|
ล่องแก่งมหาภัย การท่องไปในเมืองพม่า โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
ล่องแก่งมหาภัย ตอนที่ ๘
ตื่นเที่ยงคืน เสียงเขียดร้องแอด ๆ อยู่ใต้แพ แสงจันทร์นวลกระจ่าง นั่งภาวนาจนตีสี่ เจ้าของแพลุกขึ้นก่อไฟหุงข้าวควันโขมง รมจนทุกคนตื่นกันหมด อาตมาลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน ทุกคนจึงพากันลุกตาม คุณยายเล็กหวีผมเกล้ามวยเรียบร้อย แล้วกราบเท้าคุณยายใหญ่อีกครั้ง สิ่งใดที่ทำเป็นประจำจนชิน ก็จะทำได้ง่ายอย่างนี้แหละ...
อาหารเช้าพร้อม เขายกโต๊ะเตี้ยมาตั้งตรงหน้า แกงปลาเล็กปลาน้อยก้างเยอะเป็นบ้าเลย โกยอาหารลงท้องเพื่อร่างกายไปอีกวัน ท่านทนงศักดิ์ขอจ่ายค่าอาหารเอง บอกว่าแค่ ๖๕๐ จั๊ต ซื้อสมุดได้ตั้งสี่ร้อยเล่ม นับว่าถูกสุด ๆ เออ..ถ้าไปไม่ทันผมจะยกให้คนอื่นซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย..! บินสูงแค่นี้ดันยิงไม่ถูก เอ๊ะ..นี่เราคิดเบียดเบียนเขาแล้วนี่หว่า..! เจ็ดโมงเช้านายท้ายมาตามให้ลงเรือ เจ้าประคุณเถอะ..มันเอาผู้โดยสารมาจากไหนกันวะ..? ทั้งผู้หญิงผู้ชายตั้งยี่สิบกว่าคน สัมภาระอีกกองพะเนินเทินทึก จะมีที่ให้อาตมานั่งบ้างหรือไม่นี่ ? บอกลาท่านทนงศักดิ์แล้วเรือของเราออกมาก่อน ออกเร็วก็ดีไปอย่าง มันจะได้ถึงเร็วหน่อย... ฝ่าสายหมอกมาถึงด่านกะเหรี่ยงราวเจ็ดโมงครึ่ง จ่ายค่านักเลงแล้วไปต่อ นกกระแตหาดบินวนร้องลั่นเหนือหัว เด็กหนุ่มที่หัวเรือคว้าหนังสติ๊กมายิง แต่ฝีมือมันไม่เอาไหน จั่วได้แต่ลม ถ้าเป็นอาตมาสมัยเด็กเท่ากับเขา บินสูงแค่นี้รับรองว่าตำพริกแกงรอเอาไว้ได้เลย...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2010 เมื่อ 14:22 |
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
เกือบสองโมงเช้า นายท้ายวาดหัวเรือเข้าเทียบฝั่ง ให้ทุกคนลงไปทำธุระส่วนตัวได้ เมื่อเรียบร้อยก็มีสาวร่างท้วมคนหนึ่งลงมาจากฝั่ง เอาน้ำมนต์มาพรม ๆ ที่หัวเรือ รับเงินจากนายท้ายที่ท่าทางเลื่อมใสเต็มที่ แล้วกลับขึ้นไปบนฝั่งตามเดิม...
นายท้ายออกเรืออีกทีด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ อ้ายเป-รต..เรือแน่นแทบจะต้องขี่คอกันไป มันยังรับผู้โดยสารเพิ่มอีก ๔ คน ถามผู้โดยสารชื่อนายยาว ที่นั่งติดกันว่าเขาคิดค่าเรือเท่าไร ? “๓,๕๐๐ จั๊ตครับ” ตายห่...งานนี้มันฟาดไปเกือบแปดหมื่นจั๊ตได้กระมัง ? แบบนี้อาตมาไม่ต้องจ่ายเลยก็ได้นี่...เดี๋ยวต้องขอค่าเรือมันคืนบ้างแล้ว... มัวแต่รับผู้โดยสารอยู่นั่นแหละ ลำของท่านทนงศักดิ์แซงไปแล้ว แถมโบกไม้โบกมือให้ซะด้วย เพิ่งจะลับสายตาไป ฝนก็ตกลงมาซู่ใหญ่ เปียกม่อล่อกม่อแลกไปตาม ๆ กัน ครู่ต่อมาฝนหยุดตกแดดออกจ้าแทน กลิ่นผ้าครึ่งเปียกครึ่งแห้งเหม็นพิลึกพิลั่นบอกไม่ถูก..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 11-12-2010 เมื่อ 21:54 |
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
สายน้ำพลุ่งพล่านปั่นป่วน แก่งใหญ่รออยู่ข้างหน้า นายท้ายพาเรือทวนน้ำไปตามร่องที่เห็น น้ำกระเซ็นเข้าเรือเป็นระยะ หัวเรือยวบขึ้นลงตามแรงคลื่นที่พุ่งสวนเข้ามากระแทก พอคลื่นใหญ่อีกลูกพุ่งปะทะ หัวเรือจมวูบลง เครื่องเรือมันดับเอาดื้อ ๆ เรือไหลตามน้ำลงแก่งไปอย่างรวดเร็ว..!
เสียงผู้โดยสารหญิงหวีดว้ายกันชุลมุน หลายคนต่างคว้าต้นไม้น้ำเป็นการใหญ่ แต่ไม่สามารถจะรั้งเรือที่เพียบหนักเอาไว้ได้ อาตมาลุกขึ้นกวาดสายตาไปรอบตัว เห็นกิ่งไม้ใหญ่ยื่นมาเกือบกลางลำน้ำ เอานี่ล่ะ...เกร็งแขนเข้าปะทะ พอเรือสะดุดวูบก็โอบเอาไว้ สองเท้ายันเต็มที่ หยุดเรือลงได้..! ผู้โดยสารชายหลายคนลุกขึ้นมาช่วยกันออกแรงรั้งเรือ พลางเร่งให้นายท้ายรีบแก้ไขเครื่องยนต์ให้ไว ๆ มารดามันเถอะ..รู้หรือไม่ว่าเครื่องดับเพราะอะไร ? น้ำมันหมด..! มันน่าตายนะ..! อาตมาปล่อยมือจากกิ่งไม้ นั่งมองนายท้ายถ่ายน้ำมันลงถังด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2010 เมื่อ 15:59 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
เครื่องเรือติดขึ้นอีกครั้ง พอเร่งได้รอบ ทุกคนที่ยึดกิ่งไม้ไว้ก็ปล่อยมือ เรือแล่นกระดืบ ๆ ทวนน้ำขึ้นไปใหม่ คราวนี้ผ่านไปได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ปลอดภัยแค่แก่งนี้เท่านั้น ช่วงนี้มีแต่แก่งหินมหาประลัยเยอะแยะไปหมด น้ำรู้สึกว่าลดลงมากกว่าวันมา บางช่วงหินโผล่ให้สลอน...
ลุ้นระทึกแก่งแล้วแก่งเล่า เรือบรรทุกหนักมามีประโยชน์เอาตอนนี้เอง เวลาทวนแก่งมันไม่ถูกกระแสน้ำพัดเป๋ไปง่าย ๆ จนเสียจังหวะเหมือนเรือเบา แต่ความหนักทำให้เรือเพียบปริ่มน้ำ ต้องวิดน้ำที่กระเซ็นเข้าเรือทิ้งอยู่ตลอดเวลา แดดเปรี้ยง ๆ หัวร้อนฉ่า แต่ตีนแช่น้ำในเรือเย็นดีจัง กลัวแต่ว่ามันจะได้แช่ทั้งตัวเลยนะซิ..! แก่งข้างหน้ามีแพซุงเกยคาอยู่ บรรดาสิงห์ป่าซุงช่วยกันงัด ช่วยกันผลักอย่างไรก็ไม่หลุด เรือของเราเลาะข้างหลบมาได้ ที่สวนมาอีกเป็นแพซุงยาวเหยียดนับสิบแพ ถ้าเข้าร่องน้ำผิดมีหวังไปติดกับแพข้างหน้า ปิดไปทั้งลำน้ำโดยไม่เจตนาเป็นแน่ ใครมาทีหลังคงไม่ต้องผ่านจนกว่าพ่อจะหลุดไปได้...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2010 เมื่อ 02:59 |
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
สิบเอ็ดโมงเรือสะดุดดับลงอีกที คราวนี้แค่กระตุกใหม่ก็ติด วิ่งไปอีกสักสิบนาทีมาถึงแพพักกลุ่มหนึ่ง นายท้ายเทียบเรือเข้าไป ญาติโยมทั้งหลายเพิ่งจะได้กินข้าวเช้ากันตอนนี้เอง นายยาวกับนายทองที่บอกอาตมาว่าจะไปทำงานที่ราชบุรี จัดการเอาอาหารเพลมาถวาย...
เที่ยงครึ่งออกเดินทางต่อ ประมาณสิบห้านาทีมาถึงบ้านมิยันตอง มีคนขอลงตรงนี้หกคน ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่อย่างนั้นอาตมาคงแย่กว่านี้ แรก ๆ เขารู้ว่าเป็นเรือที่อาตมาเหมาก็เกรงใจ อุตส่าห์นั่งเบียดกันเว้นที่ว่างไว้ให้ นานไปพอเมื่อยมากเข้า คราวนี้ชักหมดความเกรงใจ ขยับออกมาคนละนิดคนละหน่อย ที่นั่งของอาตมาหายไปเรื่อย ๆ จนเหลือท่านั่งยอง ๆ แบบหลวงพ่อคูณ พอขาเป็นเหน็บก็ต้องขยับเปลี่ยนท่า แต่ที่มันจำกัด นั่งเอียงก้นได้ซีกเดียว ขยับจนเข้าที่ก็พอดีเจ็บก้นต้องเปลี่ยนท่าอีก ท้ายสุดนั่งจนก้นระบมไปทุกตารางนิ้ว... ขยับออกมาได้ค่อยสบายขึ้น บ่ายสองโมงมาถึงด่านชุยปูฮัด นายท้ายขึ้นไปจ่ายค่าผ่านทาง ราคาปกติสามพันจั๊ต แต่นี่เหตุการณ์ไม่ปกติยังไม่พอ มันยังได้คนมาล้นลำเรือ นายด่านจึงขึ้นราคาเป็นเจ็ดพันจั๊ต ต่อรองอย่างไรก็ไม่ยอมลด ท้ายสุดต้องจ่ายเขาไปจนได้...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2010 เมื่อ 03:42 |
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
|||
|
|||
“คนถือปืนไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ได้เปรียบ..” นายยาวเขาว่า อาตมาถามถึงคนถือปืนของไทยบ้าง แกบอกว่าสบายหน่อย เพราะส่วนใหญ่จะแอบรับเงินกันเอง อย่างที่แกเข้าไปทำงานก็เหมือนกัน จะมีตำรวจมาติดต่อเพื่อพาเข้าเมืองไทยให้ จ่ายที่ด่านเจดีย์สามองค์คนละสี่พันบาท เขาจะพาไปส่งถึงโรงงานเลย...
บ่ายสองครึ่งมาถึงหมู่แพอีกจุด เรือของท่านทนงศักดิ์มาจอดพักอยู่ที่นี่ ลำของเราจอดบ้าง อาตมาขึ้นฝั่งไปปัสสาวะ แล้วลงแพมาเติมน้ำชาเข้าไปอีกแก้วใหญ่ เห็นเขามีน้ำตาลโตนดใส่ถุงขายถุงละร้อยจั๊ต จัดการซื้อมาหนึ่งถุง รสชาติดีมาก แต่ถ้าเพลินมันจะติดลมแล้วหมดเอาง่าย ๆ... เรือลำอื่นทยอยกันออก ของเรายังมัวแต่ซ่อมเครื่องอยู่นั่นแหละ จนบ่ายสามครึ่งจึงออกตามเขาไป ทะยานข้ามแก่งที่ทั้งใหญ่ทั้งน้ำเชี่ยว ผ่านไปได้ไม่นานก็เจอเรือที่มาก่อนเครื่องดับลอยลำอยู่ นายท้ายชักจะเก่งขึ้นมาหรือไรไม่ทราบได้ เข้าไปช่วยลูบ ๆ คลำ ๆ พักเดียวก็ติด... คราวนี้ตามกันเป็นพรวน คงเห็นว่าหลายหัวดีกว่าหัวเดียว นาน ๆ ถึงจะมีเรือสวนมาสักลำ คลื่นจากเรือกระแทกกันเองเป็นระลอก ลำไหนอยู่หน้าก็ได้เปรียบ ฟ้าเริ่มมัวตาลงด้วยเมฆมาบัง แมลงบินตามลำน้ำมาปะทะหน้าเหมือนกับฝนตก นกนางแอ่นโฉบกินแมลง บินต่ำจนแทบจะลงมาคว้าแมลงไปจากหน้าของเราเลย..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2010 เมื่อ 03:10 |
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
|||
|
|||
บ่ายสี่ครึ่งเห็นพระลงสวดปาฏิโมกข์กันบนแพ ซึ่งใช้แทนโบสถ์น้ำ พม่าเขาทำกันง่าย ๆ ไม่ต้องดิ้นรนสร้างโบสถ์ราคาหลาย ๆ ล้านแข่งกันแบบเมืองไทย แค่ผูกแพห่างจากฝั่งสามวาก็ใช้ได้แล้ว สะดวกคล่องตัว ถูกต้องตามพระบรมพุทธานุญาต พังก็ซ่อมแซมใหม่ได้ง่าย ไม่สิ้นเปลืองมากอีกด้วย
ตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่ราวกับจระเข้ กำลังขุดทรายค้นเอาไข่เต่าขึ้นมากิน เลยไปอีกหน่อยแพซุงแตกเกยคาแก่ง ห้าโมงครึ่งฟ้าเริ่มมืดจริง ๆ อาตมาตั้งใจอธิษฐานอุโบสถบนเรือ ดวงจันทร์แฝงเมฆเห็นอยู่เลือนราง นายยาวบอกว่าวันนี้ความจริงจะชวนนายทองไปลอยกระทงกัน แต่ตอนนี้คงไปไหนไม่ได้แล้ว... ถามนายทองว่าเวลาอยู่เมืองไทยไปลอยกระทงกันที่ไหน ? นายทองบอกว่าที่พระปฐมเจดีย์ แต่วันนี้พวกเรากลายเป็นกระทงลอยเท้งเต้งอยู่กลางน้ำกันซะเอง ถ้าได้นั่งสบาย ๆ แบบนางนพมาศในงานลอยกระทงก็ดีหรอก แต่นี่นั่งได้แค่มุมก้นเดียวจนเจ็บระบมทั่วถึงไปทั้งก้นแล้ว..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2010 เมื่อ 03:46 |
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
|||
|
|||
เฮ้ย...เอาอีกแล้ว..! เครื่องดับกลางแก่งลอยถอยหลัง อาตมาคว้าไม้น้ำกอใหญ่ ยื้อจนเรือเบนทิ่มติดฝั่ง บักว่อกเอ๊ย...น้ำมันหมดตามเคย มารดามันวิ่งเรือมาไม่รู้หรืออย่างไรว่า น้ำมันถังหนึ่งไปได้แค่ไหน ? อาตมาเลิกสงสัยแล้วว่า ทำไมเรือคว่ำคนตายกันปีละหลายครั้ง..!
ส่องไฟฉายช่วยนายท้ายที่งมโข่งเติมน้ำมัน เรียบร้อยแล้วออกเรือได้ มันมืดจนมองข้างหน้าไม่เห็น ต้องอาศัยแหงนมองท้องฟ้า เล็งเทียบกับยอดไม้แล้วเลี้ยวไปตามช่องว่างที่พอมองเห็น เมฆมามืดหนักเข้าไปอีก อาตมาถอดจีวรพับใส่ถุงพลาสติก ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า... “ต้องค้างข้างหน้าแน่นอนครับท่านอาจารย์ ไปกลางคืนไม่ได้หรอก ผ่านด่านกลางคืนทหารมันยิงเอาจริง ๆ...” นายทองที่พูดไทยออกแปร่งหน่อยบอกมา อีกไม่นานมาถึงหมู่แพบ้านจ็อกเผีย เรือของเราเข้าเทียบท่า ทุกคนขึ้นไปพักผ่อน บ้างก็สั่งอาหารมากินกันชุลมุนวุ่นวาย... อาตมาขึ้นฝั่งไปปัสสาวะ แล้วล้างหน้าแปรงฟัน สวดมนต์ทำวัตร พอดีฝนลงหนัก นายยาวเอาน้ำอัดลมมาประเคน อาตมารับแล้วส่งคืนให้ บอกว่าค่ำแล้วไม่ฉันน้ำอีก ขี้เกียจลุกขึ้นมาปัสสาวะกลางดึก เกือบสองทุ่มเรือของท่านทนงศักดิ์จึงมาถึง เปียกฝนโชกไปตาม ๆ กัน แพที่ไม่ใหญ่นักเลยแน่นไปหมด... คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 28-12-2010 เมื่อ 12:32 |
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|