#41
|
||||
|
||||
โบราณเขาบอกว่าเฉลวหรือตาเหลว เป็นเครื่องมือป้องกันไม่ให้วิทยาธรมาขโมยฤทธิ์ยาไปหมด วิทยาธรนี่ต้องบอกว่าเป็นเทวดาขี้เกียจ ก็คือทำอะไรเป็นทุกอย่าง แต่ขี้เกียจ พอถึงเวลาคนอื่นทำ กูขโมย ขโมยแม้กระทั่งลูกสาว เห็นบ้านไหนลูกสาวสวยก็อุ้มไปเลย
ฉะนั้น...สมัยก่อนก็จะมีคาถาลงรอด ลงขื่อบ้าน กันวิทยาธรเข้าบ้าน อาตมาก็เรียนเอาไว้เหมือนกัน จากตำราหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หรือวัดบ้านแค แต่ไม่รู้ว่าจะไปลงบ้านไหน สมัยนี้ไม่ต้องหรอก มีแต่สาวจะขโมยหนุ่ม ไอ้หนุ่มสมัยนี้ไม่มีเวลาไปขโมยสาวหรอก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2019 เมื่อ 20:44 |
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
รู้จักกระดาษทิชชู่ยี่ห้อแรก ๆ ของเมืองไทยไหม ? ยี่ห้อเดซี่ ยังมีอยู่หรือเปล่า สมัยก่อนเดซี่แจกรางวัล ถึงเวลาใครถูกรางวัลได้หนึ่งล้าน เขาก็เลยเรียกว่าเศรษฐีเดซี่ ทำให้จำง่าย
แบบเดียวกับหวยคุ้มเกล้า พอบอกว่าหวยคุ้มเกล้า คนรุ่นหลังไม่รู้ว่าคืออะไร เป็นหวยขูด ซื้อเดี๋ยวนั้นแล้วก็เอาเหรียญบาทขูด จะเห็นตัวเลข รู้เดี๋ยวนั้นเลยว่าถูกหวยหรือเปล่า ฝีมือพลอากาศตรีนายแพทย์ประสพ รัตนากร เล่นหวยขูดจนสร้างอาคารคุ้มเกล้า โรงพยาบาลภูมิพลได้ทั้งหลัง แล้วก็เลยทำให้ผู้ที่โฆษณาหวยคุ้มเกล้าก็คืออาภาพร กรทิพย์ คนเขาก็เลยเรียกว่านางงามคุ้มเกล้า ใครมีเหรียญคุ้มเกล้ารุ่นนั้น เก็บรักษาให้ดี เป็นรูปเหรียญในหลวงรัชกาลที่ ๙ ด้านหลังจำไม่ได้ว่าเป็นรูปนกวายุภักษ์หรือเปล่า ถ้าหากว่าใครร่วมบริจาคสร้างโรงพยาบาลภูมิพลจะได้เหรียญรุ่นนั้น อาตมาสมัยที่ยังเป็นทหารอยู่ ก็บริจาคไป แล้วก็ได้เหรียญนวโลหะมา ๑ เหรียญ คือเขาจะมีตามราคา เป็นเหรียญทองแดง นวโลหะ เหรียญทองคำ เป็นต้น รุ่นนั้นที่เกจิอาจารย์ทั่วฟ้าเมืองไทยยุคนั้นมาร่วมกันเสกถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่จำได้แม่นเลยคือหลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2019 เมื่อ 20:45 |
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
มีวัตถุมงคลอะไรที่เกี่ยวข้องกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ เก็บเอาไว้ติดตัว เป็นที่ระลึก เป็นกำลังใจในการทำงาน หรือจะป้องกันอันตรายก็แล้วแต่เราจะอธิษฐานเอา เพราะว่าครูบาอาจารย์ยุคนั้นยังมีคนเก่งเต็มบ้านเต็มเมือง มายุคของอาตมานี่แทบจะหาทำยาไม่ได้แล้ว กาญจนบุรีนี่แทบจะหาพระเกจิฯ ไม่ได้แล้ว
ตอนนี้อำเภอเมืองมี ๑ รูป คือหลวงพ่อสนองชาติ วัดเย็นสนิทธรรมาราม อำเภอไทรโยค มี ๑ รูป ก็คือหลวงพ่อชุบ วัดวังกระแจะ อำเภอทองผาภูมิ มี ๑ รูปคือหลวงพ่อมณฑล วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส นอกนั้นยังแก่ไม่พอ เขาบอกว่าต้องพระแก่ ๆ หน่อยแล้วถึงจะขลัง ไม่จริงหรอก อาตมาสมัยหนุ่มขลังกว่านี้เยอะเลย สมัยนี้แก่แล้วไม่ค่อยเอาเรื่องเอาราวกับใคร เริ่มอยู่ในลักษณะขี้เกียจ จากสารพัดคาถาที่ท่องอยู่ทุกวัน ๆ ตอนนี้ก็เหลือแค่ไม่กี่บท ยึดอิติปิ โสฯ ๓ ห้องกับคาถาชินบัญชรเป็นหลัก ที่เหลือถึงก็ช่าง...ไม่ถึงก็ช่าง โดยเฉพาะพระคาถาเงินล้าน นึกได้ก็ภาวนา นึกไม่ได้ก็ทำงานต่อไป คือทำมาจนพอแล้ว ในเมื่อทำมาจนพอแล้ว ที่เหลือจะทำหรือไม่ทำก็อยู่ที่เราแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2019 เมื่อ 20:46 |
สมาชิก 98 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
คนแถวนี้เขารู้ว่าอาตมาเป็นคนตรงเวลามาก แต่ญาติโยมบางคนไม่รู้ เมื่อสักครู่นี้ขับรถยนต์มา ยังไม่ถึงวัดพิธีก็เริ่มแล้ว พระท่านก็สงเคราะห์ให้ด้วย ก็ยังถือว่าโชคดี เพราะว่าท่านตั้งใจมา ไม่เช่นนั้นแล้วไม่ได้อยู่ในพิธีหรือไม่ได้ตั้งใจรับ ก็อาจจะไม่ได้
มีหลายครั้งที่โยมมาถึงวัด แล้วก็เดินหาพระ บอกว่ามาเป่ายันต์เกราะเพชร แต่มาตอนบ่าย ๓ โมง ไม่เจอใครเลย วัดวาอารามเก็บกวาดสะอาดเรียบร้อย ไม่มีอะไรปรากฏให้เห็นว่าเคยมีงาน โดยเฉพาะวัดท่าขนุน ตั้งแต่อาตมาเป็นเจ้าอาวาสมา ๑๑ ปี จัดงานไม่เคยปักธง สมัยเป็นรองเจ้าอาวาสยังปักธงตามเจ้าอาวาส พอเป็นเจ้าอาวาสเองก็ไม่เอาแล้ว ธงราคาแพง...ไม่รู้จะปักไปทำไม ? บรรดาพระผู้ใหญ่ได้รับฎีกามาถึงก็ละล้าละลัง วัดมีงานหรือเปล่า ? มายันหน้าซุ้มประตูแล้วยังไม่มีธงสักอัน แต่หลังจากเจอไปหลาย ๆ ครั้ง ท่านก็เคยชิน ถึงเวลามาไม่ตรงเวลา พระผู้ใหญ่ขนาดไหน อาตมาทิ้งหมด เริ่มงานตามเวลา จนชาวบ้านแถวนี้เขาบอกว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนตรงเวลาจนน่าเกลียด บางทีพระผู้ใหญ่งานท่านมาก อาตมาก็เลยมีนิสัยเฉพาะตัวว่า ถ้ารับงานที่ไหนจะไม่รับซ้อนที่อื่น เพราะว่าจัดเวลาไปยาก รับก็รับแห่งเดียว ถ้ารับสองแห่ง เช้าบ่ายหรือเย็นก็จะต้องมั่นใจว่าเดินทางไปทัน ไม่อย่างนั้นก็จะไม่รับซ้ำ แต่ว่าพระผู้ใหญ่บางทีท่านเกรงใจญาติโยม ท่านก็รับซ้ำ แล้วก็เดินทางไปล่าช้า เพราะว่าโยมบางคนก็ช้าไม่ตรงเวลา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-02-2019 เมื่อ 10:18 |
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
เมื่อไม่กี่วันก่อนอาตมาเพิ่งจะไปงานทำบุญอายุของเจ้าคณะอำเภอศรีสวัสดิ์มา บอกว่าสวดมนต์ ๔ โมงเย็น อาตมาไปถึง ๓ โมง ๔๕ นาที เพิ่งจะมีพระอยู่ ๒ รูป ท้ายสุดได้สวดมนต์ตอน ๕ โมงกว่า ในเมื่อท่านไปไม่ตรงเวลาทำให้งานเขาเลื่อน เมื่องานเลื่อนเวลาเลื่อน ท่านก็ไปงานคนอื่นเขาไม่ได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ แต่อาตมานี่ไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าหากว่ามีงานต่อไปนี่ ถ้าถึงเวลางานแรกยังไม่เริ่มก็ขอตัวไปแล้ว ไม่เคยรอ หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดฯ บ่นมาหลายทีแล้ว เพิ่งเห็นหน้าอาจารย์เล็กแวบ ๆ หายไปไหนแล้ว อ๋อ...ขออภัย ไปอีกงานหนึ่งมาแล้วครับ
ถ้าหากว่ามางานวัดท่าขนุน ทุกอย่างจะตรงตามที่กำหนดเอาไว้ ไม่มีกำหนดการอย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนจะรู้ว่าต้องเวลานี้ นี่คือสิ่งหนึ่งที่ตั้งใจฝึกฝนญาติโยมทั้งหลายให้เคยชินเอาไว้ ถ้าเราทำอะไรตรงเวลา คนที่มาก็กำหนดงานของตัวเองได้ง่ายว่าจะไปทำอะไรต่อ แต่ถ้าเราไม่ตรงเวลา ก็จะทำให้งานของเขาเสียหมด โดยเฉพาะส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือความตรงเวลาหรือไม่ตรงเวลา บ่งบอกซึ่งบารมีที่ท่านทั้งหลายสั่งสมมา ถ้าหากว่าสัจบารมีของท่านถึงระดับแล้ว จะเป็นคนตรงเวลาโดยอัตโนมัติ อาตมาเองตั้งแต่ฆราวาสก็เป็นคนตรงเวลา ใครนัดจะไปก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง แต่จะรอไม่เกินเวลานัด ๑๕ นาที ก็แปลว่าจะไปรอเขา ๔๕ นาที ถ้าไม่มาตามเวลา อาตมาก็ไปแล้ว เคยนัดสาวเอาไว้ ไปรออยู่ ๓ ชั่วโมง หาโทรศัพท์สาธารณะโทรไป เพราะว่าสมัยนั้นไม่มีมือถือ ปรากฏว่าเขายังไม่ออกจากบ้านเลย อาตมาก็เลยกลับ ตัดสินใจว่าบวชดีกว่า เอ็งอยู่ต่อไปก็ไม่รุ่งหรอก นัดสาวอีท่าไหน เขาทิ้งให้รอตั้ง ๓ ชั่วโมง ในเมื่อนัดสาวแล้วเขาไม่ตรงเวลา แสดงว่าเราไม่มีคุณค่าพอ เพราะฉะนั้น...ไปบวชเถอะ อยู่ต่อไปก็ไม่รุ่งแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-02-2019 เมื่อ 10:22 |
สมาชิก 86 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
พระฤๅษีสอนสุดสาครว่า
ที่พึ่งหนึ่ง พึ่งได้แต่กายตน อัตตาหิ อัตตโน นาโถ เกิดเป็นคน คิดเห็นจึงเจรจา ก็แปลว่าให้คิดทุกอย่างที่จะพูด ไม่ใช่ว่าพูดทุกอย่างที่คิดเอาไว้ ถ้าพูดทุกอย่างที่คิดเอาไว้นี่พังบรรลัยหมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-02-2019 เมื่อ 10:22 |
สมาชิก 86 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
มีโยมจากบ้านหินดาดเอาไอศกรีมทุเรียนมาเลี้ยง เป็นของดังของทองผาภูมิ ใส่ทุเรียนแบบไม่ยั้ง ไม่ได้ใส่แต่กลิ่น ใครกินแล้วติดใจก็ตามไปได้ พอเลยบ้านองธิไปถึงซอยโรงน้ำแข็ง ก็เลี้ยวขวาเข้าไป หรือไม่ก็ตั้งจีพีเอสว่าบ้านหินดาด มีสารพัดขนมอร่อย ๆ อาหารแปรรูป พืชผลการเกษตร
อาตมาเสียดายอยู่อย่างเดียวว่า บ้านเราตามแบบฝรั่งจนกระทั่งลืมรากเหง้าตัวเอง ยังดีว่าได้ "ออเจ้า" มาก็เลยทำให้ขนมไทย อาหารไทยมีหน้ามีตาขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็ลืมกันหมดแล้ว ทุกวันนี้ร้านขนมร้านไหน ๆ ก็เบเกอรี่ ๆ พวกขนมครก ขนมตาล ขนมใส่ไส้หายไปไหนหมด หรือทำมาก็ไม่มีใครกิน มีแต่อาตมากินอยู่คนเดียว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-02-2019 เมื่อ 10:23 |
สมาชิก 86 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
ญาติโยมที่อยู่ด้านนอก ถ้าจะรับยันต์เกราะเพชรรอบสองให้เข้ามาในศาลาได้แล้ว มานั่งเบียด ๆ กันเพื่อความอบอุ่นได้แล้ว
ในศาลาหลังนี้อย่างไรก็ไม่ร้อนจริงร้อนจังเท่าไรหรอก เพราะว่าอาตมาทำไว้สู้ร้อนโดยเฉพาะ ผนังศาลาหนาศอกกว่า ถามว่าทำไมถึงทำหนาขนาดนั้น ทำเผื่อว่ารถถังของใครบุกเข้ามา...! ไม่ต้องขยับขึ้นมา ที่นั่งเยอะแยะ ถ้าจะขยับก็ขยับไปทางพระประธานโน่น ยิ่งใกล้พระเท่าไรก็ดีเท่านั้น เพราะว่าพลังงานที่ท่านส่งมาจะออกมาจากองค์พระ น่าจะประมาณว่ายิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งรวยมาก ส่วนมาทางด้านอาตมานี่แทบไม่มีประโยชน์ มาใกล้เท่าไรก็หมดมากเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-02-2019 เมื่อ 10:24 |
สมาชิก 89 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
ญาติโยมทั้งหลาย ในเรื่องของยันต์เกราะเพชรนั้นคือบารมีของพระพุทธเจ้า เป็นวิชาการที่สืบสายกันมาตั้งแต่สมัยพระร่วงเจ้า กรุงสุโขทัย ยันต์เกราะเพชรเป็นส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงครามที่เป็นธงนำทัพในสมัยนั้น อานุภาพของธงมหาพิชัยสงครามในตำรากล่าวว่า แค่เอาด้ามธงเข้าป่าก็ไม่มีวันอดตาย ไปไหนก็ดึงดูดแต่สิ่งที่ดีงามเข้ามาหา ป้องกันอันตรายให้แก่ผู้คนได้ทั่วทั้งสถานที่หรือว่าทั้งกองทัพ
ยันต์เกราะเพชรเป็นลูกของธงมหาพิชัยสงคราม คือเป็นส่วนของคอธงที่เป็นบทอิติปิ โสฯ ก็คืออักขระในบทสรรเสริญพระพุทธคุณ ๕๖ คำ เขียนในลักณะขวางอ่านว่า อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง เป็นต้น ๗ ตัวอักษร ๘ หัวข้อรวมแล้ว ๕๖ คำ ชักสูตรสำเร็จออกมาเป็นยันต์เกราะเพชร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-02-2019 เมื่อ 10:25 |
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
การเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น เขาเป่ากันทั้งศาลา ไม่ได้เป่ากันทีละคน ถึงเวลาก็จะให้เราสมาทานพระกรรมฐานแล้วนั่งภาวนาเพื่อรับยันต์ฯ ถามว่านั่งภาวนาที่บ้านก็ได้ ทำไมต้องมาที่วัดด้วย ? ก็เพราะว่าเวลาเรามาที่วัด เห็นพิธีกรรมแล้วเกิดศรัทธา ทำให้จิตใจคล้อยตามได้ง่าย สงบได้ง่าย แต่ถ้าหากว่าท่านมั่นใจว่ากำลังใจทรงตัว อยู่ที่ไหนก็รับยันต์ฯ ได้เหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-02-2019 เมื่อ 10:25 |
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
เราทั้งหลายเมื่อรับยันต์เกราะเพชรและรักษาเอาไว้ได้ ถ้าหากว่าตายไปแล้วเผาจะมียันต์ฯ ติดอยู่ที่กระดูก หรือถ้าใครจะพิสูจน์ ให้หาผู้หญิงที่ท้องครั้งแรกแล้วลูกในท้องเป็นผู้ชาย นำมาเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ถึงเวลาถ้าคลอดออกมาจะมียันต์ฯ ติดตัวเด็กมาด้วย แต่ว่าอยู่ได้ไม่เกิน ๗ วันก็จะหายเข้าไปในกระดูกทั้งหมด
มีอยู่รายหนึ่งเกิดมาตัวลายเป็นตุ๊กแกเลย คนเป็นแม่คนเป็นพ่อตกใจมากว่าทำไมลูกเป็นอย่างนี้ หมอตำแยบอกว่าไม่เป็นไร..แก้ได้ ว่าแล้วก็อมเหล้าพ่นพรวดเดียว ยันต์ฯ หายเกลี้ยงเลย ยายนี่เก่งจริง ๆ รู้ด้วยว่ายันต์เกราะเพชรแพ้เหล้า...! ความจริงยันต์ฯ ไม่ได้หายไปไหน เข้าไปอยู่ในกระดูกเพราะว่าโดนบังคับ ถ้าปกติให้เข้าไปเองก็ใช้เวลาประมาณ ๗ วันกว่าจะหมด อันนี้เจอเหล้าบังคับ พรวดเดียวเข้าไปอยู่ในกระดูกเลย ดังนั้น...ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่มีญาติโยมที่รู้จักและมีท้องแรกนำมาเข้าพิธีก็ต้องรอ เวลาตายแล้วเผา เก็บกระดูกให้สังเกตดูจะมีลายยันต์ฯ ติดอยู่ที่กระดูก กระดูกของเรานั้นถ้าเป็นรอยต่อกระดูก จะเป็นรอยหยัก ๆ แต่รอยยันต์นี้จะเป็นเส้นตรงต่างกันอย่างชัดเจน รอยต่อกระดูกนั้นสามารถแยกกระดูกออกจากกันได้ แต่ว่ารอยยันต์นี้แยกไม่ได้ เพราะว่ารอยยันต์อยู่บนกระดูก ไม่ได้อยู่ตรงรอยแยก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-02-2019 เมื่อ 22:15 |
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
เรื่องพวกนี้อาตมาพิสูจน์ทราบมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เพราะว่าสมัยก่อนที่วัดท่าซุงนั้น มีทั้งเมรุโบราณก็คือก่ออิฐบังข้างอยู่หน่อยเดียว แล้วก็วางตะแกรงตั้งศพ ทางด้านใต้ก็ยัดฟืนเข้าไป ถึงเวลาเผาแล้วก็ต้องเก็บกระดูก เมรุสมัยใหม่ก็ดันเป็นเมรุลอยอีก ก็คือเมรุประกอบสำเร็จ นายช่างโต๋ หลากสุขถม สามีของป้ากิมกี ทำเมรุลอยถวายวัดท่าซุง เสร็จสรรพเรียบร้อยก็เผาตัวเองเป็นศพแรก เป็นเรื่องที่แปลกดีเหมือนกัน เขาถึงได้บอกว่าให้ระวัง เพราะว่าการสร้างเมรุเสร็จด้วยตัวคนเดียว อาจจะได้เผาเจ้าภาพก่อน
แต่ของวัดท่าขนุน อาตมาสร้างไม่ทันจะเสร็จก็เริ่มเผาแล้ว ตัวเองก็เลยรอดไป เมื่อถึงเวลาเผาเมรุลอย กระดูกก็จะตกลงไปที่แผ่นสังกะสีข้างล่าง ก็สามารถที่จะพิสูจน์ได้ว่ามียันต์เกราะเพชรจริงหรือเปล่า ฉะนั้น...เรื่องพวกนี้เราอย่าพึงเชื่อง่าย ๆ บางท่านก็ถามว่าเมื่อรับยันต์ฯ ไปแล้ว ความรู้สึกก็ไม่มี ทิพจักขุญาณที่จะดูว่ายันต์ฯ อยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่ทราบว่ามีหรือเปล่า แล้วจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่ายันต์ฯ ยังอยู่คุ้มครองตัวเราหรือไม่ ? ก็มีวิธีง่าย ๆ ก็คือ หางูเห่าหรืองูจงอางมาก็ได้ แล้วก็ยื่นมือให้กัด ถ้าไม่ตายแสดงว่ายันต์ฯ ยังอยู่...! หรือถ้าเจอรถ ๑๘ ล้อวิ่งมาก็โดดขวางหน้าไปเลย ถ้าโดนชนแล้วยังไม่ตายก็แปลว่ายันต์ฯ ยังอยู่...! วิธีพิสูจน์เหล่านี้ง่ายมาก เชิญพิสูจน์ได้ หน้าวัดนี้ก็มี...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2019 เมื่อ 15:35 |
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
ในส่วนของการป้องกันไสยศาสตร์นั้น ขอให้ทราบว่าการป้องกันพิษสัตว์ ก็คือ ไม่ให้ตาย ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บ ขอยืนยันว่าเจ็บมาก ขณะเดียวกัน ในส่วนของการป้องกันไสยศาสตร์ แปลว่าไม่ให้ตายด้วยอำนาจไสยศาสตร์ แต่ไม่ใช่ไม่เจ็บ
อาตมาเองโดนมาแล้วทุกรูปแบบแล้ว กราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า ยันต์เกราะเพชรก็ยังอยู่ แล้วทำไมยังโดนไสยศาสตร์ทำอันตรายได้ ? ท่านบอกว่าไสยศาสตร์เหมือนกับไฟกองใหญ่ เรามียันต์เกราะเพชร เหมือนกับมีกำแพงขวางหน้าอยู่ ไม่ให้เปลวไฟทำอันตรายเราได้ แต่ความร้อนก็ยังแผ่มาถึง อาตมาถึงได้ซาบซึ้งว่าในเรื่องของยันต์เกราะเพชรนั้น ไม่ใช่กันจนกระทั่งไม่มีอะไรมาถึงเราเลย หากแต่ว่ากันในลักษณะที่ช่วยรักษาชีวิตของเราเอาไว้ ให้ทนทุกข์ทรมานต่อไป จะได้รู้ว่าร่างกายนี้ไม่ดี แล้วหมดอยากที่จะเกิดเสียที เมื่อท่านรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้ และหมั่นปลุกอยู่ทุกวัน ก็แปลว่าอันตรายต่าง ๆ ที่จะพึงมีพึงเกิดด้วยอำนาจของไสยศาสตร์ ไม่สามารถที่จะทำอันตรายท่านได้ จนกว่าท่านจะละเมิดข้อห้าม ก็คือไปกินเหล้าหรือว่าไปลักขโมยเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2019 เมื่อ 15:36 |
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
อาตมาเองเป็นคนชอบเผื่อเหนียว แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ทำอย่างนั้น ก็คือพกยันต์เกราะเพชรที่เป็นวัตถุมงคลเอาไว้ด้วย เผื่อว่าถ้ายันต์เกราะเพชรที่เรารับอยู่ในร่างกายสูญหายไป ยันต์เกราะเพชรที่เป็นวัตถุมงคลก็จะได้รักษาตัวเราต่อ เพียงแต่ว่าทั้ง ๒ อย่างนี้ ล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อนและมีส่วนเสริมซึ่งกันและกัน
จุดอ่อนก็คือ ยันต์เกราะเพชรที่เรารับติดตัวไป ถ้าไปกินเหล้าหรือลักขโมยก็สูญหายไปเลย แต่ยันต์เกราะเพชรที่เป็นวัตถุมงคล ถึงเวลาถ้าเรากินเหล้าหรือว่าลักขโมย จะหมดอำนาจคุ้มครองแค่ชั่วคราว ถ้าตั้งใจรักษาศีลได้ใหม่ก็คุ้มครองรักษาใหม่ แปลว่าเป่าติดตัว..ไม่ลืม แต่ถ้าละเมิดข้อห้ามอาจจะสูญไปเลย พกติดตัว..ลืมได้ แต่ถ้าละเมิดข้อห้ามแค่ไม่คุ้มครองชั่วคราว เอาทั้ง ๒ อย่างแบบอาตมาก็แล้วกัน ก็คือตัวอาตมาเองเคยรับยันต์เกราะเพชรจากวัดท่าซุงมา ๑๗ ครั้งด้วยกัน ปัจจุบันก็พกแผ่นยันต์เกราะเพชรของวัดท่าขนุนอยู่ด้วย ถ้าโยมอยากพกแบบอาตมา ไปเสียเงิน ๒๐๐ ท้ายศาลาโน่น ตรงนี้ไม่มีแจก..! พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. งานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2019 เมื่อ 15:38 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|