#21
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเทศน์สอนพระที่วัดท่าขนุนว่า "การที่ทุกท่านพยายามตั้งมั่นอยู่ในความดี ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่เป็นการทำเพื่อรักษาเกียรติคุณของครูบาอาจารย์ อันมีหลวงปู่สายเป็นต้น และเป็นการทำเพื่อวัด เพราะเมื่อคนเห็นว่าพระเราดี วัดเราดี เขาก็แห่กันมาทำบุญอย่างที่เห็น
วัดอื่นมีเยอะแยะทำไมเขาไม่ไป ถามตัวคุณเองสิว่า วัดอื่นมีเยอะแยะทำไมไม่ไปบวช ทำไมมาเลือกวัดท่าขนุนนี้ และท้ายสุดการรักษาความดีเป็นการช่วยพระพุทธศาสนาด้วย เมื่อคนหันมาพึ่งพระพึ่งวัดแล้วดีมีความสุข เขาก็จะพากันมามากขึ้น ๆ เข้าถึงความดีกันมากขึ้น ๆ ทั้งพระพุทธศาสนาและประเทศชาติก็จะเจริญขึ้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2011 เมื่อ 04:20 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
เถรีชอบภาพนี้เป็นพิเศษค่ะ ในรูปพระที่นั่งคือครูบาเหนือชัย โฆษิโต สำนักถ้ำป่าอาชาทอง จ.เชียงราย (พระที่บิณฑบาตด้วยการขี่ม้าข้ามเขา) ถ้าจำไม่ผิดในรูปคือ พระอาจารย์ท่านได้ถวายมีดหมอให้แก่ครูบา พระอาจารย์เคยพูดถึงครูบาเหนือชัยว่า ครูบาเหนือชัยท่านบวชมาเพื่อปฏิบัติ แต่ทำไปทำมาไม่ก้าวหน้า ท่านเลยตัดสินใจว่า นั่งสมาธิให้มันตายไปเลยดีกว่า..! คนตัดอาลัยในร่างกายได้ มักจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้น พอถึงวันที่ ๗ หลวงพ่อฤๅษีก็มาชี้แนะหนทางการปฏิบัติให้ ต่อมาหลวงพ่อสดวัดปากน้ำก็มาสอนในสมาธิอีก" เพราะฉะนั้นพระระดับนี้เรื่องการทรงความดีไม่ต้องพูดถึง ครูบาเหนือชัยเคยขอให้พระอาจารย์ " จับ " ประคำประจำตัวให้ เนื่องจากประคำเส้นนี้ทำจากแก่นมะขาม เคยมีผู้ไม่เกรงใจขอไปหลายครั้ง แต่ต้องเอามาคืนทุกครั้ง..! ส่วนจะด้วยเหตุผลใดที่เขาต้องเอามาคืนก็ต้องไปถามพระอาจารย์เอาเองค่ะ อิอิอิ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2014 เมื่อ 04:59 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
หลวงพ่อบอกว่า "..ถ้าเราพึ่งตัวเองได้เมื่อไร จึงจะมีที่พึ่งที่แท้จริง.."
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
หลวงพ่อบอกว่า การอ่านธรรมะมันแค่ศึกษาทฤษฎีเท่านั้น เป็นแค่การ "จำได้" เรียกอีกอย่างว่า"สัญญา"
ต้องเอามาปรับใช้งานได้กับทุกสถานการณ์ ถึงจะเรียกว่า "ทำได้" ถ้าอย่างนั้นถึงจะเป็น "ปัญญา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
ครั้งก่อนท่านอาจารย์เมตตาแย้มให้ฟังถึงอานิสงส์จากการบำเพ็ญเพื่อพุทธภูมิ ช่วงหนึ่งครั้งท่านยังอยู่วัดท่าซุง
คนมาหาจนล้นหลาม ท่านอาจารย์เห็นท่าไม่ดี ขอฝากไปกับพระโพธิสัตว์ใหญ่ท่านหนึ่ง ปรากฏหายเรียบเลย ส่วนที่ยังเกาะอยู่แถวนี้ กราบเรียนถามว่าหวงเอาไว้หรือเปล่า ท่านตอบว่า "มันหน้าด้าน ไล่เท่าไรไม่ยอมไป !!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-12-2009 เมื่อ 13:41 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
แต่บางรายก็แห่กันมาแต่เช้า ทั้ง ๆ ที่บ้านอนุสาวรีย์เปิดตอนแปดโมงเช้า ด้วยคิดว่าการได้กวนพระก่อนเวลานี่เป็นความสุขของเขา พอเขากลับกันไปท่านก็หันมาเปรย ๆ ว่า "ข้าจะตายเร็วก็เพราะอย่างนี้แหละ..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
||||
|
||||
เดี๋ยว...ยังมีอีก พวกที่ชอบมาตอนจวนจะสามทุ่มเรียกว่าไม่มืด..ออกจากบ้านไม่เป็น (พระอาจารย์ท่านว่า..พวกชอบออกพร้อมผี.. !) แล้วพยายามลากจะให้ท่านอยู่เลยสามทุ่มให้ได้ บางทีท่านไล่แล้วไล่อีกก็ทำเป็นไม่เข้าใจ ไม่ยอมกลับ พวกนี้ยังไม่รู้หรือรู้แต่แกล้งโง่ว่า ..
คนที่นั่งมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้านั้น ตอนใกล้สามทุ่มพร้อมจะพับลงไปได้ตลอดเวลา ท่านว่าบางทีแรงจะนั่งยังไม่มี มันยังเซ้าซี้ถามนั่นถามนี่อยู่ได้ พออ้าปากตอบมัน ตัวก็จะพับลงไป..! หากตัวเองเจอแบบนี้วันไหนจะรู้สึก..! สังเกตว่า เวลาพระอาจารย์ไปกราบพระผู้ใหญ่ ท่านจะรีบเข้ารีบออก จนบางทีเหมือนกับเสียมารยาทท่านบอกว่า กลัวกรรมตามสนอง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
||||
|
||||
พระอาจารย์ท่านเตือนพระว่า "อย่าคิดว่าเป็นพระแล้วมารจะแทรกไม่ได้ ขนาดพรหมยังโดนมารแทรกได้เลย
..ดูอย่างตอนที่พระพุทธเจ้าเทศน์ให้ท้าวผกาพรหมฟังนั่นปะไร ท้าวผกาพรหมท่านมีบุญมาก ตายจากพรหมก็เกิดเป็นพรหมต่อหลายครั้งเข้าจนท่านคิดว่าท่านเป็นอมตะ พอพระพุทธเจ้าเทศน์ให้ฟังว่าการเป็นพรหมนั้นไม่เที่ยง ยังมีการแตกดับ ก็ยังอุตส่าห์มีพรหมองค์หนึ่งลุกขึ้นมาเถียงพระพุทธเจ้าว่าไม่จริง ผกาพรหมนั่นแหละเลิศสุดแล้ว ท่านยังยกตัวอย่างพระองค์หนึ่งในวัดท่าขนุน ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นที่รักของคนทั่วไป ถึงคราวกรรมเข้า วันนั้นอาจจะเพราะศีลพร่องไปหน่อยด้วย มารเข้าสิงใจ ท่านน้อยใจที่โดนเพื่อนในวัดต่อว่า เลยไปผูกคอตาย ฉะนั้น ขอให้ทุกท่านพยายามระมัดระวังสติให้ดี รักษาศีลให้ครบถ้วน เพื่อจะช่วยป้องกันไม่ให้พวกมารเข้าแทรกใจ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
||||
|
||||
พระอาจารย์ท่านสารพัดจะสรรหากีฬาสมาธิมาให้ลูกศิษย์เปลี่ยนบรรยากาศอยู่เสมอ ถ้าใครมาฝึกกรรมฐานที่บ้านอนุสาวรีย์คงจะทราบดี ที่เด็ดกว่านั้น..ขนาดเครื่องปั่นจักรยานท่านยังใช้ฝึกสมาธิได้เลยค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า มีลูกศิษย์ถวายเครื่องปั่นจักรยานมาให้ท่านออกกำลัง เนื่องจากหมู่นี้ท่านเรียนหนักจนไม่มีเวลาเดินธุดงค์ ท่านเมตตาเล่าให้นางมารร้ายกับพริกขี้หนูฟังว่า ท่านปั่นยังไงหัวใจก็เต้นช้า เพราะสภาวะที่ทรงฌานอยู่เป็นปกติ อ้าว! แล้วร่างกายจะแข็งแรงหรือคะ? นางมารร้ายสงสัย ก็ต้องแข็งแรงสิ คนแข็งแรงหัวใจจะเต้นช้า ถ้าเราถอยเข้าออกฌานได้คล่อง ผลของชีพจรจะเป็นตัวยืนยันค่ะ เช่นจาก ๑๐๐ ลดลงเหลือ ๕๐ ทั้งที่ยังถีบอยู่ และจาก ๕๐ เพิ่มเป็น ๘๐ ทั้งที่หยุดถีบไปแล้ว เป็นต้น ไม่กี่วันหลังจากนั้น ท่านอาจารย์ก็ทำเอาเครื่องปั่นร้องปี๊ดไปเลยค่ะ พอเราไปมุงดูกันก็ตกใจ ทั้ง ๆ ที่เท้ายังปั่นอยู่แต่ชีพจรวัดได้ศูนย์ค่ะท่านผู้ชม น่าสงสารเครื่องปั่นจริง ๆ เลยนะคะ นางมารร้ายเลยรู้แล้วว่า คราวหน้าคราวหลัง ใครมาโม้ว่าได้ฌานสี่ จะขอวัดชีพจรก่อนเลยค่ะว่าหยุดเหลือศูนย์ได้หรือเปล่า..อิอิ หวังว่าข้อมูลนี้คงช่วยขจัดปัญหาที่ถกเถียงกันได้หลายกรณีนะคะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
||||
|
||||
พระอาจารย์ท่านว่า "ยกช้างเสี่ยงทายที่พระพุทธบาท จ.สระบุรี ยังไม่มีเรื่องอะไรที่ถามแล้วไม่สำเร็จ "
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
||||
|
||||
ในงานพิธีพุทธาภิเษกเหรียญทำน้ำมนต์ ก่อนการบวงสรวง พระอาจารย์มีการปรารภถึงพระคาถา บทหนึ่งซึ่งเป็นของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ใช้สำหรับทำน้ำมนต์เพื่อประพรมหรือภาวนา ให้เป็นมงคล แก่การเดินทางปลอดภัย
พระคาถาว่าดังนี้ อิติ สุกขติ สุกขโต อิติ สุคติ สุคโต
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
||||
|
||||
บางคราวเราจะเห็นโศกนาฏกรรมที่มีคนตายพร้อมกันหลาย ๆ คน เช่น เครื่องบินตก พระอาจารย์ท่านบอกว่าเป็นเพราะเขาทำกรรมร่วมกันมา
แต่หลาย ๆ ครั้งเราจะพบว่ามีคนที่รอดตายราวปาฏิหาริย์ ซึ่งพระอาจารย์บอกว่าไอ้เจ้านี่มันไม่ได้ทำกรรมร่วมกับพวกเขาไว้ เลยรอดมาได้ ฉะนั้น ท่านที่กังวลว่ากรรมตัวเองจะพลอยเผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้างด้วยนี่...เลิกคิดได้เลยค่ะ กรรมใครกรรมมัน ส่วนที่เขาได้รับก็เป็นของเขาเองซึ่งอาจจะเคยร่วมทำบาปพร้อมกันกับเรามา ส่วนใหญ่คนเกิดมาครอบครัวเดียวกันนี่ก็มักจะทำกรรมมา คล้าย ๆ กันแหละค่ะ ไม่เช่นนั้นจะมาเจอกันได้อย่างไร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-05-2009 เมื่อ 23:18 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเคยบอกว่าพอเลยเวลาบ่ายสองไปแล้ว นักปฏิบัติควรงดพวกอาหารที่หวาน ๆ เพราะว่าอาหารหวานนั้นจะมีผลไปทำให้ร่างกายเกิดอาการง่วงเหงาหาวนอน และจิตเกิดความฟุ้งซ่านได้ง่าย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
||||
|
||||
หลวงตาวัชรชัยบอกว่า ให้เราหัดคิดเข้าสูตรไว้
เพราะถ้าไม่เข้าสูตรไว้ จะไม่ทันกิเลส เวลากิเลสมา เราจะคิดไม่ทันมัน |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
ว่ามาให้ครบ มาให้อยากแล้วจากไป เดี๋ยว... ไม่สวย |
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สไบเงิน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
|||
|
|||
สูตร "ของใครของมัน" จ้ะ หลวงตากล่าวขึ้นเรื่องคิดเข้าสูตรนี้ตอนตอบคำถามที่มีน้องถามเรื่องความโกรธ
หลวงตาท่านจึงยกมรณานุสติมาเทศน์ รายละเอียดต้องรอแบบแสบ ๆ จาก"ตัวแสบ" ที่ตอนนี้ "จำเป็น" ต้องมาเล่าเพราะมีเสียงหลวงตา ไม่อย่างนั้นอาจโดนรุม... อ้อนวอน ช่วยน้องหยกหน่อย เพราะน้องขออนุญาตนำเสียงหลวงตาไปเผยแพร่ หลวงตาท่านเมตตาให้ถอดใจความ เพราะหากฟังแต่เสียง ไม่เห็นท่าทางที่หลวงตาทำประกอบแล้ว อาจตำหนิหลวงตาได้... "บรื๋อ" โมทนาน้องเขาก่อนเข้าเรื่อง "คิดเข้าสูตร" อยากจะชวนท่านทั้งหลาย มาแบ่งปัน การคิดเข้าสูตร คือ คล้ายว่าเราโดนอะไรกระทบ ต้องคิดอย่างไรจึงไม่รับกระทบนั้นให้เป็นกิเลส เข้าเป็นสูตรของเราไว้จนคล่อง (คิดทันกิเลส) น่าจะคล้ายการท่องสูตรคูณแล้วคิดเลขเร็ว (ขอออกตัวก่อนว่า คนชวนนี้ไม่เคยท่องสูตรคูณ... จึงชวน จะได้ฝึกคิดเข้าสูตร) มาลองผูกสูตรสักเรื่อง ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันก่อน เช่น คนขับรถปาดหน้า... โกรธ ?...คิด... คนเจอกันทุกวันยังไม่สนใจทักทาย "ไอ้นี่มาจากไหน ไม่รู้จักกัน เจอกันเดี๋ยวเดียว จะมาทำให้เราโกรธได้" ยังจะ...โกรธ...ก็มัน...ปาด... "เขาจะรีบไปตาย ก็ปล่อยเขา" หรือ "เขาคงนัดยมบาลไว้ เดี๋ยวไม่ทัน"... อาจจะฟังดูแรงไปสักนิด แต่ตอนผูกสูตรก็คิดเป็นพื้นฐานเสียก่อนว่า ปล่อยเขาไปเขาก็ตายอยู่ดี โกรธเขาก็ชั่วที่เรา (รอท่านตัวแสบนะเรื่องนี้) เอาเป็นว่าผูกประโยคหรือสูตรของเราไปพลาง พอให้เรานึกได้แต่ไม่ใช่ว่าด้วยความโกรธ นั่งฟังธรรมกับพระ...ฟุ้ง ?...คิด... "เป็นบุญจริงหนอ" ได้เกิดมาเป็นคน เป็นพุทธศาสนิกชน ยังได้นั่งฟังพระเทศน์อยู่อย่างนี้ (ติดใจวิธีนี้ ที่ได้มาจากหลวงพ่อสมเด็จ เพราะเวลาฟุ้งมาก ๆ กดด้วย พุทโธกับลมหายใจ ไม่อยู่) หากยังฟุ้งต่อ...ต้องนี่เลย..."ไอ้ควาย" มีบุญส่งมาจนได้มานั่งฟังธรรมอยู่อย่างนี้ ยังจะโง่ต่ออีก (ศัพท์นี้ไม่ใช่คำหยาบสำหรับตัวเอง เพราะจำติดมาจากเรื่องเล่าของหลวงตา จึงถือเป็นศัพท์สูงใช้เตือนตัวเอง) โลภมากอยากได้เงินทองแบบ "รวยเละ"...คิด... "จะเก็บไปใช้ถึงชาติหน้าหรืออย่างไร" ที่จริงจะบอกว่า ไปท่องคำเด็ดครูบาอาจารย์ที่ "โดนใจ" ตรงกับกิเลสเราเอาไปคิดเป็นสูตรของเราดีที่สุด เช่น "มารดลใจ...ก็เพราะเราโง่มาก ถ้าเราชั่วน้อย เขาก็ดลใจได้น้อย"
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เด็กท้ายแถว : 21-06-2009 เมื่อ 21:40 เหตุผล: เน้นที่สำคัญ ๆ ให้ค่ะ |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
||||
|
||||
เจี๊ยก!!! อ่านแล้วร้องจ๊ากเลย.. ไม่รับปากค่ะพี่
ต้องรีบมาบอก เดี๋ยวนิ่งเงียบแล้ว ท่านจะถือว่า รับปากโดยดุษณี ส่วนเรื่องเข้าสูตร.. เข้าใจว่าแต่ละคน ก็มีสูตรของ ตัวเองอยู่แล้ว จากประสบการณ์ของหยกโดยส่วนตัวนั้น พบว่า การแก้อารมณ์ใจไม่ใช่เรื่องยาก(แต่ไม่ได้หมายความว่าง่ายนะ) เท่ากับการที่เรา มักจะไม่มีสติคอยรับรู้ว่า นี่นะ.. กิเลส มันเกิดขึ้นแก่ใจเราแล้วนะ กว่าจะรู้ตัวอีกที มันก็เจริญ งอกงามในใจเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อทิสสมานกายเรา กลายเป็นสัตว์นรกเรียบร้อยแล้ว |
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวแสบจำเป็น ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
||||
|
||||
หลวงพ่อสมปองท่านบอกว่า พวกที่มีอาชีพแต่งตัวโป๊ ๆ สวย ๆ อวดชาวบ้าน อย่างเช่นพวกดารา พวกนี้ตายไปแล้วจะตกนรก เพราะว่าทำให้คนเห็นเกิดกามราคะ เกิดกำหนัด ไปตัดความดีของเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-05-2009 เมื่อ 20:58 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
||||
|
||||
หลวงพ่อสมปองได้เทศน์สอนในเรื่องอารมณ์การปฏิบัติเอาไว้ว่า
" อารมณ์ต้น อารมณ์กลาง อารมณ์ปลาย อารมณ์ต้นมันต้องเกาะเพื่อการระวัง พออารมณ์กลางเราจะรู้สึกเริ่มชินเป็นฌาน พอเข้าสู่อารมณ์ฌานก็จะเป็นอารมณ์ปล่อย เราก็ต้องทำตั้งแต่ต้นไปก่อน ไม่ใช่ไปจับอารมณ์ปลายเลย 'ฉันไม่เกาะ ฉันปล่อยเลย' มันไม่ได้ เดี๋ยวมันเผลอ เพราะพื้นฐานมันไม่แน่น ไม่เหมือนคนที่เริ่มตั้งแต่ต้นมา เขามีการสั่งสมความเข้าใจทีละน้อย ๆ จนแน่น เมื่อมันแน่นแล้วมันล้มยาก แต่ถ้าเราไปจับอารมณ์ปลายเลยมันไม่รอด อย่างเก่งก็หลงไป คนจึงหลงความดีง่ายก็เพราะอย่างนี้ การปฏิบัติต้องไล่จากเบื้องต้น ไปเบื้องกลาง ไปเบื้องปลาย เป็นลำดับของมันแบบนี้ เราไม่ใช่คนที่ไปเกิดในสมัยที่คนมีกำลังบุญสูง สมัยนี้คนมีกำลังบุญต่ำ ทำได้ช้า บาปมันมีกำลังใหญ่ ความจำเราก็เสื่อม ปัญญาก็พลอยเสื่อม ฉะนั้น จะให้เราทำปุ๊บเป็นอรหันต์ปั๊บมันไม่ง่ายเหมือนสมัยพุทธกาล สมัยนี้ต้องถือข้อวัตรปฏิบัติเป็นลำดับ ตั้งแต่หยาบ กลาง ละเอียดไปก่อน อย่าไปข้ามตอนมัน ถึงเราจะรู้สึกเข้าใจในคำสอนได้มั่นคงดี แต่อาจจะฉาบฉวยไป การที่เราเอาข้อวัตรปฏิบัติมาพูดว่า 'สบาย ช่างมัน ปล่อยวางไปเลย' แบบนั้นไม่ได้ นั่นเป็นอารมณ์ปลายของเขา มันทรงได้ไม่นานเดี๋ยวก็เสื่อมเพราะไม่มีพื้นฐานความเข้าใจมาก่อน เพราะฉะนั้นความเข้าใจต้องเริ่มต้นจากนี้ แนบแน่น ๆ ไป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-05-2009 เมื่อ 22:11 |
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#40
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเล็กบอกว่า "บุคคลที่ยิ่งปฏิบัติได้สูงเท่าไร กำลังใจยิ่งละเอียดเท่านั้น ในเมื่อกำลังใจท่านละเอียดขนาดนั้น ท่านก็เลยทำอะไรเรียบร้อยไปด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-12-2009 เมื่อ 12:41 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|