|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
"คนจีนสมัยก่อนเขาบอกว่า “ถ้าเวลาอดอยากก็นึกถึงแต่ตัว ถ้าอิ่มขึ้นมาเมื่อไรก็อยากมีคู่ มีครอบครัวเมื่อไรก็อยากร่ำรวย เมื่อร่ำรวยก็อยากมีอำนาจ พอมีอำนาจก็อยากที่จะอยู่ค้ำฟ้า” จะว่าไปแล้วเรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าความอยากทั้งหลายเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ปุถุชนทั่ว ๆ ไปล้วนแล้วแต่ปรารถนา
แต่เราจะเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เพราะว่า การที่เราจะอยู่ยั้งยืนยง ทั้ง ๆ ที่สารพัดสิ่งล้วนแล้วแต่เสื่อมสลายไป มีอยู่บุคคลประเภทเดียวที่อยากอยู่ก็จะอยู่ได้นานมาก ก็คือพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณที่ท่านยังมีภารกิจอยู่ สามารถอธิษฐานร่างกายให้อยู่ได้เป็นกัป ก็คือเมื่อถึงเวลาร่างกายชำรุดทรุดโทรมมาก ก็ใช้อำนาจอภิญญาสมาบัติ โดยเฉพาะในเรื่องของกสิณ อธิษฐานให้ธาตุ ๔ เสมอกัน เท่ากับว่ากลับเป็นหนุ่มใหม่อีกครั้งหนึ่ง กลับเป็นสาวใหม่อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็จะอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกายสังขารเกิดอาการแก่ชราตามอายุรอบใหม่ ถึงเวลาไปไม่ไหวก็ต้องอธิษฐานกันใหม่อีกทีหนึ่ง แต่ลักษณะนั้นท่านก็ไม่ได้อยากอยู่ เพราะเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ ท่านอยู่เพราะว่าหน้าที่ยังไม่หมด หมดหน้าที่เมื่อไรท่านก็ไป ก็แปลว่าถ้าใครอยากอยู่เท่ากับเป็นมิจฉาทิฐิ แปลว่ามีความเห็นผิดเป็นปกติ คำว่า มิจฉาทิฐิ ฟังดูอาจจะรุนแรง จริง ๆ แล้วก็คือความเห็นผิด เห็นในสิ่งที่ไม่ดีว่าเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเปลี่ยนความเห็นได้เมื่อไรก็จะกลับเป็นสัมมาทิฐิ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 03:24 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
"จะว่าไปแล้วเรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องง่าย แต่ต้องอาศัยบุญเก่าส่วนหนึ่ง และปัญญาอีกส่วนหนึ่ง บุญเก่าก็ในส่วนของปุพเพกตปุญญตา สร้างบุญเอาไว้ดี เมื่อถึงเวลากำลังบุญส่งผลช่วยเหลือ จัดเป็นอุปฆาตกรรมอย่างหนึ่ง ก็คือเมื่อความดีเข้ามา ก็ฆ่าความชั่วทิ้งหมด แบบเดียวกับองคุลีมาล พออุปฆาตกรรมฝ่ายกุศลเข้ามาหนุนเสริม ความชั่วที่ทำอยู่ทั้งหมดก็เป็นอันว่าเจ๊ากันไป ตั้งหน้าตั้งตาทำความดีจนกลายเป็นพระอรหันต์
อีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของปัญญา นอกจากบุญเก่าแล้วยังต้องมีปัญญาพอ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด" ถ้าเป็นคนปกติทั่ว ๆ ไป อาจจะฟังไม่เข้าใจ แต่โจรองคุลีมาลมีความฉลาดมาก และประกอบกับบุญเก่าหนุนเสริมเข้ามา ถึงได้สงสัยว่าทำไมพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ จึงได้ตะโกนถาม เมื่อได้รับคำอธิบาย มีความเข้าใจ จึงได้ละมิจฉาทิฐิคือความเห็นผิด เข้ามาบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 03:25 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
"เราจะเห็นได้ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้มีส่วนประกอบสำคัญอยู่สองส่วน ก็คือ บุญเก่ากับปัญญา ถ้าสองส่วนนี้ลงตัวเมื่อไร ความเป็นสัมมาทิฐิจะเกิดขึ้นทันที จะว่าไปแล้วพวกเราทั้งหลายก็ยังไม่มั่นคงในส่วนของสัมมาทิฐิ เพราะว่ายังจัดอยู่ในประเภท "เบื่อ ๆ อยาก ๆ" ตอนไหนที่เราเบื่อแปลว่า มีสัมมาทิฐิ มีสัมมาสังกัปปะ สัมมาทิฐิคือเห็นสิ่งนี้ถูก สิ่งนี้ควร เราต้องปฏิบัติตามนั้น สัมมาสังกัปปะก็คือ คิดในทางที่ถูกที่ควร อย่างเช่นว่า คิดจะออกจากกาม คิดจะไปให้พ้นจากความทุกข์ เป็นต้น
ถ้าเราตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติในขณะที่ผลบุญเข้ามา เราก็จะได้อะไรชนิดเห็นหน้าเห็นหลังอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าผลบุญเข้ามา เรายังทำประเภท "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง" เมื่อวาระเลยไปก็ต้องรอรอบใหม่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเราทำบุญเอาไว้มากน้อยแค่ไหน ช้าเร็วแค่ไหน บางคนต้องใช้เวลาหลายสิบปี สมัยที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านยังสอนกรรมฐานอยู่ มีโยมอยู่คนหนึ่งทุ่มเททำบุญมา ๔๐ กว่าปี สร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างวิหาร สร้างเจดีย์ มาเป็นเงินนับไม่ถ้วน โดยมีความเข้าใจว่า ถ้าทำทั้งหลายเหล่านี้แล้วจะได้เป็นพระอรหันต์ โดยที่ไม่รู้ว่า ความเป็นพระอรหันต์นั้นอยู่ที่การชำระใจให้หมดกิเลส สิ่งที่ท่านทำเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการชำระใจเท่านั้น ก็คือการตัดความโลภจากใจ โดยการสละทรัพย์สินทำสิ่งดี ๆ ให้กับพระพุทธศาสนา แต่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องการตัดความโกรธ ตัดความหลงเลย จนกระทั่งวาระบุญกุศลเข้ามา อายุก็ ๖๐-๗๐ ปีแล้ว ถึงจะได้รู้ว่าวิธีที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ฉะนั้น...ถ้าพวกเรายังประมาทอยู่ เกิดว่ารอบบุญของเราหลายสิบปีขึ้นมา เห็นหลุดวงโคจรไปเยอะแล้ว บางคนถึงขนาดเปลี่ยนศาสนาไปเลยก็มี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 03:27 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
"เรื่องพวกนี้เตือนเอาไว้ในฐานะที่ว่า ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นก็ต้องไม่ประมาท ตั้งหน้าตั้งตาทุ่มเททำให้เต็มที่ ให้กาย ให้วาจา ให้ใจ ของเราอยู่กับความดีไว้เสมอ เมื่อถึงวาระถึงเวลา ความดีทั้งหลายส่งผล เราก็จะเข้าถึงมรรคผลได้อย่างที่ต้องการ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 03:28 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่เวลาญาติโยมทำบุญไม่ค่อยพิจารณา ต้องบอกว่าใช้ปัญญาน้อยไปหน่อย อย่างเมื่อวานนี้มีโยมถวายตุ้มหูมุกมา ๑ คู่ ให้หล่อพระทองคำ อาตมาไม่รู้ว่าจะหล่ออย่างไร มีบางรายถวายแผ่นทองเหลืองเขียนดวง เขียนยันต์ เขียนวันเดือนปีเกิดมา ๗-๘ แผ่น ระบุชัดเลยว่าหล่อพระทองคำ อาตมาเอาทองเหลืองไปหล่อพระทองคำให้โยมได้ก็คงจะเก่งมากเลยนะ
ฉะนั้น...เวลาจะทำบุญอย่าคิดแต่จะเอาบุญอย่างเดียว โดยไม่ได้ดูว่าสิ่งนั้นทำได้จริงหรือเปล่า โดยเฉพาะช่วงที่หล่อหลวงพ่อนาก หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อนากยังพอทนเพราะว่าปนวัสดุอื่นได้ งานของหลวงพ่อเงินนี่บางทีโยมก็ส่งแผ่นทองแดงบ้าง แผ่นทองเหลืองบ้างมา บางรายส่งมาเป็นแท่งเลยก็มี หล่อพระเงินแต่เอาแท่งทองเหลืองมา แล้ว อาตมาจะหล่ออย่างไร ? แต่ไม่เป็นไรหรอก...เก็บสะสมไว้ พรรคพวกมีหล่อที่ไหนเดี๋ยวอาตมาเอาไปร่วมหล่อกับเขา อย่างน้อยก็ได้อานิสงส์บ้าง โดยเฉพาะวัดไร่แตงทองหล่อพระศรีอาริยเมตไตรยใหญ่ที่สุดในโลก อาตมาไปนั่งอธิษฐานจิตให้เขาไปแล้วรอบหนึ่ง หล่อได้แค่ฐาน เฉพาะฐานใช้ทองเหลืองไป ๗๐ ตัน กว่าจะหล่อครบองค์ไม่รู้ว่าใช้ไปเท่าไร"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 03:29 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนเวลาเห็นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไอ บางครั้งท่านก็ไม่มีเสียงพูด ท่านใช้วิธีควักยาหม่องขึ้นมาเป็นก้อน แล้วก็ควานเข้าไปในคอ อาตมายังไม่เด็ดขาดแบบหลวงพ่อ เพราะฉะนั้นถ้าพูดไม่ได้ ไม่มีเสียงก็เลิกพูด ส่วนหลวงพ่อท่านตั้งใจสงเคราะห์ แม้กระทั่งชีวิตร่างกายตนเองก็ไม่เสียดายแล้ว เวลาท่านพูดไม่ได้ ก็ใช้วิธีควักยาหม่องเป็นก้อน แล้วก็ควานคอหอยตัวเอง
พอท่านไม่มีกำลังก็ใช้ยาหอมภูลประสิทธิ์ ตราพระอาทิตย์ดั้นเมฆ อาตมาเคยลองชิมไปหน่อยเดียว ตาสว่างไปทั้งวันเลย ถึงได้บอกว่ายาหอมที่แรงที่สุด น่าจะเป็นยาหอมภูลประสิทธิ์ ประมาณว่าคนตายยังฟื้น อะไรทำนองนั้น เวลาอยู่วัด พอมีงานท่านไม่ไหว ท่านทำมืออย่างนี้ (กำมือชนกัน) หลวงพี่ประทีปก็ต้องไปเตรียมกาแฟ เสร็จแล้วก็เทเครื่องดื่มยี่ห้อวัวแดงลงไปครึ่งขวด แปลว่ากาแฟธรรมดาเอาไม่อยู่ จึงต้องเติมวัวแดงลงไปครึ่งขวด ส่วนใหญ่สมัยนั้นพองานหนัก รุ่งขึ้นก็ไปไม่รอด มักจะเหลืออาตมาบิณฑบาตอยู่รูปเดียว เพราะหลายท่านก็พึ่งกาแฟ หลายท่านก็พึ่งเครื่องดื่มชูกำลัง ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ตาม โดยเฉพาะทหารตำรวจที่ดูแลวัด ถึงเวลาก็วิทยุเข้ามา "หลวงพี่ครับ...ขอ ๑ ลัง" "เอ้อ..ไปยกเอาที่ร้านป้ากิมกี ให้ลงบัญชีข้าไว้" เดี๋ยวตอนบ่ายก็เอาอีกแล้ว "หลวงพี่ครับ ขอ ๑ ลัง" ปกติเครื่องดื่มชูกำลังห้ามกินเกิน ๒ ขวด ตกลงพวกเอ็งกินกันเป็นลังเลย แต่ก็ให้เพราะว่าเขาทำงาน โดยเฉพาะเวลาวัดมีงานประจำปี หรืองานเป่ายันต์เกราะเพชรนี่ รถมาทั้งวันทั้งคืน โบกกันจนยกแขนไม่ขึ้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 03:39 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
"ถามว่าอาตมาเอาเงินที่ไหน ? ก็เงินที่โยมถวายมาบ้าง รับสังฆทานบ้าง ออกกิจนิมนต์บ้าง เพื่อช่วยให้งานวัดไปได้ก็สละ ควักกระเป๋าจ่ายเอง
คราวนี้พอใช้เครื่องดื่มกระตุ้นตัวเอง เลิกงานก็หงายแผ่กันหมด ส่วนอาตมาใช้วิธียืนด้วยตัวเอง ไม่ใช้เครื่องดื่มชูกำลังกับใคร นอนไป ๑ คืน ลุกได้ก็ไปบิณฑบาต คนอื่นลุกไม่ขึ้น พลังงานสำรองหมด เพราะฉะนั้น...หลังงานสายใต้จะเหลือเดินบิณฑบาตโด่เด่อยู่รูปเดียว ลูกแถวหายหมด ทุกวันนี้ก็ยังมีนิสัยเหมือนเดิมก็คือกินน้ำเปล่าเป็นหลัก อย่างดีถ้าใครมีเมตตาส่งน้ำชามาให้ก็จะรับ แต่อย่างอื่นไม่เอา เพราะว่าน้ำชาฉันไปยังพอมีประโยชน์บ้าง อย่างอื่นนี่โทษมากกว่าประโยชน์ก็เลยไม่แตะกับใคร ไปให้หมอตรวจสภาพ หมอบอกสภาพหัวใจดีมาก เส้นเลือดไม่มีตีบไม่มีตันเลยสักเส้นเดียว ถามว่าทำไม ? อ๋อ...ไม่ค่อยได้กินอะไรที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ ปกติไขมันอุดตัน...ใช่ไหม ? อาตมานี่ไขมันจะพอกตัวยังไม่มี จะเอาอะไรไปอุดตัน สรุปว่าถ้าอาตมาตาย อาตมาตายด้วยโรคอื่น ไม่ได้ตายด้วยโรคหัวใจหรอก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 19:35 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้เรื่องของการที่ต้องโอนเงินผ่าน QR Code ทำเอาอาตมาหน้ามืดอยู่ทุกวัน เพราะมีโยมหลายรายทำบุญวันละบาท วันละ ๒ บาท คราวนี้เป็นบัญชีที่ทางวัดต้องลงให้ครบถ้วน ละเว้นไม่ได้ เพราะว่าเป็นบัญชีที่สรรพากรเขาตรวจสอบ อาตมาก็ต้องไปลงยิบลงย่อยอยู่ทุกวัน ก็เลยไม่รู้ว่าโยมเขามีความสุขมากใช่ไหมที่ได้ทำบุญทีละบาทสองบาท ? เพราะว่าเท่ากับได้ทำบุญทุกวัน อาตมาเองก็เพิ่มงานขึ้นมา ก็คือได้ลงบัญชีทุกวัน
ไม่ได้ตำหนิโยมว่าทำบุญน้อย แต่มีปัญหาตรงที่อาตมาต้องเพิ่มงานขึ้นมาอีกเยอะ ต้องมาตามตรวจสอบแล้วก็ลงบัญชีอยู่ทุกวัน ไปนึกถึงคุณสำรวย คุณสำรวยเป็นโฆษก วน ๆ เวียน ๆ อยู่กับสารพัดวัด ถึงเวลาก็จับไมค์ฯ เรียกร้องให้ญาติโยมช่วยกันทำบุญงานโน้นหน่อย งานนี้หน่อย "มีมากก็ทำสัก ๑๐๐ บาท มีน้อยก็ทำสัก ๒๐ บาท" ถ้าคุณสำรวยมาเจอแบบอาตมานี่คงเครียดไปเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 09:36 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าฝันว่าได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เป็นการส่วนพระองค์ ก็เลยกราบทูลถามว่าจะเสด็จกาญจนบุรีเมื่อไร ? พระองค์ท่านตรัสว่าอย่างไรก็ต้องเสด็จอยู่แล้ว ประมาณว่าไปแน่ ๆ ในฝันนั้นพระองค์ท่านหนุ่มมาก ๆ เหมือนรูปในธนบัตรเลย การฝันเห็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินนั้นถือว่าเป็นมงคลใหญ่ เพราะว่าตอนที่ได้เฝ้าก็ไม่ได้เป็นส่วนตัวอย่างนี้ คราวนี้เป็นการส่วนพระองค์เลย นั่งกันอยู่แค่ ๒ คน
ตั้งแต่คณะรัฐบาลกราบทูลเชิญขึ้นครองราชย์ รู้สึกว่าพระองค์ท่านจะเสด็จเยี่ยมชาวบ้านอย่างเป็นทางการครั้งเดียว...ใช่ไหม ? แล้วก็ไปเสียไกลเลย เดี๋ยวพอพระราชภารกิจน้อยลงก็คงจะเสด็จมากขึ้น อาตมาเองก็กล้าหาญมาก อยู่ในฝันนี่ทวงเลยว่าเมื่อไรจะเสด็จไปเมืองกาญจน์ ? เมื่อไรจะเสด็จกาญจนบุรี ? ประมาณว่าถ้าหาที่ลงไม่ได้ ทางวัดท่าขนุนจะเต็มใจเป็นเจ้าภาพรับเสด็จเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 09:38 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
ถาม : ครั้งที่แล้วที่ถามเรื่องเอาความเคืองออก ให้ไปพิจารณาว่า “เขาก็ตาย เราก็ตาย” พอไปพิจารณา ความเคืองคลายตัวลงไป แต่สิ่งที่ได้ไม่ใช่ “เราก็ตาย เขาก็ตาย” กลับกลายเป็นว่าเราไม่มีความเกี่ยวเนื่องกัน ตัวใครตัวมัน ออกมารูปแบบนี้มากกว่า อย่างนี้ถูกหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ได้เหมือนกัน ทำอย่างไรก็ได้ให้ รัก โลภ โกรธ หลง เบาบางลงหรือหมดไป เพราะแง่มุมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ครูบาอาจารย์มีหน้าที่แนะนำเท่านั้น มุมที่ใช่จริง ๆ เราต้องทำเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 09:38 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
ถาม : มีช่วงหนึ่งเหมือนร่างกายขาดวิตามิน อดอาหารมากินวิตามิน กินธาตุเหล็กด้วย ก็เห็นว่าร่างกายก็อยู่ได้ ?
ตอบ : อย่าให้ร่างกายเราขี้เกียจ กินอาหารดีกว่า เพราะว่าถ้ากินแต่ของเพียว ๆ ลงไป เดี๋ยวร่างกายจะขี้เกียจทำงาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 09:39 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
พูดถึงเต่า "นั่นเป็นค่าปลุกเสก ไปทำพิธีแล้วพระครูเทพท่านถวายมา"
ถาม : มีคนเขาอยากรู้ว่าดีทางด้านไหนคะ? ตอบ : อ๋อ...ด้านตะวันตก ถามกำกวมแต่พระตอบตรงเป๊ะ เรื่องของคาถาพญาเต่าเรือนมี ๒-๓ อุปเท่ห์ด้วยกัน อย่างแรกก็คือมีชีวิตรอดปลอดภัย เพราะว่ามาจากชาดกที่พ่อค้าเรือแตกไปติดอยู่บนเกาะกลางทะเล แล้วพญาเต่ายอมสละชีวิตตัวเองให้เขากิน แล้วก็ให้เอากระดองทำเป็นเรือออกมา ลำดับที่สองก็คือช่วยให้ร่ำรวย เพราะว่าบรรดาสมบัติที่พญาเต่าเก็บเอาไว้ทั้งหมด เขาก็ยกให้พวกพ่อค้าที่ไปติดเกาะนั่นแหละ แล้วอันสุดท้ายนี่คนไทยเอามาตีความเองจากชื่อพญาเต่าเรือน คำว่าเรือนที่หมายถึงบ้าน ที่พญาเต่าตัวใหญ่เท่าบ้าน มาเปลี่ยนเป็น เลือน ที่ภาษาไทยแปลว่า จืดจาง จางหายไป เขาก็เลยใช้คาถาพญาเต่าเรือนในการภาวนา เพื่อช่วยแก้ไขเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี เรื่องของการสร้างสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับพญาเต่าเรือน ของหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทองท่านจะโด่งดังที่สุด ท่านอื่น ๆ ก็ทำไว้เยอะนะ แต่ว่าราคาแพงจนจับไม่ติด อย่างพญาเต่าเรือนหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร ตัวหนึ่งเดี๋ยวนี้ราคาหลายแสนเขาก็สู้กัน แล้วก็พญาเต่าเรือนของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ส่วนใหญ่แกะสลักด้วยงาช้าง แล้วก็มีบางส่วนที่เอาเศษตะกั่วที่เหลือจากการทำตะกรุดจันทร์เพ็ญของท่านมาหลอมเป็นเต่า แต่ถ้าหากว่าเป็นเต่าตะกั่วของหลวงปู่ศุข เน้นว่าต้องมีรอยจาร ถ้าไม่มีรอยจารอย่าไปเสี่ยง ถ้าจำลายมือหลวงปู่ได้ก็สบาย หลวงปู่ท่านเขียนสวยแล้วเล่นหางด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 21:01 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
ถาม : เต่าของหลวงปู่ศุข มีทองเหลืองไหมครับ ?
ตอบ : สมัยก่อนเรื่องการหลอมโลหะเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้น...พวกเนื้อทองเหลือง ถ้าไม่ได้พวกช่างหล่อโดยตรงก็ทำไม่ได้ แต่ส่วนที่หลอมง่ายที่สุดก็คือตะกั่ว วัตถุมงคลโบราณส่วนใหญ่ถ้าเป็นโลหะก็จะเป็นเนื้อตะกั่ว แบบลูกสะกดของหลวงปู่ศุข ลูกหนักเป็นขีด นั่นเนื้อตะกั่ว มีจารด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 21:02 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
นี่ถ้าพระครูเทพรู้ว่าโดนอาจารย์เล็กขายตัดราคาไปนี่ คงประเภทร้องจ๊าก ที่วัดเขาขายองค์ละ ๒๐๐ บาท ที่นี่ถือว่าเขาถวายมา เอาแค่ ๕๐ บาท
ท่านเป็นลูกศิษย์ที่ขยันสุด ๆ ทำทุกอย่างเพื่อความเจริญของพระพุทธศาสนา บอกว่าเหนื่อยตายไม่ว่าขอให้ได้ทำ นี่ท่านก็สร้างหลวงปู่หลิวขี่เต่าองค์ใหญ่เสร็จแล้ว กำลังจะสร้างพระสังกัจจายน์ขี่เต่ามังกรคร่อมหลวงปู่หลิวไว้อีกทีหนึ่ง โอ้โฮ...หลวงปู่หลิวองค์ขนาดคนเดินลอดใต้ท้องเต่าได้ แล้วจะทำพระสังกัจจายน์คร่อมอีก บอกท่านว่า "เอ็งจ่ายอีกเยอะเลย" แต่ท่านบอกว่าท่านยอมทำ เพราะว่าอันดับแรกก็คือหลวงปู่หลิวเป็นครูบาอาจารย์ แล้วพระสังกัจจายน์คนก็เคารพนับถือกันมาก ไหน ๆ จะสร้างแล้วก็สร้างให้อลังการไปเลย ท่านขออย่างเดียวว่า "อาจารย์อย่าทิ้งผมนะ" หารู้ไม่ว่าจริง ๆ ความสามารถในการหาเงินของท่านเหนือกว่าอาตมาไม่รู้กี่เท่า อาตมาเองนี่ถ้าต้องให้ไปติดต่อญาติโยมเพื่อขอให้เป็นเจ้าภาพก่อสร้างนี่ไม่เอาด้วยหรอก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 21:05 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาไปพุทธาภิเษกที่วัดถ้ำป่าไผ่ทั้งที่ไม่สบายหนัก แต่ไม่สบายก็ดีไปอย่างหนึ่ง ขากลับพ่อปู่พลายประกายแก้วท่านบอกว่าจะไปส่งอาตมาก็ว่าขับรถประสาอะไรวะ ? ขับร้อยเดียวถึงเร็วขนาดนี้ แล้วรถวิ่งนิ่มเป็นพิเศษ ที่ไหนได้...ท่านแบกขึ้นหลัง ท่านเดินแบบช้างเดิน คือ เดินนิ่ม ๆ แต่ว่าเร็วมาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2018 เมื่อ 09:17 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าไม่ใช่ผลของกรรม เราสามารถกันโรคไม่ให้ติดต่อเราได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีผลของกรรมก็ไม่ต้องไปเสียเวลากัน ไม่เป็นอะไรหรอก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2018 เมื่อ 09:19 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้บันไดขึ้นพระพุทธเจติยคีรีก็ใกล้จะเสร็จแล้ว จะให้เสร็จก่อนตักบาตรเทโวฯ เพื่อใช้งาน เพิ่มจาก ๒๕๘ ขั้น ขึ้นมาเป็น ๓๐๐ กว่าขั้น แต่เดินง่ายกว่าเดิมเยอะเลย เพิ่มมาเยอะขนาดนั้นกลับทำให้เดินถึงยอดภายใน ๓ นาที
ช่างเขาเปลี่ยนระดับใหม่ทำให้เดินง่ายขึ้น จุดไหนที่ชันมากเขาก็หักเลี้ยวหักหลบ ทำให้ขั้นเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะ แต่ว่าเดินง่ายขึ้น ตอนนี้มีแต่คนถามว่าเมื่อไรจะเสร็จ บอกไปว่าขอเวลาหน่อย เพราะว่าด้านบนจะทำพื้นแบบที่เขาเรียกว่า Stamp (คอนกรีตอัดลาย)"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2018 เมื่อ 09:21 |
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
"ทางด้านพระพุทธเจติยคีรีพอทำขึ้นมาก็ตั้งใจทำเป็นจุดชมวิวอยู่ ๒ จุด คือของเก่าเราขยายกว้างขึ้นมา เพื่อให้เดินสะดวกและวางผางประทีปได้ง่ายขึ้น แต่คราวนี้มุมที่ตรงจริง ๆ เลย ที่จะมองเห็นโบสถ์กับเจดีย์เป็นแนวเดียวกันมีอีกมุมหนึ่ง ก็เลยบอกว่าทำเพิ่มขึ้นมาหน่อย ตอนนี้เขาทำเป็นลานแปดเหลี่ยม เดี๋ยวพอทำรั้วทำอะไรกั้นเรียบร้อยก็คงจะไม่หวาดเสียวแล้ว
ส่วนอีกอันหนึ่งอาตมาเรียกว่าแท่นกระโดดน้ำ คือยื่นพ้นหน้าผาไปไกล ไป...ไปดูเสียให้พอ มีแต่คนเขาถามว่าทำไมไม่ทำสะพานกระจกบ้าง ? เฮ่อ...ทำสะพานกระจกของเราไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นนี่ สะพานกระจกต้องเลาะริมเขาไป ของเราขึ้นไปตามภูเขา มองจากใต้กระจกลงไปก็ห่างจากพื้นหน่อยเดียว แล้ว จะไปน่ากลัวตรงไหน ดูอย่างของจีนเขาสิ เวลาเปลี่ยนกระจก โอ้โฮ...กว่าจะเอาของขึ้นไปเปลี่ยนได้ แทบตายเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2018 เมื่อ 09:22 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
ถาม : เพื่อนผมสั่งมีดหมอมาเข้าพิธีเพชราวุธ จะมีอานุภาพเหมือนที่หลวงพ่อทำไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีทางเหมือนกันอยู่แล้ว วัสดุไม่ได้อย่างที่ทางวัดทำ แต่อย่างไรก็เข้าพิธีเดียวกัน ถาม : มีคุณภาพเหมือนกันหรือเปล่าครับ หรือเป็นแค่วัตถุมงคล ? ตอบ : ลองเอาไปใช้ดูก็แล้วกัน เดี๋ยวก็รู้เอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2018 เมื่อ 03:55 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนนอนพยายามจะภาวนา แต่พอไปถึงจุดหนึ่งตกใจ ใจเต้น แล้วก็ไม่หลับเลย ?
ตอบ : สมาธิเคลื่อน คือสมาธิของเราเหมือนกับไต่สูงขึ้นไปเรื่อย แต่ในความรู้สึกของเราก็คือค่อย ๆ ต่ำลงเพราะว่าสงบ แต่คราวนี้ตอนที่ไต่สูงถ้าเราพลาดขาดสติสมาธิก็จะตก พอตกวูบลงมาเราก็จะสะดุ้ง ต่อไปต้องตั้งใจอยู่กับลมหายใจให้มากขึ้น ถ้าหลุดจากลมเมื่อไรก็ร่วงอีกนั่นแหละ ถาม : มีครั้งหนึ่งคล้าย ๆ เหมือนจิตเคลื่อนจะออกกลางหน้าผาก สะดุ้งเหมือนกัน ? ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ จะไปไหนก็ช่างมัน เราคิดอยู่อย่างเดียวว่าถ้าไป เราขอไปไหว้พระก็แล้วกัน ให้นึกถึงพระเอาไว้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2018 เมื่อ 03:56 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|