กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 08-06-2022, 02:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้เห็นหรือยังว่าโทษของการขาดสติคืออะไร ? แม้กระทั่งกรรมฐานที่ตนเองทำอยู่ ก็ไม่สามารถที่จะทรงตัวอยู่ได้ โดยเฉพาะถ้าสติหลุดไปจากอานาปานสติคือลมหายใจเข้าออก หลุดไปจากปัจจุบัน ก็แปลว่าถ้าตอนนั้นเสียชีวิต เรามีสิทธิ์ลงอบายภูมิสูงมาก..!

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? ก็เพราะว่าสภาพกำลังใจไม่มั่นคง ทำให้คติคือที่ไป ไม่แน่นอน ถ้าสุคติ..ที่ไปอันดี ส่วนใหญ่ก็คือเป็นเทวดา นางฟ้า พรหม หรือหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ถ้าทุคติ..ที่ไปอันยาก ทุ แปลว่า ยาก แปลว่า ชั่ว แปลว่า ที่ไปอันชั่วก็ได้ แปลว่า ที่ไปอันยากลำบากก็ได้ ก็มักจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราตั้งใจจะให้พ้นจากทุคติ ไปสู่สุคติ การที่จะมีที่ไปที่มั่นคง ก็ต้องเกาะ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลัก แต่คนเราก็มักจะเสียท่า เพราะว่า ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นของยากสำหรับบุคคลที่หนาไปด้วยกิเลส

พวกเราลองนึกย้อนหลังไปดู สมัยก่อนแค่รักษาศีล ๕ ข้อก็แย่แล้ว หลุด ๆ ขาด ๆ อยู่ตลอด แต่สมัยนี้รักษาศีล ๘ ยังไม่หนักใจเลย แปลว่าเราก้าวหน้ามากแล้วนะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2022 เมื่อ 19:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 08-06-2022, 02:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อพวกเราก้าวหน้ามากแล้ว ก็แปลว่าสิ่งที่ทำมาเริ่มเห็นผลแล้ว จึงเหลืออยู่อย่างเดียวก็คือ ตอกย้ำให้ผลนี้มั่นคงอยู่ ด้วยการซักซ้อมบ่อย ๆ เหมือนกับทหารเดินสวนสนาม ถึงเวลาก็ตบเท้าพรึ่บ ๆ ๆ แกว่งแขนพร้อมกัน ดีไม่ดีก็ร้องเพลงไปด้วย จนกระทั่งเป็นสัญชาตญาณว่า ต้องยกเท้าระดับนี้ ต้องเตะเท้าแรงแค่นี้ จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ

สติของเราที่ไปในอานาปานสติก็เช่นกัน ถ้าสามารถทรงตัวถึงระดับปฐมฌานละเอียด คราวนี้สบาย..ไม่ต้องบังคับให้ภาวนา คือจะรู้ลมหายใจพร้อมกับคำภาวนาโดยอัตโนมัติ หลายคนทำได้ แต่รักษาไม่อยู่..น่าเสียดาย ก็คืออยู่เฉย ๆ ก็รู้ลมเอง อยู่เฉย ๆ ก็ภาวนาเอง เราแค่เอาสติตามดูไปเท่านั้น จ้องมองใกล้ ๆ ระวังวัวควายจะหาย เจ้าของเผลอทิ้งไกล คนขโมยวัว ขโมยควายหมดคอก

ถ้าหากว่าสติอยู่กับลมหายใจเข้าออกเป็นปกติ เราก็เหมือนกับเศรษฐี วัวควายเต็มคอก ไม่เฝ้าให้ดีจะโดนขโมย การเฝ้าก็คือเอาสติระมัดระวังดูไว้ ในเมื่อสติระมัดระวังรู้เท่าทันอยู่ เราก็จะรักษาอารมณ์ให้อยู่กับเราได้นาน แต่อย่าประมาท เผลอเมื่อไรก็หลุดหายอีก

อย่างที่
กระผม/อาตมภาพเคยบอกหลายทีแล้วว่า ส่วนใหญ่แล้วก็คือ วันนี้ภาวนาไปดีเหลือเกิน หน้าตาผ่องใสเป็นพ่อเทวดา แม่นางฟ้า บางคนก็ไปยันพรหมเลย รุ่งขึ้นกลายเป็นหมาอีกแล้ว..! รักษาสติไม่อยู่ กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ถล่มมา หงายท้องตึง..! จากพ่อเทวดา แม่นางฟ้า ก็กลายเป็นหมาขี้เรื้อน..! ไม่มีใครเหลียวแล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2022 เมื่อ 10:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 08-06-2022, 02:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้ที่ถามอยู่ทุกบ่อยก็คือว่าเข็ดหรือยัง ? คนเราถ้าเข็ด จะต้องรู้จักระมัดระวังว่า เราเคยแพ้ท่าไหน ? กระบวนท่าไหน ? ฝ่ามือพิชิตมังกร ๑๘ ท่า แพ้ได้ทุกครั้ง ก็ต้องหาทางแก้ไข ทำอย่างไรเราจึงจะไม่แพ้อีก ?

ในเมื่อเราตั้งหน้าตั้งตาพยายามแก้ไข ก็จะต้องมีมั่ว ๆ ถูกได้สักครั้งหนึ่ง คราวนี้สำคัญตรงที่ว่า เราต้องจำให้ได้ว่ามั่วแบบไหน เมื่อเราจำได้แล้วก็ใช้วิธีเดิม ป้องกันรักษาอารมณ์ใจของเราไม่ให้กิเลสเข้ามาอีก คราวที่แล้วแพ้ตอนไหน ? แพ้ตอนเปิด Netflix..ก็เลิกดูแม่งงง..เลย..! แพ้ตอนไหน ? แพ้ตอนเปิดคลิปที่เพื่อนส่งมาให้ดู..ก่อนเปิดก็ต้องตั้งสติก่อนที่จะกดดู

อย่างเมื่อเช้ามืดที่บอกว่ารักษาอารมณ์ของเราให้มั่นคงก่อน แล้วค่อยขยับตัว ไม่อย่างนั้นแล้วสิ่งที่เราภาวนาได้ ทำได้ จะหลุดหายหมด เมื่อตั้งสติรักษาอารมณ์ใจแนบแน่นอยู่กับจุดใดจุดหนึ่งของร่างกายก็ได้ หรืออยู่กับภาพพระของเราก็ได้ ก่อนขยับตัวก็เอาสติสมาธิจดจ่ออยู่ตรงจุดนั้น เท่านี้ก็ไม่หลุดไปไหนแล้ว จากนั้นก็เคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวัง

ใครทำถึงตรงนี้ใหม่ ๆ จะทำอะไรช้ามาก คัน..ยกมือจะเกา..กว่าจะถึง..หายคันพอดี จะเป็นเองโดยอัตโนมัติ บางคนก็เดินช้ามาก จนกระทั่งทางสายพองยุบเอาไปสรุปว่า "ถ้าช้าแล้วถูก" อาตมาขอยืนยันว่าผิด

นักปฏิบัติที่ดี ยิ่งปฏิบัติไป สติ สมาธิ ปัญญา ยิ่งแหลมคม ยิ่งว่องไว ยิ่งทำอะไรมีแต่จะเร็วขึ้น แต่เป็นความเร็วที่ไม่ผิดพลาด เหมือนกับคนขับรถคล่องแล้ว เขาย่อมขับรถได้เร็วกว่าเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2022 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 10-06-2022, 01:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ไปเรียนกรรมฐานกับหลวงปู่กินรี จนฺทิโย หลวงปู่กินรีก็บอกว่า "ท่านชา..ทำอะไรช้า ๆ เอาสติตามดูไปด้วย ตักอาหารเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆ จะนุ่งสบง ทรงจีวร ครองผ้าอย่างไรก็ทำช้า ๆ เอาสติกำหนดตามไปด้วย" หลวงพ่อชาก็ทำตาม

แต่หลวงปู่กินรีนั่งลง ๒ นาที ฉันอิ่มแล้ว..! หลวงปู่กินรีบอกให้ทำโน่นทำนี่ช้า ๆ แต่ท่านเองเร็วเป็นจรวดเลย..! หลวงพ่อชาหงุดหงิดมาก เข้าไปกราบหลวงปู่ "ไหนบอกให้ทำอะไรช้า ๆ ทำไมหลวงพ่อทำเร็วมากเลย ?" หลวงปู่กินรีบอกว่า "คนขับรถเร็วแล้วปลอดภัยก็มี ในเมื่อเราเพิ่งจะหัดขับ ก็ต้องไปช้า ๆ ก่อน" ลืมไปว่าตัวเองเป็นเด็กเพิ่งหัดเดิน เห็นนักวิ่งโอลิมปิก ๙ วินาทีถึงที่หมายหนึ่งร้อยเมตร ก็จะเอาบ้าง เด็กหัดเดินนี่ครึ่งวันไปได้ ๑๐๐ เมตรก็ดีตายชักแล้ว..!

เพราะฉะนั้น..ระยะแรกก็เหมือนกับคนที่ทำอะไรเชื่องช้ามาก แต่พอสติรู้ระมัดระวังรอบคอบมากขึ้น ปัญญารู้ว่าจะประคับประคองอย่างไร ไม่ให้สติสมาธิหลุดจากเป้าหมายของตนเอง มีความคล่องตัว มีความชำนาญมากขึ้น ก็สามารถที่จะทำอะไรได้เร็วขึ้น

แต่ว่าทางสายพองยุบก็ยังบอกอีกว่า คัจฉันโต วา คัจฉามีติ ปะชานาติ ไม่ว่าจะเดินไปหรือว่าจะเดินมา ก็ต้องมีสติสัมปชัญญะ จะเหยียดแขน จะคู้แขน ก็รู้ตัวอยู่เสมอ ยกตัวอย่างหลวงปู่อัสสชิ ท่านเดินบิณฑบาตมีสติรู้รอบตลอดเวลา อุปติสสมาณพหรือว่าพระสารีบุตรเห็นแล้วชอบใจ เดินตาม พอหลวงปู่อัสสชิบิณฑบาตได้อาหารพอประมาณที่จะฉันอิ่ม ก็เดินออกนอกเมือง เจอสถานที่เหมาะสม ท่านก็ปูอาสนะ นั่งลงทำภัตกิจ..ก็คือฉันอาหาร

พระสารีบุตรก็รอจนกระทั่งท่านฉันเสร็จ ก็เอาน้ำใช้ น้ำฉัน เข้าไปถวาย ช่วยล้างบาตรให้ แล้วก็สอบถามว่า "ท่านผู้เจริญ อิริยาบถของท่านช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก ท่านมีผู้ใดเป็นศาสดาหรือ ?" พระอัสสชิบอกว่า "ศาสดาของเราคือพระสมณโคดม"

อุปติสสมาณพถามว่า "พระสมณโคดมสอนธรรมอันใดแก่ท่านผู้เจริญบ้าง ?" พระอัสสชิเป็นนักปฏิบัติ ไม่ใช่นักพูด ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ ท่านบอกว่าสอนเยอะ แต่ด้วยความที่ท่านยังเป็นผู้ใหม่อยู่ ก็เลยจำได้แค่สั้น ๆ ก็คือคาถาเย ธัมมาฯ ที่พวกเราเคยได้ยินกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2022 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 10-06-2022, 01:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เย ธัมมา เหตุ ปัพพะวา เตสัง เหตุง ตถาคะโต อาหะ เตสัญจะ โย นิโรโธ จะ เอวัง วาที มหาสมโณ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดแต่เหตุ พระมหาสมณะรูปนั้นตรัสถึงเหตุ และความดับแห่งธรรมนั้น

พระสารีบุตรได้ฟัง เป็นพระโสดาบันเดี๋ยวนั้นเลย นั่นคืออุทยัพพยานุปัสสนาญาณ การเห็นซึ่งความเกิดและความดับ

ญาณ ๑๖ ที่ทางด้านสายพองยุบภูมิใจมากว่า ถ้าใครผ่านญาณ ๑๖ เป็นพระโสดาบันแน่นอน โห..มักน้อยจริง ๆ เลย ผ่านญาณ ๑๖ จริง ๆ แล้วส่วนใหญ่เขาเป็นพระอรหันต์กัน..! แต่ญาณ ๑๖ ของสายพองยุบที่กระผม/อาตมภาพสัมผัสมา ของราคาเป็นล้าน โดนลดราคาเหลือแค่สลึงเดียว..! อย่างเช่นว่าเห็นพองยุบ พองยุบหายไป เขาว่าได้อุทยัพพยานุปัสสนาญาณแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่อุทานในใจว่า "มึงบ้า..!" แค่เห็นเงาของเศษสตางค์หลังตู้เย็นเท่านั้น ก็บอกว่าได้เงินล้านแล้ว

การเห็นความเกิดและดับในอุทยัพพยานุปัสสนาญาณที่แท้จริงนั้น คือเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป ตลอดเวลา มีความเห็นแบบนี้อย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนผัน เห็นว่าปกติเป็นเช่นนั้น เกิดขึ้นในเบื้องต้น..เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง..สลายไปในที่สุด ไม่ว่าจะคน สัตว์ วัตถุธาตุ สิ่งของอะไรก็ตามที่ประสาททั้ง ๕ สัมผัสถึง จะมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า เกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่ใช่แค่เห็นพองยุบเกิดดับเท่านั้นก็ได้อุทยัพพยานุปัสสนาญาณแล้ว สอนแบบนี้พาคนเป็นมิจฉาทิฐิไปมากเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2022 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 10-06-2022, 01:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเป็นพระธรรมทูตสายวิปัสสนารุ่นที่ ๑ และสอบได้ที่ ๑ ของรุ่นด้วย..! พอเรียนรู้เสร็จสรรพเรียบร้อย ก็เขียนตำราไว้ ๑ เล่ม จนบัดนี้ยังออกไม่ได้เลย เพราะว่าตำราเล่มนี้งัดสายพองยุบหงายท้องตึงหมด หลักการทุกอย่างดี แต่คนทำได้แค่สะเก็ดเท่านั้นเอง แล้วบอกว่าได้ภูเขาพระสุเมรุมา สิ่งที่เขาได้มานั่นแค่เศษฝุ่นติดใต้เท้าเท่านั้น..!

แล้วเรามาปฏิบัติพองยุบกันทำไม ? ก็เพราะเวลาที่เราเดิน ต้องการความพร้อมเพรียง เราก็เลยต้องมาเดินจงกรมแบบสติปัฏฐาน ๖ ระยะ แต่จะสังเกตว่าถ้าหากเป็นการนั่งภาวนา กระผม/อาตมภาพจะให้ทุกคนทำแบบที่ตัวเองเคยชิน ไม่ให้มานั่งพองยุบ เดี๋ยวจะหลงทางไปไกล

ในเรื่องการปฏิบัติธรรมของเรา เมื่อถึงเวลาปฏิบัติไปได้แล้ว ต้องเอาสติ สมาธิ และปัญญาที่ได้ ประคับประคองอารมณ์ที่เราทำได้ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด เมื่อประคับประคองรักษาบ่อย ๆ ก็จะทำได้นานขึ้น จากนาทีก็เป็น ๕ นาที ๑๐ นาที ๑๕ นาที ครึ่งชั่วโมง ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง

สภาพจิตยิ่งสงบระงับ ผ่องใสจากกิเลสมากเท่าไร ก็จะเกิดปัญญามองเห็นช่องทางได้มากเท่านั้น อันนี้บอกคำตอบให้ก่อนที่จะมีโจทย์มา ให้รู้ว่า ถ้าถึงเวลาเราต้องตอบในแนวนี้ แต่เชื่อเถิดว่า ถึงเวลาคำถามมา ก็โดนอัดหงายท้องอีกตามเคย..! รับมือไม่ทัน ไม่เป็นไร..ผิดเป็นครู ระดับพวกเรานี่ก็น่าจะเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณกันหมดแล้ว ผิดบ่อยเหลือเกิน...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2022 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 12-06-2022, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนทำวัตรเย็น วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕


เมื่อครู่นี้ดูข่าว เจอประเทศอินเดียทดสอบขีปนาวุธจากเครื่องบินสู่อากาศยี่ห้อ "บรามัส" พอเห็นนักข่าวแปลมาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็นั่งหัวเราะดิ้นไปดิ้นมา เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดียฟังค่อนข้างจะยาก แต่บังเอิญกระผม/อาตมภาพโชคดี ตั้งแต่เรียนในระดับประกาศนียบัตรปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก อาจารย์ส่วนมากจบมาจากอินเดียทั้งนั้น ก็เลยคุ้นกับสำเนียงนี้มา

ให้ท่านทั้งหลายลองเดาดูว่าขีปนาวุธบรามัสคืออะไร ? คาดว่าเดาไปอีกสามชาติก็ไม่น่าจะได้กระมัง นั่นคือพรหมมาสตร์ ศรพระราม จำได้ไหมว่าศรพระรามมีชื่ออะไรบ้าง ? ศรพรหมมาสตร์ พลายวาต อัคนิวาต จันทราทิตย์

ว่าแล้วจับจันทราทิตย์..................ทรงฤทธิ์พาดสายเงื้อง่า
น้าวหน่วงแผลงไปในเมฆา..................เสียงสนั่นลั่นฟ้าธาตรี
เกิดเป็นศศิธรสามดวง..................โชติช่วงจำรัสรัศมี
แสงสว่างพ่างพื้นธรณี..................ภูมีเร่งรีบเสด็จจร

พระรามยิงพลุส่องสว่างมาก่อนอเมริกาเป็นพันปีแล้ว อเมริกาที่ไหนจะเหนือกว่าอินเดียได้ ? ยิงศรจันทราทิตย์ขึ้นไปเป็นพระจันทร์ ๓ ดวง สมัยนี้อเมริกันยิงแฟลร์ขึ้นไปอยู่ได้ประมาณ ๓ นาที แต่ของพระรามอยู่ได้ทั้งคืน ไม่เรียกกลับก็ลอยอยู่อย่างนั้นแหละ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2022 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 12-06-2022, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะอะไร ?..เพราะนิลนนท์พาหลงทาง ! ถึงได้มีสำนวนว่า "ถ้าใครเชื่อมัน ได้ออกลูกเป็นลิง" เป็นสำนวนที่ใช้กันสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็ก ๆ อยู่ มาจากศึกกุมภกรรณ ตอนหอกโมกขศักดิ์ ไม่เคยอ่านใช่ไหม ? กุมภกรรณทดน้ำ ก็ไม่รู้อีกว่าทดไปทำไม ? กุมภกรรณแสดงทีเด็ดด้วยการลับหอกโมกขศักดิ์ เพื่อเอาไปรบกับพระราม แต่ไปเจอพระลักษณ์แทน

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพศาสนาภิบาล หรือหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม (แย้ม กิตฺตินฺธโร) วัดไร่ขิง ย้ำนักย้ำหนา ทำตามหน้าที่ รักษาหน้าที่ อย่าทำเกินหน้าที่ รู้ไหมว่าใครที่อยู่วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์แล้วทำเกินหน้าที่ ? ก็คือองคต..ลิงหน้าแพะ

เริ่มตั้งแต่ท้าววิรุฬหกไปเฝ้าพระอิศวร ด้วยความที่เคารพพระอิศวรมาก ก็ขึ้นเขาไกรลาส กราบทีละขั้นบันได โอ้โห..ศรัทธาสุด ๆ ปรากฏว่าตุ๊กแกเห็นแล้วรำคาญตาหรืออย่างไรก็ไม่รู้ เลยแซวเล่น กราบทีหนึ่งก็..ตั๊กแก..ตั๊กแก ท้าววิรุฬหกโมโห ถอดสังวาลย์ฟาดเปรี้ยงเข้าให้ ลืมไปว่าอาวุธตัวเองอานุภาพขนาดไหน ตุ๊กแกกลายเป็นฝุ่นยังไม่พอ เขาไกรลาสเอียงกระเท่เร่ไปเลย..!

จึงต้องประกาศหาบุคคลผู้มีฝีมือมาดันเขาไกรลาสให้กลับไปตรงตามเดิม เรื่องก็เลยมั่วไปหมด เหตุที่มั่วไปหมดเพราะว่าสุดยอดฝีมือประเภทลิงอย่างพาลีก็มา สุดยอดฝีมือประเภทยักษ์อย่างทศกัณฐ์ก็มา พอดันจนกระทั่งเขาไกรลาสตรงขึ้นมาได้ พระอิศวรก็ประกาศประทานพรให้ว่าต้องการอะไรให้ทศกัณฐ์ขอได้เลย ทศกัณฐ์สุดยอดมาก ขอพระอุมาเทวี..! ถ้าเป็นสมัยนี้สมมติว่าพระเจ้าอยู่หัวประทานพรให้ ก็ขอพระราชินี..ควรตายไหมเล่า..!?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2022 เมื่อ 03:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 12-06-2022, 01:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอิศวรก็ถือว่าสุดยอดกษัตริย์ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ "มึงกล้าขอ กูก็กล้าให้..!" ปรากฏว่าทศกัณฐ์บุญไม่ถึง อุ้มพระอุมาไป ก็ร้อนรุ่มเหมือนอย่างกับอุ้มถ่านไฟไว้ทั้งกอง ต้องเทินหัวไป ค่อยยังชั่วหน่อย เหาะไปได้ไม่เท่าไร ก็นึกขึ้นมาได้ว่า แล้วกูจะเอาไปทำอะไรได้วะ ? ก็เลยเอามาถวายคืน บอกว่า "ขอเปลี่ยนเถอะ รายนี้ไม่ไหว ไฟแรงสูงเกินไป ร้อนเป็นบ้าเลย" เล่าแบบนี้..เดี๋ยวตูโดนตบปากจนได้...!

พระอิศวรก็เลยประทานนางมณโฑให้ไป ทศกัณฐ์พอได้ก็ดีอกดีใจ พรวดพราดจะกลับกรุงลงกา ด้วยความเสร่อ เฟอะฟะ ลืมดูเส้นทางการบิน โฉบเข้าไปในเขตยูเครนพอดี...! ใช่หรือเปล่า ?..ไม่ใช่นะ หลุดเข้าไปในเขตเมืองขีดขินของพญาพาลีเข้าพอดี พาลีพอเห็นเข้าก็ยัวะ ตูไม่ได้เปิดน่านฟ้าให้สักหน่อย ทะลึ่งบินมา ว่าแล้วก็เหาะขึ้นไปไล่ต่อยไล่ตี

ปรากฏว่าพญาพาลีได้รับพรจากพระอิศวรมา ว่าถ้าสู้กับใครขอให้กำลังของฝ่ายนั้นลดลงครึ่งหนึ่ง แล้วครึ่งหนึ่งที่ลดลงให้มาอยู่กับพาลี ก็บรรลัยน่ะสิ หายไปครึ่งหนึ่งก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว แล้วครึ่งนั้นดันไปเพิ่มให้อีกฝ่ายด้วย ทศกัณฐ์ก็น่วม พาลีก็เลยแย่งนางมณโฑไป ก็คงไม่ได้แย่งไปกราบไหว้บูชาหรอก เพราะเผลอพักเดียวก็ตั้งท้อง..!

คราวนี้ทศกัณฐ์กินไม่ได้นอนไม่หลับ กลับไปฟ้องพระอิศวร พระอิศวรทรงมีเทวบัญชาให้พาลีคืนนางมณโฑให้ พาลีก็ "บรรลัยแล้วกู ท้องแล้วด้วย จะทำอย่างไรดีวะ ?" ก็เลยปรึกษาอาจารย์ ซึ่งก็คือฤๅษีโคบุตร ฤๅษีโคบุตรบอกว่า "ไม่เป็นไร เรื่องเล็ก" ว่าแล้วฤาษีโคบุตรก็จัดแจงผ่าเอาลูกในท้องของนางมณโฑไปยัดในท้องแม่แพะแทน แล้วก็เป่าพ่วงเดียว นางมณโฑกลับสาวพริ้งเหมือนเดิม เกาหลีสู้ไม่ได้ ยันฮีก็ถอยไปเลย..! แล้วก็เอานางมณโฑไปคืนให้กับทศกัณฐ์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2022 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 12-06-2022, 01:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ด้วยความที่องคตอยู่ในท้องแพะ ก็เลยคลอดออกมาเป็นลิงหน้าแพะ ถ้าหากว่าใครเห็นหัวโขน จะเห็นว่าหัวโขนขององคตต่างจากคนอื่นเขา แต่ถ้าหากว่าเป็นมัจฉานุต้องดูเครื่องทรง เพราะว่าเป็นลิงแต่มีหางเป็นปลา

เรื่องนี้สุดยอดมาก ลูกเมียใครไฉไลฟันดะ ไม่ได้เลือกเพศเลือกอะไรเลย อย่างทศกัณฑ์นี้ไปมีลูกกับนางนาคคือมังกรกัณฐ์ ไปมีลูกกับนางช้างก็คือทศคีรีวัน ทศคีรีธร หน้ามืดไม่เลือกเวลาจริง ๆ เลยนะ..!

องคตโตขึ้นมา ก็ฝึกวิทยายุทธจากพาลี ถึงเวลาก็ยกทัพกับพระรามไปรบกับทศกัณฐ์ จองถนนกันกระจาย เสียเวลาสร้างถนนนานมาก เพราะว่าต้องสร้างถนนจากฝั่งอินเดียข้ามไปเกาะลงกา ทุกวันนี้ภาพถ่ายดาวเทียมยืนยันได้ ถนนสายนั้นยังมีอยู่ แต่นักวิชาการเขาบอกว่าน่าจะเป็นแนวปะการังเก่า

มัวแต่สร้างถนนอยู่..ช้า พระรามก็เลยตั้งองคดเป็นทูตให้ไปสื่อสาร แจ้งให้ทศกัณฐ์คืนนางสีดามาเสียแต่โดยดี อันนี้ยังไม่ได้เล่าถึงว่าทศกัณฐ์เอานางสีดาไปตอนไหน ถ้าเล่าไปแล้วเรื่องยาวมาก

ปรากฏว่าองคตทำเกินหน้าที่ เขาให้ไปเป็นทูต ดันไปถล่มปราสาททศกัณฐ์เสีย แถมยังฆ่าทหารทศกัณฐ์ไปเสียบานเลย โดยไม่ได้คิดว่าถ้าอีกฝ่ายหนึ่งโกรธขึ้นมาแล้วก็ฆ่านางสีดาคืน แล้วจะทำอย่างไร ?

เพราะฉะนั้น..จำไว้ว่าทำอะไรอย่าทำเกินหน้าที่ เหาะเลยลงกานั้นไม่ดี ทำเกินหน้าที่เมื่อไร "โบ้" ก็ต้องลาออก ไม่อย่างนั้นประยุทธ์อยู่ไม่ได้..! นี่พูดถึงบริษัทเมืองสารขัณฑ์นะ บริษัทนี้เขามีผู้จัดการชื่อประยุทธ์ ในเมื่อ
"โบ้" ทำเกินหน้าที่ "โบ้" ก็เลยต้องลาออก ไม่อย่างนั้นจะพาประยุทธ์เจ๊งไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2022 เมื่อ 19:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 15-06-2022, 22:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พูดถึงทุนการศึกษานักเรียนซึ่งจะมอบให้ในวันวิสาขบูชาทุกปี

ทั้งหมดปีนี้ให้ทุนการศึกษา ๑ ล้าน ๕ แสนกว่าบาท ก็คือ
ทุนประถมศึกษา ๕๑๕ ทุน ทุนละ ๒,๐๐๐ บาท
ทุนมัธยมศึกษา ๑๐๕ ทุน ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท
ทุนอุดมศึกษา ๘ ทุน ทุนละ ๓๐,๐๐๐ บาท
อุดมศึกษานี่ถ้าใครได้ก็คือส่งจนจบ จะได้ทุกปี ปีละ ๓๐,๐๐๐ บาท ดีกว่ากู้ กยศ. เพราะไม่มีดอก ให้ฟรี ไม่มีข้อผูกมัด อยากย้ายมาอยู่ทองผาภูมิเลยไหม ?

พวกในตลาดพาลูกพาหลานมาใส่บาตร บอกเด็กว่า "ไป ๆ ไปใส่บาตรหลวงตา ต่อไปโตขึ้นจะได้ทุนการศึกษา" พ่อแม่ปลูกฝังให้นำหน้าด้วยความโลภ ไม่ได้ตั้งใจทำบุญหรอก


__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2022 เมื่อ 01:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 15-06-2022, 22:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พรุ่งนี้ประมาณ ๖ โมงเย็นน่าจะตามประทีปได้ ไม่ต้องไปบรรยายว่า "จุดตามประทีป" นะ คำว่า ตาม หมายถึง จุดไฟอยู่แล้ว ตามประทีปก็คือจุดไฟ

หนุ่มกรุงเทพฯ ไปจีบสาวอีสาน กว่าจะตะกายไปถึงบ้านสาวก็เล่นเอาค่ำแล้ว ไปถึงก็ตะโกนเรียก ว่าที่พ่อตาก็โผล่ออกมา มืดก็มืด พ่อตาก็เลยหันไปตะโกน "อีหนู ผู้ชายที่ไหนมาไม่รู้ ? เอากระบองมาให้พ่อหน่อยซิ" ไอ้หนุ่มเผ่นอ้าวเลย ไม่รู้ว่าทางอีสานคำว่า กระบองคือคบไฟ กระบองภาคกลางกับกระบองทางอีสานคนละอย่างกัน

ราชาศัพท์ พระแกล อีสานใช้ว่า บ่องเยี่ยม บ่องก็คือช่อง เยี่ยมก็โผล่หน้าเข้าไปได้ ภาคกลางเรียก หน้าต่าง หลาย ๆ ภาษาก็สนุกนะ แต่พอไปถึงภาษาอังกฤษก็บ้าไปเลย อินเดียยิงขีปนาวุธจากเครื่องบินสู่อากาศชื่อ บรามัส ซึ่งจริง ๆ แล้วคือขีปนาวุธพรหมมาสตร์ ศรพระราม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2022 เมื่อ 01:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 15-06-2022, 22:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คนอินเดียเรียกช้างว่า เอราวัณ แต่อังกฤษอ่านว่า เอล-อิแฟ็นท์ (elephant)

ถ้าหากว่าไปเที่ยวเนปาล เขาก็จะแนะนำให้ไปเมืองโพคารา หนาวอย่าบอกใครเลย เพราะว่าอยู่ติดกับหิมาลัย ตรงนั้นทิวทัศน์จะสวยมาก เราก็เรียกโพคารา ตามเขาไปตลอด แต่จริง ๆ แล้วอินเดียเขาเรียก โปกขะระ..สระโบกขรณี แต่คนไทยดันไปอ่านว่าโพคาราตามฝรั่ง

คนไทยไปซื้อปลาที่อินเดีย ด้วยความที่เขาสอนกันต่อ ๆ มาว่า อย่าไปกินปลาในแม่น้ำ เพราะว่าปลาพวกนั้นกินศพ คนอินเดียจำได้ว่าคนไทยไม่กินปลาแม่น้ำ พอถึงเวลาคนไทยถามว่า "ปลาแม่น้ำหรือเปล่า ?" เขาก็ตอบว่า "โน ๆ ๆ โปกขะระ มัจฉะรี"..ปลาในสระ

โน เป็นภาษาบาลีแปลว่า ไม่ โนไม่ใช่ภาษาอังกฤษ นะ ก็ไม่ โน ก็ไม่ แปลว่าไม่ เหมือนกันทั้งสองคำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2022 เมื่อ 01:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 15-06-2022, 22:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถือว่าวันนี้เป็นวันปล่อยผี ผ่อนคลายให้หน่อย ปฏิบัติธรรมแล้วเครียดมาก เครียดเหลือเกิน วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง ปฏิบัติตั้ง ๒ ชั่วโมง..น่าตีให้ตาย..!

สมัยกระผม/อาตมาภาพปฏิบัติธรรมแบบทุ่มเทวันละ ๒๒ ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ก็คือถ้าร่างกายไม่ไหวก็นอน ๒ ชั่วโมง ไม่เลือกเวลา ทำไปเรื่อย เดินจงกรมภาวนา นั่งภาวนา หมดสภาพหมดแรงเมื่อไร ก็หัวไถพื้นลงไปนอนเลย ไม่เลือกที่หรอก สองชั่วโมงก็ลุกขึ้นมาว่ากันต่อ

ขยันเกินจนโดนผีหลอก คือภาวนาจนหมดสภาพก็นอน พระนอนก็ว่ากันตามแบบสีหไสยาสน์ นอนตะแคงขวา เท้าซ้ายเหลื่อมเท้าขวาในลักษณะก้าวเดิน พร้อมที่จะลุก เพิ่งจะภาวนา พุท ไม่ทันจะ โธ มีเสียงเดินมา ตึกไหวทั้งหลังเลย..ยวบ..ยวบ.. อื้อหือ..ตัวอะไรใหญ่ขนาดนั้นนะ..!

อาตมาตั้งท่าแล้ว เล็งเอาไว้ยวบที่สาม มาอยู่ในรัศมีตีนกูแล้ว พลิกตัวกลับ..เตะเลย..! ใหญ่ก็ใหญ่ละวะ เดาสิว่าอะไร ? ลูกแมวตัวนิดเดียว..! ประมาณว่าคลอดใหม่ ๆ ได้สักสามวัน อาตมาหมุนตัวกลับ...เตะ ลูกแมวโดดข้าม นิ่มนวลมากเลย หันกลับมายิ้มหวานให้ แล้วเดินทะลุประตูหายไป แมวยิ้มให้ด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2022 เมื่อ 01:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 15-06-2022, 23:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เป็นพวกเราจะทำอย่างไร ? สงสัยออกประตูไม่ทัน ตะกายข้างฝาพยายามหนีไปใช่ไหม ? แต่อาตมาโดนจนชิน ไม่ค่อยรู้สึกรู้สาหรอก ก็บอกแล้วว่า ใหญ่ก็ใหญ่ ขอเตะไว้ก่อน ด้วยความที่ตีกันมาตั้ง ๓ ปี ซ้อมมวยกันทุกวัน เพราะฉะนั้น...เรื่องหนีไม่มีหรอก ในเมื่อมาก็ขอเตะก่อนก็แล้วกัน

ตอนหลังพอตีกันจนคุ้น ๆ ก็วานให้ช่วยปลุกหน่อยนะ ๐๒.๕๕ น. จะตื่น ถึงเวลา ๐๒.๕๕ น.พวกก็เรียก อาตมาก็ "ยังง่วง ยังไม่ตื่นนะ ขออีกหน่อยเถอะ" เรื่องจริงเลย เหนื่อยขึ้นมานี่งอแงเลยนะ ไม่ไหวเหมือนกัน

ขออีกหน่อยหนึ่ง พวกก็ให้เยอะเลย ไม่ใช่แค่หน่อยหนึ่ง กระบองฟาดเปรี้ยงลงมา..! ดาวขึ้นว่อนเลย โห..กูให้ปลุกเฉย ๆ ไม่ได้ให้ตี..! โหดเป็นบ้าเลย

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า นักปฏิบัติธรรมที่ดี ต้องมีครูบาอาจารย์ที่คนทั่วไปมองไม่เห็นตัวมาช่วยสอน ถึงจะใช้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-06-2022 เมื่อ 23:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 16-06-2022, 08:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาปฏิบัติธรรมอยู่ระยะหนึ่ง อสุภกรรมฐาน ๑๐ ไปถึงอัฏฐิกอสุภะ..พิจารณากระดูก ก็พอดีมีลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงถวายโครงกระดูกมา ๓ โครง เห็นโครงหนึ่งเล็กหน่อย ก็เลยหิ้วขึ้นไปไว้ที่ห้องนอน ตอนที่บอกพวกเราว่ากระดูกทีละท่อน ทีละข้อ ทีละชิ้น เป็นอย่างไรนั่น ก็เพราะว่าดูจนจำได้ทุกชิ้นแล้ว

วันดีคืนดีมีสาวแต่งชุดไทยเขียว ๆ เหลือบทอง นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ข้างที่นั่ง ก็ตกใจ "อีหนู..มาอย่างไรวะ ?" เขาบอกว่าเป็นเจ้าของกระดูก อาตมาไล่ไปไกล ๆ เลย เดี๋ยวหมอปลาเห็น..! ตอนนั้นหมอปลายังไม่เกิด แต่ด้วยความที่กลัวอาบัติ เลยไล่ไปไกล ๆ

บรรดาท่านทั้งหลายเหล่านี้พอได้ส่วนกุศลไป ก็กตัญญู ช่วยเฝ้า แบบนี้นี่เขาตั้งใจทำงาน ไม่ใช่อย่างพระโกณฑธานเถระ

พระโกณฑธานเถระในอดีตชาติเคยสร้างกรรมเอาไว้ มาเกิดในปัจจุบันก็เลยมีรูปผู้หญิงเดินตามอยู่ตลอด โดนทั้งเวิร์คพอยท์ ทั้งช่องไหนต่อช่องไหน ลงข่าวนินทาว่าร้ายไปทั้งสื่อโซเชียล...! แต่พระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ใช่คนประเภทที่ฟังอย่างเดียว พระมหากษัตริย์ท่านฉลาด ไปแอบดูเอง แล้วก็เห็นจริง ๆ ว่าท่านเดินเข้ากุฏิไปองค์เดียว แต่พอถึงเวลาแล้วมีผู้หญิงอยู่ข้างในด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2022 เมื่อ 05:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 16-06-2022, 08:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระเจ้าปเสนทิโกศลก็เข้าใจแล้วว่านี่เกิดจากแรงกรรม "นิมนต์พระคุณเจ้าไปอยู่ในราชอุทยานหลวงเถิด เดี๋ยวกระผมจะถวายภัตตาหารเอง" คือถ้าอยู่ข้างนอกก็เป็นขี้ปากชาวบ้านไม่จบ พระโกณฑธานเองก็หนักใจมานานแล้ว ในเมื่อมีผู้อาสามาแก้ปัญหาให้ก็ดีใจ เข้าไปปฏิบัติธรรมในอุทยานหลวง บรรลุเป็นพระอรหันต์ กรรมตามไม่ทัน รูปผู้หญิงนั้นก็สลายไป

เพราะในอดีตท่านไปแกล้งพระภิกษุ ๒ องค์ที่รักกันมาก ตอนนั้นท่านเป็นรุกขเทวดา เห็นพระภิกษุทั้งสองรักกันมากก็หมั่นไส้ ถึงเวลารูปหนึ่งขอตัวไปปัสสาวะ ตัวเองก็ปลอมเป็นผู้หญิง ทำเป็นผ้าผ่อนหลุดลุ่ย ผมเผ้าเป็นกระเซิง เดินออกมาจากทางด้านนั้น ก็ทำให้พระอีกท่านระแวงว่าเพื่อนพระจะเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว ไม่สามารถจะรักษาคุณความดีของพระสงฆ์เอาไว้ได้แล้ว ก็เลยทำให้คนรักก็คือสหายรักแตกกัน มาชาตินี้กรรมก็เลยตามมา ไปไหนก็มีแต่รูปผู้หญิงตามหลังไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2022 เมื่อ 05:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 16-06-2022, 08:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีอยู่ครั้งหนึ่ง โน่น..ที่เกริงกระเวีย สักห้าโมงเย็น เกือบหกโมงแล้ว เริ่มมืดแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินไปที่พัก เป็นกระต๊อบอยู่กลางป่า ผ่านต้นยางใหญ่ที่ขึ้นอยู่เป็นกระจุก ๓ - ๔ ต้น อยู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้ผ้าขาวรุ่มร่าม ๆ คลุมหัว วิ่งกางแขนออกมา ตอนเย็น ๆ นะ มืด ๆ แล้วด้วย ก็เลยหันไปถามว่า "เล่นอะไรวะ ?" เขาถามกลับมาว่า "ท่านไม่กลัวหรือ ? เห็นในหนังเขาทำอย่างนี้แล้วคนกลัวกัน" หนอย..ผีทันสมัยด้วย มีดูหนัง..! ตอนนั้นหนังเรื่องดารายัณกำลังดัง

อาตมาก็ถามไปว่า "มีธุระอะไร ?" เขาบอกว่า "เห็นท่านปฏิบัติมาหลายวันแล้ว ก็เลยจะขออนุโมทนาส่วนบุญส่วนกุศลด้วย" จึงบอกไปว่า "เออ..รับ ๆ ไป ตูจะรีบไปสวดมนต์" ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วยเพราะว่าได้เวลาสวดมนต์แล้ว กลับไปกางกลดอะไรเสร็จเรียบร้อยหมด เข้าไปกราบพระ สวดมนต์ไหว้พระ เจริญกรรมฐาน

คลายสมาธิออกมาจะนอน "อ้าว..อีห่..!" ดันมานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ใกล้ปลายตีน "ไปไกล ๆ เลย เดี๋ยวคนเห็น กูจะซวยไปด้วย..!" เขายืนยันว่า "ท่านเห็นคนเดียว" อาตมาบอก "เห็นคนเดียวก็ไม่ได้ ออกไปห่าง ๆ หน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2022 เมื่อ 05:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 16-06-2022, 08:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้เราต้องระวังเอง จะไปให้คนอื่นระวังแทนเราไม่ได้ ก็แบบเดียวกับที่พระมหากัสสปะไล่ลาชเทวธิดา "อัปเปหิ..เธอจงไป" ลาชเทวธิดาถวายข้าวตอกพระมหากัสสปะ ๑ ขัน แล้วโดนงูกัดตาย ไปเป็นนางฟ้าอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก มีวิมานทองคำสูงตั้งสามโยชน์ ซึ่งเท่ากับ ๔๘ กิโลเมตร..! แต่อย่าลืมว่าเทวดานางฟ้าอัตภาพร่างกายขนาดต่ำสุด ๓ คาวุตนะ

๔ คาวุตเป็น ๑ โยชน์
๑ โยชน์ เท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร
ดังนั้น...๓ คาวุตก็เป็น ๑๒ กิโลเมตร เพราะฉะนั้น...ตัวสูง ๑๒ กิโลเมตรแล้วบ้านสูง ๓ โยชน์ก็น่าจะพอเหมาะกัน

ลาชเทวธิดาดูว่าตัวเองได้สมบัติมาจากใคร ? ก็ได้มาจากพระคุณเจ้าพระมหากัสสปะสงเคราะห์รับบิณฑบาต พอถึงเวลาพระคุณเจ้าออกบิณฑบาต ตัวเองก็เลยไปช่วยทำความสะอาดถ้ำ ปัดกวาดเช็ดถู ตั้งน้ำใช้ น้ำฉัน ปูอาสนะไว้อย่างดี พระมหากัสสปะกลับมา อ้าว..วันนี้ไม่ต้องกวาดเอง สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย ก็เลยถามว่าใคร ? ลาชเทวธิดาก็โผล่มาบอกว่า "ดิฉันลาชเทวธิดาผู้เป็นอุปัฏฐากเจ้าค่ะ" พระมหากัสสปะบอกว่า ไม่มีอุปัฏฐากชื่อนี้ ไปห่าง ๆ เลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-06-2022 เมื่อ 23:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 16-06-2022, 08:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระที่รักษาศีลตัวเองจะทำแบบนั้น พระมหากัสสปะเป็นพระอรหันต์นะ พระอรหันต์ส่วนใหญ่ได้รับสติวินัย คือได้รับอนุญาตจากพระพุทธเจ้าว่า กระทำสิ่งหนึ่งประการใดไม่อาบัติ คือปราศจากโทษ เพราะเป็นผู้มีสติสมบูรณ์แล้ว ย่อมไม่ทำในสิ่งที่เป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์

แต่พระมหากัสสปะบอกว่าท่านต้องเป็นแบบอย่างให้แก่ลูกศิษย์และพระภิกษุสามเณรรุ่นหลัง ต่อให้เป็นพระอรหันต์แล้ว ยังต้องเคร่งครัดต่อหลักการปฏิบัติคือ ศีล สมาธิ ปัญญา คราวนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมต้องไล่ลาชเทวธิดาขนาดนั้น

เป็นสมัยนี้มีงอน "อุตส่าห์ขับรถมาจากกรุงเทพฯ ไกลจะตายชัก มาถึงพระอาจารย์บอก กราบเสร็จให้กลับได้เลย..!" ก็อาตมาถามว่า "มาทำอะไร ?" ก็บอกเองว่า "มากราบพระอาจารย์" ดังนั้นกราบเสร็จแล้วก็กลับไปสิวะ ตรงไปตรงมาออก...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2022 เมื่อ 05:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:26



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว