#21
|
||||
|
||||
๑
แล้วหลังจากนั้น ก็มีโอกาสได้ไปกราบหลวงพี่เอกอยู่เนือง ๆ
เวลาที่ท่านลงมากรุงเทพฯ แม้ว่าจะต้องเดินทางข้ามจังหวัดก็ตาม (เอ๊ะ.. รู้แล้วโปรดทราบ ย้ายบ้านด่วน พี่ไปลำบาก เอิ๊ก ๆ) ล่าสุดที่ไปกราบท่าน ได้มีโอกาสถามท่านเรื่องการทำพรหมวิหาร ๔ ซึ่งท่านก็เมตตาตอบมาแบบสไตล์ของท่าน เชิญทัศนาได้ค่ะ ไอ้หยกถาม "หลวงพี่คะ.. ถ้าเราจะทรงพรหมวิหารสี่ คือเราต้อง แผ่เมตตาบ่อย ๆ ใช่หรือไม่คะ?" แล้วหลวงพี่ก็ตอบว่า "โอย..อย่างนี้ต้องไปเข้าร้าน ให้เขาเติมมาอีก ๓ หน้า ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นเขาไม่รู้ว่าทรงพรหมวิหาร หาที่อยู่แล้วหาศาลด้วย" |
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
๒
แล้วหลวงพี่เอกก็พูดต่อว่า...
"ทรงพรหมวิหารนี่ มันไม่ต้องไปนั่งท่อง ถ้าจะเอาตามตำรานะ ตื่นนอนตอนเช้าก่อนสวดมนต์ภาวนานี่ ให้ทรงกำลังใจเต็ม เต็มกำลังเลย ว่าวันนี้ เราจะเป็นมิตรกับคนทุกคน เราจะรักคน ทุกคน และสัตว์ทั้งหลาย เสมอเหมือนกับตัวเรา ต้องเข้าใจใน คำ ๆ นี้นะ หมาก็หิวเป็น เราก็หิวเป็นเหมือนหมา หมาอยากกินน้ำ เราก็อยากกินน้ำเหมือนหมา มันเป็นแบบนั้น เขาก็คือเรา เราก็คือเขา คือจิตใจเดียวกัน นี่มันเป็นอารมณ์ของคนทั้งหมด สัตว์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนิโกร ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลี หรืออะไรต่ออะไรนี่ แต่วงเล็บว่าต้องหล่อ ๆ ด้วย (อันนี้แซว) ต้องถูกสเปคด้วย นี่ อันนี้คือตัวเมตตาความรัก" "กรุณาคือความสงสาร คนและสัตว์ทั้งหลาย เสมอเหมือนตัวเรา มุทิตาก็คือว่า เราจะยินดี จะไม่อิจฉาริษยาใคร ใครทำดี เราขอ โมทนาด้วยทั้งหมด และเราจะวางเฉย เมื่อกฎของกรรมเข้ามาถึงแล้ว นี่ก็เป็นตัวอุเบกขาในบารมี ๑๐ ด้วย เราจะวางเฉย เราพร้อมช่วยเหลือ คนอื่นเสมอ ถ้ามีอะไรให้ช่วย แต่ถ้าช่วยไม่ได้ เราก็จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะวางเฉย แต่ว่าเฉย ก็ต้องเฉยในเมตตาอย่างที่ว่านะ ไม่อย่างนั้น เมตตาพาตกเหวได้" |
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
๓
"มีคนอยู่ ๔ คนเดินมา ไอ้คนชื่อเมตตามันเดินไม่ดี เดินไม่ระวัง
ตกไปในเหว ไอ้คนชื่อกรุณาก็เอาไม้แหย่ลงไป 'อ้าว.. มึงจับไม้ จับอะไร' ไอ้คนชื่อเมตตา มันเมตตาหนักไปหน่อย ตัวอ้วนใช่ไหม มันอ้วน มันก็หล่นลงไปด้วยเลย ไอ้ตัวมุทิตาก็ ตาย..เพื่อนเรา ๒ คน หล่นไป เราต้องช่วย ก็เลยหล่นไปอีกคน ไอ้ตัวอุเบกขามาตัวที่ ๔ เห็น โห้.. ตั้ง ๓ คน เกินกำลัง ช่วยไม่ไหว เลยรอดอยู่คนเดียว บางครั้งต้องใช้อารมณ์นี้" "อันนี้เป็นอุเบกขาในเรื่องของสาวกภูมิ ถ้าเป็นอุเบกขาของพระโพธิสัตว์นี่ มีนิดเดียว ช่วยไม่ได้นี่ กูทุกข์ ต้องไปวานองค์นั้น องค์นี้มาช่วย" "คือการที่จะวางอุเบกขาให้ได้ มันต้องมีปัญญาก่อน ว่าสัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด ถ้ามันรู้หลักอย่างนี้จะอุเบกขาเป็น ไม่อย่างนั้นมันอุเบกขาไม่ได้ มันจะช่วยไปหมด ไปช่วยหมดมันเกินกำลังเรา แล้วเรามาทุกข์ทีหลัง ถ้าเราสามารถช่วยได้ โดยที่เราไม่ทุกข์ มันก็ไม่เป็นไร ใช่ไหม" |
สมาชิก 77 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
๔
"หูย.. คนนี้ไม่มีตังค์เลย ทำอย่างไรดี กู้หนี้ยืมสินมาช่วยเขา
แล้วพอตอนหลังมันหนีไป แล้วหนี้มาตกอยู่กับเรา เพราะเราเป็นคน ค้ำประกันมัน จะมานั่งบ่นไม่ได้ เพราะเราเมตตาเอง ใช่ไหมเล่า? ถ้าเมตตาต้องพร้อมไปด้วย ต้องพร้อมในส่วนของการผิดหวัง เผื่อของการนี้ด้วย แต่ส่วนใหญ่ทำใจไม่ได้ ตรงนี้ถ้าทำไม่ได้แบบนี้ ใช้อุเบกขาไปก่อนดีกว่า ก็อธิษฐานไว้ในใจว่า ถ้าฉันพร้อม ฉันจะช่วย เธอทันที แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม นี่..แบบนี้เขาเรียกว่า อุเบกขาซ่อนไปด้วยเมตตา" "อย่างนี้ถึงจะเป็นพรหมวิหารแท้ ๆ ถ้าไม่อย่างนั้นเป็นอุเบกขาควาย กินหญ้าอย่างเดียวเลย(ลากเสียง) กูไม่สนใจใคร ฝนจะตก แดดจะออก กูไม่รู้ แบบนี้เรียกว่าอุเบกขาควาย เขาไม่ใช้กัน อันนี้มันตรงตามตำรา ไปหน่อย อุเบกขา เฉย เฉย (ทำเสียงสูง) แบบนี้มันไม่ใช่" |
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
"เมื่อเราพิจารณาได้ ๔ อย่างตรงนี้แล้ว เมตตา กรุณา มุทิตา
อุเบกขา ก็ทรงอารมณ์อันนั้น พยายามน้อมนำ ทรงอารมณ์อันนั้นไว้ แล้วเสร็จแล้วก็สวดมนต์ไหว้พระ ทำจิตให้ผ่องใส นึกถึงพระนิพพาน เป็นการ build อารมณ์ให้มันง่ายหน่อย ในการเข้าสู่กระแสธรรมนั้น แล้วก็ทรงอารมณ์จิต เมื่อเข้าถึงอารมณ์พระนิพพานแล้ว ก็อาราธนาสมเด็จพ่อประทับตลอดทั้งวัน แบบที่สอนไป เพราะวันนี้ ไม่รู้ลูกจะตายตอนไหน ถ้าตายแล้ว ลูกขอไปอยู่ กับสมเด็จพ่อที่เดียว อ้าว.. พอตกดึก พอเรานอนแล้วตื่นมาตอนเช้า อ้าว..ยังไม่ตายนี่ อ้าว..วันนี้มันยังไม่ตาย ชีวิตยังอยู่อีกวันหนึ่ง อย่างนั้นก็ หนูจะทำความดี ถวายเป็นพุทธบูชา อธิษฐานบุญตรงนี้ จะถวายสมเด็จพ่อทุกวัน ถ้าตายเมื่อไหร่ ขออยู่กับสมเด็จพ่อที่เดียว วันนี้ขอเป็นวันสุดท้ายในการที่จะมีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้น วันนี้ทำให้ดีที่สุด อะไรที่ครูบาอาจารย์ท่านบอก เอามารวบรวมอยู่ในอกในใจ พยายามทำให้ดีที่สุด อันนี้เรียกว่า 'ทำวันนี้ให้ดีที่สุด' ตามตำรับตำราจริง ๆ ไม่ใช่ตามตำราดารา กินเหล้า เมากาม แล้วมาบอกว่า 'ทำวันนี้ให้ดีที่สุด' (ดัดเสียง) คติของมัน (ทำเสียงดูแคลน) มันไม่ใช่ ภาพพจน์ อันนั้นคือภาพพจน์ ถือแก้วเหล้าแล้วบอกว่า ผมจะทำวันนี้ ให้ดีที่สุดครับ มันไม่ใช่" ชอบเวลาที่หลวงพี่เอกพูดถึงสมเด็จพ่อค่ะ เวลาท่านพูด เหมือนท่าน จูงมือเราขึ้นไปกราบสมเด็จพ่อด้วยกันกับท่านเลย ความนอบน้อม เคารพต่อพระรัตนตรัยของหลวงพี่ มันล้นออกมาจากใจ จนแสดง ออกมาทางวาจา และทางกายจนสามารถรับรู้ได้ โดยไม่ต้องตั้ง อารมณ์ใจเพื่อรับรู้ในกระแสนั้นเลย แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวแสบจำเป็น : 22-09-2009 เมื่อ 11:40 |
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเล็กบอกว่า ท่านเป็นคนที่น้ำหนักขึ้นยากมาก เคยอ้วนที่สุดตอนเป็นทหาร ตอนนั้นท่านหนัก ๖๓ กิโลครึ่ง
พอตอนหลังตั้งใจจะบวช ก็เลยถือศีลแปดก่อนบวชเป็นเวลา ๒ ปี น้ำหนักลดลงมาเหลือ ๕๔ กิโล หายไป ๙ กิโลครึ่ง ท่านบอกว่า "จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา ๒๕ ปีแล้ว ได้คืนมา ๒ กิโล เลยอิจฉาเด็ก ๆ เห็นเด็กอ้วน ๆ ไม่ได้ รู้สึกหมั่นเขี้ยว อยากงับ เมื่อไหร่เราจะอ้วนแบบนั้นบ้าง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-03-2012 เมื่อ 09:17 |
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
|||
|
|||
อยากจะถวายน้ำหนักบูชาพระคุณหลวงพี่เล็ก ท่านสัก ๑๐ กิโลกรัมจะดีหรือไม่ครับ
อึดอัดสุด ๆ ครับ การที่ร่างกายมันอ้วน มันทำให้เราเห็นทุกข์ได้ง่าย ๆ เหมือนกันครับ ยิ่งตอนนี้ช่วงลดน้ำหนักได้พิจารณาอาหาเรฯ อย่างมากทีเดียว คิดก่อนกิน ไม่ใช่อิ่มมากแล้วค่อยมาคิดว่า "ไม่น่ากินเข้าไปเลย"
__________________
คุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันสูงสุด กำจัดทุกข์ได้จริง กำจัดภัยได้จริง แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เด็กท้ายแถว : 22-07-2009 เมื่อ 21:10 เหตุผล: อึดอัด เขียนติดกันค่ะ และคำว่า "กิโล" ควรเขียนว่า "กิโลกรัม" ค่ะ |
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ มิ่งเมือง ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
|||
|
|||
พี่ทิดคะ
ที่พี่ทิดเคยทักว่าเจ๊หยกจะถูกครูบาเหนือชัยทักอีกหรือไม่นั้น สไบเงินมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบค่ะ ว่าเจ๊หยก เป็นเอตทัคคะในเรื่องนี้จริง ๆ ค่ะ ครูบาฯ ท่านทักเจ๊หยกแล้วค่ะ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 12-08-2011 เมื่อ 02:17 |
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สไบเงิน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
||||
|
||||
ครูบาเหนือชัย
กลับมาอีกครั้ง กับกระทู้ลำเค็ญ (?)
แหม ๆ ๆ พี่น้องคะ.. ครูบาฯ คุยกับหนูจริง ๆ หรือคะ? แม้ว่าตอนท่านพูด จะมองหน้าหนู แต่หนูก็ไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง หรอกค่ะ ว่าท่านหมายถึงหนู แต่ว่า.. ไหน ๆ ก็มีเสียงเรียกร้อง อยากฟัง (อ่าน) เรื่อง ที่ครูบาฯ สอน หนูจะนำมาเล่าสู่กันฟัง (เพลงพี่เบิร์ดอีกสักเที่ยว) นะเจ้าคะ เรื่องอาจจะกระท่อนกระแท่นไปบ้าง ทั้งนี้เพราะญาติโยมที่ต้องการ ให้ครูบาฯ สงเคราะห์มีเยอะ จึงบางทีก็มีแทรกมาบ้างในบางเนื้อหา อา.. ว่าจะไม่ตำหนิใครแล้ว แต่เอาสักหน่อย ไหน ๆ ก็บาปแล้ว เตือน ๆ พี่น้องนิดนะคะ เรื่องการวางกำลังใจ ถ้าวางกำลังใจผิด อาจจะกลายเป็นการใช้พระได้ เราล้วนแต่เป็นผู้ที่กำลังปฏิบัติ บางคนเป็นพุทธภูมิ บางคนก็ต้องการนิพพานชาตินี้ อย่าให้กรรม เล็ก ๆ น้อย ๆ มาบั่นทอนมรรคผลที่เราพึงจะได้รับเลยนะคะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ.. เดี๋ยวจะอารมณ์เสีย แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวแสบจำเป็น : 09-06-2009 เมื่อ 13:29 |
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
||||
|
||||
๑
เรื่องที่จะเล่านี้ ได้รับฟังจากครูบาเหนือชัย เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๒
ที่ผ่านมาค่ะ ที่บ้านเฮียตือผู้อารี (ขอบพระคุณนะคะ แม้ว่าหยกจะไม่ได้หม่ำ มาม่าของเฮียก็ตามค่ะ อิอิ) วันนั้นช่วงเช้าครูบาฯ ติดกิจนิมนต์ค่ะ พวกเรา ไปนั่งรอกันตั้งแต่บ่าย (พวกนกรู้) จนในที่สุด ครูบาฯ ก็มาให้เราชื่นใจกัน ในตอนหนึ่ง ครูบาฯ เทศน์ว่า ศีลเป็นภาษาอินเดีย แปลเป็นภาษาไทยว่าปกติ คนผิดศีลก็คือ คนผิดปกติ คนมีศีลก็คือคนปกติ คนกินเหล้าคือคนผิดปกติ คนโกหกคือคนผิดปกติ คนชอบไปเป็นชู้คนอื่นเขาคือคนผิดปกติ คนชอบขโมยเงินเมียคือคนผิดปกติ (ฮากันไป) คนที่ชอบ เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ฆ่าผู้อื่นคือคนผิดปกติ คนปกติเขาจะ ไม่ฆ่าใครใช่ไหม? จะไม่ลักขโมยของใครใช่ไหม? คนปกติจะ ไม่นอกใจคนรักใช่ไหม? คนปกติจะไม่โกหกใครใช่ไหม? คนปกติจะไม่เมาเหล้า เมายาบ้า ยาเสพติดใช่ไหม? นี่.. ทีนี้ รักษาศีล ก็คือการรักษาความปกติของใจไว้ใช่ไหม? รักษาศีลกับผิดศีลอันไหนง่าย? หา..ผิดศีลง่าย? ลองฆ่าคน ที่อยู่ใกล้ ๆ นี้ให้หน่อยสิ ไหนลองดูสิ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวแสบจำเป็น : 09-06-2009 เมื่อ 13:28 |
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
||||
|
||||
๒
ที่จริงอยู่เป็นปกติง่ายกว่า ใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นก็เป็นพุทธเพียงแค่
ในทะเบียนบ้านใช่ไหม? ในบัตรประชาชนใช่ไหม? ในสำมะโนครัว ใช่ไหม? ในเมื่อเรารู้จักศีล ก็เป็นปริยัติ ปริยัติเขาให้รู้จักใช่ไหม? ก็เอาศีลนี่ยัดไว้ในใจ จะเอาศีลยัดไว้ในใจ ต้องมี มนสิการ คือการกำหนดใจ คนที่จะรักษาศีลได้ ต้องกำหนดใจ กำหนดจิตเลยว่า ฉัน จะ รัก ษา ศีล (เน้นทีละคำ) เธออย่างี่เง่า ฟังฉันอย่างเดียว ตื่นเช้าเตรียมตัว ช่วยฉันทำกับข้าว ไปถวายพระ บอกให้รักษาศีล ฟังธรรมด้วยกัน ถ้าไม่มีการกำหนดจิต กำหนดใจ จะรักษาไม่ได้นะ ตัวปริยัติทำให้รู้จัก ตัวปฏิบัติทำให้รู้จริง เมื่อยัดเข้าไว้ในใจแล้ว ก็กำหนดจิตเข้าสู่ เนกขัมมบารมี มีกำลังใจที่จะตัดความกังวลทุกอย่าง ตอนนี้ฉันจะไปฟังพระเทศน์ ๑ ชั่วโมงนี้ ห้ามมีกังวลเด็ดขาดเลย ล็อกไว้เลย ความกังวลเอาไว้ข้างล่างก่อน ไว้ที่บ้าน ในระหว่าง ที่ฟังธรรม ห้ามเอามาไว้ข้างบน |
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
||||
|
||||
๓
เนกขัม แปลว่าตัดกังวล บารมีแปลว่ากำลังใจ เนกขัมมบารมี คือมี
กำลังใจตัดกังวล เมื่อมีกำลังใจตัดความกังวลได้แล้ว ก็จะรู้ทันที ว่าใจสงบ เป็นสมาธิ คนที่ตัดกังวลได้นี่ เข้าสู่การปฏิบัติแล้วนะ เออ.. ปฏิบัติทำให้รู้จริง ปริยัติทำให้รู้จัก ต้องรู้จักจริง ถ้ารู้จักอย่างถ่องแท้ก็ยัดไว้ในใจเลย มนสิการเลย ปฏิบัติปั๊บ ก็รู้จริงเลยว่าสงบหรือเปล่า ถ้าใครตัดกังวลได้ มันจะสงบไวมาก มันเป็นสมาธิได้ไว ก็เข้าสู่ความสว่าง นั่นคือปัญญาบารมี มีกำลังใจ ที่ทำให้ใจตัวเองสว่างไสว พร้อมที่จะรู้ เห็น จำ คิด ฟังธรรมดี ๆ เพื่อให้เกิดปัญญา เมื่อเกิดปัญญาแล้ว ก็จะรู้แจ้ง ตัวรู้แจ้งนั้นเป็นปฏิเวธ ปริยัติทำให้รู้จัก ปฏิบัติทำให้รู้จริง ปฏิเวธทำให้รู้แจ้ง เมื่อแจ้งชัดในใจแล้ว ก็รู้ว่า ชีวิตนี้มีน้อยจริง ๆ มีสิทธิ์ได้ใช้คนละร้อยปี หักเวลานอนหลับไปครึ่งหนึ่ง เหลือ ๕๐ ปี หักเวลาสำมะเลเทเมา จับผิดจับถูก งี่เง่าเต่าตุ่นออกไปอีกครึ่งหนึ่ง เหลือ ๒๕ ปี น้อย.. น้อยจริง ๆ ก็เริ่มมีกำลังใจที่จะอดทน ขันติบารมี เริ่มมีกำลังใจที่จะพากเพียรขยัน ก็มีเวลาน้อยนิดนี่ ๒๕ ปี ยิ่งตัดเวลาจับผิดจับถูก ทะเลาะเบาะแว้งอีก ๕ ปี ก็เหลือ ๒๐ ปี บางคนใช้เวลาเปล่า ๆ ไปอีก ๑๐ ปี เหลือ ๑๐ ปี นี่..เห็นไหมล่ะ? ชีวิตนี้น้อยจริง ๆ อย่าประมาท แต่มันมีค่ามาก สำหรับสร้างบารมี บำเพ็ญเพียรเพื่อความหลุดพ้น |
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
||||
|
||||
๔
เมื่อรู้ว่าตัวเองคำนวณแล้วมีเวลาน้อย ก็เพียรขยัน เกิดวิริยบารมี
วิริยะคือความพากเพียร ขยัน บารมีคือกำลังใจที่เต็มเปี่ยม มีกำลังใจแกร่งกล้าขึ้น เพียรขยันจะไม่ย่อท้อ ทั้งกลางวัน กลางคืน เพื่อนเฮงซวย เพื่อนงี่เง่า ก็ขี้เกียจไปหามันแล้ว ขยันไปในสิ่งที่ดี ๆ ดีกว่า สิ่งที่ไม่ดีก็ขี้เกียจทันทีเลย เมื่อมีความเพียรมากเข้า ๆ ความอดทนก็ต้องเพิ่มขึ้น หน้าที่การงานก็รัดตัว ความเพียรพยายาม ของเราต้องมาก กำลังใจต้องแน่วแน่ ความอดทนต้องเพิ่มขึ้นมาก เพราะเรา (เขาเรียกว่า) ตกบันไดพลอยโจนมานานแล้ว (ก็ว่าได้นะ) คือหลงไปกับโลกนานแล้ว ต้องเพิ่มความอดทนให้มาก ๑. จะต้องอด ทนฟันฝ่าอุปสรรคนานับประการในชีวิตทางโลก นั่นก็ลูก นั่นก็ผัว นั่นก็เมีย นั่นก็ญาติพี่น้อง นั่นก็หนี้สิน บารมีก็ต้องสร้าง ต้องอดทน ยิ่งกว่าเก่าร้อยเท่าพันเท่า 'หน่อมแน้ม' ไม่ได้ ในเมื่ออดทนแล้ว ต้องมีความจริงใจด้วย ต้องมีกำลังใจที่ต้อง จริงใจกับชีวิตของตัวเอง กับครอบครัวของตัวเอง แล้วพระพุทธศาสนา คือต้องตั้งสัจจบารมี ต่อหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอบารมี คือกำลังใจเด็ดเดี่ยว เด็ดขาด ที่ครูบาอาจารย์ท่าน ฝึกฝนใจจนสำเร็จแล้ว มาเป็นมเหตะเดชา เป็นตบะเดชะ เพิ่มพูนกำลังใจให้เรา เพิ่มพูนบารมี ให้เรา สิ่งไหนที่ครูบาอาจารย์บอกว่า ให้รวบรัด เร่งรัดบารมี 'ไป ๆ ไปทำห้องน้ำ' ก็รีบช่วยกันไปทำ 'ไป ๆ ไปทำถนนหนทาง' ก็รีบช่วยกันไป 'ไป ๆ ๆ นั่นวิหารทาน วิมานคือของพวกเธอ' ก็รีบไปแล้ว แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวแสบจำเป็น : 09-06-2009 เมื่อ 13:30 |
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
||||
|
||||
๕
มีความจริงใจ มีกำลังใจ จริงใจ รักใครต้องมีความจริงใจ
ไม่ใช่รักแบบชาวโลก รักแบบชาวโลกียะ ถูกใจก็รัก ไม่ถูกใจก็เกลียด ต้องฉลาดรักแบบชาวพระนิพพาน ลากคอมาให้ตั้งสัจจบารมีเลย เธอนี่โชคดีนะ มาตั้งสัจจะด้วยกัน สมาทานศีลห้า สมาทานการให้ทาน แล้วมาสร้างบารมีด้วยกัน รักแบบนี้รักแบบพ้นทุกข์แล้ว ดึงกันออกจากวัฏฏสงสาร เห็นไหมล่ะ? เหมือนพระพุทธองค์ ที่ไปโปรดพระนางพิมพา ผลสุดท้ายพระนางพิมพาก็บรรลุพระอรหันต์ พระราหุลก็บรรลุ พระอรหันต์ เรียกว่ารักแบบชาวพระนิพพาน ดึงกันออกจากวัฏฏสงสาร แล้วอธิษฐานบารมี เมื่อมีสัจจะ จริงใจ ไม่มีหลอกกันแล้ว มุ่งมั่นต่อพระนิพพาน ต้องขยันอธิษฐาน เพราะว่าอุปสรรคนานับ ประการนี่ มันกวนใจมาก นั่นก็เมียเก่า นั่นก็แฟนเก่า นั่นก็ผัวเก่า นั่นก็แฟนใหม่ โอ๊ย.. นั่นก็ญาติเก่า นั่นก็ญาติใหม่ กวนใจมาก ๆ เป็นเจ้ากรรมนายเวร หลับตา อธิษฐาน เคยอธิษฐานไหม? อธิษฐานเป็นไหม? ถ้าไม่เป็น.. กล่าวตามนะ |
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
||||
|
||||
๖
ต่อไปนี้ เป็นคำอธิษฐานที่ครูบาฯ สอนให้พูดตามค่ะ
เป็นคล้าย ๆ คำอาขยานนะคะ ส่วนที่เป็นภาษาบาลี หยกพยายามแกะเต็มที่แล้ว แต่ความรู้น้อย ๆ บางที อาจมีผิดพลาดบ้าง ขอให้พี่ ๆ ที่เชี่ยวชาญ โปรดชี้แนะด้วยนะคะ (แหะ แหะ อุตส่าห์พยายามถาม google แล้ว แต่พบว่า google รู้น้อยเช่นกัน) สัมมาอะระหัง อะระหังสัมมา สัมมาอะระหัง อะระหังสัมมา สัมมาอะระหัง อะระหังสัมมา สัมพุทโธภะคะวา พุทธังภะคะวันตัง อภิวาเทมิ สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม ธัมมังนะมัสสามิ สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆังนะมามิ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ นะโมตัสสะ ตัสสะนะโมตัด ตัดกิเลสตัณหาอุปาทาน ด้วยนะโมตัสสะ ตัสสะนะโมตัด นะโมตัสสะ ตัสสะนะโมตัด ตัดเจ้ากรรมนายเวร จงถอยห่างออกไป ตั้งสติตั้งใจ โมทนาในผลบุญ ในบุญพระกรรมฐาน ขอถวายพระสังฆทาน วิหารทาน ให้พระพุทธศาสนา จงมาโมทนา สาธุการเถิด เจ้ากรรมนายเวร จงยกโทษงดโทษ อ่อนอกอ่อนใจ อโหสิกรรม ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด บุญทุกอย่างที่ทำ ในเขตพระพุทธศาสนา จงอนุโมทนา ในบุญกุศลทุกครั้งเถิด อย่าได้รบกวนจิตใจ ข้าพระพุทธเจ้า จะสร้างบารมี บารมีทั้งหลาย มีทานบารมี มีศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี เจ้ากรรมและนายเวร ทุกรูปทุกนาม ทุกดวงจิตทุกดวงวิญญาณ มีบิดามารดา ทุกภพทุกชาติ ครูบาอาจารย์ ทุกภพทุกชาติ ญาติพี่น้องวงศา ทุกภพทุกชาติ มิตรรักสหาย เพื่อนสาราสัตว์น้อยใหญ่ สรรพสัตว์ผู้มีชีวิตชีวา จงมาโมทนา ในบุญพระกรรมฐาน ถวายพระสังฆทาน วิหารทาน ในพระพุทธศาสนา จงโมทนาสาธุการเถิด อานิสงส์แห่งบุญ ขอให้ข้าพระพุทธเจ้า พ้นทุกข์เข็ญใจ พบสุขพระนิพพาน โดยง่ายโดยฉับพลันเถิด แม้นว่ายังอาภัพอยู่ ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏสงสาร ขออย่าได้อาภัพ ๑๘ ประการ จงเกิดอยู่ในตระกูลที่ดี จงเกิดอยู่ในประเทศที่ดี ที่มีพระพุทธศาสนา ได้เกิดมาเป็นคนไทย มีใจรักศีลรักทาน ลูกหลานบริวารที่ดี มีคู่ชีวิตที่ดี มีคู่อุปถัมป์ค้ำจุนที่ดี มีคู่บุญคู่บารมีที่ดี จนแคล่วคล่องการเงินการงาน แคล่วคล่องสติปัญญา คนชั่วคนพาลสันดานหยาบ อย่าได้พบได้เจอ จงถอยห่างออกไป ร้อยโยชน์พันโยชน์ จงได้พบแต่คนดี ๆ มีแต่ความจริงใจ จงได้พบกัลยาณมิตรที่ดี จงได้พบบัณฑิตที่รู้จริง จงได้พบพระอริยเจ้า พระอรหันตเจ้า เข้าถึงซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ ในพระรัตนตรัย ภายในใจของข้าพเจ้า อุดมด้วยเดช อิทธาฤทธิ์ อำนาจสิทธิ เฉียบขาดฉับพลัน กำลังฤทธิ์รัศมี สว่างไสว ทั่วห้องพระนิพพาน เข้าถึงซึ่งวิชชา ๘ ประการ แตกฉานในพระกรรมฐาน ทั้ง ๔๐ ทัศ เข้าถึงอภิญญาสมาบัติ ปฏิสัมภิทาญาณทั้งสี่ รู้เหตุแห่งความเสื่อมและความเจริญ รู้จักเอาอาสวะกิเลสตัณหา ออกไปให้หมดจากใจ เข้าถึงอริยทรัพย์ภายใน ทั้งภายนอก ได้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี โคตรอภิมหาเศรษฐี ใจดีใจบุญ ค้ำจุนพระพุทธศาสนา ได้ทั้งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ พรหมสมบัติ นิพพานสมบัติ ด้วยความมหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ก่อเกิด นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คำว่าขาดตกบกพร่อง คำว่าไม่มี คำว่าไม่สำเร็จ อย่าได้พบอย่าได้เจอ จงมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ มั่งมีศรีสุข เจริญงอกงามไพบูลย์ ทุกทิวาราตรี จงมีแต่คำว่ามี จงมีแต่คำว่าสำเร็จ ตลอดเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน สัมมาอะระหัง นิพพานังปรมังสุขขัง ขลัง ขลัง ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ อิติปิโสภะคะวา อะระหัง วะจะโสภะคะวา มะอะอุทุกขัง อนิจจังอนัตตาติ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวแสบจำเป็น : 10-06-2009 เมื่อ 09:40 เหตุผล: ขอบพระคุณท่านพี่ที่กรุณาชี้แนะค่ะ _/|\_ |
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
||||
|
||||
๗
นี่คือการอธิษฐานบารมี ต่อไปก็เมตตาบารมี เมตตาแปลว่าความรัก
บารมีแปลว่ากำลังใจ ต้องมีกำลังใจรักตัวเอง รักครอบครัวตัวเอง รักบ้านรักเมือง รักประเทศชาติของตัวเอง รักศาสนาของตัวเอง คนที่กินเหล้ามาก ๆ ขาดซึ่งเมตตาบารมี เรียกว่าโหดบารมี ๕๕ ถ้าอารมณ์ค้าง ก็โปรดทราบว่า หยกก็เช่นกันค่ะ นี่คือสิ่งที่หยกบอกอย่างไรเล่าคะ ว่าเนื่องจากญาติโยมมีเยอะ ที่ต้องการให้ครูบาฯ สงเคราะห์ ก็อาจจะมีมาแทรกกลางแบบนี้บ้าง เรื่องที่ครูบาฯ สอน จึงดูเหมือนว่ายังไม่ครบบารมี ๑๐ แต่เอาเป็นว่า เราก็ได้รับความรู้ และได้กำลังใจจากครูบาฯ มามากโข หยกก็ขอจบ เรื่องเล่าในส่วนของครูบาเหนือชัยแต่เพียงเท่านี้ค่ะ |
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
|||
|
|||
นึกว่าจะมาเล่าเรื่องที่หลวงพ่อเล็กเทศน์ครั้งล่าสุดเสียอีก
|
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สไบเงิน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
||||
|
||||
ขออนุญาตเพิ่มเติมจ้า
คำอธิษฐานบารมี ครูบาฯเมตตากล่าวนำให้ทุกคนกล่าวตาม แบบที่เรียกว่าทำนองสรภัญญะ(หรือเปล่าหนอ) เพราะมาก ๆ และเราไม่มีโอกาสได้ฟังจากที่ไหนเลย นอกจากครูบาฯท่านเท่านั้น ขอบคุณและโมทนาน้องหยกในธรรมทานนี้ด้วยจ้ะ
__________________
เสียงธรรมจากพระองค์ที่ ๑๐ ธรรมพระพุทธเจ้า คือธรรมชาติ ธรรมชาติที่ทุกคนก็มีอยู่ในตัวเอง เพราะฉะนั้นเธอก็มีธรรมะ ฉันก็มีธรรมะ เธอกับฉันมีธรรมเสมอกันคือความตาย แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 10-06-2009 เมื่อ 15:12 |
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเล็ก
พี่น้องครับ.. หลังจากเดือนที่แล้ว หลวงพ่อเล็กเมตตาแซวหนูว่า
เป็นลูกปลาวาฬ T^T เดือนนี้ หลวงพ่อเมตตายิ่งกว่า.. หลวงพ่อบอกว่าให้หนูไปอดอาหารลดความอ้วนค่ะ เรื่องราวมันก็มีอยู่ว่า นั่ง ๆ กันอยู่ หลวงพ่อก็เล่านั่นเล่านี้ เราก็ตั้งใจฟังกันไป แล้วท่านก็มองหน้าหยก แล้วก็บอกว่า.. |
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#40
|
||||
|
||||
๑
หยกต้องไปดู "โทณปากสูตร" อยู่ในสุตตันตปิฎก กล่าวถึงพระเจ้าปเสนทิโกศล
พระเจ้าปเสนทิโกศลมีความเคารพรักพระพุทธเจ้ามาก ถึงขนาดว่าทำอย่างไรจะให้ ได้เป็นพระญาติพระวงศ์กับพระพุทธเจ้าท่าน ไปขอเจ้าหญิงของตระกูลศากยะมา เป็นมเหสี เพื่อจะได้เป็นญาติใกล้ชิดกัน แต่ว่าทางศากยะวงศ์นี่ เขาถือตัวว่า เขานั้นเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ ไม่เคยให้ตระกูลอื่นมาปนเลย แต่งงานกันใน วงศ์ญาติพี่น้องตัวเอง เขาก็เลยส่งลูกคนใช้ไปให้ พระเจ้าปเสนทิโกศลก็หลงภูมิใจ แต่ตรงจุดนี้ไม่ได้กล่าว กล่าวถึงตรงที่ว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลนั้นรักเคารพ พระพุทธเจ้ามาก ท่านหาโอกาสไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าทุกวัน แต่ว่าวันนั้น พระองค์ ท่านเพิ่งเสวยพระกระยาหารเสร็จ เกิดความคิดถึงอยากเฝ้าพระพุทธเจ้าขึ้นมา ล้าง พระหัตถ์เสร็จ ก็เดินทางไป ไปถึงเชตวันมหาวิหารก็เป็นลม เพราะว่า พูดเป็นภาษา ชาวบ้านก็คือ ทรงพระอ้วน!! แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-06-2009 เมื่อ 13:06 |
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|