#1
|
||||
|
||||
ตำราข้าวเปลือกพิรอด
ให้หาเมล็ดข้าวเปลือกโดยหาจากจานข้าวที่เรารับประทาน ถ้าเจอเมล็ดที่ ๑ ให้กลั้นใจว่า อะ แล้วหยิบขึ้นมาดูว่าใช้ได้หรือไม่ ถ้าเมล็ดข้าวแตกก็ใช้ไม่ได้ให้ทิ้งไป ถ้าไม่แตกก็ใช้ได้ เมล็ดต่อไปก็ให้กลั้นใจว่า สัง ให้ได้จนครบ ๙ เมล็ดจึงจะใช้ได้
พระคาถาที่จะเสกมีดังนี้ อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ แล้วเสกต่อด้วย อิติปิโส ฯ ๓ ห้อง อานุภาพทางด้านแคล้วคลาด จากตำราพระบูรพาจารย์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-06-2009 เมื่อ 21:05 |
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
ข้าวเปลือกพิรอดที่ได้ชื่อว่ามีอานุภาพช่วยให้แคล้วคลาดนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ได้เห็นว่า แม้ข้าวเปลือกเมล็ดนั้น ๆ ผ่านการเก็บ เกี่ยว สี หุง มาอย่างหลายขั้นตอน จนเข้ามาอยู่ในจานข้าวของเรา แถมยังรอดจากการถูกรับประทานเข้าไป โดยที่เราได้เห็นก่อน จึงได้ชื่อว่าเป็น"ของทนสิทธิ์"อย่างหนึ่ง ช่วยให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวงได้ แล้วจึงมากำหนดปลุกเสกด้วยพระคาถาอีกครั้งหนึ่ง สมัยก่อนเคยลองทำ หลวงพี่ท่านว่า"แม้มีเพียงรอยปริหรือแตกสักนิดหนึ่งกับข้าวเปลือกเมล็ดนั้น ไม่สามารถนำมาใช้ได้"ครับ
__________________
๑۩۞۩๑ ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่าน ๑۩۞۩๑ ช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง และโปรดหลีกเลี่ยงการนำภาษาพูดมาใช้เป็นภาษาเขียนด้วย ขอเชิญร่วมบุญธรรมทานเว็บไซต์"วัดท่าขนุน"
|
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทิดตู่ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
แล้วถ้าทั้งจานมีข้าวเปลือกอยู่แค่เมล็ดเดียวเล่าคะ จะใช้ได้ไหมคะ?
หรือว่าสะสมไปเรื่อย ๆ หลาย ๆ มื้อ จนครบ ๙ เมล็ดคะ? |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
สะสมไปเรื่อย ๆ จ้ะ สมัยก่อนเคยเก็บ กว่าจะได้ครบ ๙ เมล็ด กินเวลาหลายปี
__________________
๑۩۞۩๑ ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่าน ๑۩۞۩๑ ช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง และโปรดหลีกเลี่ยงการนำภาษาพูดมาใช้เป็นภาษาเขียนด้วย ขอเชิญร่วมบุญธรรมทานเว็บไซต์"วัดท่าขนุน"
|
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทิดตู่ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
ว่าแต่ที่พี่สะสมไว้ ตอนนี้ยังอยู่ไหมคะ? แล้วใช้ได้ผลเป็นอย่างไรบ้างคะ? เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ แหะ แหะ ไม่ได้บังคับเลยนะนี่ |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
|||
|
|||
ที่สะสมไว้หลังจากได้ครบก็นำไปเลี่ยมเข้ากรอบพลาสติกเพื่อไว้สำหรับพกติดตัว แต่ตอนนี้ข้าวเปลือกนั้น"รอด"จากพี่ไปแล้วจ้ะ เพราะทำตั้งแต่สมัยบวชอยู่ เมื่อทำเสร็จพอมีผล กล่าวคือ ในขณะที่ยังบวชอยู่วันหนึ่งก่อนออกบิณฑบาตในตอนเช้า นึกขึ้นมาอย่างไรไม่ทราบ คว้าเอาข้าวเปลือกพิรอดที่ได้เลี่ยมไว้แล้วทำเป็นลักษณะแหนบ แบบที่ใช้เหน็บกระเป๋าอังสะไปได้ ขึ้นมาอาราธนาว่าคาถา แล้วก็พกติดตัวออกไป
ในขณะที่กำลังเดินกลับจากการบิณฑบาตนั้น โดยปกติการบิณฑบาตของพระภิกษุนั้น ต้องอยู่ในอาการสำรวม ตามองค้อมต่ำไปข้างหน้าประมาณชั่วแอกหนึ่ง กำหนดจิตภาวนานึกถึงพระพุทธเจ้า ทำจิตให้บริสุทธิ์ หรือท่องคาถาเงินล้านไปด้วยเพื่อเป็นการสงเคราะห์ญาติโยมขอให้มีความคล่องตัว จะไม่มีการมองซ้ายมองขวาส่งสายตาล่อกแล่ก หรือเดินไปคุยไปอย่างเด็ดขาด พอดีวันนั้นขณะเดินทางกลับจากการบิณฑบาตจิตเกิดความรู้สึกนึกถึงเรื่อง ๆ หนึ่งขึ้นมาได้ จึงหยุดเดินและหันไปบอกกับพระที่เดินมาด้วยกัน(ซึ่งปกติจะไม่ทำ) พอหยุดเดินและพูดคุยกันสักประโยคหนึ่ง ทางด้านข้างเกิดเสียงดังลั่น"ตูม! เอี๊ยดดดดดดดดดด" ปรากฎรถกระบะคันหนึ่งเกิดยางหน้าระเบิด รถเสียหลักเซเข้ามาข้างทาง ผ่านข้าง ๆ ตัวไป แล้วก็เซเข้าไปหยุดบริเวณขอบทาง ทางด้านหน้า ซึ่งเป็นจุดที่คิดว่า"ถ้าไม่หยุดตรงนี้ ตอนนี้เราก็คงจะโดนสอยที่ตรงนั้นพอดี ๆ" เลยมานั่งนึกว่า"เอ เรารอดเพราะอานุภาพของข้าวเปลือกพิรอด หรืออะไรกันแน่?" พิจารณา ๆ ไป ไม่ว่าจะเกิดจากสิ่งใดก็ตาม ล้วนไม่พ้นไปจากความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ คุณครูบาอาจารย์ พรหม เทวดา และท่านผู้มีคุณทั้งหมด เลยเลิกคิด ยกถวายขึ้นเป็นความดีของท่านทั้งหมด ต่อมาภายหลังมีคนมาขอก็เลยถอดให้ไปเลยจ้ะ ๕๕๕
__________________
๑۩۞۩๑ ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่าน ๑۩۞۩๑ ช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง และโปรดหลีกเลี่ยงการนำภาษาพูดมาใช้เป็นภาษาเขียนด้วย ขอเชิญร่วมบุญธรรมทานเว็บไซต์"วัดท่าขนุน"
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-06-2009 เมื่อ 15:08 เหตุผล: บิณฑบาต ไม่มี ร เรือ ค่ะ |
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทิดตู่ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|