้าใช้เกียร์ช่วยไม่เป็นคงรุ่งยาก เพราะถ้าเบรกแตกก็ลงไปกองอยู่ก้นเหวโน่น พื้นดินแห้งแล้งกรอบเกรียมไปซะทั้งนั้น มีเพียงต้นตาลกับถั่วบางชนิดเท่านั้นที่ขึ้นได้ มองจนทั่วไม่เห็นมีอย่างอื่นที่เป็นอาหารได้เลย...
ชาวบ้านขนงามากองไว้บนถนนให้รถที่วิ่งไปวิ่งมาช่วยนวดให้..! ยอดโชเฟอร์เบรกตัวโก่งเพราะชาวบ้านเขาทำพิเรนทร์ เอาต้นงาขึ้นมากองไว้บนถนน หวังให้รถช่วยนวดไปในตัว อยากจะนวดไอ้คนเอาต้นงามากองมากกว่า..! เล่นอะไรบ้า ๆ ใจคอหายหมด งาทั้งต้นที่ชาวบ้านยังไม่ได้นวด เขาเอาสุม ๆ ไว้บนต้นไม้ ป้องกันวัวเอาไปกินก่อนได้รับอนุญาต ไอ้วัวได้แต่มองน้ำลายยืดอยู่ใต้ต้น... ตองตา(ภูผางาม) แทบจะเป็นยอดเขาหินทรายล้วน ๆ เขายังอุตส่าห์ขึ้นไปสร้างเจดีย์กัน ภูเขาทรายโล้น ๆ มองไกล ๆ เหมือนโดมขนาดใหญ่ มีเจดีย์สร้างไว้บนยอดโดมด้วย นั่นเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตองตา (ภูผางาม) ข้างทาง มีป้ายติดไว้เป็นระยะมีข้อความว่า “ตัดต้นไม้หนึ่งต้นติดคุก ๓ ปี” “เผาป่าติดคุก ๓ ปี” ใครจะลองของก็เชิญจ้ะ ทหารเขาเอาจริง ๆ ไม่เหมือนประเทศข้าง ๆ คุณ ที่เผากันเป็นแสน ๆ ไร่ทุกปี เฮ้อ..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2010 เมื่อ 17:43 |
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
|||
|
|||
สังขารหลวงปู่อูกะวิ วัดซุนลูน เมืองเมียนชาน ปู่เขียวลุยน้ำข้ามห้วยมาหลายครั้ง ในที่สุดมาถึงเมืองเมียนชาน (คอกม้า) มีวัดซุนลูนเป็นที่หมาย สังขารของหลวงปู่อูกะวิมรณภาพมาแล้ว ๔๒ ปี ไม่เน่าเปื่อย บรรจุอยู่ในโลงแก้วลักษณะเหมือนราชรถ ตั้งอยู่ในเจดีย์อีกที รอให้เราได้มากราบไหว้บูชาเป็นสิริมงคล ได้เห็นกับตาตนเองว่า สังขารที่เหมือนหล่อจากทองแดงแบบนี้ พม่าเขาก็มีเหมือนกัน... ต้นสีเสียดหนามที่ขึ้นคลุมถนนจนเป็นอุโมงค์ ช่วยให้ร่มเย็นดีมาก ก่อนเข้าเมืองนัวทูจี (วัวใหญ่) มีต้นหนามขนาดใหญ่ขึ้นคลุมถนน เป็นซุ้มยาวเหมือนอุโมงค์ ช่วยลดความร้อนจากอากาศในทะเลทรายไปได้มาก พม่าเรียกว่าต้นซา ดูแล้วน่าจะเป็นต้นสีเสียดหนามของบ้านเรา
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2010 เมื่อ 19:55 |
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
|||
|
|||
พอเข้าเมืองมิตตาเท่านั้น ทั้งไร่ข้าวโพด ไร่ฝ้าย นาข้าว ไร่ยาสูบ แลเขียวสะพรั่งไปทั่ว ข้างทางมีบึงน้ำขนาดกว้างเป็นพัน ๆ ไร่ คล้ายบึงบอระเพ็ด ลมแรงเย็นชื่นใจ...
มีน้ำก็มีชีวิต ช่างเป็นภาพที่แตกต่างกับหลายวันที่ผ่านมาเหลือเกิน พื้นที่ราบกว้างใหญ่ไพศาลนับล้านไร่ อุดมสมบูรณ์จนน่าอิจฉา ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ไพร่ฟ้าหน้าใสไปตาม ๆ กัน ถ้าผลิตผลได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยไม่ถูกรัฐบาลเบียดบังไปซะก่อน ชาวบ้านแถวนี้คงร่ำรวยที่สุดในหลาย ๆ รัฐผ่านมา หวังว่าคงไม่ใช่ทำได้มากก็ต้องจ่ายมากนะจ๊ะ..! วิ่งอยู่กลางทะเลทรายแท้ ๆ อยู่ ๆ ก็มีท้องนาอุดมสมบูรณ์โผล่ขึ้นมาเฉยเลย..! หยุดพักฉันน้ำแล้วเดินทางต่อ ผ่านเมืองเจ้าเส่ (ศิลามรรค/เขื่อนหิน) ที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปช้าง นอกเมืองเป็นปั๊มน้ำมันเถื่อนจมหู..! เมืองสิ้นกายที่ยังไม่ถึงกับสิ้นใจ เมืองปะเลต (ตำรวจ) ที่ด่านบุญเอาสาวหุ่นงามถึงขนาดมาเรี่ยไร ทำเอาหนุ่ม ๆ มองกันเพลินจนลืมควักเงินบริจาค..! ข้ามแม่น้ำมี่แง (แควน้อย) ก็เข้าสู่ตัวเมืองมัณฑะเลย์...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2010 เมื่อ 12:24 |
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
|||
|
|||
เมืองนี้การจราจรขาดระเบียบวุ่นวายมาก ตำรวจจราจรมีอยู่เหมือนกับไม่มี เห็นพระเดินส่ายอาด ๆ ขาดสำรวมชักสงสัย ท่านนาวินบอกว่าเมืองแปรกับเมืองมัณฑะเลย์ เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ พระมีอำนาจมากกว่าทหารตำรวจ ใครจะจัดงานจัดการที่ไหน ขอให้พระไปช่วยรักษาความปลอดภัย รับรองว่างานเรียบร้อยดีกว่าทหารตำรวจไปเองซะอีก..!
บ้านไหนมีลูกสาวมักเอาไปฝากพระเอาไว้ ปลอดภัยจากการฉุดคร่าของทหารแน่นอน (แต่ปลอดภัยจากพระหรือเปล่าไม่ยักบอก) ลูกสาวได้เรียนหนังสือกับพระ ถ้าคิดจะแต่งงานแต่งการ เวลาสึกหาลาเพศมาแล้ว พระก็มักจะรวยกว่าชาวบ้าน อีนี่แขกว่าไม่ถูกนะนาย..! เงินสงฆ์ ของสงฆ์ เอาไปใช้ยามเป็นฆราวาส โทษไปอเวจีที่เดียวนะจ๊ะนายจ๋า..! หลวงพ่อพระมหามุนีอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมณฑปนี้ ๑๗.๓๐ น. มาถึงวัดมหามุนี หรือบางทีเรียกว่าวัดพะยาจี รวมเวลาเดินทางจากพุกามแปดชั่วโมงครึ่ง ผู้คนคึกคักแน่นขนัด เพราะสถานที่นี้เป็นที่สถิตย์ของหลวงพ่อพระมหาเมี้ยตมุนี (พระผู้รู้อันประเสริฐสุด) ซึ่งเป็นดวงจิตดวงใจของชาวพม่าทั้งประเทศ เปรียบไปแล้วก็เหมือนกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และหลวงพ่อพระแก้วมรกตนั่นเอง... หลวงพ่อพระมหามุนีอยู่ในมณฑปใหญ่ที่ปิดทองอร่ามงามตา ทางเข้ามณฑปทั้งสี่ทิศทำเป็นซุ้มทางเดินยาวเหยียด มีแต่ร้านขายของที่ระลึกแน่นไปหมดทั้งสองฝั่ง บ้างเป็นเครื่องทองเหลืองทั้งสาย บ้างเป็นไม้แกะสลักทั้งสาย บ้างสลับกันไปทั้งเครื่องเงิน เครื่องทอง เครื่องเขิน หยก งาช้าง ไม้จันทน์หอม สารพัดสารเพ นักท่องเที่ยวเดินดูของจนแทบไม่มีทางให้คนเดิน...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2010 เมื่อ 12:25 |
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
|||
|
|||
หลวงพ่อพระมหามุนีเด่นสง่าอยู่กลางมณฑป เนื่องจากมุมมองที่ถูกจำกัด จึงทำให้ความใหญ่โตขนาดหน้าตัก ๕ ศอกของท่าน ดูเล็กกว่าความเป็นจริงไปถนัด ตั้งแต่พระนาภีลงมาถึงพระเพลา เขาเอาผ้ากำมะหยี่สีแดงคลุมเอาไว้ ปีที่แล้วเกิดจลาจลระหว่างศาสนา เขาว่าถูกมือดีฝ่ายตรงข้ามเจาะพระนาภีเป็นโพรงไปเลย..!
หลวงพ่อพระมหามุนี ศูนย์รวมจิตใจของชาวพม่า ชาวบ้านมากราบบูชากันมากเหลือเกิน ดีที่เขาแบ่งเขตเอาไว้ว่า พระเข้าไปถึงเขตชั้นในได้ ผู้ชายเข้าได้แค่เขตชั้นกลาง ผู้หญิงเข้าได้แค่เขตชั้นนอกเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงเข้าได้ลำบากมาก อาตมากราบเบญจางคประดิษฐ์ สวดอิติปิโสถวายสามจบ มองพระพักตร์ที่มีพิธีสรงน้ำพระพักตร์ทุกเช้า เขาขัดถูจนเงาวาววับพลางอธิษฐานว่า...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 18-05-2010 เมื่อ 02:52 |
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
|||
|
|||
“ลูกมาจากแดนไกล ได้มีวาสนามากราบหลวงพ่อผู้ประเสริฐสุด เป็นกุศลแก่ตนอย่างหาที่สุดมิได้ ลูกต้องการชมบารมีหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปแล้ว ขอให้ลูกได้ที่พักในบริเวณวัดนี้ด้วยเถิดพระเจ้าข้า...” เสร็จแล้วถอยออกมารอคนอื่นที่ยังสวดมนต์ไม่เสร็จ เพื่อจะได้ไปหาที่พักพร้อมกัน...
มีคนเมตตาแนะนำให้ไปขอพักที่วัดชุยยีเซาด้านหลังมณฑป แต่หลวงปู่ชฏิละเจ้าอาวาสท่านจู้จี้จุกจิกมาก อาจจะได้พักหรือไม่ได้พักเท่า ๆ กัน พวกเราเอารถวิ่งเข้าไปเลย พอพระเจ้าถิ่นท่านทราบก็พาไปกราบหลวงปู่เจ้าอาวาส ตาท่านมองไม่เห็นแล้ว แต่ยังเดินเหินไปไหนมาไหนได้คล่องแคล่ว คงเป็นเพราะความเคยชินในสถานที่นั่นเอง... ไม่ว่าจะเป็นซอกไหนมุมไหน ก็มีแต่พระเดินส่ายอาด ๆ ทั้งเมือง หลวงปู่ท่านซักถามแบบละเอียดยิบ ขนาดนิกายอะไรก็ยังถาม อาตมาปล่อยให้ท่านนาวิน ท่านกุมาระ ท่านกุสะละ บรรเลงเอาตามใจชอบ กดขาท่านพรกับเจ้าโตไว้เป็นการปรามไม่ให้เอ่ยปากเป็นอันขาด ขืนให้ท่านทราบว่าเป็นคนต่างชาติมีหวังเรื่องยาว ท่านเดินเข้ามาจนเกือบเหยียบเอาหลายครั้ง อาตมาทำตัวเป็นตอไม้ไร้ชีวิต ท่านเลยไม่รู้ว่ามีไอ้ตัวแสบอยู่ด้วย..! ในที่สุดท่านก็อนุญาตให้พักได้ โดยให้นอนตามลำดับพรรษาซะด้วย ห้องที่จัดให้พักมีเตียงหลังเดียว อาตมาถูกอุปโลกน์ให้แก่ที่สุด จำต้องนอนเตียง ขณะที่คนอื่น ๆ แบกะดิน จัดการสรงน้ำที่บ่อด้านหลังห้องครัว เป็นบ่อโพงต้องตักเอาทีละถัง ใกล้ ๆ บ่อน้ำเป็นศาลาที่พระท่านสอนภาษาอังกฤษให้บรรดาลูกสาวชาวบ้าน พวกสาว ๆ เลยดูพระสรงน้ำกันเป็นของสนุก..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 18-05-2010 เมื่อ 02:53 |
สมาชิก 81 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
|||
|
|||
สรงน้ำซักผ้าเรียบร้อยแล้ว ชวนท่านนาวินกับท่านพรออกไปเดินดูของกัน ท่านกุสะละ ท่านกุมาระ โซยุนท์ วินจี หนุ่มเจ หายหัวกันไปหมดแล้ว มีแต่เจ้าโตแบกย่ามเดินตามต้อย ๆ ของทุกอย่างราคามหาโหด ไม้จันทน์ชั่งละ ๒๐,๐๐๐ จั๊ต งาช้างแกะสลักชิ้นละ ๒๔๐,๐๐๐ จั๊ต..! เอาไว้เงินถุงเงินถังกว่านี้แล้วจะมาซื้อ...
มณฑปหลวงพ่อพระมหามุนีปิดแค่สองทุ่ม ตั้งแต่ถูกเจาะพระนาภีไป เขาทำประตูปิดสี่ชั้น คล้องกุญแจเรียงเป็นตับ ทุ่มหนึ่งก็ปิดประตูไปสองชั้นแล้ว พิธีสรงน้ำพระพักตร์จะมีตอนตีสี่ครึ่ง อาตมาเลยกลับไปพักผ่อนเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้เช้า ไม่ทราบว่าจะเข้าไปดูพิธีสรงน้ำพระพักตร์อย่างใกล้ชิดได้หรือไม่ ? ได้แต่หวังว่าต้องได้เอาไว้ก่อน... ตัวเรือด เจ้าของฉายาไอ้รถถัง ตามดูดเลือดทั้งคืน ท่านนาวินเรียกประชุมพระและโยมทุกคน แจ้งว่าที่มาช่วยกันล้มทับอาตมานั้น อาตมาไม่ว่าหรอก แต่ตอนนี้เงินไม่พอไปต่อแล้ว ต้องช่วยกันออกซะบ้าง บอกกันตามตรงอย่างนี้ เขายังไม่เชื่อกันเลย นึกว่าอาตมาโกหก พวกเขามักจะคิดว่าอาคันตุกะจากเมืองไทยจะต้องรวยเอาไว้ก่อน ถ้าไม่รวยจะมาเที่ยวบ้านเขาไม่ได้ เป็นอย่างนั้นไป... ท่านนาวินเค้นคอมาได้คนละ ๔,๐๐๐ จั๊ต(ดีกว่าไม่ได้เลย)และเป็นผู้เก็บเอาไว้ ถ้าอาตมาหมดตัวเมื่อไร ค่อยเอา ๑๖,๐๐๐ จั๊ต นี้มาใช้จ่ายกันต่อ ตกลงกันได้แล้วเขาเข้านอนกันหมด อาตมานั่งเขียนบันทึกอยู่ รู้สึกคันแปลบ ๆ พิกล พอเกาเข้าจริง ๆ ไอ้ตัวต้นเหตุตกปุลงมาจึงถึงบางอ้อ “เรือด” ขอรับ คืนนี้ไม่ได้เป็นสุขแน่ละท่านเอ๋ย..! คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2010 เมื่อ 16:08 |
สมาชิก 82 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|