กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #181  
เก่า 29-08-2018, 08:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมถวายตะขอสร้อยทองสำหรับหล่อพระทองคำ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "ถ้าจะไปซื้อพวกตะขอหรือพวกสร้อยอะไร ให้ซื้อทองคำแท่งมาแทน เดี๋ยวนี้ตั้งแต่กรัมหนึ่งขึ้นไปก็มี ที่เขาเรียกว่าหุนหนึ่ง น้ำหนักต่ำสุดครึ่งกรัมของแหวน เราต้องเสียค่ากำเหน็จ ก็คือค่างานฝีมือเขาไป ๓๐๐ บาท แต่ถ้าซื้อทองแท่ง น้ำหนักเท่ากัน เราไม่ต้องจ่าย จาก ๓๐๐ บาท ก็ประหยัดไป ๒๐๐ บาท เท่ากับจ่ายแค่ ๑๐๐ บาท

การหล่อพระถ้าเป็นทองแท่งเปอร์เซ็นต์ทองจะสูงกว่า ส่วนใหญ่พวกทำเป็นรูปพรรณก็ต้องผสมโลหะอื่นให้เนื้อแข็งขึ้น เพื่อให้เหมาะแก่การใช้งาน สำหรับตอนนี้อาตมาก็นั่งรอ รอว่าเมื่อไรจะได้หล่อหลวงพ่อทองคำเสียที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2018 เมื่อ 20:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #182  
เก่า 29-08-2018, 08:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเก็บคุณทองแดงมาเลี้ยง ทำให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วหมาไม่จำเป็นต้องเป็นพันธุ์ที่ดี สายเลือดที่ดี หรือราคาแพง หมาก็คือหมา หมาเห็นเราเป็นเจ้านาย เป็นผู้นำ เป็นจ่าฝูง สิ่งที่เขาตอบแทนก็คือคอยระวังป้องกันเราไว้ โดยเฉพาะว่าลูกหมาที่ไหนก็น่ารักทั้งนั้นแหละ

หมาเป็นสัตว์ชนิดแรก ๆ ที่เข้ามาอยู่กับมนุษย์ อย่างสมัยก่อนพวกมนุษย์ยุคหิน ล่าสัตว์ได้พวกนี้ก็คอยเก็บกินเศษที่เหลือจากสัตว์อื่นที่ล่า คราวนี้พอคนกินแล้วโยนกระดูกบ้างอะไรบ้างทิ้งไว้ใกล้ ๆ หมาก็เข้ามากิน ในที่สุดก็คุ้นเคยกันไม่ไปไหน วนเวียนอยู่แถว ๆ นั้นแหละ แล้วท้ายสุดก็ยึดมนุษย์เป็นจ่าฝูง

พอมนุษย์ออกล่า หมาก็ตามจ่าฝูงไปล่าด้วย เมื่อคุ้นเคยกันแบ่งปันกัน ท้ายสุดก็อยู่ด้วยกัน มีบางคนบอกว่า จะเป็นห่วงเป็นใยอะไรใครนักหนา กลับบ้านมาก็มีแค่หมาวิ่งมารับเท่านั้น ...(หัวเราะ)... อาตมาตอนนี้ก็เข้าเค้าแล้ว ตอนนี้กลับวัดหมาวิ่งมารับ เปิดประตูก็ตะกายขึ้นรถเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2018 เมื่อ 15:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #183  
เก่า 30-08-2018, 08:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นรูปครูบาอาจารย์แล้วก็ขำ ๆ เจอกันครั้งก่อนท่าน (ท่านเจ้าคุณอนันต์) ถามว่า “เฮ้ย..เล็ก แกไม่แก่กับใครบ้างเลยหรือวะ ?” กราบเรียนท่านว่า "แก่เหมือนกันครับ แต่ช้าหน่อย"

ถ้าเราเป็นคนไม่โกรธจะแก่ช้าหน่อย ญาติโยมอาจจะเห็นว่าเวลาอยู่วัดอาตมาด่าพระด่าเณร ด่าโยมกระจายเลย แต่พอเวลาไปด่าหมาโดนเลียหน้าเลย สรุปก็คือหมารู้ว่าด่าแต่ปาก

อะไรที่ทำถ้าผิดพลาดเสียหาย ไม่ว่าจะเสียที่ตัวเขาเองหรือเสียที่ส่วนรวม ในฐานะครูบาอาจารย์เราต้องให้เขาแก้ไข แต่คราวนี้หลายคนถ้าบอกดี ๆ แล้วเขาไม่ค่อยฟัง ต้องใช้วิธีด่า ถึงเวลาก็ด่าไป คราวนี้ญาติโยมไม่รู้แต่หมารู้ ด่าโยม..ญาติโยมเปิดหนีไปหมด แต่ด่าหมาหมาเลียหัวเลย เพราะรู้ว่าด่าแต่ปาก

เรื่องของ รัก โลภ โกรธ หลง เป็นไฟที่เผาเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่สามารถที่จะลดลงได้ โดนเผาอยู่มาก ๆ ก็แก่เร็ว เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน ถ้าอาตมาไปนั่งข้าง ๆ ก็กลายเป็นลูกชายคนโตของเขาไปแล้ว เพราะว่าพออายุ ๖๐ แล้ว ส่วนใหญ่อันดับแรกเลยคือหัวล้าน อันดับที่ ๒ คืออ้วน บางคนก็ทรุดโทรมหน้าเหี่ยว มีแต่ร่องรอยของความเครียดจากงาน

งานเราทำให้ทำในลักษณะที่ว่า เต็มที่แล้วได้แค่ไหนแค่นั้น อย่าไปแบกเอาไว้ พูดง่าย ๆ ว่า อะไรเร่งด่วน มาก่อนก็ทำก่อน จัดอันดับช้าเร็วก่อนหลัง จะมีงานเฉพาะหน้าอยู่ชิ้นเดียว แล้วก็ไม่ต้องเครียดมาก แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะเอางานหลาย ๆ อย่างมารวมกัน แล้วก็ โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว จัดอันดับความเร็วช้าก่อนหลังเสียก่อนแล้วค่อยทำ

วันก่อนพระครูกิตติกาญจนธรรมหรือพระครูทักษิณ เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ก็บ่นเจ้านายว่า "ส่งหนังสือวันนี้จะเอารายชื่อพรุ่งนี้ ใครจะทำทันวะ ?" อาตมาบอกไปว่า "ทำให้เร็วที่สุดของคุณ ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น อย่าไปบ้าจี้เล่นตามเขา ถ้าเขาเร่งมาแล้วเราเร่งตาม ถ้าตัวเราร้อนขึ้นมาก็ร้อนหมด ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งตำบลก็จะร้อนไปด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2018 เมื่อ 20:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #184  
เก่า 30-08-2018, 09:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนแก่กำลังไม่ดีเป็นปกติ เวลาจะลุกก็ต้องค้ำต้องยันกัน เป็นเรื่องที่หลอกกันไม่ได้ พระเจ้าปเสนทิโกศลท่านอยากจะรู้ว่าพระนางวิสาขามหาอุบาสิกาคือคนไหน เพราะว่านั่งอยู่ท่ามกลางหลานสาว แล้วพระองค์ท่านแยกไม่ออกว่าใครเป็นยาย ใครเป็นหลาน เลยปล่อยช้างไล่

ตอนแรกก็นั่งสังเกตดูว่าใครลุกขึ้นแล้วค้ำพื้นก็ต้องเป็นคุณยาย นางวิสาขาท่านจะดูเหมือนอายุ ๑๗ ปีอยู่ตลอด เนื่องจากสร้างบุญเก่าไว้ เห็นแบบนั้นแล้วก็ยังไม่มั่นใจ ตอนเดินทางกลับเลยปล่อยช้างไปไล่เลย ถามว่าทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น เพราะว่านางวิสาขามีกำลังเท่ากับช้าง ๗ เชือก ปล่อยช้างไปเชือกเดียวทำอะไรคุณยายท่านไม่ได้หรอก

พอปล่อยช้างไปปรากฏว่าคนรับใช้และหลาน ๆ วิ่งหนีหมด ปล่อยให้คุณยายยืนเผชิญหน้ากับช้างอยู่ ถามว่าทำไมคุณยายถึงมัวแต่ยืนอยู่ ? เพราะคุณยายมัวแต่คิดว่าถ้าเกิดเราใช้มือจับงวงบิด ช้างก็จะบาดเจ็บ ท้ายสุดก็เลยรอให้ช้างวิ่งมาถึงตัวแล้วเอามือยันไว้ ช้างก็เลยล้มก้นกระแทกพื้น สรุปว่าคุณยายถึงจะแก่ แต่ก็แก่แบบรถพ่วง ๑๘ ล้อ ถ้าปะทะกับรถเล็กเมื่อไร ถึงจะช้าแค่ไหนรถเล็กก็เละ

คนที่ระบุไว้ชัดเจนว่ามีกำลังเท่ากับช้าง ๗ เชือกในสมัยนั้นก็มีพระอานนท์ มีนางวิสาขามหาอุบาสิกา มีพันธุลมหาเสนาบดี ส่วนพระพุทธเจ้าท่านบอกว่ามีกำลังเท่ากับช้างหนึ่งแสนเชือก ถ้าพระองค์ท่านดีดหูใคร ก็คงจะหัวหายไปด้วยเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2018 เมื่อ 20:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #185  
เก่า 30-08-2018, 09:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่บอกว่าพญามารเป็นครูทดสอบเราอยู่เรื่อย หมายความว่าเป็นอรหันต์ก็ยังทดสอบหรือครับ ?
ตอบ : ก็ยังทดสอบ เป็นเรื่องปกติ

ถาม : นึกว่าเป็นอรหันต์แล้วจะไม่ทดสอบ ?
ตอบ : เขาก็ลองตลอด อย่าไปคิดว่าเป็นพระอรหันต์หรือพระอริยเจ้าแล้วมารจะไม่ลอง ก็ลองทั้งนั้นแหละ แม้ว่าจะไม่เคยสำเร็จก็ตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2018 เมื่อ 20:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #186  
เก่า 30-08-2018, 09:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้มีพระจำพรรษาที่วัดท่าขนุน ๔๒ รูป ความจริงมีมากกว่านั้น แต่แบ่งไปจำพรรษาที่วัดวังปะโท่ ๔ รูป วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส ๖ รูป ความจริงในช่วงเข้าพรรษาบวชแค่ ๖ รูปเท่านั้น แต่มีหลายท่านที่บวชมาตั้งแต่วันลอยกระทง วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชาแล้วไม่สึก ก็อยู่มาจนถึงเข้าพรรษา

โดยเฉพาะท่านฐิติวัชร แม่กับยายอยากให้บวชมากแต่ไม่กล้าขอ ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะบวช ๗ วันแล้วก็กลายเป็น ๑๕ วัน ๓๐ วัน ท้ายสุดก็ขออยู่จำพรรษา อาจจะเป็นไปได้ว่าที่วัดค่อนข้างจะเข้มงวดในเรื่องของพระเณร ถูกอัธยาศัยของท่าน แล้วท่านเองท่านก็ตั้งใจปฏิบัติด้วย ก็เลยได้สองส่วน ก็คือความเข้มงวดของสถานที่ด้วย แล้วตัวเองก็ตั้งใจปฏิบัติด้วย จึงอยู่จำพรรษาได้ อาตมาเองก็บวชก่อนเข้าพรรษานาน บวชวันพฤหัสขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๖ แปลว่าบวชก่อนเข้าพรรษา ๒ เดือนโดยประมาณ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2018 เมื่อ 20:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #187  
เก่า 14-09-2018, 20:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมนั่งสมาธิ นั่งไปเรื่อย ๆ รู้สึกว่าไม่ได้หายใจ แต่ยังเห็นภาพพระชัดอยู่ ควรทำอย่างไรต่อไปดีครับ ?
ตอบ : กำหนดใจไว้ที่ภาพพระแทน ไม่ต้องไปสนใจเรื่องลมหายใจ ถ้าภาพพระชัดก็อยู่ที่ภาพพระ แต่ถ้าความรู้สึกชัดว่าไม่หายใจ เราก็แค่กำหนดว่าตอนนี้ไม่หายใจ อย่าไปอยากให้พ้นจากสภาพนั้น และอย่าอยากเป็นอย่างนั้น ทำใจกลาง ๆ เฉย ๆ ไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2018 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #188  
เก่า 14-09-2018, 20:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมถวายแหวนทองคำร่วมหล่อพระ พระอาจารย์กล่าวว่า “อย่างนี้แสดงว่าปลดมาจากตัวนี่ ยังมีพลังงานอยู่ ของที่ใช้และที่ไม่ใช้จะมีพลังงานแตกต่างกัน ปลดจากตัวมาทำบุญนี้ถือว่ากล้ามาก บาลีเรียกว่า วิสารโท มีความแกล้วกล้า

มีความกล้าในการให้ทาน กล้าในการรักษาศีล กล้าในการเจริญภาวนา กล้าระดับไหน ? วิสารโทนี่กล้าขนาดเอาชีวิตเข้าแลก ถ้าไม่ได้ทำทานก็ให้ตายไปเลย แบบเดียวกับพระพุทธเจ้าสมัยที่เป็นชายตัดฟืน พระปัจเจกพระพุทธเจ้ามาโปรดถึงหน้าประตูกระท่อม จะเอาอาหารไปถวาย พญามารเนรมิตหลุมถ่านเพลิงมหึมาขวางเอาไว้ พูดง่าย ๆ ว่าถ้าตกลงไปก็ตายสถานเดียว ปรากฏว่าท่านตั้งใจว่าจะถวายแล้ว ต่อให้ตายก็ขอถวายให้ได้ ก็เลยเดินออกไป ด้วยอานุภาพบุญสามารถเดินผ่านอากาศไปได้เหมือนกับพื้นดิน นั่นก็คือกล้าในการให้ทาน ถึงตายก็ยอม

ถ้าประเภทกล้าในการรักษาศีลก็แบบเดียวกันสุปปพุทธกุฏฐิ แค่ละเมิดพระรัตนตรัย ให้พูดว่าพระพุทธเจ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่ไม่สงฆ์ ท่านไม่ยอมเด็ดขาด เรื่องข้อละเมิดเหล่านี้ก็คือศีล ขนาดเอาทรัพย์สมบัติมาล่อ จะรักษาให้หายจากโรคเรื้อนอย่างไรก็ไม่เอา ไล่พระอินทร์กระเจิงไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2018 เมื่อ 03:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #189  
เก่า 14-09-2018, 20:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้ากล้าในการภาวนาก็ตัวอย่างในอรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร พระภิกษุ ๓๐ รูปไปปฏิบัติธรรมในป่า ปรากฏว่ามีเสืออยู่ตัวหนึ่ง สองสามวันก็มาลากพระไปกินรูปหนึ่ง ท่านก็เลยทำสัญญาต่อกันว่า ถ้าเสือมาทางไหน ก็ให้เพื่อนพระด้านนั้นส่งเสียงร้องขึ้น เพื่อนท่านอื่นจะได้ไปช่วย

พอเสือคาบพระรูปถัดไป ท่านเห็นว่าเพื่อน ๆ กำลังปฏิบัติภาวนาอยู่ ถ้าเราร้องขึ้นมาเพื่อนจะเสียสมาธิ เสียการปฏิบัติ ก็เลยไม่ร้อง ปล่อยให้เสือคาบไปกิน ในอรรถกถาบอกว่า เสือกินขึ้นมาถึงหัวเข่า ก็สามารถพิจารณาเวทนา ตัดอารมณ์ใจตัวเองเป็นพระโสดาบันได้ พอกินขึ้นมาถึงสะโพก ก็ตัดอารมณ์ใจเป็นพระอนาคามีได้ พอกินขึ้นมาถึงท้องก็เป็นพระอรหันต์พร้อมกับมรณภาพไปเลย ลักษณะนั้นเขาเรียกว่า “สมสีสี” สำเร็จพระอรหันต์พร้อมกับสิ้นชีวิต

ฉะนั้น...วิสารโท กล้าในการให้ทาน กล้าในการรักษาศีล กล้าในการภาวนา กล้าที่จะเอาชีวิตเข้าแลก ขนาดเสือกินยังไม่ยอมร้อง แบบเดียวกับที่บ้านเราสมัยก่อน พรานไปเจอพระธุดงค์โดนงูใหญ่กลืน กลืนไปจะถึงเอวแล้ว พรานก็ปรึกษากันว่า เดี๋ยวเราลับมีดให้คมกริบแล้วกรีดงู ถ้าหนังงูขาดก็จะไม่มีกำลังในการรัดใคร ปรากฏว่าพระธุดงค์ที่นิ่งเหมือนตาย ท่านโบกมือห้ามพราน บอกว่าอย่าทำ ท่านมีกรรมต่อกันมา ปล่อยให้งูกินไปจะได้หมดเวรหมดกรรม นั่นคือกล้าที่จะเอาชีวิตเข้าแลกกับธรรมะ ให้สิ้นเวรสิ้นกรรมกันไป ตนเองจะได้ไปภพภูมิที่ตนเองต้องการ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2018 เมื่อ 03:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #190  
เก่า 14-09-2018, 20:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระที่ท่านตัดได้ เพราะท่านพิจารณาในอริยมรรค จริง ๆ การพิจารณาไม่ได้ช่วยให้ระงับทุกขเวทนา ?
ตอบ : ไม่ได้ระงับทุกข์ แต่เห็นว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ เราไม่เอาอีกแล้ว

ถาม : ยิ่งพิจารณาเวทนายิ่งก็ปวดหนัก ?
ตอบ : ถูก...แปลว่าท่านต้องสั่งสมระดับของสมาธิและปัญญามาเพียงพอต่อการใช้งาน ไม่อย่างนั้นแล้วสู้เวทนาไม่ได้หรอก คราวนี้ยิ่งเห็นทุกข์หนักเท่าไร ก็ยิ่งเห็นว่าร่างกายนี้น่าเบื่อหน่าย ไม่น่าอาศัยมากขึ้นเท่านั้น เรียกว่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

ถาม : ผมเคยทุกข์จนใจสั่น ?
ตอบ : ไม่ใช่ใจสั่นอย่างเดียว บางทีถ้าเจ็บมาก ๆ เราบังคับร่างกายไม่ได้ สั่นไปทั้งตัวเลย

ถาม : เราพยายามจับลมหายใจ ไม่ได้เลย ?
ตอบ : ต้องซักซ้อมให้คล่องตัวกว่านั้น ไม่อย่างนั้นถ้าเจอสภาพอย่างนั้นแล้ว ฝีมือไม่ถึงจริง ๆ ก็เจ๊งทุกราย เราต้องซ้อมจนกระทั่งคล่องในขณะที่ยังดี ๆ อยู่ แล้วไปถึงตอนนั้นนึกจะเข้าเมื่อไรก็ได้ ไม่ใช่ไปรอจนกระทั่งเจ็บปางตายแล้วค่อยไปเริ่ม ถ้าอย่างนั้นไม่ได้กินแน่นอน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2018 เมื่อ 03:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #191  
เก่า 14-09-2018, 21:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ความรู้สึกทุกข์ เบื่อจนเหมือนล้น ?
ตอบ : นั่นเป็นแค่อารมณ์เบื่อ เป็นแค่นิพพิทาญาณ ถ้าเราสามารถรักษาอารมณ์เบื่อนั้นอยู่ได้สักระยะหนึ่ง ต้องรักษาไว้นะ ไม่ใช่ไปสลัดทิ้ง ต้องรักษาเอาไว้สักระยะหนึ่ง จนกระทั่งจิตของเราเข็ดจริง ๆ ไม่เอาจริง ๆ ก็จะก้าวข้ามไปเลย

จะเห็นว่าธรรมดาของการเกิดมาต้องทุกข์อย่างนี้ ต้องน่าเบื่ออย่างนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดจะไม่มีสำหรับเราอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว จะตัดใจข้ามไปเลย เป็นสังขารุเปกขาญาณ แต่ถ้ารักษาไม่ได้ อยู่ได้แค่นั้นแล้วก็หายไป เดี๋ยวก็มาใหม่อีก แล้วก็หายไปอีก เพราะว่าเราเบื่อ เราเลยไม่อยากมีอารมณ์แบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเราต้องรักษาไว้ระยะหนึ่ง เพื่อตอกย้ำความมั่นใจของเรา ต่อไปเจอตัวเบื่อนี้รีบรั้งไว้นาน ๆ เลย โดยเฉพาะมีลูกแบบนี้ไม่เอาอีกแล้วโว้ย..!


ถาม : เคยลองดูระยะหนึ่ง ทำให้เบื่อการทำกิจกรรมอะไรไปหมดเลย ?
ตอบ : ปัญญาต้องมี ถ้าปัญญาไม่ถึงนี่เสร็จเลย ที่บอกว่าปัญญาต้องมีก็คือ เรายังมีชีวิตอยู่ ในเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ ในการเกิดมาชาตินี้แล้วสามารถสิ้นสุดภพชาติลงได้ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน ช่วงอายุที่เหลือเพียงนิดเดียวทำไมเราจะอยู่ด้วยดีไม่ได้ ในเมื่อเราสามารถที่จะอยู่ให้ดีได้ เราก็ทำหน้าที่ทุกอย่างไปตามหน้าที่ของเรา การทำทุกอย่างไปตามหน้าที่ ไม่ได้ทำแบบซังกะตาย แต่ว่าทำให้ดีที่สุด เมื่อถึงเวลาเราจะได้จากไปอย่างสง่างามที่สุด แหงนหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ไม่มีใครนินทาว่าร้ายเราได้

ต่อไปถ้าเจอแบบนี้แล้วต้องเกาะไว้แน่น ๆ ก่อน อย่าเพิ่งปล่อย ถ้าไปผลักดันขับไล่ หายไปแล้วก็เสียของเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2018 เมื่อ 20:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #192  
เก่า 14-09-2018, 21:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราเบื่อแล้วตัดไปทันทีไม่ควรใช่ไหมคะ ควรทรงอารมณ์เอาไว้นาน ๆ ?
ตอบ : ถ้าตัดได้เลยก็ดี แต่การที่ตัดได้เลย เราสามารถข้ามไปเป็นสังขารุเปกขาญาณได้หรือเปล่า ? ถ้าข้ามเป็นสังขารุเปกขาญาณได้จะสังเกตง่าย ๆ เลย ก็คือเห็นว่าทุกอย่างมีเป็นธรรมดา ในเมื่อทุกอย่างเป็นธรรมดาอย่างนั้นก็ช่างมัน ถ้าอย่างนี้ก็ได้ แต่ถ้ากำลังไม่พอนี่ต้องรั้งไว้ระยะหนึ่งเลย ตอกย้ำให้เข็ดไปจริง ๆ

ถาม : พอเบื่อเสร็จแล้วก็จะตัดเลยทันที รู้สึกว่าเราไม่ถึงนิพพิทาญาณสักที ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ถ้าเราเห็นเป็นธรรมดาได้นี่หมายความว่าเลยไปแล้ว นิพพิทาญาณจะไม่เห็นธรรมดา เห็นแค่น่าเบื่อ

ถาม : เคยใช้วิธีคิดแบบ....(ไม่ชัด).... เลยเอาหลักนี้มา ก็หายไป ?
ตอบ : อันนั้นก็ถูก แต่ถูกแค่ตรงนั้น คือ บางอย่างเราจำเป็นที่จะต้องรั้งไว้ก่อน เพื่อที่จะตอกย้ำให้สภาพจิตของเราจนยอมรับจริง ๆ ว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นน่าเบื่อน่าหน่ายสุด ๆ ดูให้ชัด ๆ ส่วนจะไปตอนไหนก็ช่างมัน แต่ตอนนี้เอ็งอยู่กับข้าก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2018 เมื่อ 03:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #193  
เก่า 14-09-2018, 21:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาขึ้นไปบนพระนิพพาน ต้องใช้กำลังของฌานสี่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไปได้นี่เป็นกำลังของฌานสี่

ถาม : ผมคิดว่าไปได้ แต่ยังรู้สึกว่าเชื่อมกับร่างกาย ?
ตอบ : เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นหลักวิชาพิเศษ ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านขอกับพระพุทธเจ้าไว้ ว่าขอให้คนอื่นสามารถสอบถามได้ ไม่อย่างนั้นแล้วพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง ในเมื่อคนอื่นสามารถสอบถามได้ ก็จะต้องมีส่วนหนึ่งที่โดนบังคับให้โยงกับร่างกายอยู่

คราวนี้เราจะใช้ประโยชน์จากฌาน ๔ ตรงนี้อย่างไร ? ก็มีอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือขึ้นไปอยู่ยาว ๆ เลย เพราะว่าช่วงนั้นจิตจะสะอาด ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าเคยชินก็ไปได้เลย อีกอย่างหนึ่งก็คือ ตอนนั้นสภาพจิตของเราละ รัก โลภ โกรธ หลง ได้ลักษณะไหน พอลงมาเราก็พยายามทำให้ได้ในลักษณะอย่างนั้น ก็คือเราทรงสมาธิในระดับไหนแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นไม่ได้ เราก็ทรงแบบนั้น แล้วพยายามทำให้ได้แบบนั้น

ถ้าเกิดขึ้นมาก็ให้เห็นว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน สภาพร่างกายเราก็เป็นเช่นนี้ คนอื่นก็เป็นเช่นนี้ สัตว์อื่นก็เป็นเช่นนี้ ท้ายสุดก็ไม่มีอะไรให้ยึดถือมั่นหมายได้ ต่างคนต่างตาย ต่างคนต่างพัง แล้วเราก็รักษาอารมณ์นั้นเอาไว้ เราจะทำแบบข้างบนหรือทำแบบข้างล่างก็อยู่ที่เรา แล้วแต่สภาพ มีโอกาสก็ขึ้นข้างบน ไม่มีโอกาสก็ทำข้างล่าง เพียงแต่รักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่องแค่นั้น


ถาม : การที่เรามีอะไรมากระตุ้นข้างล่าง ก็ดึงลงมาอีก ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าสภาพจิตของเรานั้น สิ่งที่รักที่หวงที่สุดก็คือร่างกายนี้ เกิดอะไรนิดหนึ่งก็กลับทันทีเลย เพราะฉะนั้น...พวกที่กลัวว่าไปแล้วกลับไม่ได้ ไม่ต้องกลัวหรอก กลัวว่าจะไปไม่ได้มากกว่า เพราะว่ามักจะไม่ยอมไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-09-2018 เมื่อ 09:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #194  
เก่า 14-09-2018, 21:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระที่ท่านโดนเสือกินแล้วบรรลุ แสดงว่าท่านต้องสั่งสมบารมีสิบไว้เต็มแล้วใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เต็มตอนนั้นแหละ อย่างเช่นว่าถ้าปัญญาบารมีตอนนั้นเรามี แล้วดูศีลบารมีตอนนั้นขาดไหม ? เสือกำลังกินเราอยู่ เราจะไปละเมิดศีลได้ที่ไหน ? เราอุตส่าห์สละร่างกายให้เสือกิน เมตตาบารมีมีไหม ? อุตส่าห์อดทนยอมรับความเจ็บปวด ขันติบารมี อุเบกขาบารมีมีไหม ? ไปไล่ดู มีทุกข้อนั่นแหละ

ถาม : เต็มขณะนั้น ?
ตอบ : เต็มตรงนั้นแหละ ฉะนั้น..ถ้าใครโดนรถ ๑๘ ล้อบี้เละไปครึ่งตัว ก็รีบพิจารณาตัดเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2018 เมื่อ 03:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #195  
เก่า 14-09-2018, 21:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของลูกไม่ต้องเป็นห่วงมาก ทุกคนมีบุญรักษา มีกรรมรักษา ไม่มีเราเขาก็อยู่ได้ อย่าให้อยู่ในลักษณะที่ว่า ไม่มีเขาแล้วเราอยู่ไม่ได้ก็พอ ดูตัวอย่างนายโกตุหลิกะ เกิดขึ้นมาแค่ไม่กี่นาทีก็โดนเอาไปโยนทิ้ง ไม่เห็นว่าจะตายเลย เอาไปโยนที่ไหนก็รอด อุตส่าห์เอาไปโยนลงเหว ปรากฏว่าข้างล่างเป็นลานตากผ้า เด็กตกลงบนผ้า เด้งดึ๋งแล้วก็นอนต่อ สมัยก่อนที่เขาขึงผ้าตากยาว ๆ เหมือนกระโดดลงไปบนเปลผ้าที่กู้ภัยเขาใช้รับคนนั่นแหละ"

ถาม : กรณีอย่างนั้น..(ไม่ชัด)...
ตอบ : ไม่ใช่ อย่าลืมว่าเขาเกิดเป็นหมาอีกต่างหาก เป็นอุปัตถัมภกกรรม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกุศลหรือฝ่ายอกุศลก็ตาม จะคอยปกป้องคุ้มครอง ถ้าคุณยังใช้กรรมไม่หมด ก็ต้องอยู่ใช้ไปเรื่อย ๆ ลำบากแค่ไหนก็ตายไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2018 เมื่อ 03:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #196  
เก่า 16-09-2018, 19:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ชีวิตหนูตอนนี้เหมือนทางตัน เราจะหาทางออกอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ถึงทางตันก็กลับหลังเดินสิ เดินไปข้างหน้าก็ตัน ไม่ได้ล้อเล่นนะ...เรื่องจริง คนส่วนใหญ่ไปมองปัญหาแง่เดียว ในเมื่อมองปัญหาแง่เดียวก็ถึงทางตัน ลองเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาดูบ้าง เดี๋ยวก็ไปได้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2018 เมื่อ 03:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #197  
เก่า 16-09-2018, 19:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของเด็ก สภาพจิตเขายังไม่ปรุงแต่งมาก รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น บางทีการรู้เห็นสิ่งที่เป็นทิพย์ เขาสามารถรู้เห็นได้ง่าย ๆ อาตมาเองโดนผีหลอกตั้งแต่เด็กจนแก่ ตอนแรก ๆ ไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะสภาพจิตรับได้ คิดว่าเป็นเรื่องปกติ คนอื่น ๆ ก็เป็นเหมือนกับเรา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2018 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #198  
เก่า 16-09-2018, 19:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การแสดงความแก่อย่างหนึ่งในชีวิตคือผมหงอก สมัยนี้นิยมย้อมผมกันก็เลยไม่ค่อยได้เห็นความแก่ ถ้าเราถือผมหงอกเป็นครึ่งชีวิต ต้องดูว่าเราหงอกตอนอายุเท่าไร สมมติถ้าหงอกตอนอายุ ๔๐ ปี ครึ่งชีวิตบวกอีก ๔๐ แปลว่าอายุประมาณ ๘๐ ปี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2018 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #199  
เก่า 16-09-2018, 19:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “เด็กเขายังยืนเองไม่ได้ อย่าไปจับยืน ถ้ายืนเองไม่ได้ แปลว่ากระดูกกล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงพอ ถ้าเราไปจับยืนบ่อย ๆ ขาจะโก่ง เดี๋ยวโตขึ้นมาจะนั่งร้องไห้ ขาโก่งจนหมาวิ่งลอดได้..!”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2018 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #200  
เก่า 16-09-2018, 19:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,559 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเรามักต้องการในสิ่งที่ตัวเองไม่มี ดูท่าจะจริง อาตมาอยากอ้วนแต่ก็ไม่อ้วน อยากจะหัวหงอกให้ดูภูมิฐานหน่อย ผมก็ไม่ค่อยอยากจะหงอก อยากจะหัวล้านจะได้ดูดีแบบเขาบ้าง ก็ไม่ค่อยยอมล้าน สรุปว่าทน ๆ เอาก็แล้วกัน ได้มาแค่นี้แหละ"

ถาม : ทำไมสิ่งที่หลวงพ่ออยากจะได้ เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่อยากได้ ?
ตอบ : ลองคิดดูว่าถ้าหลวงพ่อผมหงอก หรือหัวล้านเหม่ง ๆ หน่อย โคตรเท่เลย เป็นหลวงพ่อได้เต็มที่เลย ส่วนตอนนี้ใครจะไปเชื่อว่าอายุ ๖๐ ปีแล้ว ไปไหนก็กลายเป็นเด็กในสายตาชาวบ้าน ถึงได้บอกว่าเด็กก็อยากจะแก่ ส่วนคนแก่อยากจะอายุน้อย ๆ

บางอย่างจะช่วยให้ดูภูมิฐาน ดูอาวุโส ไปไหนคนจะได้เกรงใจ ตอนนี้ไปไหนเขาก็เห็นเป็นพระเด็ก ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2018 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:29



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว