|
ซัวสะเดย..เนียงลออ ซัวสะเดย..เนียงลออ โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#21
|
||||
|
||||
หินทุกก้อนต้องเจาะรูเพื่อเสียบลิ่มไม้ จะได้ผูกเชือกให้ช้างลาก พระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ สร้างปราสาทนครวัด เพื่อถวายบูชาต่อพระวิษณุ ต้องใช้ช่างแกะสลักประมาณ ๕,๐๐๐ คน ช้างนับหมื่นเชือกและคนงานอีกนับแสน ในการตัดและขนหินมาจากเทือกเขาพนมกุเลน ที่อยู่ห่างออกไปกว่า ๕๐ กิโลเมตร มาแกะสลักและประกอบขึ้นมาเป็นปราสาท พลางชี้ให้ดูหินที่ปูพื้นสะพาน ทุกก้อนจะมีรูกลม ๆ สองรูทั้งด้านหัวและท้ายของก้อนหิน แล้วถามว่ามีใครรู้บ้างว่ารูนี้ใช้ทำอะไร ? มัคคุเทศก์เฉลยเองว่า เป็นรูที่เจาะขึ้นมา เพื่อตอกไม้ลิ่มลงไป แล้วเอาเชือกผูกไม้นั้น โยงไปให้ช้างลาก เพื่อขนย้ายหินมายังที่นี้ เฉพาะปราสาทนครวัดแค่หลังเดียว ต้องใช้หินในการสร้างถึง ๖๐๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร โอ้..แม่เจ้า..แล้วใช้เวลาขนหินกันกี่ปีละนี่ ? |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
เช้านี้นักท่องเที่ยวเป็นคนไทยไปเกือบครึ่ง จบการบรรยายช่วงนี้ คุณแสงก็พาพวกเราเดินเข้าไปยังตัวปราสาท พลางบรรยายต่อว่า สะพานหินที่เราเดินอยู่นี้เขาซ่อมขึ้นมาใหม่ โดยใช้อิฐเรียงด้านล่าง แล้วเอาหินเก่าซ้อนไว้ด้านบน ทางด้านซ้ายมือของสะพานมีคนงานดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำ ๓ – ๔ คน กำลังตอกหลักไม้เพื่อเป็นที่ยึดนั่งร้านในการซ่อมแซม พวกเราเดินหลีกทั้งฝรั่งทั้งไทยเข้าไปยังโกปุระ (คุณแสงออกเสียงอย่างนี้จริง ๆ) ซึ่งก็คือซุ้มประตู ผ่านคณะคนไทยที่ถ่ายรูปกันเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปหมด... เมื่อผ่านเข้าประตูของโกปุระเข้าไป เป็นระเบียงยาวซึ่งรายล้อมแทนกำแพงชั้นนอก แผ่นหินสึกกร่อนด้วยรอยเท้านักท่องเที่ยวนับจำนวนไม่ถ้วน มีซุ้มลักษณะโกปุระทั้งซ้ายขวา คุณแสงบอกว่า ซุ้มใหญ่นี้สำหรับพระมหากษัตริย์เสด็จเข้าสู่ตัวปราสาท ซุ้มขนาดเล็กกว่าสองข้างสำหรับเสนาบดี แสดงว่าต้องตามเสด็จมาจนถึงโกปุระใหญ่ตรงกลาง แล้วจึงแยกขบวนเดินตามระเบียงไปทางซ้ายขวา เพื่อเข้าสู่ปราสาททางซุ้มเล็กตามฐานะของตน... |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
เทวรูปพระนารายณ์ ๘ กร ที่ดูสมบูรณ์เกินกว่าที่จะเป็นของเก่า ซุ้มเล็กทางด้านซ้ายเป็นเทวรูปที่พระหัตถ์หักไปแล้วทั้งสองข้าง นักโบราณคดีบางท่านสันนิษฐานว่า เป็นพระรูปของพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ เอง ส่วนซุ้มเล็กทางขวาเป็นเทวรูปที่ทั้งพระเศียรและพระหัตถ์หักหายไปนั้น มีผู้เอาผ้านุ่งสีแดงมานุ่งให้ ซ้ำยังห่มผ้าสไบสีเหลืองอีกด้วย อาตมาดูแล้วเดาเอาเองว่า น่าจะเป็นพระมเหสีของพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒... ซุ้มใหญ่ตรงกลางประดิษฐานเทวรูปพระนารายณ์ ๘ กร ขนาดใหญ่สูงประมาณ ๕ เมตร มีฉัตร ๓ ชั้นสีทองขนาดใหญ่กั้นให้ด้วย น่าจะเป็นของที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพราะสมบูรณ์เกินกว่าที่จะเป็นของเก่า กระนั้นนักท่องเที่ยวทุกคนก็ยังคงแวะสักการะ อาตมาควักเงินหยอดตู้ทำบุญไป ๓,๐๐๐ เรียล ถือว่าร่วมบูรณะปราสาทนครวัดก็แล้วกัน... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 24-03-2014 เมื่อ 17:51 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
แต่ละนางโดนคนมือซนลูบจนลื่นไปเลย เห็นทุกคนเข้าไปสักการะองค์พระนารายณ์ อาตมาจึงใช้เวลาไปถ่ายรูปนางอัปสราที่ยืนร่ายรำอยู่ทั้งสองข้างซุ้มประตู แต่ละนางโดนนักท่องเที่ยวมือซนลูบจนลื่นขึ้นเงา ถ้าเป็นคนขี้จั๊กจี้หน่อย อาจจะแจกมะเหงกให้คนลูบไปนานแล้ว ยังดีที่เป็นหินแกะสลัก จึงทนมือมาได้จนถึงวันนี้... |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
ตัดสินใจไม่ดูรูปพวกนี้ก็ขาดทุนพอแรงอยู่แล้ว อย่าถึงกับมองตูเป็นไอ้โง่สิวะ..! ความจริงรอบระเบียงคดที่เปรียบเสมือนกำแพงเขาสัตตบริภัณฑ์ ซึ่งรายล้อมเขาพระสุเมรุคือปรางค์ปราสาทตรงกลางเอาไว้นั้น มีภาพสลักสวยงามอยู่มากมาย ทั้งภาพการรบที่ทุ่งกุรุเกษตรในเรื่องมหาภารตยุทธ ภาพขบวนทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ ภาพการตัดสินความดีและความชั่วของพระยายมราช และทีเด็ดอยู่ที่ภาพการกวนเกษียรสมุทร เป็นต้น แต่อาตมาตัดสินใจว่า ถ้าขืนเดินรอบระเบียงคดเพื่อชมภาพเหล่านี้ กว่าจะครบก็คงขาลากไปตาม ๆ กัน และอากาศก็คงร้อนจนตับแตกเมื่อเข้าไปชมปรางค์ปราสาทข้างใน ตลอดจนนักท่องเที่ยวก็คงจะมากขึ้นไปอีกหลายเท่า จึงให้คุณแสงนำเข้าไปข้างในเลยทีเดียว โดยทำเป็นไม่เห็นสีหน้าของมัคคุเทศก์ ซึ่งบรรยายไม่ถูกว่าเสียดายแทน หรือเห็นอาตมาเป็นไอ้โง่กันแน่ ?!! แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2014 เมื่อ 02:29 |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
การขุดค้นเพื่อศึกษาทางโบราณคดียังมีอยู่เรื่อย ๆ ด้วยฝีมือการออกแบบที่ชาญฉลาดของวิศวกรโบราณ ทำให้พวกเราที่เดินผ่านโกปุระของระเบียงชั้นนอกเข้าไป ไม่รู้สึกตัวกันเลยว่ากำลังเดินสูงขึ้นไปทุกที เมื่อลงจากพื้นไม้ที่เขาปูทับเอาไว้ เพื่อไม่ให้ธรณีของซุ้มประตูสึกหรอแล้ว ตรงกลางเป็นทางเดินที่สร้างจากหิน มีขอบกั้นเป็นลำตัวมหึมายาวเหยียดของพญานาค ซึ่งตัวทางซ้ายค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตัวทางขวาพังเป็นท่อน ๆ ลงไปกองกับพื้น แต่เขาก็พยายามจัดเรียงให้เป็นขอบทางเช่นเดิม... สองข้างทางต่ำลงไปเป็นเมตรคือพื้นดินที่เป็นสนามกว้างขวางใหญ่โต มีตัวอาคารที่น่าจะเป็นอโรคยาศาลา (สถานพยาบาล) อยู่ด้านละหลัง ทางขวามือมีนักโบราณคดีหลายคน มาตั้งกองขุดหลุมเพื่อศึกษาปราสาทนครวัด แม้จะขุดตามจุดต่าง ๆ หลายจุด แต่ก็จำกัดการขุดแค่หลุมเล็ก ๆ เท่านั้น เผื่อว่าจะพบอะไรที่พอจะไขความลับของปราสาทนครวัดให้มากกว่านี้... |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
||||
|
||||
ใส่แว่นกันแดดเข้าไปแล้วเหมือนกันหมด รอบสนามบางส่วนเป็นดงไม้ค่อนข้างรกทึบ มีต้นตาลขึ้นอยู่ด้วยหลายต้น แต่ไม่ได้บดบังทัศนวิสัยเขาจึงเหลือเอาไว้ มีนักท่องเที่ยวลุยลงไปดูการขุดค้น และชมตัวอาคาร ตลอดจนหามุมถ่ายรูปกันหลายกลุ่ม คุณแสงพาคณะของเราลงบันไดหินไม่กี่ขั้นทางด้านซ้าย ที่ทั้งสองฝั่งเป็นเศียรพญานาคกำลังแผ่พังพาน ลงไปยังพื้นที่อันเป็นจุดสวยที่สุดในการถ่ายรูปปราสาทนครวัด... ข้างล่างเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ช่วงฤดูฝนที่มีน้ำมาก จะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวพากันมาถ่ายรูป เพื่อที่จะได้รูปปราสาทนครวัดกลับหัวอยู่ในสระน้ำ อาตมาถ่ายรูปให้กับป้ามอยบริเวณเศียรพญานาค แม่ป๋อม พี่มุกดา น้องเล็กและลูกปุ๊ก เห็นเข้าก็เฮละโลเข้ามาขอถ่ายด้วย... |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
||||
|
||||
รูปหมู่มุมที่สวยที่สุด แต่..ช่วงนี้ในสระแทบจะไม่มีน้ำ เมื่อลงไปด้านล่างแล้ว ตรงใต้ต้นตาลใกล้ ๆ มีม้าพื้นเมืองตัวเล็กที่เรียกว่าม้าแกลบอยู่ ๑ ตัว คงจะเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวทำท่าขี่เพื่อถ่ายรูปเท่านั้น เพราะถ้าจะให้ขี่เพื่อชมตัวปราสาทจะต้องมีมากกว่านี้ มัคคุเทศก์ของเราชี้จุดที่สวยที่สุดให้ถ่ายรูปกัน ลูกปุ๊กรีบวิ่งเข้าไปเป็นดาราหน้ากล้อง มีแม่ป๋อมเป็น ยายกล้อง ให้ แต่แดดเริ่มแรงและเป็นการถ่ายภาพย้อนแสง ไม่รู้ว่าจะออกมาได้เรื่องหรือเปล่า ? อาตมาส่งกล้องให้คุณแสงช่วยถ่ายรูป พี่วิไล พี่มุกดา ป้ามอย แม่ป๋อม น้องเล็ก และลูกปุ๊กมาร่วมถ่ายรูปหมู่ด้วยกัน ส่วนคุณอารีกับคุณปัญญาไม่ว่าจะเรียกอย่างไรก็ไม่ยอมมาร่วมวง เมื่อเสร็จแล้วพวกเราต้องรีบหลบให้นักท่องเที่ยวอื่น ๆ ได้ถ่ายรูปมุมนี้กันบ้าง... |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
||||
|
||||
สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ตอนนี้แห้งผาก เมื่อเดินกลับขึ้นไปบนสะพานหิน มองลงไปเห็นนักท่องเที่ยวอื่น ๆ เป็นจำนวนมาก กำลังรุมอยู่แถวร้านขายของใต้ต้นจามจุรีขนาดใหญ่ ที่นอกจากร่มรื่นแล้ว ยังอยู่ติดกับกำแพงระเบียงคดชั้นนอก จึงตั้งร้านขายของกันได้โดยไม่เกิดทัศนียภาพอุจาด ส่วนใหญ่ไปซื้อหาน้ำดื่มกัน แต่ของพวกเรามีคุณปัญญาหิ้วน้ำขวดเป็นโหลเดินตามมาอยู่แล้ว จึงเดินผ่านไม้กระดานที่ปูทับโกปุระชั้นในเข้าไป โดยไม่ต้องไปซื้อหาเหมือนคนอื่นเขา... ด้านในของสองข้างซุ้มประตู เป็นสระน้ำสร้างจากหินขนาดไม่ใหญ่มากนัก คุณแสงบอกว่าเป็นที่สระสรงขององค์กษัตริย์ หน้าฝนมีน้ำขังอยู่เหมือนกัน แต่เนื่องจากชาวบ้านถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ จึงมักจะมาตักเอาไปใช้กันจนหมด ประกอบกับน้ำสามารถซึมลงในระหว่างก้อนหินได้ ตอนนี้จึงกลายเป็นแห้งผากทั้งสองสระ... |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
||||
|
||||
"ภาพร่าง" ที่ยังแกะไม่เสร็จ บรรยายเสร็จคุณแสงก็พาเลี้ยวซ้ายไปตามระเบียงคดชั้นใน ซึ่งมีภาพแกะสลักในลักษณะ “ภาพร่าง” คือยังแกะไม่ลึกนัก และมีพระพุทธรูปซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระนาคปรกประดิษฐานอยู่เป็นระยะ มัคคุเทศก์มืออาชีพบอกว่า เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เมื่อพระองค์ครองราชย์แล้ว ได้ดัดแปลงปราสาทนครวัดจากเทวสถานมาเป็นพุทธสถาน ที่สร้างพระพุทธรูปนาคปรกเพราะเชื่อกันว่า ต้นเชื้อสายของชาวเขมรสืบเค้ามาจากนางนาค... “ตอนเปลี่ยนมาเป็นพุทธสถาน พระองค์ท่านไม่กลัวพวกฮินดูเขาประท้วงบ้างหรือ ?” อาตมาถามจอมคนแห่งกัมโพชต้นตำรับการเปลี่ยนแปลงที่ตามมาไม่ห่าง “สมบูรณาญาสิทธิราชย์ขนานแท้ ไม่มีใครเสี่ยงกับการ “หัวขาด” ข้าพเจ้าจึงกล้าเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะยึดหลักว่า เอาธรรมะที่เป็นแก่นสาร มีประโยชน์อย่างแท้จริงมาให้แก่ประชาชน ไม่ได้บีบคั้นให้พวกเขาต้องทำตาม แต่เขาเห็นประโยชน์จึงคล้อยตามมาเองต่างหาก แล้วผู้ใดจะมาประท้วง..?” อือม์..จริงแฮะ... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 25-03-2014 เมื่อ 11:57 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
||||
|
||||
พระพุทธรูปถูกทุบทำลายโดยฝีมือของ "เขมรแดง" ระเบียงคดช่วงนี้ยาวด้านละ ๓๗๐ เมตร ที่น่าสลดใจก็คือพระพุทธรูปทุกองค์โดนทุบจนเศียรหักหมด คุณแสงว่าเป็นฝีมือของพวก เขมรแดง สมัยครองเมืองผู้นำเขมรแดงสั่งให้ทุบทำลายรูปเคารพในพระพุทธศาสนาทิ้ง พวกเราเดินผ่านช่องประตูไปช่องแล้วช่องเล่า ทุกช่องมีแต่พระพุทธรูปไร้พระเศียร หลายองค์แม้แต่เศียรนาคก็ถูกทุบทิ้งไปด้วย บางองค์เหลือแต่เพียงฐานพระเท่านั้น... พระองค์รู้สึกอย่างไร เมื่อเห็นพระพุทธรูปถูกทุบทำลายเช่นนี้ ? อาตมา แหย่เสือ ด้วยคำถามที่ค่อนข้างจะไม่สมควร เห็นชัดว่าสรรพสิ่งไม่เที่ยงแท้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สมกับพระพุทธพจน์อย่างแท้จริง คำตอบเล่นเอาอาตมา เหวอ ไปเหมือนกัน แบบนี้แปลว่า..? มิบังควร..ท่านก็ทราบดีว่าการพยากรณ์เป็นเรื่องของพระพุทธองค์เท่านั้น เล่นปิดปากกันเลยนี่หว่า..! |
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
||||
|
||||
มองด้านหลังหลงดีใจว่ายังมีองค์พระที่สวยสมบูรณ์ เดินผ่านช่อง หน้าต่าง ที่มองเห็นองค์ปราสาทข้างใน อาตมาติดใจลูกกรงหินที่ช่างกลึงเขาใส่รายละเอียดได้เหมือนกับกลึงไม้ เลยถ่ายรูปไปดูไป จนเหลือบไปเห็นพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ดูสมบูรณ์ทั้งองค์แบบไม่น่าเป็นไปได้ แทบจะวิ่งเข้าไปด้วยความดีใจ... แต่พออ้อมองค์พระไปถึงด้านหน้า ก็เห็นว่าถูกทุบเศียรหักไปเช่นกัน พวกเราเดินวนขวาตามระเบียงคด จึงเป็นการเดินมาทางด้านหลังของพระพุทธรูปทุกองค์ เมื่อเห็นเศียรนาคสมบูรณ์สวยงาม จึงคิดว่าองค์พระสวยสมบูรณ์ไปด้วย อนิจฺจา วต สงฺขาราฯ จอมคนแห่งกัมโพชแกล้งบังสุกุลเฉยเลย มันน่าจับบวชนัก..!... |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
||||
|
||||
ต้องแลกบัตรเพื่อเข้าชมปรางค์ปราสาทองค์กลาง เดินห่อเหี่ยววนมาจนถึงซุ้มประตูตรงกลางของระเบียงคดด้านหลัง คุณแสงพาเข้าไปด้านในซึ่งเป็นที่ตั้งองค์ปราสาท โอ้แม่เจ้า..นักท่องเที่ยวหลายร้อยคน มีทั้งที่นั่งพิงกำแพงระเบียงคดนั่งพักเพื่อหลบแดด บ้างก็เข้าแถวรับบัตรเพื่อขึ้นไปชมองค์ปราสาทที่เปรียบเหมือนเขาพระสุเมรุ ผู้ที่ได้บัตรคล้องคอแล้วกำลังปีนบันไดสูงชันขึ้นไปเป็นแถว... พวกเราแสดงบัตรท่องเที่ยวเพื่อรับบัตรคล้องคอ พอถึงอาตมาเจ้าหน้าที่บอกว่าพระไม่ต้องใช้ แสดงว่าจีวรเป็นบัตรเบ่งที่ดีที่สุด แล้วปีนบันไดตามกันขึ้นไป ด้วยความสูงตั้ง ๗๐ เมตรและบันไดที่ชันมาก ทำเอาอาตมาปีนไประแวงไป เกรงว่าถ้าพลาดจะร่วงตุ้บตั้บลงมาให้ขายหน้าเขา... |
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
||||
|
||||
มีชันกว่านี้ไหม ? (เอารูปขาลงมาให้ดูแทนขาขึ้น) ข้าพเจ้าขอรับรองว่าปลอดภัย.. แบบนี้ตูแกล้งปีนไปเต้นระบำไปด้วยดีไหม ? จอมคนแห่งกัมโพชชี้ไปที่นักท่องเที่ยว ทั้งที่กำลังปีนขึ้นและปีนลง พลางตรัสหน้าตาเฉยว่า ถ้าท่านไม่กลัวว่าจะดังไปทั่วโลกก็นิมนต์เต้นตามสบาย.. ฮ่วย..จะสร้างให้เตี้ยหน่อยก็ไม่ได้ แก่กว่านี้คงปีนขึ้นมาไม่ไหว แต่ข้างบนนี้ลมแรงดีเหลือเกิน ให้ความรู้สึกเหมือนว่ากำลังปีนเขาพระสุเมรุหลักโลก เพื่อตะกายขึ้นไปให้ถึงสรวงสวรรค์จริง ๆ... เนื่องจากองค์ปราสาทที่เราปีนขึ้นมา เป็นองค์ปราสาทบริวาร ๑ ใน ๔ องค์ ที่เปรียบเหมือนมหาทวีปทั้งสี่ที่รายล้อมเขาพระสุเมรุ เมื่อสุดบันไดแล้วจึงต้องเดินเข้าไปตามระเบียงคดเพื่อชมสถานที่ด้านใน อาตมามัวแต่หยุดถ่ายรูประเบียงคดชั้นนอกและชั้นกลาง โดยสอดกล้องผ่านช่อง หน้าต่าง ออกไป หันมาอีกทีทั้งคณะก็เข้าไปถึงปราสาทองค์กลางกันหมดแล้ว... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2014 เมื่อ 03:29 |
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
||||
|
||||
สิงเสานานไปหน่อย โผล่ออกมาเลยเหี่ยวไปตาม ๆ กัน..! เมื่อเห็นดังนั้นอาตมาจึงเรียกทุกคนให้ออกมายืนตรงย่อมุมของระเบียงปราสาท แล้ว จัดการถ่ายรูป นางหิน ประจำเสาเอาไว้ จะเรียก นางไม้ ก็ไม่ได้ เพราะปราสาททั้งหลังมีแต่หิน เสร็จแล้วอาตมาก็ข้ามไปยังปราสาทตรงกลางบ้าง ตรงกลางด้านในองค์ปราสาทที่มีลูกกรงไม้เสริมกั้นเอาไว้ มีพระพุทธรูปยืนที่สมบูรณ์มาก ๆ อยู่ ๑ องค์... สังเกตจากขนาดแล้ว คาดว่าจะเป็นพระอัฏฐารสที่นิยมสร้างในความสูง ๑๘ ศอก คุณแสงบอกว่าที่พระองค์นี้เหลือสมบูรณ์อยู่ เพราะไม่มีใครปีนขึ้นไปทุบได้สูงขนาดนั้น ด้านล่างที่เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องสวยสมบูรณ์ ๒ องค์นั้นยกมาจากที่อื่น ส่วนองค์พระนอนตรงกลางเป็นของที่นี่ แต่ก็โดนทุบจนพระนาสิกหลุดหายไปแล้วเช่นกัน... |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
||||
|
||||
พระพุทธรูปยืนยังสวยสมบูรณ์ แต่พระนอนนาสิกหายไปแล้ว อาตมากราบพระด้วยความชื่นใจ จอมคนแห่งกัมโพชก็กราบด้วยเช่นกัน จัดการหยอดตู้บริจาคไป ๒,๐๐๐ เรียล แล้วเดินวนรอบปรางค์มาจนถึงมุมเปิดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีที่พอให้ทุกคนมารวมกันเพื่อถ่ายรูปได้ อาตมาจัดการถ่ายรูปตรงนี้ให้... คุณปัญญาส่งน้ำอัดลมกระป๋องสีน้ำเงินมาให้อาตมา ๑ กระป๋อง พร้อมกับแจกแก่คนอื่น ๆ ในคณะ ซึ่งมีทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลม แต่ตัวเองกลับฟาดเครื่องดื่มประเภทชูกำลังเสียนี่ น้ำทุกชนิดเป็นของไทยทั้งนั้น ได้กันครบทุกคนแล้ว คุณแสงก็พาเดินกลับลงมาทางบันไดตามเดิม สวนทางกับนักท่องเที่ยวที่กำลังปีนขึ้นมา ต้องหลบหลีกกันทุลักทุเล เพราะทั้งคนขึ้นคนลงก็กลัวพลาดตกลงไปเหมือนกัน... |
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
||||
|
||||
เจอบันไดแบบนี้เข้า ทำเอาอิจฉา "ผี" ขึ้นมาทันใด ลงมาถึงชั้นล่างก็ถูก ยึดบัตร คืน อาตมาเห็นนักท่องเที่ยวจับกลุ่มกันอยู่ไม่ไกลจากบันไดขึ้นองค์ปราสาท คิดว่าเขาไปหลบแดดกัน แต่พอดูดี ๆ จึงเห็นว่ามีคนแต่งตัวเป็นนางฟ้าเขมร (อัปสรา) และนางกินรีให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพด้วย ไม่ต้องถามก็รู้ว่าถ้าถ่ายคู่ด้วยมีหวังเสียเงินแน่ ๆ แม่ป๋อมจัดการเก็บภาพแล้วเดินแกมวิ่งตามพวกเรามา... กลับออกมาที่ระเบียงคดชั้นกลาง คุณแสงพาวนขวาเพื่อชมพระพุทธรูปที่เหลือของอีกด้าน อาตมาถ่ายรูปพระพุทธรูปหลายต่อหลายองค์ ที่น่าจะยกมาจากที่อื่นประดิษฐานไว้รวมกัน เลือกถ่ายเฉพาะองค์ที่สวยสมบูรณ์เท่านั้น จนบรรจบครบรอบที่ทางเข้าก็เดินสวนกลุ่มนักท่องเที่ยวออกมา รู้สึกขาอ่อนหน่อย ๆ เพราะทุกธรณีของระเบียงคด เขาทำพื้นไม้เป็นบันไดให้เดินข้าม เจอไปหลายสิบธรณี เท่ากับขึ้นบันไดไปเป็นร้อย ๆ ขั้นทีเดียว มีที่เดินสบายใจเฉิบอยู่คนเดียวก็เจ้าของที่นั่นแหละ เออ..ตูไม่เป็น ผี บ้างก็แล้วไป... |
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
||||
|
||||
เมื่อไม่มีใครเกะกะก็ต้องรีบถ่ายรูปเอาไว้ก่อน อาตมาออกจากซุ้มโกปุระด้านซ้ายสุด (ถ้าหันหน้าเข้าหาปราสาทคือด้านขวา) เดินลงไปในสนามหญ้า กลับหลังมาถ่ายรูปตัวปราสาทเอาไว้ แล้วเดินเลาะข้างสะพานหินมาขึ้นบันได เพื่อสมทบกับคณะที่บนสะพาน ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเข้าไปในปราสาทชั้นในกันหมด อาตมาจึงให้ทุกคนจับกลุ่มเพื่อถ่ายรูปหมู่ เมื่อผู้ร่วมคณะส่วนใหญ่เป็นหญิง จึงมีการจัดผมจัดเผ้ากันก่อน กว่าจะได้ถ่ายรูปอาตมาก็ต้องรอจนโดนแดดเผาหน้าดำไปเลย... เมื่อถ่ายภาพคนอื่นแล้ว แม่ป๋อมก็จัดการถ่ายภาพของอาตมาบ้าง จากนั้นอาตมาหันไปถ่ายภาพให้ลูกปุ๊ก พี่วิไลเอาโทรศัพท์ถ่ายอาตมาอีกที คราวนี้ใครเป็นใครก็ไม่รู้ ถ่ายกันให้มั่วไปหมด เสร็จแล้วพี่วิไลพาเดินไปหาพ่อหนุ่มเสื้อดำที่มีหมวกสานครอบหัว ยืนอยู่ใต้ต้นตาลข้างสะพานหิน ข้างตัวมีกระบอกไม้ไผ่แขวนอยู่ ๔ – ๕ กระบอก มีป้ายเล็ก ๆ เขียนไว้ด้วยว่า Palm Juice... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2014 เมื่อ 11:14 |
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
||||
|
||||
พี่วิไลกำลังหาทางเอามะพร้าวไปขายที่เกาะสมุย “ฉันน้ำตาลสดไหมหลวงพี่ ? วิไลซื้อถวาย..” ไม่เอาเว้ย..อายุมากขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่าเบาหวานจะถามหาเมื่อไร พอเห็นพวกเรารุมเข้าไป พ่อหนุ่มขแมร์ก็โฆษณาชวนให้ซื้อน้ำตาลสดยกใหญ่ แถมยังส่งงวงตาลมาให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย ส่วนคุณแสงบรรยายว่าเขา “ปาดตาล” กันอย่างไร “ทำไมปล่อยเขา “เอาน้ำตาลไปขายที่เพชรบุรี” เสียเล่า ?” จอมคนแห่งกัมโพชถาม ไม่เคยได้ยินเขาว่าขัดขันขัดจอกยังได้ประโยชน์ แต่ขัดคอคนอาจจะโดนเตะบ้างหรืออย่างไร ? ขืนไปบอกว่าอาตมาปีนมาหลายร้อยต้นแล้ว แถมยังเอาเปลือกตะเคียนเผาไฟใส่ลงไปด้วย ปล่อยทิ้งไว้ครึ่งวันก็เอามาขายให้ผู้ใหญ่พร้อมปลาปิ้ง แล้วต้องคอยหิ้วปีกคนเมากลับไปส่งบ้าน ลูกหลานของท่านที่กำลัง “น้ำลายแตกฟอง” ก็คงเฉาเป็นผักบุ้งโดนน้ำร้อนเท่านั้นเอง... |
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#40
|
||||
|
||||
สามล้อเขมรรอรับผู้โดยสาร อีกหนึ่งทางเลือกในการเที่ยวนครวัด เดินผ่านระเบียงคดชั้นนอก ข้ามคูเมืองออกมา ไม่รู้ว่าใครคิดค่าชมสถานที่เพิ่มเติม เพราะอยู่ ๆ ลมก็พัดแรง ตีเอาหมวกของพี่มุกดาปลิวลงน้ำไปเลย..! เดือดร้อนบรรดาคนงานซ่อมสะพานที่ดำผุดดำว่ายอยู่ ต้องตะกายไปเก็บมาคืนให้ “ออคุณเจริญ (ขอบคุณมาก)” อาตมาส่งภาษาขแมร์ที่ยังพอจำได้ คนงานยกมือไหว้แล้วมุดน้ำดำกลับไปหาพรรคพวกของเขา... ข้ามถนนออกมาถึงลานจอดรถ คุณแสงต้อนพวกเราขึ้นรถ อาตมาแวะถ่ายรูป “สามล้อเขมร” ก่อน แล้วค่อยขึ้นรถทีหลัง คุณราญนำรถออกตรงไปข้างหน้า อาตมาไม่เห็นคุณปัญญากับคุณอารีขึ้นรถมาด้วย เมื่อถามหาพี่วิไลตอบว่า “ให้ไปเตรียมอาหารเพลไว้ถวายหลวงพี่นั่นแหละ..” เออ..ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ... |
สมาชิก 124 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|