#21
|
||||
|
||||
ขออนุญาตแบ่งปันความรู้สึกการบวชเนกขัมมะ รุ่น ๔/๒๕๕๕ ครับ
ภาพชุดที่ ๑ (๑๓-๑๔ เม.ย. ๕๕) http://www.facebook.com/media/set/?s...3&l=d8c9f1fb75 ภาพชุดที่ ๒ (วันที่ ๑๕ เม.ย. ๕๕) http://www.facebook.com/media/set/?s...3&l=c1d936c6dc ภาพชุดที่ ๓ (๑๖ เม.ย. ๕๕) http://www.facebook.com/media/set/?s...3&l=5c13e19272 คลิปอุ้มพระ (สงฆ์) สรงน้ำ วัดท่าขนุน ปี ๒๕๕๕ http://www.youtube.com/watch?v=OfnGN...ature=youtu.be
__________________
ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง |
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
ความรู้สึกจากการบวชรุ่น ๔/๒๕๕๕
๑. ความเสียสละและความมีน้ำใจของเพื่อนร่วมทริป รถตู้บริการจากเว็บพลังจิตมีผู้ร่วมทริป ๓๓ คน (ปกติจัดให้นั่งคันละ ๑๐ คน) ดังนั้นจึงต้องจัดที่นั่งให้บางคนนั่งเบียดแถวหลัง ๔ คน ซึ่งคนที่ต้องนั่งเบียดก็เต็มใจและยินดีที่จะลำบาก เพื่อให้เพื่อน ๆ อีก ๓ คนได้ไปบวชด้วย นอกจากนั้นหลาย ๆ คนยังได้แบ่งโควต้าพระปิดตา จัมโบ้ ให้ผมและพี่ ญ.ผู้หญิง เพื่อนำไปต่อบุญ บางคนให้สิทธิ์ บางคนให้พระ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่เราเริ่มต้นปีใหม่ไทยด้วยความรู้สึกแบบนี้ครับ ๒. การมีโอกาสทำบุญร่วมกันกับกัลยาณมิตรทั้งหลาย หลายครั้งที่ผมมักจะเอาป้ายเว็บพลังจิตไปใช้ในการถ่ายรูปเพื่อสร้างภาพ ซึ่งเหตุผลสำคัญ คือ การประชาสัมพันธ์ให้คนที่กำลังใจอ่อนเข้าใจว่า การมาวัดไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อและเป็นเรื่องสนุก โดยเฉพาะการมีเพื่อนใหม่ และได้ร่วมบุญกับเพื่อนใหม่ ซึ่งหลายท่านกลายเป็นเพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันในอนาคต ร่วมกันปักให้เต็มต้นผ้าป่าครับ ร่วมกันชำระหนี้สงฆ์ก่อนกลับ ๓,๖๐๐ บาท ๓. การได้รับการชี้แนะจากครูบาอาจารย์ รอบนี้พระอาจารย์เล็กเมตตาควบคุมการฝึกกรรมฐานด้วยตนเอง ท่านเมตตาแนะนำตั้งแต่การนั่ง การหายใจ การพิจารณา ฯลฯ ตัวผมเองโดนท่านสะกิดไป ๓ รอบ รอบละ ๒ ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งที่ท่านสะกิดนั้น ภาพพระทองคำก็ปรากฏขึ้นที่หน้า (ถ้าโดนท่านเตะ สงสัยจะจำติดตา ติดใจแน่ ๆ ๕๕) ๔. ค้นพบกิจกรรมใหม่นอกวัด หลังจากทดลองพาผู้ร่วมทริปซื้อปลาที่ตลาดไปปล่อยที่แม่น้ำ (จุดชมวิว) ซึ่งต่อมาก็มีการรวมกลุ่มกันไปปล่อยปลา ปล่อยกบ ฯลฯ เป็นจำนวนมาก โดยผมคิดว่า เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมากครับ หมายเหตุ : ส่วนพี่ ญ.ผู้หญิง เตรียม "ปล่อยพระ (ให้เช่า)" เพื่อต่อบุญ ซึ่งอานิสงส์สูงมาก ๆ ครับ ๕. เป็นทริปที่อยากจะบอกว่าเหนื่อยมาก ๆ แม้ทริปนี้จะปฏิบัติเพียง ๒ รอบ แต่อากาศร้อนมาก ๆ ดังนั้นหลายท่านจึงเป็นไข้ ไม่สบาย แต่ทุกท่านวางกำลังใจที่จะปฏิบัติบูชา ก่อกองทรายก็เหนื่อยเหมือนกัน ๖. สิ่งประทับใจสุดท้าย คือ มีโอกาสแสดงความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ ในวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๕ พวกเราได้ร่วมกันถวายทองคำครึ่งสลึง เพื่อบูชาครู (พระอาจารย์เล็ก) แม้จะเป็นทองคำเพียงครึ่งสลึง แต่สำหรับพวกเราแล้ว มันมากมายมหาศาล ท่านจิตโตเมตตาสอนไว้ ซึ่งผมสรุปจากความจำได้ว่า ทองคำเป็นธาตุบริสุทธิ์เป็นของเลิศที่พวกเราจะหาได้สำหรับการบูชาครู และทองคำที่เราตั้งใจถวายไว้ในพระศาสนานั้น แม้จะสิ้นสุดศาสนานี้ไป แต่ทองคำเป็นธาตุที่เสื่อมสลายยากและจะคงอยู่ในโลกใบนี้ ซึ่งวันหนึ่งก็จะถูกนำกลับมาใช้บูชาคุณพระรัตนตรัยในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ต่อ ๆ ไป ดังนั้นการถวายทองคำจึงมีอานิสงส์มาก ดังนั้นการมีโอกาสถวายทองคำเพื่อบูชาคุณพระอาจารย์เล็ก จึงเป็นเรื่องที่เป็นมงคลสำหรับพวกเราในฐานะลูกศิษย์ ขอบคุณพานสวย ๆ ฝีมือ "ป้านุช" และสมุนครับ สำหรับผมนั้น "ทองคำ" มีความหมายว่า เป็นสิ่งบูชาครูที่มาจากเงินของพวกเราคนละเล็กละน้อย หนึ่งบาท สองบาท ห้าบาท ฯลฯ จะเหรียญเก่าเหรียญใหม่ แบงค์เก่า แบงค์ใหม่ แต่สุดท้ายเมื่อเรานำมันมารวมกันก็จะเป็นทองคำบริสุทธิ์ ที่สามารถนำมาใช้บูชาครูได้ครับ ดังนั้น เพื่อทำความดีถวายครูบาอาจารย์ของเรา "พวกเราต้องรักกันให้มาก ๆ ครับ" หรือ "ถ้าทำใจให้รักกันไม่ได้ ก็อย่าสร้างความลำบากใจให้กันและกันนะครับ" ๗. เรื่องสุดท้ายที่อยากทำ คือ "คู่มือบวชเนกขัมมะ วัดท่าขนุน" ช่วงหลัง ๆ เริ่มปล่อยผู้บวชเนกขัมมะที่มาพร้อมทริปดูแลตนเอง แต่เกรงจะสร้างความวุ่นวายให้กับคนในวัด ดังนั้นจึงตั้งใจที่จะหาเวลาว่างนั่งเขียนคู่มือการปฏิบัติตนเล่มเล็ก ๆ ในวัดว่า เมื่อมาบวชแล้วจะต้องทำอะไรบ้าง และไปที่ไหนได้บ้าง คนจะได้อ่านแล้วเข้าใจ ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับผู้ดูแลและลดการปฏิบัติตัวที่ไม่เหมาะสมในวัดได้ครับ เรื่องนี้ตั้งใจจะทยอยเขียนให้เสร็จก่อนเข้าพรรษา (ต้นทุนผลิตแบบถ่ายเอกสารน่าจะเล่มละ ๕ บาทครับ เดี๋ยวผลิตและแจกฟรีให้) เขียนเท่านี้ก่อนครับ เพราะวันนี้ยกแขนไม่ขึ้นครับ ปวดร้าวไปทั้งตัว แถม "ปวดใจ" ด้วย ๕๕๕ (ขำ ๆ กันวันละนิดนะครับ)
__________________
ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชยาคมน์ : 19-04-2012 เมื่อ 16:25 |
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
ครั้งนี้ถึงรอบการปฏิบัติจะไม่เยอะ แต่ความทนทานของร่างกายต้องใช้มากเป็นพิเศษ เพราะอากาศร้อนอบอ้าวสุด ๆ รู้สึกไข้จับนิด ๆ ตั้งแต่วันแรก เพลียและอ่อนล้าเพราะเสียเหงื่อไปมาก
แต่ก็มีน้ำเก๊กฮวยเค็มให้ดื่มกัน แหม...ทีแรกผมก็งง ๆ ว่าทำไมวันนี้ฝีมือตก...ดื่มแทบไม่หมดกันเลยทีเดียว ๕๕๕ |
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
เหตุผลที่ "ขายไม่ออก" เข้าคิวรอการคัดเลือก จูบกบจนหมดถุง แต่ยังไม่เจอ "เจ้าชาย" สงสัยจะเป็นกบตัวเมีย ดังนั้นคาดว่า เมนูต่อไป คือ "แกงเลียงกบ" ฟันธง !!! หมายเหตุ : รอบหน้าต้องให้ชินเชาว์จูบแทน จะได้ตามหา "เจ้าหญิงในนิยายเจอ" ส่วนท่านใดจะตามหาพี่ ญ.ผู้หญิง ไม่ต้องตามหานะครับ เพราะเธอขึ้น "สวรรค์" กลายร่างเป็น "เซียน (พระ)" ไปแล้ว ๕๕๕
__________________
ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2012 เมื่อ 00:43 |
สมาชิก 82 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
ชื่นใจกับกำลังใจของทุกคนที่มาบวช แสดงให้เห็นชัดเลยว่า แม้จะอยู่กับสิ่งสมมติ อยู่บนโลก อยู่กับเหตุการณ์ต่าง ๆ บนโลกใบนี้ แต่ทุกคนก็ไม่ติดโลก ไม่หลงไปกับเรื่องราวรื่นรมย์ที่ไม่มีเรื่องของบุญมาเกี่ยวข้อง (โดยเฉพาะพระปิดตาจัมโบ้ )
ซึ่งพระอาจารย์บอกว่าการบวชปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนแพงมาก คนละ ๒,๐๐๐ บาท (ได้พระปิดตาจัมโบ้คนละ ๔ องค์) แต่ถึงกระนั้น ทุกคนก็แย่งกันไปบวช เพราะตอนนี้พระปิดตารุ่นนี้ เพิ่มคุณค่าเป็นองค์ละ ๕,๐๐๐ บาทแล้วจ้ะ ปีนี้พระเจดีย์ทรายมีเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมาก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สนุกสนานกันมาก แต่รุ่งขึ้น ปวดร้าวไปทั้งตัว แขนและขาแทบจะยกไม่ขึ้น สนุกจนลืมสังขารตัวเองไปชั่วขณะ!
__________________
เสียงธรรมจากพระองค์ที่ ๑๐ ธรรมพระพุทธเจ้า คือธรรมชาติ ธรรมชาติที่ทุกคนก็มีอยู่ในตัวเอง เพราะฉะนั้นเธอก็มีธรรมะ ฉันก็มีธรรมะ เธอกับฉันมีธรรมเสมอกันคือความตาย |
สมาชิก 85 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
มาถึงรายการ "เผา"
มีคนบอกว่า ๓ ท่านนี้คล้ายกัน ผมก็ไม่รู้ว่าคล้ายกันตรงไหน ? ขอเชิญ "ทิดตู่" มาเป็นกรรมการตัดสินครับ ๕๕๕ เจดีย์ทรายพันปีวัดท่าขนุน (นับอายุคนสร้างรวมกันครับ) คณะสะพานบุญกำลังขุดหาพระกรุวัดท่าขนุนครับ (เจอพระปิดตา ชุบทอง พ่นทราย เพียง ๑ องค์) รางวัลชนะเลิศครับ ปีนี้ผมวางแผนตีสนิทกับกรรมการแล้วครับ ปีหน้ารางวัลที่ ๑ เป็นของผมแน่ ๆ ๕๕๕ สงครามกลาง (วัด) ครับ เด็กคนนี้เรียกผมว่า "พี่อ้วน" มันน่า "เขกหัวจริง ๆ" หรือว่าน้องจะจำผิด คิดว่าผมเป็น "ชินเชาวน์" ๕๕๕ คนซ้ายสุด "ใส่บาตรที่เมืองไทย" แต่ขออานิสงส์ไปไกลถึง "ออสเตรเลีย" ส่วนสามคนกลาง "ไม่มีคำบรรยาย" ๕๕๕ จับคนขโมยข้าววัดได้แล้ว เด็กอภิญญา แยก ๓ ร่าง ก่อนเข้ารับพระปิดตาจัมโบ้ เอ๊ย !!! รับประกาศนียบัตร ๕๕๕
__________________
ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2012 เมื่อ 00:47 |
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
||||
|
||||
ยอมให้เหมือนก็ได้ครับ
น่ารักเหมือนกันทุกคนครับ หลักฐาน คือ คนซ้าย = หนุ่ม ๆ โทรหาทั้งวัน (ขอเช่าพระปิดตา จัมโบ้) คนกลาง = เหมือน (คน) ไม่โสด คนขวา = มีเจ้าบัวเป็นเครื่องยืนยัน หมายเหตุ : ห้ามน่ารักไปกว่านี้นะครับ ๕๕๕
__________________
ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2012 เมื่อ 00:49 |
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
||||
|
||||
เข้าร่วมการปฏิบัติธรรมครั้งนี้เห็นผลของทานบารมีและผลของพระคาถาเงินล้านที่พระอาจารย์ทำมาอย่างชัดเจน
พระอาจารย์ลุกจากที่นั่งทำวัตรหรือลงนั่งประจำโต๊ะที่ให้โยมทำบุญเมื่อใดก็จะมีคนเข้าไปรุมถวายปัจจัยกับท่าน ราวกับว่าท่านตั้งโต๊ะแจกเงินคนละ ๑๐,๐๐๐ ทุกครั้งไป (รวมทั้งตัวผมเองด้วย ) ที่สำคัญวันสุดท้ายที่ได้มีโอกาสได้ไปเป็นลูกศิษย์วัดเดินตามพระอาจารย์ออกบิณฑบาตยิ่งเห็นชัด อาหารที่ได้จากการบิณฑบาตเยอะเสียจนคิดในใจว่า สงสัยจะเลี้ยงคนได้ทั้งตำบล บุญใด ๆ ที่หลวงพ่อได้กระทำมาแล้ว ลูกขออนุโมทนากับหลวงพ่อด้วยนะครับ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชัยสงคราม : 18-08-2013 เมื่อ 20:42 |
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชัยสงคราม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
|||
|
|||
พี่คมน์เห็นพระทองคำ เหมือนกันเลยครับพี่
ผมก็เห็น ตอนแรกเห็นพระพุทธชินราช ส่วนอีกวัน เห็นพระปางสมาธิ ไม่มีฉัพพรรณรังสี แต่สีทองเช่นเดียวกัน ส่วนวันสุดท้าย ผมเห็น ทั้งสององค์ อยู่คู่กัน ก็เลยทรงภาพท่าน เวลาทำสมาธิ สวดมนต์ ต้องกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะ หลวงพ่อเล็ก เป็นที่สุด ครับ สาธุ สาธุ สาธุ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สวัสดิกะ : 17-04-2012 เมื่อ 20:46 |
สมาชิก 81 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สวัสดิกะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
||||
|
||||
ในคืนวันที่ ๑๔ สองทุ่มกว่า ๆ มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกันในวัด ชวนขึ้นไปนอนบนเขา ขึ้นไปกันทั้งหมด ๙ คน ก่อนจะขึ้นไป เณรที่อยู่ตรงข้ามที่พักตรงตึกแดง ได้บอกให้เอาหมาขึ้นไปด้วย เดินไปปรบมือไป เดี๋ยวหมามันจะตามไปเอง เณรบอกว่ากันงู ซึ่งหมาก็ตามขึ้นไปด้วยจริง ๆ ประมาณ ๔-๕ ตัวเดินขึ้นไปพัก ๓ รอบได้ หันมาดูอีกทีหมามันหยุดตามเราแล้ว..!
ทางขึ้นข้างหน้าก็มืด ไอ้เราก็นึกว่าหมาจะปูทางให้เรา จึงเดินขึ้นไปโดยให้เพื่อนอีกคนสาดไฟฉายไปเรื่อย มีหมาตามหลัง..ฮา..ขึ้นไปถึงเสร็จสรรพก็ไหว้พระเจดีย์ ไหว้สมเด็จองค์ปฐม นั่งกรรมฐานแล้วก็คุยกัน สักพักต่างคนก็เตรียมตัวนอน (แต่ละคนแบกเสื่อ หมอน ผ้าห่ม ของวัดขึ้นไปด้วย นอนที่ตรงคล้าย ๆ ศาลาปูนเล็ก ๆ ตรงเจดีย์ หันหัวไปทางวัด หันปลายเท้าไปทางออกนอกวัด ) ลมเย็นสบายมากครับ แล้วสักพักลมเย็นแปลก ๆ ก็มาพร้อมเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ ผมนึกในใจว่า เอาแล้ว..พี่อีกคนหนึ่งก็บอกตกแน่ ๆ เลยว่ะ ลมแรงมาก ลมเย็น ๆ ด้วย ทั้งลมทั้งฟ้าร้อง ต่างคนก็ต่างนอนกัน คิดว่าตกก็ตก..เปียกแน่..ลงก็ไม่ได้แล้ว ผมก็นอนแอบอธิษฐาน บอกหลวงพี่ขออย่าให้ตกเลยครับ ผมเสียว..กลัวฟ้าด้วย ลมเย็นก็ยังแรงอยู่ สักพักลมเย็นที่แรง ๆ ก็เปลี่ยนเป็นลมธรรมดาเหมือนจะอุ่น ๆ ด้วย แต่ก็ยังแรง ฟ้าร้องเบา ๆ สักพักก็เงียบหมด เลยหลับสบายเลยครับ ตื่นมาตี ๓ พร้อมกับเพื่อน ๆ ลงเขามาล้างหน้าไปทำวัตรเช้ากันต่อ ประทับใจมากเลยครับที่ได้นอนบนเขาครั้งแรก ดาวสวยมากด้วย อากาศเย็นสบายสุด ๆ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 20-04-2012 เมื่อ 01:44 |
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สำราญใจ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
|||
|
|||
ค้นพบ มีเม็ดทรายนับไม่ถ้วนจำนวนทราย คนทั้งหลายนับไม่ถ้วนมีคุณค่า เม็ดทรายแกร่ง..ก็เพราะผ่านกาลเวลา คนมีค่า..ก็เพราะผ่านการอดทน การบวชเนกขัมมะแต่ละครั้ง ต้องใช้พลังและความอดทนสูง ที่ผ่านมา..ถึงเวลานั่งสมาธิเมื่อใด ป้าเป็น "หลับ" เมื่อนั้น แต่..สำหรับครั้งนี้ (ครั้งที่ ๔/๒๕๕๕) "ความเมตตาในรูปแบบใหม่" พระอาจารย์ท่านเดินตรวจแถวเข้ม และมีร่มด้ามสั้นอยู่ในมือของท่านด้วย ใช้สำหรับคนง่วง ทำให้ปัญหาเรื่องการนั่งหลับขณะทำสมาธิของป้าพังทลายลงไปในพริบตา ซึ่งป้าพยายามแก้ปัญหานี้มาหลายครั้งแล้ว ทั้งหยิก ทั้งตบหน้าตัวเอง แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าใดนัก สุดท้ายมาได้ "ร่มวิเศษ" ในมือพระอาจารย์นี่เอง อานุภาพรุนแรงมากค่ะ ยังไม่ทันที่จะได้สัมผัส..แค่เพียงป้าเห็นอยู่ในมือ ท่าน..ป้าก็ "ตาสว่าง" ขึ้นมาทันที กราบขอบพระคุณที่เมตตา "จัดคอร์ส" "เพชฌฆาตความง่วง"
__________________
"เกิดเป็นไก่ต้องชน เกิดเป็นคนต้องสู้" กับกิเลสตลอดเวลา แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2012 เมื่อ 16:43 |
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้าเม้า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
|||
|
|||
ถ้าจำไม่ผิดก็คือ มีช่วงวันแรกที่นั่งทำสมาธิ อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหลวงพี่ท่านลอยลม (ใช้คำว่าลอยลม เพราะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า หรือน้ำหนักเท้าท่านใดเดินมาใกล้ตัว) มาว่า "เดี๋ยวเตะกระเด็นเลย" (น้ำเสียงนุ่มนวล แต่น่ากลัวว่าคอจะหลุด ลมหายใจจะหาย) ประมาณนี้ล่ะ
ตกใจหมดเลย ก็สงบใจนั่งรออยู่นิ่ง ๆ .. อ๋อ เรายังไม่กระเด็น แสดงว่าย่อมไม่ใช่เรา แต่ใจนะเกือบกระเด็นออกไปแล้ว..!!! และยิ้มก็หางหดตั้งแต่นั้นมาตลอดจนออกจากวัดในวันสุดท้าย แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 20-04-2012 เมื่อ 01:47 |
สมาชิก 81 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
||||
|
||||
ผมรู้สึกว่าอยู่บ้านสบายกายแต่ใจมันทุกข์ อยู่วัดไม่สบายกายแต่ใจเป็นสุข
|
สมาชิก 81 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พรมใต้กระโถน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
|||
|
|||
ครั้งนี้ว่าจะมาเล่าสักหน่อย เพราะที่ไปบวชนี้ มี ๒-๓ เหตุหลัก คืออยากไปสรงน้ำพระอาจารย์เป็นอันดับแรก
อยากให้ป้ายิ้มได้ไปบวชช่วงที่มีงานสงกรานต์ที่วัด เป็นอันดับที่ ๒ (ขอบอกแบบภาษาตัวเองว่าพระอาจารย์ "สั่ง" ไว้ให้ป้าแกบวชสักรอบ ๕๕๕) และสุดท้ายก็เหมือนท่านอื่น ๆ คือจะบูชาพระปิดตาด้วย ...ลุ้นมากทีเดียวว่าจะไปได้หรือเปล่า เพราะที่บ้านต้องมีคนอยู่บ้าน ช่วงวัดหยุดยาวนี่ลุ้นทุกรอบ พบว่า สมาธิช่วงกรรมฐานของยายสู้ครั้งก่อนไม่ได้ ยังดีที่ระหว่างวันไม่เผลอไหลไปมากนัก เที่ยวนี้ดูจะสนุกสนานกัน (เอง) มากกว่าทุกคราว แต่ก็ยังได้รับคำชมจากพระอาจารย์ว่าคนที่มาบวชรุ่นนี้เป็นคนคุณภาพ ...นอกจากสารพัดบุญสะสมที่ทำให้ได้มาปฏิบัติกัน โดยไม่ค่อยสนใจความสนุกสนานทางโลกกันแล้ว ยังมีความมุ่งมั่นจะบูชาพระไปเป็นพุทธานุสติอย่างยิ่ง มองทีไร ก็เห็นว่าพระอาจารย์ดูร่างบางลงมาก ๆ แต่ท่านก็ดูแช่มชื่นมาก... ทั้งให้กำลังใจ ทั้งเคี่ยวเข็ญ พวกเราโดยตลอด ทั้งขู่ ทั้งปลอบ... ยายสะดุดหู เรื่องอายุยืน กับรถประจำตำแหน่งของท่าน ถึงท่านจะเมตตาหัวเราะเล่นด้วยก็ตาม คำเทศน์ รออ่านอีกครั้งจากท่านที่จะสงเคราะห์ต่อไป... คำอธิษฐาน ที่ท่านนำ กราบขอพรให้ในหลวงและพระราชินี กับทั้งพวกเรา ได้ "อยู่รอดในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ" ก็ยังติดหู ถึงพระสวดพาหุง ก็ขอให้ "ชนะ" อุปสรรค ดั่งเช่นพระพุทธองค์... ขึ้นชยันโตฯ ก็ขอให้ "สำเร็จ" เฉกเช่นพระพุทธองค์ ...ช่วงอุทิศส่วนกุศล ก็เป็นช่วงสำคัญของพวกเราทีเดียว พระอาจารย์ท่านว่ามีผู้มาโมทนามากมาย ด้วยเหตุที่ เราอุทิศให้ "ทั้งที่เป็นญาติ และมิใช่ญาติ"... ทำตัวให้ดี กอปรบุญไว้เสมอ ก็จะช่วยคนอื่นเขาได้ด้วย ตอนที่เห็นร่มที่ท่านใช้เป็นอาวุธตรวจตราพวกเราช่วงกรรมฐานนั้น เป็นช่วงที่ท่านเพิ่งเดินผ่านหน้ายายไป ในสภาพที่ยายต้องยืดขาออกไปทำสมาธิ ลืมตาขึ้นเพื่อหันไปมอง ก็เห็นท่านคล้อยหลัง พร้อมร่มในมือ... ก่อนเริ่มปฏิบัติธรรมรอบนั้น ท่านมาดูแลเปิดไฟ-เปิดพัดลม ให้พวกเราอยู่ตรงหน้ายาย ...พลันก็มีสิ่งของหล่นแล้วกลิ้งหลุน ๆ ผ่านหน้ายายไปหาน้องที่นั่งข้างหน้า เลนส์แว่นข้างขวาของท่านหลุดลงมา... ตอนท่านกลับไปนั่งเพื่อสอนพวกเรา ท่านก็หัวเราะว่าแว่นที่ใส่ตอนนั้นมีเลนส์ข้างเดียว แม่ชีทุกท่านแสนเหน็ดเหนื่อย เพื่อให้เราได้อยู่สบาย อาหารรสเลิศ น้ำปานะพร้อมตลอด ยังจะญาติโยมที่มาร่วมบุญกันเต็มวัดอีก ...ยายได้รับบทเรียนมากมาย จากการใช้ชีวิตที่วัดคราวนี้ไม่น้อยเลย ได้เห็น "จุดบอด" ของปฏิสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกัน... ซึ่งแต่ละคนมีจุดประสงค์ที่ดีด้วย ยายได้มีโอกาสรู้จักกับคนใหม่ ๆ หลายคน... ได้เห็นญาติโยมท้องถิ่นร่วมงานบุญเบิกบานใจ ขยะก็น้อยกว่าปีก่อนมาก แบบต่างกันราวฟ้ากับดิน... พระอาจารย์ว่า เคล็ดอยู่ที่ ท่านเดินเก็บเอง พอเห็นเขาทิ้งปุ๊บ ท่านก็เก็บแล้วเอาไปทิ้งขยะต่อหน้าเลย แปลกใจตัวเองน้อยลงแล้วที่ยายกลับอยู่ในสภาพชอบใจมาแต่ครั้งก่อน คือ "อยู่คนเดียว สบายดี" แม้ครั้งนี้ จำนวนพระทรายจะมีมากกว่าปีที่แล้ว แต่ก็ก่อกันเงียบ ๆ ไม่เอิกเกริก... ยกเว้นคณะที่ชนะเลิศ ที่ต้องชื่นชมว่า สนุกสนาน เฮฮามาก อย่างที่เห็นกันนั่น ยายได้ร่วมก่อพระทราย กับกลุ่มคนต่างกลุ่มกันไม่ต่ำกว่า ๔ กลุ่ม... ยังรู้จักชื่อไม่ครบไม่กี่คนนั่นเลย และยังได้ไปช่วยก่อพระทรายของแม่ชี ที่เป็นองค์สุดท้ายด้วย (จึงพลาดช่วงตัดสินไปได้ ๕๕๕... กรรมการตัวน้อยมาทำหน้าสลดตอนยายกลับมาที่พระทรายแล้วถามว่า เจดีย์ของป้าหรือ) ยายได้ร้องเพลงชาติที่ศาลา แบบงง ๆ ว่าทำไมมีตูร้องอยู่คนเดียว... ก็ท่านชวนว่า "ร้องด้วยสิ" ได้กราบสมเด็จองค์ปฐมที่พระเจดีย์บนเขา ร่วมถวายแผ่นทองคำเปลว ฯลฯ เตรียมน้ำสรงพระอาจารย์ พระ เณร ที่วัด... ขวดใหญ่ แบ่งน้อง ๆ และหลังจากสรงผู้อาวุโสที่วัด โดยทั่วแล้ว ยังเลยมาถึงรดน้ำขอพรขอขมาคุณแม่... แล้วต่อด้วยสรงน้ำขอขมาหลวงพ่อใจ วันถัดจากกลับจากวัด หอมฟุ้งติดใจ สรุปว่า ขอกราบบูชาคุณพระอาจารย์ ที่ทำให้ยายได้มีโอกาสอันประเสริฐนี้
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 19-04-2012 เมื่อ 01:05 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
|||
|
|||
รูปต่อไปนี้ เป็นฝีมือน้องบัวล้วน ๆ ค่ะ ยกเว้นรูปที่มีตัวเขาเอง
หลอกสาวไม่สำเร็จ หลอกเด็กดีกว่า คนละ ๒๐ บาทเอง ฮ่า ๆ ๆ ที่ถักเปียนั่น คือโมจิ ประธานกรรมการตัดสินพระเจดีย์ทรายปีนี้ค่ะ น้องปริ๊นท์ หนึ่งในคณะกรรมการของโมจิ ป้านุช หัวหน้าทีมก่อพระเจดีย์ที่ชนะเลิศ สวยเข้าตาคณะกรรมการ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นางมารร้าย : 19-04-2012 เมื่อ 11:45 |
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นางมารร้าย ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
|||
|
|||
ประธานกรรมการตัดสิน
น้องโมจิ ขณะอยู่ในกองประกวด ขอบคุณแม่ชีกุ๋ยและคนถ่ายภาพที่ส่งมาให้ค่ะ
__________________
"เกิดเป็นไก่ต้องชน เกิดเป็นคนต้องสู้" กับกิเลสตลอดเวลา แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้าเม้า : 19-04-2012 เมื่อ 14:53 |
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้าเม้า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
|||
|
|||
รายการต่อไปนี้ เป็นลุงป้าน้าอาที่โดนน้องบัวไปเก็บรูปมาค่ะ ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายนะคะ คิดเอาเองแล้วกันค่ะ ๕๕๕๕
ป้าโม พี่น้ำ น้าอุ้ย ป้ามุก พี่โอ๋สุดสวย ป้าเปี๊ยก ป้านี้ ป้ามอย ลุงเบญ ลุงกับป้า ไพศาล หัวหน้าแก๊งเด็ก รูปยาย...เอ๊ย...ตากล้องเองค่ะ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นางมารร้าย : 19-04-2012 เมื่อ 12:46 |
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นางมารร้าย ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
||||
|
||||
ขออนุญาตเล่าต่อครับ
การบวชรุ่นนี้ ผมตั้งใจปฏิบัติมาก เรียกได้ว่า ปกตินั่งขัดสมาธิฟังธรรม แต่รุ่นนี้พยายามนั่งพับเพียบให้สมกับเป็น "สุภาพบุรุษ" (แบบว่าอายเด็ก ๕๕๕) รวมทั้งพยายามกราบให้สวย แต่ด้วยสภาพร่างกายอัน "บอบบาง" และอากาศร้อนอบอ้าว ประกอบกับฝนตก (คืนวันที่ ๑๓ ฝนตกหนักมากและน้ำฝนสาดเข้ามาที่พักใต้ตึกแดงฝั่งที่ผมนอนพอดี ก็รับละอองฝนไปเต็มพิกัด) อาการไข้ที่เริ่มก่อตัว ประกอบกับไม่เจียมสังขารโดยวันที่ ๑๕ ช่วงเที่ยงได้ขึ้นยอดเขาท่ามกลางแดดร้อน และเริ่มรู้สึกว่า "งานเข้า" เพราะร่างกายอ่อนล้า แต่ก็พยายามอดทนจนบวชเนกขัมมะเรียบร้อย วันต่อมาไปทำงาน ก็เริ่มหมดแรง อาการ คือ แขนขาไม่มีแรงและกล้ามเนื้อเกร็งตัว โดยช่วงเช้ายังเดินไปไหนมาไหนได้ แต่ช่วงบ่ายนั่งเก้าอี้ทำงานและลุกขึ้นไม่ได้ แต่ก็พยายามกระเสือกกระสนกล้บบ้าน พอจะเดินขึ้นตึกมีบันได ๒ ขั้นก็พยายามก้าวขึ้น แต่ "ขาพับ" เพราะไม่มีแรงและเสียหลักล้ม ทำให้ "หัวฟาดพื้นคอนกรีต" อีกครั้ง (หลังจากปีที่แล้วรถล้มหัวฟาดพื้นมาแล้วครั้งหนึ่ง) มารเขาเก่งจริง ๆ เผลอปุ๊บ สอยเราปั๊บ ในใจคิดว่า "ตายแน่ ๆ" เพราะร่างกายไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืน แต่ก็พยายามรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายพาสังขารกลับไปถึงห้องจนได้ วันต่อมา ลุกไม่ขึ้น แขนขาไม่มีแรงแม้จะจะลุกขึ้นนั่ง ยืนก็ไม่ได้ เดินก็ไม่ได้ น่าเศร้าจริง ๆ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต จึงเริ่มสำรวจร่างกายและแยกอาการออกเป็น ๒ ส่วน คือ ๑. อาการจากการปฏิบัติ เพราะผมนั่งผิดท่า แถมนั่งท่านางฟ้า (ลืมคิดไปว่าน้ำหนักตัวผมไม่ใช่น้อยนั่งกดทับนานขนาดนั้น กำลังขาคงทนไม่ไหว) แถมขึ้นเขาไปไหว้พระกลางแดดอีก ๒. อาการจากการล้มหัวฟาดฟื้น ผมคิดว่า ไม่น่าจะมีผลมาก เพราะผมไม่มีกำลังก่อนที่จะล้มอยู่แล้ว และผลข้างเคียงเรื่องตาพร่า ปวดหัว และอาเจียนไม่ปรากฏ ๑ วันอันแสนทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะไม่ได้ถ่ายหนัก ๒ วัน และเวลาฉี่ต้องฉี่ใส่ถุงพลาสติก ข้าวก็กินไม่ได้ เพราะกลัวปวดท้องถ่ายหนัก ในแต่ละมื้อต้องกินขนมปังมื้อละ ๑ แผ่น คิด ๆ แล้วสมเพชตัวเองจริง ๆ แต่ก็ไม่วายไปอำพี่ ญ.ผู้หญิงว่า "ตายแล้ว" ทีนี้พี่หญิงโทรหาแม่ถามว่าคมน์เป็นอย่างไร "งานเข้า" เพราะเป็น "หลานยาย" คนเดียวของตระกูล ทุกคนก็เตรียมยกกองทัพมาเยี่ยม วันนี้แม่ทัพใหญ่ (พ่อ) มาเยี่ยมและจับส่งโรงพยาบาล ปรากฏว่า "อาการปกติ ไม่มีผลข้างเคียงอะไร" (คิดในใจว่า "บารมีพระ" เพราะเรารับยันต์เกราะเพชรมา) วันพรุ่งนี้รองแม่ทัพ (แม่) มา พร้อมญาติอีกจำนวนหนึ่ง ในวันที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และรู้สึกแย่ ก็เริ่มทบทวนสิ่งที่พระอาจารย์เล็กสอนจากความจำ ซึ่งสรุปได้ว่า "มารเขาเก่ง เวลาเราไปปฏิบัติธรรมและกำลังจะพ้นเขตที่เขาทวงได้ เขาจะรีบมาทวงและมาทำให้เราเข้าใจผิด เช่น บางคนมาปฏิบัติธรรมและกลับไปเจอเรื่องที่ไม่ดี บางคนเจอปัญหาครอบครัว บางคนเจอปัญหาเรื่องงาน บางคนเจอเหตุการณ์ที่ไม่ดี ฯลฯ ทำให้หลายคนเข้าใจว่า เข้าวัดแล้วเจอเรื่องไม่ดี ทำให้เลิกปฏิบัติ หากท่านใดเจอเหตุการณ์แบบนี้ ขอให้รู้ว่า เรากำลังจะได้ดีแล้ว ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติต่อไปอีกนิด เขาก็จะตามทวงเราไม่ได้ ดังนั้นใครที่เจอเรื่องแบบนี้ ขอให้ตั้งใจปฏิบัติต่อไป" ที่มาเล่า ไม่ใช่ว่า ผมทำได้ดีแล้ว แต่มาเล่าเพื่อให้ทุกท่านที่จะไปบวชรุ่นต่อไปวางแผนและเตรียมร่างกายให้ดี โดยเฉพาะคนที่น้ำหนักมาก ต้องระมัดระวังครับ ที่สำคัญ คือ อย่าเผลอในทุกวินาทีเพราะมารเขารอเล่นงานเราตลอดเวลาครับ แล้วเจอกันรุ่นต่อไปนะครับ หมายเหตุ : ขอบคุณคน ๆ หนึ่งที่อดทนฟังนิทานครับ
__________________
ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชยาคมน์ : 19-04-2012 เมื่อ 22:02 |
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
||||
|
||||
ลงภาพเบื้องหลังบ้างครับ
สองสาวช่วยกันทำพานเพื่อให้พระอาจารย์เล็กใช้สำหรับสรงน้ำพระ ทราบมาว่า หลวงพี่เอกฝากน้ำอบสำหรับสรงน้ำพระมาด้วยครับ ใส่เสื้อ "หลวงตา" เอาน้ำอบ "หลวงพี่เอก" มาทำพานให้ "หลวงพี่เล็ก" เข้าใจคิดครับ สุภาพบุรุษส่งพี่ทิดไปช่วยสุภาพสตรีทำความสะอาด ส่วนสุภาพบุรุษทั้งหลายยืนให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ๕๕๕ กองกำลังติดอาวุธวัดท่าขนุน พร้อมออกไปทำสงคราม (น้ำ) ที่ตลาด
__________________
ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชยาคมน์ : 20-04-2012 เมื่อ 21:10 |
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#40
|
|||
|
|||
บวชเนกขัมมะครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ เป็นอีกครั้งที่ควรมาเล่าสู่กันฟัง
เริ่มจากกำหนดการ "จัดเต็ม" ๕ วันเช้า-บ่าย รวม ๙ รอบ พระอาจารย์ก็เมตตา "คุมเข้ม" เกือบทุกช่วงกรรมฐาน พร้อมด้วยเปลี่ยนอาวุธเป็นกล้องถ่ายรูป ไว้คอยดันใครที่หลับสัปหงก ที่ครั้งนี้มีหลายคนอยู่ จำนวนคนกลับมากกว่าครั้งที่ ๔ อากาศเย็นสบายขึ้น แม้มีฝนบ้าง แต่ระบบน้ำอาบน้ำใช้ก็ซ่อมทำแล้วเรียบร้อย แม่ชีทุกท่านยังคงทำงานหนักเพื่อให้ผู้บวชอยู่สบายเช่นเคย งานครัวกระชับขึ้นโดยทำอาหารง่าย ๆ ไม่มากอย่าง และพระอาจารย์ประกาศให้โยมที่มีฝีมือทำอาหารไปช่วยงานครัวอีกด้วย แต่แม่ชีทุกท่านก็ต้องขึ้นบนศาลาเพื่อขานชื่อ (ชื่อแรก ๆ ด้วย) ก่อนเวลาให้ทัน เช่นเดียวกับท่านอื่น ๆ ...ยายก็เพิ่งทราบตัวอย่างหนึ่งหลังจากกลับมาแล้ว ที่ยืนยันว่า ทุกท่านที่ได้ไปบวชมีบุญหนุนส่งระดับหนึ่งแน่นอน คือ น้องที่ทำงานที่ยายชวนให้ไปบวชไว้ ซึ่งเขาจัดเวลายากมาก เพราะมีกิจกรรมครอบครัวและงานบุญประจำทุกวันหยุด เขาเล่าว่า ลางานไว้แล้ว ๒ วัน จัดกระเป๋าแล้ว แต่ลาฟรี ไม่ได้ไปเพราะรถที่จะไปเต็มทั้งหมด ยายก็ถามว่าทำไมไม่โทร. หา เพราะวันเดินทาง ยายกลับจากวัดเขาวงมารับป้ายิ้มที่กรุงเทพฯ และยังพอมีที่ เขาบอกว่า มือถือเขาเพิ่งเปลี่ยนที่หาย ไม่มีเบอร์โทร. ที่เก็บไว้ และไม่ได้อยู่ในจังหวะที่จะตรวจสอบถามหาได้สะดวก ตอนไปถึงวัดมืดแล้ว ยายก็กราบพระ พรหม เทวดา หลวงปู่... พอถึงตรงศาลาแม่พระธรณี อ้าวท่านแม่หายไปไหน ยายก็จอดรถ ลดระดับกระจกออกดู จึงเห็นว่าพระแกะสลักจากหินเขียวแม่น้ำโขงประดิษฐานอยู่ตรงนั้น (ยายเคยจำเอาไว้ว่า พระอาจารย์เคยเล่าถึงว่าเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใด แต่ก็มีคนฟังมาแตกต่างกันออกไปอีกถึง ๒ คน... ยายก็เลยไม่แน่ใจ) ยิ่งดีใจมากขึ้น เมื่อเห็นว่าแม่ชีใหญ่กำลังจัดเตรียมบายศรีเพื่อบวงสรวงและดอกไม้บูชาพระ และยายได้รับคำชวนให้ช่วย จึงรีบไปดูที่นอนให้เรียบร้อยก่อน เพราะดึกแล้ว... อาบน้ำเสร็จก็ทันได้ช่วยบูชาครูทำดอกไม้บ้างด้วยความชื่นใจ เสร็จแล้วก็เดินไปวางพานดอกไม้ถวายที่กุฏิหลวงปู่พุก แล้วไปกราบที่องค์พระหินเขียว... ช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น จะได้บวงสรวงรับพระองค์ท่าน เป็นฤกษ์โสฬสวันเสาร์อีกด้วย มีคนเตรียมไปหาน้ำมันเลียงผามาเข้าพิธี ยายก็ฝากซื้อขวดเล็ก เพื่อไม่ให้หนัก และจะนำถวายพระอาจารย์ ช่วงเช้าตรู่ เขาไปหาซื้อที่ร้านประจำ ร้านยังไม่เปิด เขาก็ถึงกับเคาะเรียกได้มา ร่ายยาวมานี่ ก็เพื่อชะลอที่จะเล่าถึงส่วนการปฏิบัติ เพราะส่วนนี้ยายได้รับคำสั่งสอน ระดับ “เจ็บเลือดซิบ” ทีเดียว ยายไม่ได้ไปบวชทุกครั้ง จึงเพิ่งมีโอกาสได้ฝึกกราบช้า ๆ กับเคลื่อนมือแทนการเดินจงกรม ยายชอบกราบแบบนี้มาก แม้ว่ามักทำผิดท่าตอนที่กราบครบแล้วจะกลับมาท่าทางเดิม… เพราะทำให้รู้สึก “ตั้งใจ” กราบมาก ๆ การเคลื่อนมือแบบหลวงพ่อเทียนนี้… เด็ก ๒ พี่น้องที่เมื่อง่วงแล้วรู้จักแก้ปัญหาโดยหันมาทำอิริยาบถนี้แทน ครั้งนี้ ไม่มีเด็กกวนผู้ใหญ่เลย มีแต่ที่จะให้ผู้ใหญ่ได้อาย… พวกเราได้กราบฟังว่า แฝดสามตัวน้อย ตอนที่เด็ก ๆ ที่แยกกันนั่งนี้ เขาเบื่อแล้วมองนั่นนี่ไปบ้าง ก็ไม่ขยับออกนอกวงส่วนตัวรบกวนใครกันเลย คนพี่เด็กหญิงอีกคน ที่ล้มตัวลงนอนฟุบไปนั้น พระอาจารย์ท่านก็ไม่ให้ไปปลุกหรือจับ เพราะเราจะดูไม่ออกว่าเขาหลับหรือเป็นมโนฯ เต็มกำลังกันแน่… ไปจับรบกวนเข้าก็อาจจะเกิดโทษได้ ได้มีโอกาสเดินจงกรมรอบวัด ๑ รอบ… เป็นรอบที่พระอาจารย์บอกว่า ไม่มีสักคนเดียวที่รักษากำลังใจได้ตลอดทาง หลุด ๑๐๐% เต็ม !!! และคนที่รู้ตัวมีไม่ถึงจำนวนนิ้วมือข้างหนึ่ง เมื่อท่านเทศน์ ระหว่างปฏิบัตินั้น … ท่านย้ำอีกครั้งว่าข้อเสียของการปฏิบัติของพวกเราก็คือทำแล้วทิ้ง ไม่พยายามรักษาอารมณ์ใจไว้ให้ได้ ข้อเสียนี้มีผลร้ายแรงถึงไปพระนิพพานไม่ได้ ยายฟังแล้วก็สยองขวัญ แต่ “เรื่อง” ที่เกิดขึ้น ก็ยิ่งย้ำให้ยาย “สยอง” ต่อมากระทั่งทุกวันนี้… ที่ยายก็ยังหัด “รักษากำลังใจ” ได้ไม่ดีขึ้นนัก เอาตรงเรื่องเดินรอบวัดนี้ก็ “เจ็บ” มากแล้ว… พวกเราตัดสินใจออกเสียงกันว่าจะไปเดิน ตอนที่แดดแรงมาก แต่พอเริ่มออกเดินแดดก็ร่ม …วุ่นวายจัดแถว พอเริ่มออกเดิน ก็ไม่สมานสามัคคีเท่าไรนัก และเดินค่อนข้างเร็ว ตรงยายก็ใช้วิธีสังเกตฝีเท้าแถวพระที่นำหน้า แล้วว่าคำเดินจงกรมตาม มีหยุดจัดขบวนใหม่ ๒-๓ ครั้ง ในที่สุด พระอาจารย์บอกให้ต่างคนต่างกำหนดในใจกันเอง เพราะแถวข้างหลังบีบคั้นให้แถวนำหน้าต้องเร่งฝีเท้าแทบหายใจไม่ทันกันทีเดียว เดินกันมาสักพักก็พบต้นไม้ใหญ่ที่ล้มขวางทางอยู่ ก็ค่อย ๆ เดินออกข้างกันไป… ช่วยเหลือกันไปตามสภาพ ข้างที่ยายผ่านมีรังมดแดงตัวโตแตกรังมาพอให้ได้ปัดออกจากหัวหู แถวเดินผ่านจุดต่าง ๆ ไป… ตอนนี้เสียง ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ เงียบลงแล้ว ยายก็เพลินดูสองข้างทาง ไม่ถึงกับสอดส่าย แต่ก็มี "เผลอ" ไปบ้าง... นี่ยายภาวนาพร้อมกับทำอย่างอื่นอีกแล้ว โดยเฉพาะที่มะดำเทินขวดน้ำไว้บนหัวระหว่างเดิน เป็นเหตุให้เป็นจุดสนใจ… ยายเห็นมะตอนที่พระอาจารย์ท่านขึ้นเนินปูนไปถ่ายรูปเอาไว้... ก็หันไปมองพระอาจารย์ก่อนนั่นแหละ แล้วจึงมองตามทิศทางที่ท่านมองต่อ ท่านว่ามะสมาธิดีที่สุด เผ่าพันธุ์นี้เป็นเองโดยกำเนิด… มีคนพูดว่าเหมือนพวกนางแบบ ท่านก็ว่า เขาเกิดมาเป็นนางแบบกันได้ทุกคน ผ่านหน้าจุดก่อสร้างฐานสมเด็จองค์ปฐมด้านหน้าวัด ยายก็ยกมือขึ้นไหว้ พอเดินเลี้ยวกลับเข้ามาทางหน้าวัด ผ่านปากทางขึ้นพระเจดีย์ พระอาจารย์ท่านก็เล่าถึงศาลาตรงนั้นที่เคยเป็นทรงไทย แล้วต่อมาก็สร้างเป็นทรงสเปน ซึ่งภายหลังสภาพทรุดโทรมเกินกว่าจะบูรณะ จึงกลับมาเป็นทรงไทยใหม่ ถึงยายจะเคยฟังเรื่องนี้แล้ว… แต่ความที่ยายฟังไม่ค่อยได้ยิน จึงเงี่ยหูตั้งใจฟังท่านเล่า เห็นท่านเดินถือโทรโข่งพูดหันไปทางด้านหน้า และท่านเดินอยู่ด้านข้างบริเวณค่อนไปทางหัวแถว ยายก็นึกว่า ทำไมท่านจึงไม่หันโทรโข่งมาทางด้านหลัง คนในแถวจะได้ยินชัดขึ้น… “ทำไมหนอ” ท่านไม่ลืมแน่นอน ท่านต้องมีเหตุผลสิ …ทันทีที่นึกออก !!! ยายก็กลับมาที่ฝีเท้าแล้วนึกว่า “ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ” ทันที แต่ตอนนั้นเราก็ใกล้ถึงศาลาแล้ว ยาวจัง ขออภัย… ยายขออนุญาตเอาเรื่อง “น่าละอาย” (และน่าสยองขวัญขึ้นอีก) ของยาย มาเล่าต่ออีกนะ
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 17-05-2012 เมื่อ 10:36 |
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|