|
กระทู้ธรรม รวมข้อธรรมะจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
|||
|
|||
๔๑. "วัดตัวเองไม่อยู่ ไปหาวัดอื่นอยู่? เท่ากับตัวเองยังไม่รู้จัก แล้วจะไปรู้จักคนอื่นได้อย่างไร? เท่ากับพวกมงคลตื่นข่าว ใครว่าที่ไหนดีไปหมด เท่ากับไม่รู้ว่า พระธรรมอยู่ที่กายกับจิตของตัวเอง เท่ากับไม่รู้ว่า บุญคืออะไร? บุญอยู่ที่ไหน? บุญเกิดขึ้นได้อย่างไร? เท่ากับ ยังหากิเลสของตนไม่พบ ทั้ง ๆ ที่มันก็อยู่ที่ใจของตนเอง กิน อยู่ หลับนอน เที่ยว กับมันตลอดเวลา" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร)
|
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
|||
|
|||
๔๒. "ทุกอย่างเกิดขึ้นข้างใน ไม่ใช่เกิดภายนอก เท่ากับบุญ-บาป, ชั่ว-ดี, กุศล-อกุศล ล้วนเกิดจากใจเราเป็นผู้คิดขึ้นทั้งสิ้น เท่ากับ กรรมหรือธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จที่ใจคล้าย ๆ ข้อ ๘ เกิดที่ใจต้องดับที่ใจ เหตุเกิดที่ใจต้องดับต้นเหตุ เท่ากับอริยสัจ" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร)
|
สมาชิก 58 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
|||
|
|||
๔๓. "พระพุทธเจ้าท่านรู้ทันกิเลส จึงไม่วิ่งออกไปนอกใจ เท่ากับพระองค์ให้อยู่ในปัจจุบันธรรม จึงจะรู้ทันกิเลส เท่ากับพระองค์มีจิตเป็นหนึ่งอยู่เสมอ (ศีล สมาธิ ปัญญา รวมเป็นหนึ่ง) จึงรู้ธรรมเห็นธรรมตลอดเวลา รู้เห็นทุกอย่างล้วนเป็นธรรมหมด จึงไม่มีคน สัตว์ วัตถุธาตุใดหมด เห็นเป็นรูปธรรม นามธรรม คน สัตว์ วัตถุ สมมุติ หายไปหมด จึงไม่โกรธใคร ชอบใคร เพราะคำว่าเรา ของเรา อัตตา ตัวตน บุคคล เรา เขาหมดไป เป็นธรรมหมด (รูปธรรม นามธรรม) จิตเป็นสัมมาทิฏฐิตลอดเวลา" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 09:34 |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
|||
|
|||
๔๔. "ภาวนากันหลง ผู้ฉลาดจึงภาวนากันหลง เท่ากับไม่หลงตามกิเลส ไม่หลงตามอายตนะ ๖ ที่มันกระทบกันสัมผัสกัน ไม่ยอมให้จิตเป็นมิจฉาทิฏฐิ จิตจึงมีญาณ (รู้หรือปัญญา), มีวิชาประจำใจ คุมอายตนะ ๖ ไว้ ไม่หลงตามทวาร ๖" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 15:32 |
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
|||
|
|||
๔๕. "ให้เชื่อกรรม เชื่อผลแห่งกรรมว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ให้ปฏิบัติจนรู้เท่าทันอารมณ์ จึงจะไม่หลงตามไปทั้งฝ่ายดีและชั่ว" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร)
|
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
|||
|
|||
๔๖. "บาป.. บุคคลรู้หรือไม่รู้ ทำเข้าเป็นบาปทั้งนั้น เหมือนกับไฟ ใครจับเข้าก็ต้องร้อน จะรู้ ไม่รู้ เจตนา ไม่เจตนาก็ตาม ธรรมะของคำว่า เจตนาหรือไม่เจตนา อยู่ที่ผู้ไม่มีเจตนาทำบาปแล้ว จิตไม่เศร้าหมองจึงไม่เกิดทุกข์ จิตรู้จิต, รู้อารมณ์ของตนได้ดีกว่า ความลับไม่มีในโลก เพราะโกหกตนเองไม่ได้ อะไรดีชั่ว เป็นสุขหรือทุกข์ หรืออุเบกขา ย่อมรู้ตนเอง เจตนาดี เจตนาร้ายก็รู้ เพราะฉะนั้น พระองค์จึงตรัสว่า 'ขึ้นชื่อว่าชั่วแล้ว อย่าทำเสียเลยดีกว่า' จิตให้ตั้งเจตนาละเว้นความชั่วไว้ ทุกลมหายใจเข้า-ออก" (ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร)
|
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
|||
|
|||
๔๗. "ศีลเป็นที่ตั้งแห่งธรรมทั้งปวง ธรรมใดตั้งอยู่ในศีลแล้ว.. ไม่เสื่อม (ศีล คือแม่ของพระธรรม เท่ากับศีลเป็นมารดาของพระพุทธศาสนา)" (ของหลวงปู่หลุย จันทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 15:33 |
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
|||
|
|||
๔๘. "ศีล ระงับความคะนองทางกาย วาจา สมาธิ ระงับความคะนองทางใจ ปัญญา ทำอาสวะให้สิ้นได้" (ของหลวงปู่หลุย จันทสาโร)
|
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
|||
|
|||
๔๙. ศีล มีอยู่แล้วในตน ไม่ต้องไปขอ
คนที่ไปขอศีล คือคนจน เพราะศีลอยู่ที่เจตนางดเว้นจากการทำชั่ว มีศีลตัวเดียว จิตยกเว้นทั้ง ๕-๘-๑๐-๒๒๗ ข้อ" (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-04-2012 เมื่อ 10:39 |
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
|||
|
|||
๕๐. "การทำสมาธิ คือการหยุดใจ หรือระงับใจ จากรัก โกรธ หลง เหมือนคนที่กำลังวิ่ง ย่อมเห็นอะไรไม่ถนัด ต้องหยุดวิ่ง และเพ่งสิ่งที่ต้องการจะเห็น จึงจะเห็นถนัดชัดเจน" (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
|
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
|||
|
|||
๕๑. "สมถะ รักษาอารมณ์ใจให้หยุดวิ่งและรวมเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นใจอันเดียวแล้ว ใจจะมีกำลังสูงมาก ทำสิ่งใดก็จะสำเร็จ วิปัสสนา คือตัวปัญญา ถอนกิเลส ค้นหากิเลสได้ แล้วทำลายด้วยไตรลักษณ์ สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นไม่ควรยึด" (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
|
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
|||
|
|||
๕๒. "ไตรลักษณ์ เป็นตัวกรรมฐานใหญ่ แก้กิเลสได้ทั้งปวง ชนะกิเลสทุกชนิด ในสงครามภายในใจ.. สามารถฟอกจิตใจ, บำรุงสติให้แก่กล้า พระโยคาวจรต้องไม่ทิ้งไตรลักษณ์ (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
|
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
|||
|
|||
๕๓. "จิตดื้อ ให้ใช้ปัญญาอบรมสมาธิ พอเริ่มปฏิบัติก็ให้พิจารณาเลย พวกจิตสะดวก ใช้สมาธิอบรมปัญญา" (จิตดื้อ เพราะฟุ้งซ่าน) (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 15:34 |
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
|||
|
|||
๕๔. คนที่เป็นบ้านั้น เพราะถือนิมิตเป็นของจริงจัง ไม่เห็นว่านิมิตนั้นเป็นไตรลักษณ์ สมาธิใดที่ไม่มีปัญญากำกับ ทำให้เป็นบ้าและติดสุขในฌาน (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
|
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
|||
|
|||
๕๕. "ถ้ายังยินดี ยินร้ายในร่างกายอยู่ เห็นกายยังเป็นกายอยู่ แสดงว่าเดินมรรคผิดทาง ทางที่ถูกต้อง.. เห็นร่างกายเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เป็นสันตติ เป็นไตรลักษณ์ เข้าหาอริยสัจ อันเป็นของจริง (คือ เห็นกายเป็นกองทุกข์)" (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร) หมายเหตุ ข้อความในวงเล็บเป็นความเห็นของคุณลุงหมอสมศักดิ์ สืบสงวน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 22-05-2012 เมื่อ 15:34 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
|||
|
|||
๕๖. "ให้พิจารณาในปัจจุบัน ทบต้น ทบปลาย ละอดีต ละอนาคต พิจารณาปัจจุบันธรรม จึงจะแจ่มแจ้ง" (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
|
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
|||
|
|||
๕๗. "อย่าติดรสอาหาร ให้มักน้อยจริง ๆ ในอาหาร จิตจึงจะเป็นไปได้ดี ถ้ายังยินดีในโลกธรรมในวาระจิตใด วาระจิตนั้น ต้องเสียเพราะติดอามิส" (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
|
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
|||
|
|||
๕๘. "จิตต้องให้พักในสมาธิ พอออกจากสมาธิ ต้องให้คิดพิจารณา จึงจะรู้ คือเกิดปัญญา โดยเพ่งอยู่แค่กายกับจิตของตน อย่าส่งออก" (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
|
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
|||
|
|||
๕๙. "สัทธรรม ๕ มีมรรคอยู่ในตนแล้วทุกคน เมื่อเรารู้ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย มีอยู่ในตัวของเขาแล้ว ได้ชื่อว่าเป็นมรรค หากเราเดินมรรคจนเกิดผล ก็เป็นนิโรธ เมื่อตัณหาดับจึงเกิดความรู้จริง เป็นปัญญาเรียกไตรลักษณ์ สิ่งนี้ข้อนี้เป็นของลึกลับในคัมภีร์ ต้องพิจารณาให้บ่อย ๆ จะมีผลดี ให้ดูตั้งแต่ในครรภ์จนกระทั่งถึงตาย" (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
|
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
|||
|
|||
๖๐. "ไตรลักษณ์ห้ามสังขารได้ ทำให้แจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง ทำให้สิ้นกิเลสได้ จึงต้องภาวนาไตรลักษณ์ให้มาก แก้ได้ทั้งรูปธรรม นามธรรม แต่ให้เข้าหาอัพยากตธรรม จึงจะเป็นมรรคที่ถูก" (ของหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
|
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|