กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เรื่องเล่าต่าง ๆ โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > ใต้ฟ้าอิระวดี

Notices

ใต้ฟ้าอิระวดี การท่องไปในเมืองพม่า โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-05-2010, 14:42
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default ใต้ฟ้าอิระวดี ตอนที่ ๑๖

ไอ้รถถังยกพลบุกทั้งคืน พลิกตัวทีถึงเลิกกัดที พอนอนนิ่ง ๆ ครู่เดียว มันก็ฉวยโอกาสลุยอีก การนอนเตียงเป็นทุกขลาภไปได้ คนอื่นนอนพื้นไม่โดนกัด อาตมาขึ้นมานอนบนบ้านของมัน เจ้าของบ้านที่ดีย่อมต้องต้อนรับหนักหน่อยเป็นธรรมดา ขยับตัวบ่อย ๆ ก็เกรงใจคนอื่น เพราะเตียงมันลั่นเอี๊ยด ๆ น่ารำคาญหยอกใครซะเมื่อไร...


พิธีสรงน้ำพระพักตร์หลวงพ่อพระมหามุนี จะมีตอนตีสี่ครึ่งของทุกวัน

ย่องออกมาที่มณฑปหลวงพ่อพระมหามุนีตั้งแต่ตีสาม ประตูกี่บานต่อกี่บานมันปิดล็อกซะหมด แต่ไม่มีปัญหาสำหรับอาตมา(อดีตลูกขุนแผน) ย่องเข้าไปจนถึงหน้ามณฑปช่วงใน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าซึ่งมีที่พักอยู่ที่นี่เริ่มเปิดร้าน มีทั้งดอกไม้ ธูปเทียน และอาหารสำหรับถวายเป็นพุทธบูชา...

เจ้าหน้าที่ของวัดยืนอยู่ ๒ – ๓ คน ทุกคนทำหน้าประหลาดใจที่เห็นอาตมาเข้ามาได้ แต่เจ้าหน้าที่เขาเฉย ๆ ไม่ได้มาสอบถามอะไร อาตมาก็ปล่อยเลยตามเลย ยืนอยู่ข้างประตูน้อมจิตกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นสมเด็จพระพุทธสิขีทศพลที่ ๑ เสด็จลงมาประทับนั่งซ้อนกับองค์ของหลวงพ่อพระมหามุนี ตรัสถามด้วยพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ว่า “ต้องการอะไรหรือลูก ?
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 20-05-2010 เมื่อ 12:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-05-2010, 12:26
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

อาตมาน้อมกราบลงแทบพระบาทด้วยความปีติยินดีเหลือที่จะกล่าว นี่เป็นครั้งแรกที่สมเด็จองค์ปฐมเสด็จมาด้วยพระองค์เอง กราบทูลว่า “เกล้ากระผมประสงค์จะเข้าไปกราบหลวงพ่อพระมหามุนีอย่างใกล้ชิด และร่วมพิธีสรงน้ำพระพักตร์ด้วย ขอได้โปรดเมตตาด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า...” พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์น้อย ๆ ตรัสว่า “ได้ซิลูก...

น้อมจิตกราบลงแทบพระบาทในพระมหากรุณาธิคุณ รู้สึกว่ามีมือมาสะกิดที่บ่า หันมาพบเจ้าหน้าที่ร่างสูงใหญ่ล่ำสันกินหมากปากแดง ถามเป็นภาษาพม่า อาตมาตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า “อาตมาเป็นพระไทย มากราบหลวงพ่อพระมหามุนีจ้ะ...” หนุ่มร่างยักษ์บอกเป็นภาษาไทยตะกุกตะกักว่า “ผมพอพูดไทยได้ครับ...


ผู้คนมาถวายสักการบูชาหลวงพ่อพระมหามุนีกันแน่นขนัดทุกเช้า

สอบถามดูทราบว่าชื่อ “อาไข่” เคยไปทำงานอยู่เมืองไทยมาสามปี อาตมาถามว่าจะเข้าไปกราบหลวงพ่อพระมหามุนีถึงด้านใน และถ่ายรูปพิธีสรงน้ำพระพักตร์จะได้หรือไม่ ? อาไข่บอกว่าเดี๋ยวจะจัดการให้ แล้วขอตัวไปจัดตั้งคนโท ขันน้ำ สำหรับคนที่ทยอยกันมาได้ใส่น้ำหอมสำหรับสรงพระพักตร์ ประดับดอกไม้และไฟกระพริบอย่างสวยงาม...

พอเขาเปิดประตูออกเท่านั้น ญาติโยมที่มาอออยู่ก็เฮละโลกันเข้ามาแน่นไปทั้งวิหาร บ้างกราบไหว้ บ้างสวดมนต์ บ้างเอาดอกไม้ ถวายใส่ถาด บ้างเทน้ำหอมลงในขันที่เขาเตรียมเอาไว้ บ้างก็ซื้ออาหารมาอธิษฐานเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อเสียงระฆังดังระรัวขึ้น พระมหาเถระรูปหนึ่งเดินนำพราหมณ์ชุดขาวแปดท่าน มาพร้อมเครื่องมือสรงพระพักตร์...

__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 23-05-2010 เมื่อ 09:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 114 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-05-2010, 21:44
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

อาไข่เปิดประตูชั้นในสุดออกให้อูปัญญาวังสะ พระมหาเถระผู้ทำหน้าที่ชำระพระพักตร์และพราหมณ์ทั้งแปดเข้าไป พร้อมกับดึงแขนอาตมาส่งตามเข้าไปด้วย โดยที่ตัวเองยืนเป็นนายประตู บอกกับอาตมาทั้งที่หันหลังให้ว่า “ถ่ายรูปได้ตามสบายนะครับ...” อาตมาเห็นป้ายภาษาอังกฤษที่เขียนว่า “นักท่องเที่ยวจ่ายคนละ ๖ ดอลล่าร์ กล้องถ่ายรูปอันละ ๕ ดอลล่าร์” แล้วก็ได้แต่ยืนงง...


พราหมณ์ทั้งแปดช่วยกันตั้งนั่งร้านเตรียมไว้สำหรับทำการสรงพระพักตร์

พราหมณ์ทั้งแปดช่วยกันตั้งนั่งร้านเตรียมไว้สำหรับทำการสรงพระพักตร์ รับน้ำหอมสำหรับสรงพระพักตร์ และนำผ้าสำหรับเช็ดพระพักตร์ที่ชาวบ้านถวายมาเป็นตั้ง ๆ เข้ามาข้างใน อาตมาเลี่ยงไปมุมที่ไม่เกะกะการทำงานของเขา กราบหลวงพ่อพระมหามุนีอย่างใกล้ชิด พอเข้ามาถึงด้านใน จึงเห็นชัดว่าองค์ท่านใหญ่โตเพียงไร ทั้งองค์ปิดทองทับซ้อนกันจนเป็นตะปุ่มตะป่ำ จับไปตรงไหนก็นิ่มไปหมด...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 52-mm0079.jpg (92.5 KB, 899 views)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 23-05-2010 เมื่อ 09:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 108 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-05-2010, 21:18
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

กราบถวายบูชาสวดอิติปิโส ๓ จบ เจ้าหน้าที่เขาเอาผ้าแพรผืนใหญ่ห่มคลุมองค์หลวงพ่อ ตั้งนั่งร้านเอาแผ่นเหล็กพาดผ่านพระเพลา ให้อูปัญญาวังสะที่ยืนสวดมนต์ทรงอารมณ์อยู่ ได้ปีนขึ้นไปเพื่อทำพิธีสรงน้ำ อาตมาฉวยโอกาสตามขึ้นไปด้วย พราหมณ์ทั้งแปดไม่ได้ว่าอะไร แต่ชาวบ้านทั้งชายหญิงมองด้วยความอัศจรรย์ใจว่า พระรูปนี้เป็นใคร ? มาจากไหน ..!?
ท่านนาวินคงเห็นอาตมาตอนนี้เอง แหวกคลื่นมหาชนตรงเข้ามา พออาตมาโบกมือเรียก เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยเข้ามาทันที แต่ท่านพร ท่านกุสะละ ท่านกุมาระ และคนอื่น ๆ นั้น เขาไม่ให้เข้า ท่านนาวินเข้ามากราบพระบนฐานชุกชี ตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว พร่ำพูดแต่ว่า “ท่านอาจารย์บารมีดีเหลือเกิน ผมเองยังไม่เคยได้เข้าถึงด้านในนี่เลย..!


หลวงปู่ปัญญาวังสะทำหน้าที่สรงพระพักตร์มา ๓๐ ปีเศษแล้ว

เสียงระฆังสัญญาณดังขึ้นอีกชุด อูปัญญาวังสะหยิบเอากระบอกน้ำหอม ฉีดจนทั่วพระพักตร์อันใหญ่โตของหลวงพ่อพระมหามุนี พลางสวดมนต์เสียงดังไปด้วย ท่ามกลางเสียงสาธุการของฝูงชนที่กระหึ่มก้องไปทั้งวิหาร เจ้าหน้าที่พราหมณ์ทั้งแปด นอกจากจะช่วยกันระวังนั่งร้าน และส่งของให้อูปัญญาวังสะแล้ว ยังแนะนำมุมที่จะถ่ายรูปได้ดี ๆ แก่อาตมาด้วย...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 53-mm0081-1.jpg (74.7 KB, 878 views)
ชนิดของไฟล์: jpg 54-mm0082-1.jpg (70.2 KB, 876 views)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-05-2010 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 115 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 23-05-2010, 22:35
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

เมื่อฉีดน้ำหอมทั่วพระพักตร์แล้ว ก็มีการชำระพระทนต์ก่อน ไม้สีพระทนต์ทำด้วยทองคำแท้ เส้นผ่าศูนย์กลางเกือบนิ้ว ยาวเป็นคืบ ฝังอัญมณีแพรวพราวทั้งอัน อาตมาดูอยู่ใกล้ชิดเพิ่งสังเกตว่า พระมหามงกุฎของหลวงพ่อพระมหามุนี ฝังเพชรพลอยเต็มจนไม่มีที่ว่าง ภายในห้องวิหารทั้งห้องเขาบุทองคำ ประดับอัญมณีทั่วไปหมด..!

เสร็จจากชำระพระทนต์แล้ว อูปัญญาวังสะใช้ฟองน้ำชุบน้ำหอมในขันทองคำที่ชาวบ้านเทรวมกัน เช็ดพระพักตร์หลวงพ่อ ที่เป็นขวดก็ใช้วิธีฉีดโดยตรงเลย มิน่าว่าเขาต้องห่มผ้าองค์หลวงพ่อก่อน เพราะน้ำหอมเมื่อมาก ๆ เข้าก็ไหลนองไปหมด อูปัญญาวังสะเองก็เปียกโชกไปทั้งตัว และปล่อยแห้งไปเอง วันรุ่งขึ้นก็ครองผ้าผืนเดิมมาทำพิธีใหม่...


สรงพระพักตร์เสร็จแล้ว มีการถวายข้าวพระและประโคมดนตรี

จากนั้นผ้าซับพระพักตร์เป็นตั้ง ๆ ถูกส่งขึ้นไป อูปัญญาวังสะหยิบเอาไปลูบเป็นพิธี แล้วส่งคืนแก่เจ้าของเดิมเอาไปบูชา เหลือเพียงผืนท้าย ๆ เท่านั้น ที่เช็ดถูแบบจริงจังและละเอียดลออ เสร็จแล้วเอาพัดโบกให้แห้งสะอาดจริง ๆ อีกที อาตมาถ่ายภาพพิธีการไปทุกขั้นตอนแบบไม่ต้องกลัวฟิล์มหมด มีโอกาสแล้วต้องเอาให้คุ้ม..!

สุดท้ายเป็นการปิดทองถวายเป็นพุทธบูชา “อูมิ้ว” พราหมณ์อาวุโส พาอาตมาไปซื้อทองคำเปลวแท้ที่ร้านหลังมณฑป ๕ แผ่น ๑๕๐ จั๊ต กลับเข้ามาพอดีเขาเก็บนั่งร้าน และผ้าห่มองค์พระเสร็จ พร้อมกับเอาผ้ากำมะหยี่ที่คลุมปิดพระอุระและพระเพลาออกด้วย ช่องที่โดนเจาะเขาอุดเรียบร้อยแล้ว เสียงชาวบ้านสาธุการดังกระหึ่มจนอาตมาขนลุกไปทั้งตัว บางคนดีใจจนน้ำตาไหลพราก ๆ..!
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 55-mm0083.jpg (77.1 KB, 866 views)
ชนิดของไฟล์: jpg 56-mm0078.jpg (78.2 KB, 860 views)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-05-2010 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 24-05-2010, 16:51
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

ตั้งแต่โดนเจาะพระอุระไปเมื่อปีที่แล้ว เขาก็เอาผ้าปิดมาตลอด เหมือนกับพ่ออันเป็นที่รัก ที่เป็นขวัญและกำลังใจของลูก ๆ ทั้งประเทศมาป่วยหนัก บัดนี้เขาเอาผ้าออกคล้ายกับว่าท่านหายป่วย กลับมาเป็นมิ่งขวัญของลูก ๆ ตามเดิมแล้ว ทุกคนย่อมต้องดีใจมากเป็นธรรมดา อาตมาที่เข้ามาอยู่ในบรรยากาศนี้ พลอยปีติตื้นตันไปด้วย...


ปิดทองถวายเป็นพุทธบูชา ผลบุญนี้จงถึงแก่ผู้อ่านทุกท่านด้วยเถิด..!

กราบอธิษฐานปิดทองที่พระอุระ พระหัตถ์ซ้ายขวา พระบาทซ้ายขวา พอดีทองหมด อาไข่พาอาตมาและคณะหลบผู้คนเข้าไปที่โต๊ะทำงาน เอาน้ำหอมที่สรงพระพักตร์หลวงพ่อมามอบให้เป็นแกลลอน...ปากก็พร่ำว่า “present…present” อ๋อ..เขาถวายเป็นของขวัญยามพบหน้า ท่ามกลางความอิจฉาและเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งของผู้พบเห็นทั่วไป ซึ่งได้แต่ประหลาดใจว่า พวกนี้เป็นใครกันแน่ ?
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-05-2010 เมื่อ 13:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 25-05-2010, 19:05
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

ทั้งอูมิ้วและอาไข่ถามว่า อาตมามีพระแก้วมรกตติดมาบ้างหรือไม่? เขาอยากได้ไว้บูชา เพราะทั้งพระแก้วมรกตและพระมหามุนี เป็นพระพี่พระน้องกัน ประวัติการสร้างไล่เลี่ยกัน มีปาฏิหาริย์คล้ายคลึงกัน เป็นที่เคารพสักการะอย่างยิ่งของประชาชนทั้งสองประเทศเช่นเดียวกัน อาตมาสัญญาอย่างแข็งขันว่า โอกาสหน้าจะเอามาฝากอย่างแน่นอน...

ร่ำลากันดิบดีแล้วยกขบวนกลับไปที่รถ อาตมาบอกทุกคนให้หาภาชนะมาแบ่งน้ำสรงพระพักตร์ไปตามใจชอบ วินจีดึงแขนท่านนาวินไปมุมหนึ่ง ปรึกษาหารืออะไรกันอย่างเคร่งเครียดพักใหญ่ เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ไปกราบลาหลวงปู่ชฏิละเจ้าอาวาส จากนั้นออกเดินทางไปฉันเช้าที่หน้าวัดเขามัณฑะเลย์ เกิดการวงแตกขึ้นมาตอนนี้เอง...


ยอดเขามัณฑะเลย์ ร้านอาหารที่เข้าไปฉันเช้าอยู่ทางขวามือ

อาตมา ท่านนาวิน ท่านพร นั่งโต๊ะหนึ่ง ท่านกุสะละ ท่านกุมาระ และวินจีนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง เมื่ออาตมาถาม ท่านนาวินจึงสารภาพว่า เมื่อกี้นี้วินจีมาล็อบบี้ขอเงินคืน บอกว่ามาตอนแรกไม่ได้บอกว่าต้องเสียเงิน มาเก็บกันกลางทางแบบนี้เขาไม่เห็นด้วย ท่านนาวินยอมคืนให้ครึ่งหนึ่ง บอกว่าเหลือเอาไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นค่าอาหาร รู้สึกว่าเขาจะไม่พอใจจึงแยกวง...

อีแบบนี้ซิน่า จะว่าไปแล้วอาตมาก็ไม่ได้เชิญใครสักคนเลยนี่หว่า..! ล้วนแล้วแต่เป็นความกะล่อนของนายเกลี้ยงแกทั้งนั้น เที่ยวไปบอกคนโน้นคนนี้ให้ไปด้วย อย่างกับตัวเองเป็นเจ้ามืออย่างนั้นแหละ อยากจะไปทีครึ่งค่อนเดือนซะด้วย มาตอนนี้ช่วยออกค่าใช้จ่ายขึ้นมาหน่อยดันมางอแง ไอ้คนลักษณะแบบนี้มันคบไม่ได้ตามโบราณว่าจริง ๆ..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-05-2010 เมื่อ 17:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 26-05-2010, 23:54
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

บอกท่านนาวินว่าคืนเงินเขาไปให้หมด เราไปได้แค่ไหนเอาแค่นั้นก็แล้วกัน ท่านนาวินหัวเราะบอกว่า นาน ๆ จะแคะอ้อยออกจากปากช้างได้สักที เรื่องอะไรจะคืนให้โง่..! ตั้งแปดพันจั๊ต เป็นค่ารถค่าน้ำมันฉุกเฉินได้ตั้งเป็นวัน ถ้าใครมาทวงคืนซ้ำอีก จะไล่ให้กลับเองซะเลย ดูซิว่าจะมีใครยอมกลับเองบ้าง..!

ว่าอะไรว่าตามกันถึงจะไปกันได้นาน แต่รู้สึกกินใจแปลก ๆ พิกล ทีเราจ่ายเท่าไรเท่ากันเขาไม่เคยคิด พอต้องจ่ายเองบ้างพ่อคิดละเอียดยิบเชียว ท่านนาวินบอกว่า “เขาอยู่กับท่านอาจารย์ใหญ่มานานกระมัง ? ท่านอาจารย์ใหญ่เวลาให้เงินใครไปทำธุระอะไร จะจ่ายซื้อข้าวของหรือค่ารถเท่าไรไม่ว่า แต่กลับมาต้องคืนครบเท่าที่ให้ไปตอนแรก..!


ปากทางขึ้นยอดเขามัณฑะเลย์ ตรงซุ้มมณฑปเป็นที่ซึ่งคุณคนสวยขายตั๋ว

แล้วไอ้แบบอย่างดี ๆ ทำไมเขาไม่จำมาใช้บ้างวะ..? มีเรื่องหนักสมองเข้าอาหารเลยไม่เป็นสับปะรด โต๊ะข้าง ๆ เป็นหญิงสาวสวยแต่งตัวแบบพม่าเต็มยศนั่งดื่มน้ำชาอยู่ นึกว่าเธอจะแต่งตัวเต็มที่ขนาดนี้ไปทำอะไร? พอดีเธอจ่ายเงินเรียบร้อย ลุกขึ้นหยิบมงกุฎจากถุงข้างตัวมาสวม แล้วนวยนาดไปประจำร้านที่ปากประตูวัด..!

ที่แท้เป็นนางงามของพม่าเขานี่เอง คงมาช่วยขายบัตรผ่านประตูการกุศล พม่าเขาชอบสาวหุ่นบึ้ก ๆ แบบเดียวกับอาตมาเลย พวกผอมเพรียวหุ่นนางแบบมาหากินที่นี่ไม่ได้หรอก เสียดายที่ไม่ได้ลงไปถ่ายรูปเอาไว้ เพราะมันไม่น่าดู พระใช้กล้องคนก็เขม่นจะแย่อยู่แล้ว ขืนไปถ่ายรูปสาว ๆ เข้าด้วย เดี๋ยวก็โดนประชาทัณฑ์เท่านั้นเอง..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2010 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 102 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 27-05-2010, 22:08
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

โซยุนท์พาปู่เขียววิ่งสั่นงั่ก ๆ ขึ้นบนยอดเขา แม้ทางจะสูงชันและมีโค้งที่หักข้อศอกกลับหลังก็ตาม ปู่เขียวแกซิ่งผ่านได้ทุกโค้งซิน่า..! อากาศบนยอดเขาเย็นสะท้านกาย เห็นแต่หมอกขาวคลุมไปทั้งเมืองมัณฑะเลย์ ตั้งใจจะขึ้นมาดูวิวของตัวเมือง กลับไม่ได้เห็นอะไร อาตมาแยกไปซ้ายมือหามุมถ่ายรูป คนอื่นเขาขึ้นบันไดไปทางขวา...


วัดเขามัณฑะเลย์ มุมนี้หาดูได้ยาก เพราะระเห็จขึ้นไปถ่ายบนยอดมณฑป..!

บนยอดเขานี้ทั้งหมดสร้างเป็นวัด ด้วยความสามารถของอูคันตี (ท่านขันติ) ซึ่งเป็นฤๅษีไม่ใช่พระ (ทางพม่านับถือฤๅษีกันมาก) วัดเขามัณฑะเลย์มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โต คิดเป็นเงินไม่หนี ๒๐ ล้านบาทไทยเป็นอย่างต่ำ และท่านไม่ได้สร้างแค่วัดนี้วัดเดียว มีอีกหลายวัดที่ท่านสร้าง สัญลักษณ์ว่าเป็นวัดของอูคันตีคือ สิ่งก่อสร้างจะเป็นโครงเหล็กแทบทั้งนั้น
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 57-mm0085.jpg (62.0 KB, 792 views)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2010 เมื่อ 05:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 98 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 29-05-2010, 22:54
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

ตามเขามากราบพระเจดีย์คู่บนยอดสุดของเนินเขา นอกจากพระประธานขนาดใหญ่ทั้งสี่ทิศแล้ว ยังมีรูปหล่อโลหะเท่าองค์จริงของท่านอูคันตี และรูปปั้นงูเห่ายักษ์ ๒ ตัว ที่มาอยู่กับท่านอูคันตีสมัยสร้างวัดยังไม่เสร็จ ชาวบ้านกลัวงูกันมากทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไร อูคันตีเลยบอกให้เขาเข้าป่าไป โดยปั้นรูปเอาไว้แทน...


รูปปั้นงูเห่ายักษ์บริวารของอูคันตี

เดินลงมาตามทางที่เป็นโครงหลังคาคลุมบันไดยาวเป็นไมล์ ๆ ตามรายทางมีร้านขายของที่ระลึกไปตลอด แค่ทางขึ้นเขาส่วนนี้ก็หมดเป็นสิบล้านแล้วกระมัง..? เดินจนขาอ่อนกว่าจะมาถึงปากทางขึ้นที่คุณนางงามแกขายตั๋วอยู่ โซยุนท์เอารถมารออยู่แล้ว พาพวกเราอ้อมมาชมมหาศาลาอะตูมาชิ (ไร้เทียมทัน) รูปทรงแปลกตามโหฬาร...


มหาศาลาอะตูมาชิ (ไร้เทียมทัน)

ทรงศาลาลดหลั่นจากใหญ่ขึ้นไปหาเล็ก เสาปิดทองต้นมหึมาเรียงเป็นตับ สมกับชื่อไร้เทียมทานจริง ๆ เพดานเป็นไม้ประดับดาวทองทั้งหลัง มีพระประธานที่ในหลวงพระราชทานมากับกฐินหลวง เมื่อ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ นี่เอง ป้ายยินดีต้อนรับเป็นภาษาไทยยังติดอยู่เลย เพียงแต่เขียนชื่อวัดเขาผิดไปเท่านั้น...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-05-2010 เมื่อ 03:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 98 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 30-05-2010, 13:23
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default


พระตำหนักชุยนานดอ (สุวรรณมเหสี)

ไม่ไกลกันนักเป็นวัดชุยนานดอ (สุวรรณมเหสี) ศาลาไม้แกะสลักของวัดนี้ ทำเอาอาตมาสติแตกไปเลย..! เป็นไม้สลักทั้งหลังด้วยฝีมือช่างระดับบรมครูอย่างแท้จริง ลายไม้ทุกชิ้นแทบจะพลิ้วตามลม..! ประวัติว่าเป็นที่ประทับเก่าของพระเจ้ามินดง ถวายวัดมาเพื่อเป็นพุทธบูชา ทั้งข้างนอกข้างในแกะสลักแทบทุกตารางนิ้ว..!


หอประชุมมหาวิทยาลัยสงฆ์มัณฑะเลย์

ข้ามถนนไปเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์มัณฑะเลย์ สิ่งก่อสร้างใหญ่โตโอฬาริก เกิดจากเงินทุนที่รัฐบาลไทยช่วยมา ท่านนาวินลงไปหาท่านมุนิวะระ เพื่อนกันที่เป็นอาจารย์สอนบาลีอยู่ที่นี่ เนื่องจากเป็นเวลาที่พระนักศึกษากำลังเข้าห้องเรียนอยู่ และเขามีนักศึกษาถึงสามพันรูปเศษ ทำให้หากันไม่พบ เพียงแต่ทราบจากพระที่อยู่นอกห้องเรียนว่า ท่านเป็นถึงหัวหน้าคณะเรียนด้วย..
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 31-05-2010 เมื่อ 10:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 31-05-2010, 22:48
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

เลี้ยวกลับมาใจกลางเมืองเพื่อเข้าชมพระราชวังมัณฑะเลย์ ขนาดใหญ่โตแค่ไหนบอกไม่ถูก เห็นแค่คูเมืองยาวด้านละ ๒ ไมล์ รวมเป็นพื้นที่ ๔ ตารางไมล์ ก็หายบ้าแล้ว..! บนกำแพงเมืองเป็นหอรบเรียงรายอยู่เป็นระยะ รถของเรามาติดอยู่ที่กองรักษาการณ์ของทหารตรงปากทางเข้าพระราชวัง เจอแต่ทหารเด็ก ๆ มาเยอะ คราวนี้เป็นปู่ทหารผมขาวทั้งหัว ดูแปลกตาพิกล...


คูเมืองรอบพระราชวังมัณฑะเลย์ ยาวด้านละ ๒ ไมล์

คุณปู่แกซักละเอียดยิบ แทบจะเอาต้นตระกูลสิบแปดชั่วคนเลย ก่อนจะให้ลงลายเซ็นและยึดใบขับขี่เอาไว้เป็นประกัน พร้อมกับให้ม้วนธงฉัพพรรณรังสีเก็บไว้ด้วย เพราะแกเกรงว่าเจ้านายจะว่าเอา ที่ปล่อยนักแสวงบุญเข้ามาเพ่นพ่านข้างใน รถวิ่งเข้าด้านในแล้วเลี้ยวขวาเลียบเลาะไปตามทาง ที่แต่เดิมเป็นเส้นทางของราชรถ เขตด้านนอกที่เคยเป็นบ้านเรือนของข้าราชบริพาร กลายเป็นค่ายทหารไปหมดแล้ว...


พระราชมณเฑียรทอง ในพระราชวังมัณฑะเลย์

พระราชมณเฑียรทองตระหง่านงามอวดสายตาอยู่เบื้องหน้า แต่ว่า...พลังลึกลับบางอย่างกดดันจนอาตมาแทบถอยหลัง เขาไม่ยินดีต้อนรับเราเลยนี่หว่า..! จากสัมผัสบอกได้ถึงความเกลียดชัง ไม่ไว้วางใจด้วยประการทั้งปวง ไปที่ไหน ๆ ไม่เคยเป็นแบบนี้ นี่เขายังติดอยู่กับสัญญาเก่าไม่รู้จักเลิกรากันเลยหรือไร..!?
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 61-mm0091.jpg (38.9 KB, 741 views)
ชนิดของไฟล์: jpg 62-mm0092.jpg (54.2 KB, 743 views)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-06-2010 เมื่อ 03:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 01-06-2010, 18:49
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

กำหนดจิตบอกกับเขาว่าเรามาดี ไม่ได้มารุกรานอะไรกันอีกแล้ว ที่ผ่านมาต่างคนต่างเคยสร้างเวรสร้างกรรมต่อกันมา จึงต้องมาทุกข์ยากลำบากกันจนถึงชาตินี้ เราแค่ขอเข้าไปชมสถานที่เป็นขวัญตาเท่านั้นเอง กระนั้นก็ดี พลังงานลึกลับก็ยังบีบรัดอยู่รอบกาย ดูท่าไม่อยากให้เราเข้าไปแต่ห้ามไม่อยู่ จึงตามประกบแจชนิดไม่ให้คลาดสายตากันเลย..!

ในตัวปราสาทมีรูปปั้นประทับบนพระที่นั่งของพระเจ้ามินดง กับพระนางสัจจาเทวี ด้านในเป็นรูปปั้นของพระเจ้าธีบอ กับพระนางศุภยลัต มีพระแท่นสำหรับออกว่าราชการอยู่ในตำหนักหลัง ด้านข้างมีหอสูงเป็นบันไดเวียนขึ้นไป สามารถมองเห็นบริเวณพระราชวังทั้งหมด ด้านหลังเป็นหมู่พระราชฐานชั้นใน มีตำหนักพระมเหสีและเจ้าจอมต่าง ๆ...


รูปหมู่พระตำหนักภายในพระราชฐานชั้นใน ถ่ายจากบนหอคอย

พระตำหนักทั้งหมดสร้างขึ้นจากไม้ทั้งสิ้น เคยเป็นที่ทำการป้อมดัฟเฟอรินในสมัยที่อังกฤษยึดพม่า มาถูกเผาทำลายหมดสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนั้น รัฐบาลเขาสร้างขึ้นมาใหม่จากต้นแบบที่อังกฤษทำจำลองเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีให้เห็นว่า ที่มั่นสุดท้ายของราชวงศ์พม่านั้นหน้าตาเป็นอย่างไร...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg Golden Palace Mandalay.jpg (94.7 KB, 720 views)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-06-2010 เมื่อ 17:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 02-06-2010, 21:28
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

ความจริงฝีมือช่างของเขาไม่เลวทีเดียว แต่ไปเห็นพระตำหนักที่วัดชุยนานดอมาแล้ว ศิลปะไม้แกะสลักที่นี่เลยจืดชืดไปโดยปริยาย เหมือนกับสมเด็จพระสังฆราช ย่อมมีสง่าราศีต่างจากพระบวชใหม่นั่นเอง กระนั้นก็ดี ยังมีสิ่งที่สร้างความตื่นเต้นให้จนได้ในพื้นที่ช่วงหลัง ที่เขาจัดเป็นพิพิธภัณฑ์...


ราชรถราชยานแบบต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังมัณฑะเลย์

พวกยวดยานคานหาม หรือวอสีวิกากาญจน์ เครื่องทรงเครื่องแบบของพระราชวงศ์ ตลอดจนอำมาตย์ราชบริพาร ไม่ได้ทำให้ตื่นเต้นหรอก มาอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งกับบารมีของผู้ที่เป็นพระมหากษัตริย์ กว่าจะเกิดมาเป็นได้ขนาดนี้ย่อมสร้างสมบุญกุศลมามหาศาล สิ่งของที่สมควรแต่บุญบารมีจึงจะเกิดขึ้นสนองบุญที่ได้สร้างมา...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-06-2010 เมื่อ 03:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 03-06-2010, 21:55
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

จะว่าไปแล้ว พระเจ้าธีบอกษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า ในความรู้สึกของชาวพม่านั้น ก็คงเหมือนกับพระเจ้าเอกทัศน์ในความรู้สึกของคนไทยนั่นเอง คือได้รับความเคารพจากคนทั่วไปน้อยมาก ขนาดนั้นก็ตาม เมื่ออาตมาได้เห็นพระแท่นบรรทมที่แกะสลักจากแก้วผลึกทั้งหลัง ก็ยังถึงกับอึ้ง และรู้สึกถึงบุญบารมีของพระองค์ขึ้นมาครามครัน...

สมัยของพระเจ้ามินดงต่อด้วยพระเจ้าธีบอ ตกอยู่สมัยรัชกาลที่ ๓ และรัชกาลที่ ๔ ของไทย สมัยนั้นเทคโนโลยีทางการหลอมแก้วผลึก ยังไม่สามารถที่จะสร้างแก้วผลึกขึ้นมาขนาดมโหฬาร จนแกะเป็นพระแท่นบรรทมทั้งหลังได้อย่างแน่นอน นอกจากวัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติด้วยบุญบารมีของคนเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่า บารมีไม่ถึงคงไม่ได้เป็นพระมหากษัตริย์หรอก..!


พระแท่นบรรทมที่แกะสลักจากแก้วผลึกทั้งหลัง

โดยเฉพาะพระเจ้าธีบอนั้น ไม่ใช่พระองค์ท่านอ่อนแอจนสู้อังกฤษไม่ได้ แต่พระองค์ท่านไม่ยอมสั่งสู้ เพราะกลัวว่าต้องฆ่าเขาต่างหาก..! พระองค์ท่านรักศีลยิ่งกว่าชีวิต แม้แต่เจ้าชายกะเนาว์พระราชบุตร สร้างโรงงานผลิตอาวุธ พระองค์ท่านยังรับสั่งให้เลิก เพราะมันเป็นเครื่องมือส่งเสริมในการฆ่า..!

กลับออกมาด้วยความรู้สึกใหม่ ๆ หลายอย่าง ความอหังการมมังการแทบจะสลายสิ้น รู้สึกเหมือนเป็นกบน้อยในรอยเท้าโคได้ออกสู่ทะเลกว้าง โลกนี้ยังกว้างใหญ่ไพศาล และมีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อีกมากนัก พลังกดดันที่ตามประกบอยู่คลายตัวออก ทำเอาอาตมาแทบจะเดินไม่เป็นเอาเลย มันเสียศูนย์อย่างไรพิกล..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-06-2010 เมื่อ 03:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 07-06-2010, 19:08
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

กลับออกมารับใบขับขี่คืน แล้วย้อนกลับมาที่วัดหลวงพ่อพระมหามุนีอีกครั้ง ท่านนาวินมาหาซื้อพระสีวลีแกะสลักจากไม้จันทน์ให้ทิดจิตร บอกว่าทิดจิตรฝากเงินมา และสั่งนักสั่งหนาว่าต้องหาให้ได้ ท่านเล่นเดินต่อราคาทีละร้าน สุดทางแล้วย้อนกลับมาใหม่ รอบแล้วรอบเล่า จนเจ้าของร้านใจอ่อนยอมลดราคาให้ ถ้าเป็นเมืองไทยคงถูกด่าเละไปแล้ว..!


พิพิธภัณฑ์วัดหลวงพ่อพระมหามุนี

อาหารกลางวันเป็นแบบตัวใครตัวมันอีกตามเคย เสร็จแล้วเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ของวัด มีประวัติการสร้างหลวงพ่อพระมหามุนี การอัญเชิญหลวงพ่อพระมหามุนีจากยะไข่มาจนถึงที่วัดนี้ และพระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ที่เก่าแก่และสวยงามเป็นพิเศษ ส่วนด้านนอกมีระฆังเก่า และกังสดาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก รูปหล่อเทวดาและช้างเอราวัณ ที่พระเจ้าบุเรงนองมหาราชยึดมาจากไทย(แต่ไทยยึดมาจากเขมรอีกทีหนึ่ง..!)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2010 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 08-06-2010, 22:10
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

กราบลาหลวงพ่อพระมหามุนี หากลูกมีบุญวาสนาพอ คงจะได้กลับมากราบหลวงพ่ออีกวาระหนึ่ง...แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มซึ่งมีป้ายเขียนไว้ว่า “เติมได้ตามใจ” กลายเป็นตามใจมัน ไม่ใช่ตามใจเรา เพราะให้มาแค่ ๓ แกลลอนตามเคย ปู่เขียวต้องวิ่งลัดเลาะไปตามทางแคบ ๆ เพื่อมุ่งไปยังเมืองอมรปุระของมณฑลสะกาย...

อมรปุระเป็นเมืองแฝดติดกับมัณฑะเลย์ ข้างทางมีเครื่องปั้นดินเผากองอยู่เป็นทิวแถว มีถนนสายกระถินณรงค์ด้วย มาถึงปากทางเข้ามณฑลสะกาย เป็นซุ้มประตูมหึมาคร่อมทางข้ามสะพาน ขนาดใหญ่กว่าสะพานพุทธบ้านเราเยอะ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำอิระวดี ต้องจ่ายค่าผ่านทางที่หัวสะพาน แล้วเอาใบเสร็จไปให้เขาตรวจที่ท้ายสะพานโน่น...


พระมหาสถูปเกามูดอ (คุณธรรม) มณฑลสะกาย

รถไปวิ่งถนนด้านขวา รถมาวิ่งถนนด้านซ้าย ตรงกลางเป็นทางรถไฟ มีทหารตรวจตราทั้งบนสะพานและใต้สะพาน เขาห้ามถ่ายรูปและหยุดถ่ายไม่ได้ด้วย จึงไม่มีรูปมาให้ชมกัน ปู่เขียวเลี้ยวซ้ายลอดใต้สะพานรถไฟ ที่เขาทำเหมือนประตูเมืองโบราณ ตรงไปยังพระมหาสถูปที่ตั้งเด่นอยู่กลางเมือง ขนาดใหญ่โตมโหฬารจนมองเห็นไกลเป็นสิบไมล์เลยล่ะ..!

พระมหาสถูปเกามูดอ (คุณธรรม) เป็นทรงโอคว่ำ มีพระประธานทั้งสี่ทิศ ด้านหน้ามีร้านขาย “ทานาคา” ซึ่งเป็นเครื่องสำอางสุดฮิตของพม่า สาว ๆ ตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อยไปจนถึงคุณยายคุณย่า ต่างใช้ผงแป้งที่ฝนจากท่อนไม้ทานาคาทาหน้าแก้สิวแก้ฝ้า และทำให้ใบหน้านุ่มเนียน รู้สึกว่าจะได้ผลเป็นที่อัศจรรย์ เพราะยังไม่เคยเห็นคนพม่าเป็นสิวเลย..!


ร้านขายฟืน เอ๊ย..ไม้ทานาคา เครื่องสำอางสุดฮิตของพม่า..!

ตั้งแต่อมรปุระขึ้นไปทางเหนือเป็นแหล่งไม้ทานาคา มีมากจนเขาเอามาทำไม้ตีระฆังเลยเชียว ท่านนาวินตีไปหัวเราะไป บอกว่า “พวกที่หาซื้อยาก ๆ คงแทบร้องไห้ ถ้าได้มาเห็นไม้ระฆังที่นี่...” ที่ร้านของเขาเอามาวางขายเป็นกอง ๆ ท่อนเล็กท่อนใหญ่เหมือนกับร้านขายฟืนก็ไม่ปาน มีเครื่องฝนเป็นหินแกะสลัก รูปร่างคล้ายโม่ขายควบกันไปด้วย...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 63-mm0097.jpg (65.7 KB, 633 views)
ชนิดของไฟล์: jpg mm0098.jpg (98.4 KB, 567 views)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 14-06-2010 เมื่อ 14:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 09-06-2010, 21:53
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

เดินมาเจอยักษ์สามตนที่เฝ้าอยู่ด้านข้างสถูป แกยิ้มน่ารักดีเป็นบ้า เห็นแล้วต้องยิ้มตอบทันที เป็นรอยยิ้มซื่อ ๆ เด๋อ ๆ "จริงใจ๊...จริงใจ..!" อุทิศส่วนกุศลให้แล้วท่านนาวินยังติดใจ เดินไปคุยไปถึงรอยยิ้มสุดประทับใจของยักษ์ผู้น่ารัก ถ้าเจ้าที่พระราชวังมัณฑะเลย์เป็นแบบยักษ์สามตนนี้ อาตมาคงจะสบายใจขึ้นอีกเยอะ...


ยักษ์สามตนที่เฝ้าพระมหาสถูปเกามูดอ น่ารักเป็นที่สุด..!

ย้อนกลับมาลอดใต้สะพานรถไฟ ขึ้นไปยังยอดเขาสะกาย ภูเขาลูกนี้ไม่มีบ้านคนเลย มีแต่วัดกับสำนักแม่ชี มองไปทางไหนก็เจอแต่ชุดสีชมพู อายุตั้งแต่ระดับย่าทวดลงมาจนถึงสามขวบห้าขวบ ถ้าเมืองมัณฑะเลย์เป็นเมืองพระ สะกายก็เป็นเมืองแม่ชี แม่ชีของพม่าแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายศึกษาพระปริยัติธรรมจะนุ่งสีหมากสุกห่มสีชมพู ฝ่ายปฏิบัติจะนุ่งห่มสีกรัก (น้ำตาลแก่)...พวกเราตรงไปยังวัดอูมินตงเส่ (สามสิบอุโมงค์) ที่เด่นสง่าอยู่บนยอดเขา...


วัดอูมินตงเส่ (สามสิบอุโมงค์) บนยอดเขาสะกาย

ที่มาของชื่อวัดเกิดจากการสร้างเป็นอุโมงค์ เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป มีช่องทางเข้า ๓๐ ช่อง แต่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ๔๕ องค์ ที่ปากทางขึ้นสู่วัด ชาวบ้านเอาเมล็ดกระถินมาร้อยเป็นเครื่องประดับบ้าง ทำเป็นกระเป๋าถือบ้าง กระเป๋าสะพายบ้าง ดูมีคุณค่าน่าใช้สอย นับเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2010 เมื่อ 13:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 10-06-2010, 23:29
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default


พระประธานวัดซุนอู เชื่อว่ามีเทวดามาถวายข้าวทุกวัน

วัดซุนอู (ข้าวปากหม้อ) มีพระประธานองค์ใหญ่ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เนื่องจากไม่ว่าใครจะมาถวายข้าวพระพุทธเช้าแค่ไหน ก็จะมีสำรับวางถวายไว้ก่อนเสมอ จนชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของเทวดา พระเจดีย์ของวัดหุ้มทองเหลืองอร่าม พื้นทั่วทั้งวัดปูกระเบื้องทั้งหมด มีตู้บริจาคหล่อจากเหล็กเป็นคางคกตัวมหึมา..!

ต้นนัตปาน(บุปผาเทวดา)จะออกดอกเฉพาะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น

หยุดพักฉันน้ำอ้อยแล้ว โซยุนท์พาไปชมสะพานไม้สักอูเบน ที่ทอดข้ามทะเลสาบตองตะมาน สะพานนี้สร้างมา ๑๔๖ ปีแล้ว ประกอบขึ้นจากเสาไม้สักขนาดใหญ่นับพัน ๆ ต้น ข้ามจากอมรปุระไปยังเกาะเจ้าดอจี ยังคงเปิดใช้การได้เป็นปกติ ข้างทะเลสาบเป็นต้นไม้ขนาดยักษ์ ที่ปลูกมาในสมัยสร้างสะพาน ชื่อต้นนัตปาน (บุปผาเทวดา) จะออกดอกเฉพาะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น...


สะพานไม้สักอูเบน ข้ามจากอมรปุระไปเกาะเจ้าดอจี

เดินข้ามสะพานไปได้ไม่ถึงครึ่ง อาตมาก็หยุดพักที่ศาลากลางทาง วินจีกำลังเกลี้ยกล่อมท่านนาวินเรื่องอะไรก็ไม่รู้ อาตมาไม่ได้ใส่ใจ จนเดินกลับมาขึ้นรถ ท่านนาวินจึงบอกว่านายเกลี้ยงแกอยากไปตองยี เมืองหลวงของรัฐฉาน (ไทยใหญ่) ซึ่งมีสถานที่สำคัญที่น่าไปหลายแห่ง โดยเฉพาะวัดผ่องต่ออู พยายามตะล่อมท่านนาวินมากล่อมอาตมาให้ไปให้ได้ เขาจะพูดให้โซยุนท์ยอมวิ่งฟรีให้หนึ่งวัน...อ้ายเปรต..แล้วค่าน้ำมันใครจ่ายวะ..!?
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 65-mm0101.jpg (101.0 KB, 597 views)
ชนิดของไฟล์: jpg 66-mm0103.jpg (100.4 KB, 599 views)
ชนิดของไฟล์: jpg 187.jpg (102.0 KB, 545 views)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 16-06-2010 เมื่อ 05:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 81 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 15-06-2010, 22:09
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 662
ได้ให้อนุโมทนา: 26,520
ได้รับอนุโมทนา 89,158 ครั้ง ใน 1,257 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

เลาะผ่านหน้าสำนักมหากันตะยง ซึ่งเป็นสำนักเรียนของพระที่มีชื่อเสียงที่สุด บรรดาบัณฑิตพระที่มีชื่อเสียง ล้วนแต่ไปจากสำนักนี้แทบทั้งนั้น ท่านอังกุระก็จบธัมมะจริยะจากที่นี่ ตำราเรียนบาลีของพม่าร้อยละเก้าสิบมาจากสำนักนี้ มีพระไทยมาเรียนที่นี่ทุกปี เวลาของเราไม่พอ อาตมาจึงให้ผ่านไปเฉย ๆ เอาไว้คราวหน้าค่อยว่ากันอีกที...


วัดบากะยา เมืองอมรปุระ มีเสาขนาดสองคนโอบ ๑๒๐ ต้น

อาจารย์จิตพาซอกแซกไปตามทางแคบ ๆ ข้ามทางรถไฟมาโผล่ที่วัดบากะยา วัดนี้มีศาลาหลังใหญ่ที่สร้างขึ้นจากไม้ทั้งหลัง แกะสลักลวดลายสวยงามมาก เคยถูกไฟไหม้หมดไปครั้งหนึ่ง แล้วเขาสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนเดิมทุกประการ ยกเว้นเสาขนาดสองคนโอบจำนวน ๑๒๐ ต้น ที่เอาปูนหล่อแทนไม้ของเดิม...


เติมน้ำมันเถื่อนที่เมืองเจ้าเส่ ที่เดินแกว่งอยู่หลังสุด(เสื้อแดง)คือวินจี..!

ออกจากอมรปุระกลับมามัณฑะเลย์ ย้อนมาทางเมืองเจ้าเส่ เติมน้ำมันเถื่อนจากปั๊มที่เกลื่อนกลาดสองข้างถนน มุ่งมาจนถึงทางแยกที่วันก่อนเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดนั่นแหละ ขากลับนี่ก็เลี้ยวซ้ายไปทางเมืองนัตตา เราจะไปยังเมืองมิถิลาเพื่อกลับกันซะที เมืองมิถิลาเป็นปากทางขึ้นสู่ตองยี ที่ไอ้เจ้าเกลี้ยงมันอยากไปเป็นนักหนาอย่างไรล่ะ...แต่อย่าหวังเลย..!

คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 67-mm0105.jpg (96.3 KB, 553 views)
ชนิดของไฟล์: jpg mm0106.jpg (97.5 KB, 549 views)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 16-06-2010 เมื่อ 23:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว