|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนหน้าเมษายน วันที่ ๗ มีการทำบุญบ้านเติมบุญหลังนี้
ตอนแรกก็ทำบุญบ้านเติมบุญกันในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเดือนเกิดของคุณณัฐพล สุขวัฒนสิริ หรือคุณต๋อง ที่เป็นกำลังใหญ่ในการสร้างบ้านเติมบุญหลังนี้ คราวนี้ปรากฏว่าปีนี้ติดงานบรมราชาภิเษกก็เลยเลื่อนมาเดือนเมษายน คือทำก่อนเดือนหนึ่ง แต่อาตมาเห็นว่า ถ้าเลื่อนแล้วก็ให้อยู่เดือนเมษายนไปตลอดก็แล้วกัน โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายนก็มีวันจักรีบรมราชวงศ์ด้วย ถ้าเลื่อนไปเลื่อนมาคนจะจำยาก ให้เอาเดือนเมษายนยาวไปเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-03-2019 เมื่อ 02:01 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลายคนยังไม่ทราบว่า หลวงพ่อนาก หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อทองคำ อาตมาสร้างเป็นสมเด็จองค์ปฐมทั้งหมด บางคนก็ถามว่าใช่สมเด็จองค์ปฐมไหม ? บอกว่าใช่ทุกองค์ เพียงแต่ว่าอยู่ในคนละรูปแบบเท่านั้น
หลวงพ่อเงินอยู่ในรูปแบบพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ก็คือพระแบบภาคเหนือ หลวงพ่อนากเป็นแบบหลวงพ่อพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล ศิลปะศรีวิชัยแบบใต้ ส่วนหลวงพ่อทองคำนั่นก็คือพระแก้วมรกต ที่เราถือว่าเป็นพระที่อยู่ภาคกลาง แต่จริง ๆ แล้วพระแก้วมรกตเป็นศิลปะล้านนา ก็แปลว่าคุมเหนือ กลาง ใต้พอดี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-03-2019 เมื่อ 02:01 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของพระเราต้องละเอียด ทรัพย์ย้ายออกจากฐาน เศษ ๑ ส่วน ๑๖ ของเส้นผม ถือว่ากระทำกรรมนั้นสำเร็จ ถ้าราคาได้ ๕ มาสกขึ้นไป ขาดความเป็นพระเลย ต้องระวังให้ดี
๕ มาสกนี่บ้านเราตีความว่าเท่ากับเงินบาทเดียว โยมเขายังไม่ได้ประเคนก็ไปคว้าของเขามาแล้ว เดี๋ยวจะซวยแบบไม่รู้ตัว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-03-2019 เมื่อ 02:03 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
ถาม : เหรียญทำน้ำมนต์สุริยันทรงกลดเนื้อนากมีมวลสารอะไรบ้างครับ ?
ตอบ : ก็มวลสารที่เหลือจากการหล่อหลวงพ่อนากนั่นแหละ ยังจะเอามวลสารอะไรอีก ? ถาม : เผื่อจะมีแถม ? ตอบ : อยากได้ของแถมต้องเข้ามาใกล้ ๆ ขนาดนั้นแล้วยังจะเอาอะไรอีก ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-03-2019 เมื่อ 02:04 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ก็คือการแห่นาคเสียงดัง ทางโรงเรียนไปขอร้องเพราะว่าเด็กกำลังสอบอยู่ บรรดาขาใหญ่ไม่พอใจจึงตามไปกระทืบทั้งครูทั้งนักเรียน..!
เรื่องอย่างนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นประเพณีที่ผิดเพี้ยนไป โบราณที่เขามีการแห่นาค เพื่อที่จะให้คนที่รู้เห็นได้โมทนาว่าบ้านนี้บวชลูกชาย หลายท่านก็แห่ไปให้ญาติพี่น้องที่อยู่ต่างหมู่บ้าน ต่างตำบล ได้อนุโมทนา ได้ร่วมบุญด้วย คราวนี้พอไปไกล ๆ ก็ต้องมีอะไรสนุกสนานเฮฮาบ้าง ก็มีดนตรีไป ตอนหลังเหล้าก็ตามไปด้วย ซึ่งก็พอทน แต่พอมายุคนี้สมัยนี้บรรดาเครื่องเสียงต่าง ๆ ไม่เกรงใจใครเลย อย่างที่วัดท่าขนุนเวลาแห่นาคอยู่ในตลาด เสียงดังไปถึงวัด ตอนหลังของวัดท่าขนุนก็น้อยลงไปมาก ปีหนึ่งอาจจะมีโผล่มาสักครั้งหนึ่ง บางทีก็ ๒-๓ ปีครั้งหนึ่ง คือคนในพื้นที่เขาบวช ถ้าอย่างนี้เขาก็จะมาขอเป็นการส่วนตัว ก็ต้องให้เขา แล้วอีกอย่างก็คือวัดท่าขนุนของเราถึงเสียงดังไม่ไปกวนใคร แล้วนาคที่แห่ไปบวชวัดอื่น ก็จะแห่เข้ามาวัดท่าขนุนเพื่อมากราบลาหลวงปู่พุก หลวงปู่สายก่อน ต้องบอกว่าเป็นค่านิยมปฏิบัติในพื้นที่เลย ที่ว่าถ้าจะบวช ก็แห่มากราบลา กราบขอขมาหลวงปู่ท่านก่อน แล้วถึงจะไปบวชกัน เพราะฉะนั้น...ถึงวัดของเราไม่ได้แห่ วัดอื่นก็ช่วยแห่ให้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2019 เมื่อ 11:34 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
"คราวนี้ในส่วนของวัดก็ต้องบอกว่าเจ้าอาวาสไม่ผิด เหตุที่เจ้าอาวาสไม่ผิดเพราะว่าเรื่องของวัดของพระเราต้องระมัดระวัง อันดับแรกเลยก็คือ พระธรรมวินัย ข้อที่ ๒ คือกฎหมายบ้านเมือง ข้อที่ ๓ คือจารีตประเพณี
ในเมื่อจารีตประเพณีเขานิยมกันอย่างนั้น แห่กันมาอย่างนั้น ก็ต้องอะลุ้มอล่วยกันไป แล้วถามว่าความผิดอยู่กับโรงเรียนหรือเปล่า ? ก็ไม่ใช่ เด็กกำลังสอบ ไปขอร้องให้เบาเสียงลงก็เป็นเรื่องที่ทำได้ถูกต้อง เพราะฉะนั้น...จะว่าไปความผิดตกอยู่กับบรรดาผู้ที่ไปร่วมขบวนแล้วลุแก่อำนาจ ไปทำร้ายร่างกายทั้งครูทั้งนักเรียน ขนาดตำรวจห้ามปรามก็ไม่ฟัง ต้องบอกว่าขาดสติเพราะก็คิดว่าลูกพี่ตัวเองใหญ่ จัดการได้ทุกเรื่อง ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะว่าใบแจ้งความยังหายได้..! แต่บังเอิญว่าเรื่องนี้ดังออกสื่อกันมาก ๆ เข้า เท่ากับเป็นแรงกดดัน คราวนี้ก็จะรู้เองแหละว่าร้อยเวรหรือผู้กำกับจะทำหน้าอย่างไร ? เพราะจะว่าไปแล้วก็อยู่ในลักษณะว่ารู้เห็นเป็นใจ ก็เลยทำให้บรรดาอันธพาลในพื้นที่เขาได้ใจ แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาก็ถือว่าแมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวันด้วยกันเอง เพราะฉะนั้น...เรื่องนี้ก็จับเฉพาะพวกลงไม้ลงมือไปเข้าคุก เรื่องของบรรดาผู้ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้มีอิทธิพลเขาก็ทำเป็นลืม ๆ กันไป คือธรรมเนียมไทยก็เป็นอย่างนี้เอง ทำใจเอาก็แล้วกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2019 เมื่อ 11:36 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
"พอมีเรื่องโด่งดังขึ้นมาสำนักงานพระพุทธศาสนาก็ออกมาประเภท 'จะต้องทำตามมติมหาเถรสมาคมอย่างเคร่งครัด' อาตมาอยากถามจริง ๆ ว่าวัดของกรรมการมหาเถรสมาคมทำแบบนี้หรือเปล่า ? แล้วอีกอย่างหนึ่ง เรื่องแบบนี้เป็นแค่มติ ต้องบอกว่าเป็นกฎระเบียบที่เขาระบุว่าให้พระจัดงานให้เรียบร้อย แล้วงานบวชพระ ที่แห่ไปก็คือโยมจัด ในเมื่อญาติโยมเป็นคนจัดแล้วพระจะไปบังคับเขาอย่างไร ?
โดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมักจะหางานให้พระทำ วันก่อนก็โทรมา 'พระอาจารย์เจ้าขา ช่วยจัดงานปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติในช่วงบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ให้สัก ๗ วัน' ก็เลยบอกว่า "เป็นไปไม่ได้ว่ะ ช่วงนั้นทางวัดก็ยุ่งพออยู่แล้ว วัดมีกำหนดการจัดงานที่แน่นอนอยู่แล้ว อยู่ ๆ คุณให้จัดเพิ่มขึ้นมาคุณรู้หรือเปล่าว่ารายจ่ายเท่าไร ? อย่างของวัดท่าขนุนจัดปฏิบัติธรรมนี่เฉพาะค่าอาหารวันละหมื่น เรารับจำกัดจำนวนไม่เกิน ๓๐๐ คน เฉลี่ยหัวหนึ่งประมาณ ๓๐ บาทต่อคนต่อวัน กิน ๒ มื้อรวมน้ำปานะด้วย ๓๐ บาท คุณไปหาที่ไหนได้ ขนาดนั้นยังเจอไปวันละหมื่น..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2019 เมื่อ 11:37 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
"นี่คุณจะให้จัดงาน ๗ วัน อาตมาต้องจ่ายเพิ่ม ๗๐,๐๐๐ แล้วถามจริง ๆ สำนักพุทธฯ มีงบฯ ให้ไหม ? เขาก็เลยบอกว่าไม่มี แล้วหลวงพ่อจะแนะนำวัดไหนให้เขาจัด ? ก็บอกไปว่าไม่แนะนำ เพราะอาตมาไม่นิยมหมกงานให้คนอื่นทำ คุณต้องไปโทรถามเอาเอง หรือถ้าเห็นว่าทางวัดไม่จัดให้ ตัวเองก็จัดเสีย จะได้รู้ว่าลำบากแค่ไหน ส่วนใหญ่แล้วก็คิดว่าตัวเองสั่งแล้วพระต้องทำ คงมีคนทำให้นะ แต่ไม่ใช่อาตมาหรอก อาตมานี่ถ้าไม่ว่างก็คือไม่ว่างเลย
งานหลายอย่างทางคณะสงฆ์ก็ดี ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ดี ถ้าเป็นงานที่ไม่ได้ขัดกับงานที่วัดทำอยู่ ก็เต็มใจที่จะช่วยเสริมเข้าไปให้ แต่ส่วนใหญ่แล้วมาทำให้แผนงานของเราเสียหมด อย่างวัดท่าขนุนของเรา แจ้งกำหนดการปฏิบัติงานตลอดทั้งปี ถ้าจะเข้ามาในช่วงจังหวะที่พอรับได้ก็ไม่มีปัญหา ถ้าเข้ามาในช่วงจังหวะงานอื่นเต็มมืออยู่แล้วจะไปทำอย่างไร ก็คาดว่าของเราก็สวดมนต์ทำวัตร เจริญกรรมฐานถวายเป็นพระราชกุศลไปตามปกติ แต่ว่าไม่ได้จัดงานปฏิบัติธรรมอย่างเป็นทางการให้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2019 เมื่อ 11:39 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมที่เห็นเขาเอามะพร้าวอ่อนมาถวายอาตมาแล้วก็แห่ซื้อกันมา โปรดทราบ...อาตมาฉันไม่ได้แม้แต่คำเดียว เพราะว่าเป็นมาลาเรียอยู่ น้ำมะพร้าวเย็นมาก ลงไปเมื่อไรก็กระตุ้นมาลาเรียกำเริบขึ้นมาทันที ไม่ใช่เห็นเขาเอามามาก ๆ แล้วเราก็เสียสติซื้อตามเขาไป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2019 เมื่อ 11:40 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงมาฆบูชาทางวัดจัดงานปิดทองรอยพระพุทธบาท ก็ถือว่ารื้อฟื้นงานประจำปีวัดท่าขนุนคืนมา เพราะว่าก่อนหน้านี้ช่วงอาจารย์สมเด็จ อาจารย์สมพงษ์ งานประจำปีวัดท่าขนุนเละมาก ที่เละมากเพราะว่าชอบไปเอาละครพม่าเข้ามา พอละครพม่ามา พี่น้องพม่ามอญจะแห่มากันเยอะมาก เลิกงานเมื่อไรเราก็จะมีขยะกองมหึมาอยู่เต็มวัด เพราะว่าเขานึกจะกินตรงไหน เขานึกจะถ่ายตรงไหน เขาก็ปล่อยตามสบายของเขา
พออาตมาขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาส ช่วงประมาณ ๑๐ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากว่างานประจำปีตรงกับขึ้น ๑๓ ค่ำ ๑๔ ค่ำและ ๑๕ ค่ำเดือน ๓ อาตมาก็ตัดเหลือ ๑๕ ค่ำวันเดียว ก็คือทำบุญวันมาฆบูชา ญาติโยมเก่า ๆ หลายคนก็บ่นกันอยู่ แต่อาตมาก็ปล่อยให้เขาบ่นไป บ่นได้ไม่กี่ปีเขาก็ชินไปเอง แต่คราวนี้พอสร้างบันไดขึ้นรอยพระพุทธบาทแล้ว ทางกรรมการวัดกับทางกรรมการชุมชนส่วนหนึ่งเขาบอกว่า อยากจะรื้อฟื้นงานปิดทองพระพุทธบาทขึ้นมา เพราะว่าของเก่าเราปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลอง คราวนี้เราปิดของจริงไปเลยเพราะว่าขึ้นไปถึงได้แล้ว ก็เลยตกลงกันรื้อฟื้นงานคืนมา พอดีว่าอยากจะจัดงานทำบุญให้อดีตเจ้าเมืองหน้าด่านทั้ง ๗ เมือง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือเป็นชาวมอญกับกะเหรี่ยง จึงเอามารวมกันเป็นงานเดียว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2019 เมื่อ 21:20 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
"ในงานเขามีการทรง ปรากฏว่าบรรดาเจ้าเมืองแห่กันมาชนิดที่ร่างทรงเกือบตาย แต่ละคนต่างก็บอกว่าดีใจที่ทางนี้ยังไม่ลืม ทิ้งเขาไปนานเหลือเกิน แม้กระทั่งทางด้านหลวงพ่อต๋อง (พระครูสุทธิสารโสภิต) วัดพุตะเคียน นี่ก็เป็นมอญ ที่จัดงานอย่างนี้เป็นประจำ ท่านบอกว่าโดยปกติก็ลงกัน ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง พอคราวของพระอาจารย์เล็กนี่ลงไม่เลิก ว่ากันตั้งแต่ ๙ โมงเช้ายันเพล ต้องขอร้องให้หยุดเพราะว่าพระจะอดเพล..!
เจ็ดเจ้าเมืองที่มาก็มีเมืองท่าขนุน เมืองทองผาภูมิ เมืองไทรโยค เมืองท่าตะกั่ว ก็ยังขาดเมืองสิงห์ เมืองลุ่มสุ่ม เมืองท่ากระดานที่ไม่ได้มา ก็คือไม่เปิดโอกาสให้ลง บอกว่าขอร้องเถอะ ปีหน้าค่อยมาลงใหม่ เดี๋ยวจะจัดให้เป็นงานประจำปีไปเลย ท่านเจ้าเมืองท่าขนุนบอกว่า "อย่ารับปาก จะทำก็ทำเลย ถ้ารับปากแล้วทำไม่ได้เดี๋ยวโกรธ" จัดงานอย่างนี้เห็นอยู่อย่างหนึ่งว่า นอกจากชาวบ้านเขาดีใจที่เรายังไม่ลืมพวกเขาแล้ว แม้แต่ผีก็ดีใจ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2019 เมื่อ 11:45 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้ก็มีแต่คนโทรมาเรื่องหล่อพระทองคำ ก็คือยังทำบุญได้ไหม ? ทำแล้วทองของเขาจะได้ลงเบ้าไหม ? มีอย่างนี้ด้วยนะ คือเรื่องทำบุญพอเราตั้งเจตนาก็เป็นบุญแล้ว เท่ากับเราได้บุญ แต่ท่านทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่ากำลังใจในงานบุญต่ำมาก ก็คือถ้าไม่ได้กินไม่ได้ใช้ให้เห็นซึ่งหน้า ก็เหมือนกับเขาไม่ได้บุญ ก็เลยจะอยู่ลักษณะการถามอย่างนี้
คราวนี้เรื่องของการหล่อพระทองคำ ถ้าเราเอาสารพัดทองรูปพรรณใส่ลงไป องค์พระจะด่าง อาตมาก็เลยเตรียมเป็นทองแท่งแท่งละ ๕๐ บาท เอาไว้ ๙๗ กิโลกรัมเลย โยมทำบุญมาเท่ากับว่าร่วมเป็นเจ้าภาพใน ๙๗ กิโลกรัมนั่นแหละ ส่วนของโยมถ้าอาตมามีเวลาก็จะเอาไป Refine ใหม่ขึ้นมาเพื่อเอาไว้หล่อองค์ต่อไป แต่ถ้ามีสร้างวัตถุมงคลเป็นเนื้อทองคำนี่ใช้ทองรูปพรรณได้ เพราะว่าช่วยเพิ่มความแข็งขึ้นมาหน่อย ต้องไปเจอเตาหลอมประเภทสุญญากาศ ถ้าอย่างนั้นก็ทำได้ เพราะว่าเขาดึงลงไปทีเดียวเต็มที่เลย ส่วนใหญ่แล้วพวกทองที่น้ำหนักมากกว่า ก็จะอยู่บริเวณด้านล่าง อย่างเช่นว่าสร้างเป็นองค์พระ อยู่แถวเศียรจะไม่มีตำหนิอะไร เพราะว่าเวลาหล่อเขาจะคว่ำพิมพ์ลง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-03-2019 เมื่อ 11:46 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "จังหวัดกาญจนบุรีหาพระทั้งจังหวัดมาปลุกเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้น้อยมาก ปัจจุบันพระเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเขาเชื่อถือได้มีน้อยเต็มทีแล้ว เพราะว่าหลวงพ่อเสงี่ยม วัดบ้านทวนก็มรณภาพไปแล้ว หลวงพ่อทองสุข วัดท่าตะคร้อก็มรณภาพไปแล้ว แทบจะไม่เหลือรุ่นเก่า ๆ แล้ว ตอนนี้หลัก ๆ ก็เหลือหลวงพ่อสนองชาติ วัดเย็นสนิทธรรมาราม กับหลวงพ่อชุบ วัดวังกระแจะ หลวงพ่อสนองชาติท่านเกษียณตัวเองก่อนอายุ ๘๐ ปล่อยให้หลวงพี่เสริฐ วัดทุ่งลาดหญ้าขึ้นมาเป็นเจ้าคณะตำบลแทน
อย่างอาตมาจริง ๆ แล้วก็ยัง "ไม่ได้ที่" ในสายตาชาวบ้าน เพราะเขาว่าอายุยังน้อย เขาต้องการสัก ๗๐ - ๘๐ ปีขึ้นไป แต่ก็อยากจะบอกว่าตอนอายุน้อย ๆ กรำงานได้นานกว่า อายุมากขึ้นก็ไม่ค่อยจะไหวเหมือนกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2019 เมื่อ 03:24 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
ถาม : หลวงพ่อเล็ก วัดเขาดิน ยังอยู่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : มรณภาพไปหลายปีแล้ว ทำเอาอาตมาโดนคนโทรถามสนั่นเลย เพราะเขาไปลงข่าวว่า "พระเกจิดังเมืองกาญจน์ฯ หลวงพ่อเล็กมรณภาพ" อาตมาก็เพิ่งจะรู้ว่าในสายตาชาวบ้านนั้นอาตมาดัง เขาใช้คำว่า “พระเกจิดังเมืองกาญจน์ฯ” ท่านมรณภาพไปหลายปีแล้วน่าจะประมาณ ๕-๖ ปีแล้ว วัดเขาดินได้ท่านพัฒนาจนใหญ่โต ก่อนหน้านี้มองอะไรไม่เห็นเลย เมื่อวานนี้รองเจ้าคณะจังหวัด ท่านอาจารย์พระมหาวิสุทธิ์ วิสุทฺธิปญฺโญ เปรียญธรรม ๙ ประโยค บรรยายเรื่องธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ ว่าทำไมตอนนี้ต้องเร่งเก็บข้อมูลพระสงฆ์ชนิดหัวทิ่มหัวตำเลย เพราะว่าต้องการจะใช้สิทธิ์บัตรทองรักษาฟรี พวกเราจึงต้องเหนื่อย ท่านบอกว่าสถิติปีนี้ของโรงพยาบาลสงฆ์ พระเราป่วยเป็นโรคยอดฮิค คือ ความดัน ไขมัน หัวใจ เบาหวาน ข้อเข่าเสื่อม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2019 เมื่อ 03:26 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
ถาม : มองสภาพแวดล้อม แล้วเกิดความรู้สึกว่าโลกนี้อันตราย ไม่น่าอยู่ ความกลัวเกิดขึ้น แต่มีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาว่า ถ้าตายตอนนี้ลงนรกแน่ ๆ ใช่หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ยังไม่ถูก พอเห็นว่าเป็นทุกข์เป็นโทษแล้วเราจะต้องหนีไปจากตรงนี้ ในเมื่อเราจะต้องไปจากตรงนี้ สภาพจิตจะต้องปลดการยึดจากร่างกายและโลกนี้ ที่ว่ามานั้นยังไม่ใช่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2019 เมื่อ 03:27 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
ถาม : ทำอย่างไรจึงจะมีความเป็นอยู่คล่องตัว ?
ตอบ : ไม่ต้องถามหรอก ตั้งหน้าตั้งตาภาวนาพระคาถาเงินล้านไป จะคล่องทุกเรื่องเอง แต่ว่าบางคนภาวนาแล้วก็ยังสงสัยอีกว่า ภาวนาช้ากับเร็วต่างกันตรงไหน ? น่าเหวี่ยงให้สักทีหนึ่ง...! ขอให้ได้ทำ จะช้าจะเร็วก็ช่างเถอะ ผลต่างถึงจะมีก็ขอให้เกิดผลก็แล้วกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2019 เมื่อ 08:12 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
ถาม : ช่วงนี้ฝันเห็นงูบ่อย แล้วนิมิตเห็นด้วยค่ะ ?
ตอบ : ไม่เป็นไร บอกเขาว่าถ้ามาไม่ดีเดี๋ยวจะกลายเป็นงูปิ้ง..! อาตมาชอบกินมากเลย เสียดายตอนเป็นพระเขาห้ามกินเนื้องู ก็แค่ระมัดระวังเท่านั้นเอง ถ้าหากว่าตามการตีความของทางพระพุทธศาสนา งูคือกิเลสในใจของเรา ระวังรัก โลภ โกรธ หลง จะนำหน้า เพราะฉะนั้น..ก็ต้องให้ศีลธรรมนำหน้าไว้ก่อน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2019 เมื่อ 03:29 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
ถาม : ลูกชายฝากมาถามเรื่องทำธุรกิจ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน จะเดินแต่ละก้าวต้องระวังสุดชีวิต คนรุ่นใหม่มักจะใจร้อน อยากจะรวยเร็ว ลงทุนมากถ้าพลาดก็เสียหายมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2019 เมื่อ 03:29 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
ถาม : ผมซื้อผ้าไตรถวายไปแล้ว ทีนี้มีคนเอาเงินมาให้ทีหลัง ?
ตอบ : ถ้าไม่เกินจำนวนที่เราจ่ายไปก็รับเอาไว้ สมมติว่าเราซื้อผ้าไตรไป ๑,๐๐๐ บาท เขามอบเงินให้เรา ๕๐๐ บาท ก็ถือว่ามีส่วนกันคนละครึ่ง แต่ถ้าเขาให้มาเกินราคาผ้าไตร อันนั้นจะต้องไปทำให้เขาต่างหาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2019 เมื่อ 03:30 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "พิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนทำช้าไป ๒ ปี จากราคา ๔๓ ล้าน ๒ แสนบาท กลายเป็น ๕๐ ล้านบาท ตอนนี้จากที่อาตมาจำหน่ายวัตถุมงคลในกระทู้คนมีเงินกับส่วนอื่น ๆ รวมกันแล้วมีเงินในมืออยู่ประมาณ ๓๐ ล้านบาท ยังขาดอีก ๒๐ ล้านบาทถ้วน ๆ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2019 เมื่อ 19:51 |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) | |
|
|