|
ใต้ฟ้าอิระวดี การท่องไปในเมืองพม่า โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
ใต้ฟ้าอิระวดี ตอนที่ ๑๘
เสียงรถวิ่งทั้งคืน เดี๋ยวคัน เดี๋ยวคัน นี่ขนาดไม่ใช่ฤดูการท่องเที่ยวนะนี่ ท่านนาวินบอกว่าต้องหน้าปิดเทอมนั่นแหละ ทั้งคนทั้งร้านค้าจะมากกว่านี้หลายเท่า ตีสามกว่ารถทัวร์บีบแตรปลุกคนของเขาดังสนั่นหวั่นไหว แถมตะโกนเรียกซ้ำเข้ามาอีก เลยตื่นกันหมด
อากาศเย็นเฉียบประมาณ ๑๒ ๑๓ องศา ท่านกุมาระทำท่าสยองขวัญ เมื่อเห็นอาตมาราดน้ำโครม ๆ อยู่คนเดียว ไอตัวออกควันโขมง คราวนี้เดินตากอากาศอย่างสบาย ขณะที่คนอื่นทั้งห่มทั้งคลุมยังเดินสั่นงั่ก ๆ ไปตาม ๆ กัน อากาศที่เกาะพระฤๅษีต่ำกว่านี้ อาตมายังแสดงวีรกรรมสรงน้ำตอนเช้ามาแล้ว แค่นี้สบายมาก... ต้องซื้อตั๋วแล้วยัดกันขึ้นไปบนรถ ที่เขาจัดไว้สำหรับวิ่งขึ้นเขาโดยเฉพาะ ฉันเช้าแล้วรีบไปตีตั๋วเพื่อขึ้นไปนมัสการพระธาตุ ค่ารถคนละ ๑๒๕ จั๊ต ถ้านั่งข้างหน้าจ่ายเพิ่มอีกคนละ ๕๐ จั๊ต เนื่องจากคนอื่นขาดความคล่องตัว ทั้งที่ตื่นก่อนตั้งนาน เลยถูกทิ้งตามระเบียบ มีอาตมา ท่านนาวิน กับท่านพรเท่านั้น ที่ไปทันรถเที่ยวแรก วิ่งไปตามทางแคบ ๆ ที่ไปได้เฉพาะคันเดียว ถึงด่านตรวจมีการนับจำนวนคนและรอหลีกด้วย... รถคันของอาตมาคนเกินมา ๑ คน เด็กคนนี้เรียกว่าเป็นสาวแล้ว แต่แม่ของเธอจะนับว่าเป็นเด็กให้ได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าโดยสาร มัวแต่เถียงกันอยู่ รถข้างบนลงมาแล้ว คันที่สองเลยแซงขึ้นหน้าไปก่อน กว่าที่แม่เธอจะยอมจ่ายเงินก็ต้องตามหลังเขา กินฝุ่นอิ่มไปเลย ดีที่อาตมานั่งข้างหน้า เขาเปิดฮีตเตอร์ให้ จึงรอดฝุ่นไปได้...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2010 เมื่อ 03:00 |
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
จ้างคนแบกสัมภาระให้แบบนี้ เวลาเดินขึ้นไปก็สบายหน่อย ทางคดเคี้ยวขรุขระ ส่วนมากพังเพราะน้ำเซาะ บางตอนลาดคอนกรีต บางตอนลาดยางมะตอย บางตอนปูอิฐตัวหนอน แต่จะสภาพอย่างไรที่แน่ ๆ คือ แคบจนแซงกันไม่ได้ ขึ้นไปแค่ ๗ ไมล์ก็สุดทาง ช่วงที่เหลือไมล์กว่า ๆ ชันดิกเลย ใครจะขึ้นรถจ่ายมาซะดี ๆ เท่ากับช่วงแรก ถ้าจะไปคานหามจ่ายคนละ ๑,๐๐๐ จั๊ต..! ถ้าจ้างคนหามขึ้นไปแบบนี้ก็สบายตัว แต่ลำบากกระเป๋าสตางค์..! ถ้าจ้างเขาแบกของ แล้วแต่จะตกลงราคากันเอง อาตมาทั้งสามเลือกที่จะเดินลิ้นห้อยขึ้นไปมากกว่า เนื่องจากเห็นบรรดาปู่ย่าตายายส่วนใหญ่เดินไป บางคนตาบอดยังให้ลูกหลานจูงขึ้นไป ที่เจ็บปวดที่สุดคือ มีอยู่รายหนึ่งขาขาดทั้งสองข้าง ใช้ไม้เท้าค้ำขึ้นไปอย่างทรหดสุดใจขาดดิ้น ถ้าอาตมาไปรถคงอายหมาแน่ ๆ เลย..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2010 เมื่อ 02:56 |
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
ทางมันชันจนแทบไม่มีที่ให้พักเลยจริง ๆ ท่านพรเดินไปบ่นไปว่า “ย่างปานหัวสิแตก..!” ตลอดทางมีแต่ร้านขายของเต็มไปหมด เป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายน้ำดื่ม ร้านขายว่านยาสมุนไพรต่าง ๆ ฯลฯ บรรดางูเงี้ยวเขี้ยวขอ หัวเลียงผา ตลอดถึงปลาโลมาน้ำจืดทั้งตัว เขาแขวนไว้ขายระเกะระกะไปหมด...
พระบรมธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงชัน แดดยามสายส่องกระทบองค์พระบรมธาตุอินทร์แขวนบนก้อนหินขนาดใหญ่ เหลืองอร่ามเห็นเด่นชัดแต่ไกล เขาปรับพื้นโดยรอบ ปูหินอ่อนเรียบร้อย ด้านขวามือเป็นที่ทำการของเจ้าหน้าที่ ด้านหลังที่ทำการเป็นร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกเป็นร้อย ๆ ร้าน ผ่านองค์พระบรมธาตุจำลอง เข้าไปจนถึงองค์จริงด้านใน กราบด้วยความปีติอิ่มเอมในหัวใจ... เขาเชื่อกันมาแต่โบร่ำโบราณว่า พระอินทร์นำหินก้อนนี้มาวางไว้ให้สร้างพระเจดีย์ อาตมาได้ยินกิตติศัพท์ขององค์พระบรมธาตุมาตั้งแต่เด็ก สมัยนั้นการเดินทางยากเย็นแสนเข็ญกว่าจะมาถึง ยิ่งได้อ่านนิยายเรื่อง “เจ้าจันทร์ผมหอม นิราศพระธาตุอินทร์แขวน” ซึ่งเขียนโดย มาลา คำจันทร์ เข้าไปด้วย ยิ่งอยากจะมานมัสการมากขึ้น บัดนี้ความปรารถนานี้สมหวังแล้ว อาตมาสวดอิติปิโสถวายด้วยความปลื้มใจเป็นที่ยิ่ง...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2010 เมื่อ 03:02 |
สมาชิก 109 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
ทันใดนั้นเองอาตมาเห็นท่านปู่พระอินทร์มาในชุดเต็มยศ เขียวปี๋เลย ปกติท่านไม่เคยมาให้เห็นในชุดนี้ กราบถามท่านว่า “ท่านปู่เอาหินก้อนนี้มาวางเอาไว้จริง ๆ หรือครับ...?” ท่านตอบยิ้ม ๆ ว่า “ปล่อยเขาเชื่อกันไปอย่างนั้นเถอะลูก ตอนนี้เขาสร้างเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ เทวดาต้องรักษาอยู่แล้ว..”
อาตมาปิดทองและสรงน้ำทานาคาถวายเป็นพุทธบูชา แล้วเดินหามุมสำหรับถ่ายรูป อุตส่าห์ประคับประคองเหลือฟิล์มม้วนสุดท้ายไว้ ๔ รูป สำหรับที่นี่โดยเฉพาะ ถ่ายครบสี่มุมหมดเกลี้ยงพอดี กราบลาองค์พระบรมธาตุแล้วเดินย้อนกลับมาทางเดิม ท่านนาวินหยุดซื้อน้ำมันว่านกับเลือดผาไปทำยา อาตมาเลยอาศัยใบบุญได้น้ำมันว่านมา ๑ ขวด... ท่านนาวินหาซื้อน้ำมันว่าน ขวามือของท่านคือซากโลมาอิระวดีตากแห้ง เจอท่านกุสะละ ท่านกุมาระ โซยุนท์ วินจี หนุ่มเจ กับเจ้าโต เดินสวนขึ้นมาตอนนี้เอง นึกว่าจะไม่มากันซะแล้ว ลงมาถึงลานจอดรถ ท่านนาวินสั่งบะหมี่สำเร็จรูปเมดอินไทยแลนด์ใส่ไข่มาให้ฉันคนละชาม แม่ค้าเขาถามว่า "อร่อยไหม..?" ฮ่วย..ที่เกาะพระฤๅษีฉันแต่บะหมี่พวกนี้ทุกวัน หนีมาถึงพม่ายังตามมาหลอกมาหลอนกันอีก...ตูละหน่าย..! พอพวกท่านกุสะละกลับลงมา ฉันน้ำกันเรียบร้อยก็พากันตีตั๋วลง วินจีตัวแสบมากำชับให้ท่านนาวินใช้เงินที่เก็บไปแล้วตีตั๋วเผื่อพวกเขาด้วย ก็พวกเอ็งอยากช้าเองนี่หว่า...จ่ายเองแค่ขาขึ้นนับว่ายังดี ถ้าไม่รออยู่ที่นี่ เอ็งต้องจ่ายขาลงอีกเที่ยว “แล้วจะรู่ซึก..!” แดดจัดขึ้น ร้อนจนบรรดาฝรั่งบ่นอู้ไปตาม ๆ กัน พวกเราลงมาถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2010 เมื่อ 04:08 |
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
รอพวกท่านกุสะละฉันเพลเพื่อช่วยจ่ายเงิน แล้วไปซื้อผลไม้กวนมาฉันกันแบบตายอดตายอยาก จากนั้นทุกคนไปอาบน้ำอาบท่า แล้วเดินทางกลับมุด่ง รถวิ่งไปได้ไม่นานมีเสียงแปลก ๆ ดังมาจากใต้ท้อง หยุดลงไปดูปรากฏว่าโช้กขาด..! “หลวงปู่ครับ..” “ไปได้น่า ไม่ต้องห่วง...” ไปได้จริง ๆ โซยุนท์ใช้เชือกผูกไว้แล้ววิ่งต่อหน้าตาเฉย..!
เพิ่งจะเห็นรถทัวร์จอดซ่อม อีกพักเดียวรถของเราก็เจ๊งบ้าง..! อากาศร้อนแถมหนังท้องตึงด้วย “โป๊ก..! โอ๊ย..!” ซ้ำที่เดิมพอดีเลย ของีบนิดเดียวน่า.. “โป๊ก..! โป๊ก..!” โดนเข้าอีกสองทีซ้อน หูตาสว่างโร่ ยอมถ่างตาเป็นเพื่อนคนขับแต่โดยดี ท่านนาวินตื่นขึ้นมาเห็นอาตมาหัวปูด ได้แต่มองแบบงง ๆ อาตมาบอกหน้าตายว่า “ง่วงมากสัปหงกไปโขกเอารถเข้าพอดีนะซี...” ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2010 เมื่อ 04:07 |
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
|||
|
|||
ถึงเมืองตะโทง ต้องลงไปเอาลวดพันโช้กใหม่เพราะเชือกมันขาด คลานมาจนถึงท่าแพขนานยนต์ริมอ่าวเมาะตะมะ แม่เจ้าโว้ย..! รถราทำไมมากมายอย่างนี้ คิวยาวเกือบห้ากิโลได้กระมัง..? วันนี้จะได้ข้ามหรือไม่นี่..? ดูคนอื่นเขาก็ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร หลายคนเอาเสื่อลงมาปูนอนรอซะเลย..!
เดินสำรวจตลาด มีอาหารทะเลพวกกุ้ง หอย ปู ปลา เต็มไปหมด อยู่ว่าง ๆ เลยเดินสำรวจตลาดไปในตัว สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม ผงซักฟอก ล้วนแล้วแต่เมดอินไทยแลนด์ทั้งนั้น ที่ร้ายที่สุดคือ เครื่องดื่มตราวัวชนกันมีทุกร้านเลย และต้องเป็นแบบกระป๋องด้วยนะ แบบขวดไม่นิยม คู่แข่งยี่ห้อชูสองนิ้วมีเหมือนกัน แต่ไม่ดังเท่า อาจจะเป็นเพราะไม่มีแบบกระป๋องก็เป็นได้...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2010 เมื่อ 02:51 |
สมาชิก 89 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
|||
|
|||
ผ่านไปชั่วโมงครึ่ง จึงทราบว่าแพขนานยนต์ลำใหญ่เสีย ลำเล็กไปรับงานที่ไหนก็ไม่รู้ มีตำรวจร่างอ้วนมาช่วยจัดระเบียบแถวรถเสียใหม่ ให้พวกรถบรรทุกไปรวมกันอยู่แถวหนึ่ง พวกรถเล็กไปรวมกันอยู่ด้านหนึ่ง บอกให้ดีใจว่า ถ้าแพมาแล้วจะให้รถเล็กไปก่อน เพราะจะไปได้ทีละมากกว่า ถ้ารถบรรทุกลงไม่กี่คันก็เต็มแพแล้ว...
สำรวจตลาดต่อ ทุกร้านมีโปสเตอร์ดาราทั้งนั้น และมีซ้ำกันอยู่ไม่กี่คน ดาราหญิงล้วนแล้วแต่อวบท้วมล่ำบึ้ก หาที่เอวบางร่างน้อยไม่ได้สักราย เครื่องดื่มมึนเมามีเบียร์ตราเสือ คู่แข่งกับเบียร์ตราเรือการเวก น้ำดำยี่ห้อดังไม่มีทั้งคู่ ได้ยินว่าถูกบริษัทแม่ที่อเมริกาถอนการลงทุนกลับ เนื่องจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลทหาร... ถ้าไม่อวบระยะสุดท้าย ไม่มีทางทางได้เป็นดาราพม่า..! สี่โมงครึ่งแพเล็กเก่างั่กกั้กมาจากไหนไม่รู้ ? มารับทั้งรถทั้งคนที่ตกค้างยาวเกินสิบกิโล รถใหญ่ไม่มีใครยอมเสียสละให้รถเล็ก เนื่องจากว่าถ้าหมดเวลาทำการตอนหกโมงเย็นแล้ว ใครจะไปจะมาต้องเช่าเหมาลำ ซึ่งต้องจ่ายแพงกว่าปกติหลายเท่า โซยุนท์บอกว่าจะนอนเฝ้ารถเอง ให้พวกเราข้ามไปหารถสองแถวกลับวัดไปก่อน... ยัดทั้งคนทั้งของจนล้นขึ้นหลังคา มันยังรับผู้โดยสารเพิ่มไปเรื่อย..! กว่าจะจัดรถลงแพ กว่าจะวิ่งข้ามอ่าวเมาะตะมะ ก็ ๑๗.๓๐ น. ยังต้องเดินอีกเป็นไมล์เพื่อไปขึ้นรถสองแถว ทันเที่ยวสุดท้ายพอดี มันยัดคนเข้าไปแน่นเอี๊ยด มีของล้นหลังคา วิ่งไปก็หยุดเก็บของไปเพราะตกอยู่เรื่อย มาถึงมุด่งทุ่มครึ่ง ท่านนาวินพาแวะฉันน้ำที่บ้านญาติก่อน จากนั้นเดินฝ่าความมืดกลับวัดเจ้าไวกัน... ท่านอาจารย์ใหญ่จะชวนคุย แต่อาตมารีบขอตัวก่อน มันปวดท้องขี้ ขืนให้ท่านคุยไม่เลิกมีหวังขี้ราดกันพอดี ปล่อยท่านนาวินคุยไปคนเดียว เข้าส้วมแล้วมาสรงน้ำ ซักผ้า เสร็จงานรู้สึกปวดเมื่อยไปหมด เสียงแว่ว ๆ ว่าโซยุนท์มาแล้ว แพเที่ยวสุดท้ายรับมาแต่รถเล็ก เพราะน้ำลงมาก รับรถใหญ่จะเข้าเทียบท่าไม่ได้ นับว่าโชคดีไป... คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 06-07-2010 เมื่อ 22:52 |
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|