|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
ตอนนี้ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็มีแต่คนพูดถึงสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิต
บางท่านอยากจะพลิกชีวิตแต่ก็อุตส่าห์มีข้อต่อรอง อย่างเช่นว่าการสวดอิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๑๐๘ จบ มีการขอผ่อนอีกด้วย ถ้าขนาดนี้ยังขี้เกียจก็อย่าไปพลิกชีวิตเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2020 เมื่อ 03:19 |
สมาชิก 290 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณวีระชัย แก่นภักดี และ คุณณัฐพัชร จันทรสูตร จากเว็บไซต์คุณธรรมออนไลน์ palungjit.org ร่วมกันบอกบุญช่วยปล่อยชีวิตสัตว์ โอนเงินเข้าบัญชีให้อาตมา ๗๘๗,๖๐๘ บาท ซึ่งอาตมาเติมให้เป็น ๗๘๘,๐๐๐ บาท ขออนุโมทนากับญาติโยมทุกท่านที่ได้ร่วมบุญด้วยกันในครั้งนี้
การได้รับเงินในครั้งนี้ ต้องบอกว่าดีใจมาก เป็นความดีใจที่จะได้ช่วยชีวิตสัตว์ให้รอดจากความตายได้อีกมาก ถือว่าคุ้มค่ากับการที่ไป "ยุ่งเกี่ยวกับกรรมของคนอื่น" ปกติแล้วหลังจากลาพุทธภูมิมา อาตมาถือคติว่า "ถ้าไม่ใช่มาล้มทับตีนจนเดินหนีไม่ได้ ก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมของใครอีก" แต่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัส covid-๑๙ ในครั้งนี้ ถือว่าจำเป็นที่จะต้องเข้าไปแทรกแซง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 295 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
"สาเหตุแรกก็คือ ความรู้ความสามารถที่ศึกษามา เพียงพอที่จะทำได้ สาเหตุที่สองก็คือ ถ้าปล่อยไปตามเวรตามกรรม คิดจะอาศัยฝีมือรัฐบาลอย่างเดียว ก็คงได้ตายซับตายซ้อนดัง "ห่าลงเมือง" เป็นแน่แท้
ประการที่สาม อาตมาคิดว่าเป็น "เชื้อชั่วไม่ยอมตาย" ไม่ว่าจะละทิ้งมาขนาดไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลาแล้วความคิดและการตัดสินใจ ก็ยังเป็นไปในรูปแบบของพุทธภูมิก็คือ "ตัวเองลำบากเท่าไรไม่ว่า ถ้าคนอื่นสุขสบายก็จะทำ" ประการสุดท้าย ด้วยความที่สร้างเวรสร้างกรรมเอาไว้มาก "ชดใช้ด้วยการผ่อนส่งมาตลอด" ทำให้รู้สึกว่าเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีกหน่อยก็ไม่เท่าไร ถ้าไม่มีก็ไม่หนี พร้อมที่จะผ่อนจ่ายต่อไป "สมใจนึกบางลำภู" เด็กรุ่นนี้เคยได้ยินสำนวนนี้หรือไม่ ? คิดอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้นเลย ตั้งแต่ทำพิธีเสร็จมาจนถึงวันนี้ ไม่มีวันไหนที่ไม่ต้องทนแบกสภาพร่างกาย ซึ่งเหมือนรถสิบล้อวิ่งไม่เต็มสูบ กะพร่องกะแพร่ง ทำท่าเหมือนจะพังไม่พังแหล่ แต่เพื่อผลดีจะเกิดกับส่วนรวมก็สู้ทนรับไป แต่ละวันต้องมีเวลา "ชาร์จแบตเตอรี่" พอมีเรี่ยวแรงก็วิ่งไปทำงาน หมดสภาพเมื่อไรก็นอนแผ่สองสลึง ซึ่งสภาพแบบนี้คนอื่นไม่ได้เห็น ประมาณว่า "เสือลำบากนอนเลียแผลตัวเอง" อาการดีขึ้นพอทนได้ก็ออกไปลุยใหม่ เพื่อนพระสังฆาธิการตลอดจนญาติโยมที่เห็นต่างก็ชมว่า "หลวงพ่อเล็กแข็งแรงจริง ๆ" เฮอะ..เฮอะ..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2020 เมื่อ 12:07 |
สมาชิก 287 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
"งานก็ทำไป เรื่อง "ดราม่า" ก็รับรู้ไป โดยเฉพาะเรื่องคนที่ฆ่าตัวตายในระยะนี้ แล้วโดนนำไปขยายผล ว่าเกิดจากการที่ปิดเมือง ปิดกิจการต่าง ๆ การให้ความช่วยเหลือก็ไม่ทั่วถึง จึงมีการตัดสินใจฆ่าตัวตาย
ใครที่คิดหรือพูดแบบนี้แปลว่ากำลัง "โยนบาปให้คนอื่น" การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทำกันง่าย ๆ ต้องมีสารพัดสาเหตุกดดันมารอบด้าน เรื่องของการปิดเมืองหรือตกงานเป็นแค่ส่วนเสี้ยวหนึ่งของยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น โดยเฉพาะหลายท่านที่ให้สัมภาษณ์น้ำหูน้ำตาไหล บอกว่ากลัวอดตาย อาตมามีความเห็นว่าคนประเภทนี้ "ไร้สมองสิ้นดี" เมืองไทยเราอุดมสมบูรณ์ขนาดไหน คนใจดีพร้อมช่วยเหลือผู้อื่นมีทุกมุมเมือง แม้กระทั่งต่างชาติที่มาติดค้างในบ้านเราก็ยังให้คำชมเชย ว่าไม่เคยพบที่ไหนในโลกที่เหมือนประเทศไทย ฝรั่งต่างชาติต่างภาษา ไม่รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ยังรู้จักเข้าวัดเข้าวาไปช่วยเหลือการงาน เพื่อแลกกับที่อยู่ที่กินชั่วคราวในช่วงที่ต้องติดอยู่ในบ้านของเรา คุณเป็นคนไทยแท้ ๆ สร้างบาปสร้างกรรมมาหนักหนาสาหัสขนาดไหน ถึงได้ทำให้มืดบอดขนาดไม่คิดจะเข้าวัดเลย คิดอยู่อย่างเดียวว่าถ้ารัฐบาลไม่ช่วย ไม่ได้เงิน ๕,๐๐๐ บาท ก็จะฆ่าตัวตาย แบบนี้ใช่แน่แล้วหรือ ? การฆ่าตัวตายนั้นตัดสินใจยากที่สุด เพราะว่าทุกรูปทุกนามล้วนแล้วแต่รักชีวิตตัวเอง ต่อให้นอนทรมานอยู่ในห้องฉุกเฉิน ก็พยายามที่จะดิ้นรนให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้าไม่ใช่เรื่องของกรรมเก่ากรรมใหม่ ตามมาทวงจนทำให้เรามืดบอด มองหาทางรอดไม่เจอ ย่อมไม่มีใครคิดฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2020 เมื่อ 12:09 |
สมาชิก 277 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
"ดังนั้น..สาเหตุของการฆ่าตัวตายในระยะนี้ จึงไม่ใช่เรื่องของการปิดเมือง ไม่ใช่เรื่องของการตกงาน แต่ละคนมีภูเขาน้ำแข็งที่ซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทร แล้วมาตัดสินใจฆ่าตัวตายเอาในระยะนี้พอดี ความซวยจึงตกเป็นของรัฐบาลไปตามระเบียบ..!
ขอเตือนสติให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่า การฆ่าตัวตายนั้นเป็นบาปหนักอย่างยิ่ง การฆ่าสัตว์ใหญ่บาปกว่าการฆ่าสัตว์เล็ก การฆ่าสัตว์มีคุณบาปกว่าการฆ่าสัตว์ที่ไม่มีคุณ การฆ่าบุคคลซึ่งสามารถบรรลุธรรมได้เป็นบาปหนักที่สุด และจะเป็นเหตุให้ต้องฆ่าตัวตายแบบนี้ไปอีกหลายชาติต่อเนื่องกัน จงอดทนสู้ไป แค่ระยะเวลาไม่นาน เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็จะผ่านพ้นไปแล้ว เวลาที่ท้องฟ้ามืดมิดที่สุด คือเวลาที่ใกล้สว่าง มองหาหนทางที่คนอื่นจะช่วยเหลือเราได้ แล้วไปขอความช่วยเหลือจากจุดนั้นก่อน เพื่อประทังเอาไว้จนกว่าเราจะมองเห็นช่องทางต่อไป จะได้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา มีโอกาสฟังเทศน์ฟังธรรมสร้างเสริมบารมี พาเราไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ดีกว่าไปตัดทางตัวเองด้วยการคิดสั้น แล้วเป็นเหตุให้ต้องเวียนว่ายในทุคติ ทุกข์ยากลำบากอีกเนิ่นนานจนประมาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นต้องเรียกว่าเสียชาติเกิดจริง ๆ..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2020 เมื่อ 12:10 |
สมาชิก 276 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
"ส่วนท่านทั้งหลายที่ยืนตรงกันข้ามกับรัฐบาล ระยะนี้ก็ควรที่จะสงบเสงี่ยม หุบปากเอาไว้บ้าง เอาเรี่ยวแรงและเวลาไปช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากเดือดร้อน พอบ้านเมืองกลับเข้าสู่ความปกติแล้ว เห็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล ค่อยนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนให้ร่วมกันรับรู้
ในช่วงนี้สิ่งที่ต้องการคือความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมด้วยช่วยกัน เอาประเทศชาติของเราให้รอดไว้ก่อน อย่าทำตัวเป็นบุคคลประเภท "มือไม่พายแต่เอาตีนราน้ำ" ปล่อยวางอคติส่วนตัวลง ทุ่มเทสรรพกำลังทุกอย่างทำเพื่อส่วนรวม ถ้าอย่างนั้นต่อให้ไม่ออกมาขัดแข้งขัดขาชาวบ้าน คนเขาก็จะเห็นว่าท่านเป็นคนดีเอง สถานการณ์แบบนี้ อย่าเอาดีใส่ตัว อย่าเอาชั่วใส่คนอื่น ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจ เพื่อพาทุกคนให้รอดไปด้วยกัน ช่วยเหลือกันในยามลำบากให้โลกลือ ว่านี่คือน้ำใจคนไทย แล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นผลดีต่อประเทศชาติเราไปอีกยาวนานไม่รู้จบ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2020 เมื่อ 12:11 |
สมาชิก 284 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
"ผู้นำหนุ่ม ในประเทศปิด เสียชีวิตหลายวันแล้ว" ผู้สื่อข่าวยมโลกรายงาน
อะไรวะ ? อายุนิดเดียวไปแล้ว "ความตายไม่มีนิมิต ความตายไม่มีเครื่องหมาย มาถึงมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนามได้ทุกเวลา ถ้าประมาทขาดสติ ไม่เร่งสร้างคุณความดี ย่อมมีทุคติเป็นที่ไป" น่าน..อัดอั้นตันใจมากว่าอย่างนั้นเถอะ เปิดช่องให้หน่อยมาเป็นฉากเชียว "ที่อยากจะเรียนให้ทราบก็คือว่า บุคคลที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศนั้น อย่างน้อยก็ต้องสร้างบารมีมาพอสมควร โดยเฉพาะส่วนใหญ่จะมาสายพุทธภูมิ การตายของแต่ละท่านส่งผลกระทบไม่น้อยเลยทีเดียว" "ไม่ใช่ไม่น้อยนะ น่าจะมากถึงมากที่สุด อย่างเช่นในหลวงรัชกาลที่ ๙ สวรรคต ผลกระทบไปถึงคนทั้งโลก ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่ระงับอยู่ด้วยอำนาจของเทวดา เมื่อไม่มีบุคคลที่ต้องเกรงใจอยู่ ก็ประเดประดังกันมาจนรับแทบไม่ทัน" "ที่ท่านว่ามาก็ถูก แต่ประเภท บอร์น ทู บี แบบนั้น ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ นับเฉพาะในราชวงศ์จักรี แม้ว่าทุกพระองค์จะเปี่ยมล้นด้วยบุญญาบารมี แต่ที่อยู่ในจิตในใจเป็นที่จดจำของชาวบ้านและชาวโลก จากรัชกาลที่ ๑ ก็มาถึงรัชกาลที่ ๕ แล้วจึงเป็นรัชกาลที่ ๙" "แล้วการตายของท่านผู้นำหนุ่มในครั้งนี้ จะมีผลกระทบต่อประเทศไหนมากที่สุด ?" "เป็นประเทศมหาอำนาจอันดับ ๑ อย่างไม่เป็นทางการของโลกในปัจจุบัน กับประเทศเชื้อสายเดียวกันที่อยู่ติดกัน" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ ตูขายข้าวกล่อง ๑๐ บาทต่อดีกว่า" จบการสนทนา ก็ต่างคนต่างไป พอดีท่านผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แวะเข้ามาวัดท่าขนุนอีกรอบหนึ่งด้วยความติดใจบรรยากาศ จึงพาท่านไปชิมมะไฟข้างศาลาร้อยปีหลวงปู่สายวัดท่าขนุน จนลืมเรื่องพวกนี้ไปในเวลาอันรวดเร็ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 275 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันเสาร์ที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางมาดูโครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาท เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙
แต่ปรากฏว่าเมื่อท่าน ผอ.ใหญ่ เข้าไปที่วัดท่าขนุนแล้วก็ไม่อยากจะออก เพราะว่าชอบใจบรรยากาศที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ทั้งคณะติดใจกับต้นมะม่วงป่า ต้นกระท้อนป่า ที่ใหญ่มหึมาและติดลูกเต็มต้น ต้นมะไฟ ต้นมะปริง มีลูกตั้งแต่โคนต้นยันปลายยอด ต้นลูกจันทร์ ที่โตเกือบ ๒ คนโอบ โดยเฉพาะต้นขานาง ซึ่งเป็นไม้ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ที่ท่านบอกว่ายังไม่เคยเห็นที่ไหนต้นใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย "หลวงพ่อดูแลรักษาต้นไม้ได้ดีมากเลยครับ" คำชมนี้อาตมาไม่กล้ารับไว้คนเดียว เพราะว่าบรรดาพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และฆราวาสในวัด ร่วมด้วยช่วยกันดูแล ตัดแต่งกิ่ง รดน้ำพรวนดิน ทำความสะอาดด้วยการกวาดใบไม้วันละหลายคันรถทุกวัน "ซุ้มนั่งเล่นนี่สุดยอดไปเลยครับ" นี่เป็นความตั้งใจของอาตมาโดยเฉพาะ ที่ต้องการให้มีซุ้มนั่งเล่นประกอบด้วยต้นไม้ จึงแจ้งให้คุณมงคล (แดง) หาพันธุ์ไม้เลื้อยต่าง ๆ มาปลูก เพื่อเป็นร่มเงาให้แก่ซุ้มนั่งเล่นทั้ง ๙ หลัง ไม่ว่าจะเป็นต้นจันทร์กระจ่างฟ้า ประทัดญี่ปุ่น พวงแสด เล็บมือนาง ฯลฯ ล้วนแล้วแต่สู้แดดและความร้อนไม่ไหว มีเพียงต้นคิ้วนางที่เป็นไม้ป่าในพื้นที่เท่านั้น ที่งอกงามได้อย่างน่าชื่นใจมาก อาตมาจึงต้องเปลี่ยนใจ เอาไม้อื่นออกจนหมด แล้วสั่งแต่ต้นคิ้วนางมาอย่างเดียว แม้ว่าจะปลูกก่อนหลังกันเป็นปีก็ตาม แต่ทุกต้นก็งอกงามได้ทันอกทันใจ โตคลุมศาลานั่งเล่นทั้งหมด จนแน่นทึบร่มเย็นเสมอกัน ต้นตะเคียน ต้นจันทน์หอม ต้นเลียบ ต้นกร่าง ต้นโพธิ์ที่ขึ้นพันต้นตาล ต้นพลับป่า พาให้ท่าน ผอ. ใหญ่เพลิดเพลินจนไม่อยากออกจากวัด อาตมาต้องเข็นให้ไปดูโครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาทเสียก่อน ไม่เช่นนั้นตัวอาตมาเองนั่นแหละที่จะต้องอดเพล..! ชมโครงการ ให้ข้อแนะนำ และมอบเงินช่วยเหลือโครงการแล้ว ท่าน ผอ.ใหญ่และคณะก็ซื้อข้าวกล่องขึ้นไปบนรถตู้ ๑๐ กล่อง เพื่อนำไปกินกลางทาง ระหว่างที่เดินทางไปดูโครงการที่อำเภอสังขละบุรีต่อ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2020 เมื่อ 08:46 |
สมาชิก 244 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
"น้องเล็ก...ท่าน ผอ.ณรงค์กลับมาอีกแล้ว ไปช่วยถ่ายรูปให้หน่อย" อาตมาเรียกน้องเล็กที่นอนหมดสภาพเพราะอากาศเปลี่ยน ให้ลุกขึ้นเตรียมตัว อีกพักใหญ่รถตู้ของท่าน ผอ.ณรงค์ก็เลี้ยวเข้ามาในวัด
"ใครแจ้งหลวงพี่คะ ? โทรศัพท์อยู่กับน้องเล็ก" เอาเป็นว่ามีคนแจ้งให้ทราบก็แล้วกัน จึงได้ออกไปต้อนรับคณะของท่าน ผอ.ใหญ่อีกรอบหนึ่ง รอบนี้ทั้งคณะไปรุมอยู่ที่ต้นมะไฟข้างศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย ขออนุญาตชิมเป็นการใหญ่ ท่านสหัส (นายสหัส บรรจงเมือง) รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี เตือนบรรดาสาว ๆ ในคณะว่า "อย่ากินมากนะครับ เดี๋ยววิ่งเข้าส้วมไม่ทัน..!" เมื่อเห็นท่านเพลินอยู่ในวัดไม่อยากจะกลับ อาตมาจึงกระซิบบอกรองฯ พนอ (นางพนอ จันทจิตร) รองประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ประธานชุมชนคุณธรรมริมฝั่งแควน้อย ให้วิ่งไปหาทุเรียนทองผาภูมิมา มอบให้คณะของท่านผอ.ใหญ่สัก ๑๐ ลูก รองฯ พนอ วิ่งไปถึงหนองเจริญ จึงได้ทุเรียนทองผาภูมิมาตามต้องการ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าทุเรียนทองผาภูมินั้น ไปประกวดได้ที่ ๑ ในงานประกวดทุเรียนโลก แต่ละสวนจะมีพ่อค้ามาเหมาข้ามปีจนถึงที่ โอกาสที่จะเล็ดรอดมาถึงมือคนอื่นนั้นยากมาก มอบทุเรียนให้แล้ว ท่าน ผอ. ใหญ่ก็ยังไม่อยากจะกลับ จนอาตมาต้องบอกว่าพระจะทำวัตรเย็น ท่านและคณะถึงได้กราบลากลับไป ทำเอาพวกเรานั่งหัวเราะตามหลัง สงสารท่านที่เครียดกับสารพัดงาน มีโอกาสได้ผ่อนคลายน้อยมาก เมื่อเจอบรรยากาศวัดที่สะอาด สว่าง สงบ ตามแนวทางการพัฒนาวัดของมหาเถรสมาคม ก็ไม่อยากจะกลับไปชนกับงานอีก ได้แต่ส่งกำลังใจไปช่วย ให้ท่านมีกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา ในการสู้กับงานเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ "เกิดมาทั้งทีเอาดีให้ได้ ตายไปทั้งทีฝากดีเอาไว้ อยู่ให้คนเขารักและเกรงใจ จากไปให้คนเขาอาลัยและคิดถึง" ถ้าทุกคนทำได้แบบนี้ก็ไม่เสียทีที่เกิดมาแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2020 เมื่อ 08:48 |
สมาชิก 257 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันอาทิตย์ที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ หลังฉันเช้าได้ดำเนินงานตามโครงการบรรเทาความเดือดร้อนของพระสังฆาธิการอำเภอทองผาภูมิ ด้วยการถวายปัจจัยช่วยเหลือรูปละ ๕,๐๐๐ บาท ประกอบด้วยเจ้าอาวาส ๕๒ วัด เจ้าสำนักสงฆ์และประธานที่พักสงฆ์ ๒๒ แห่ง และเลขานุการเจ้าคณะตำบลที่ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสอีก ๘ รูป เสร็จเรียบร้อยแล้ว
อาตมภาพก็วิ่งเข้าเมืองกาญจน์ ตรงไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งท่านสหัส บรรจงเมือง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี รออยู่แล้วพร้อมด้วยผู้ติดตามและพลขับ อาตมาและน้องเล็กจึงเปลี่ยนมาขึ้นรถตู้ของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีแทน วิ่งฝ่าการจราจรที่ถือว่าสะดวกมากเข้ากรุงเทพมหานคร มีรถติดบ้างเป็นบางช่วงที่ตั้งด่านตรวจเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ขนาดนั้นก็ยังไปถึงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามแค่บ่ายโมงครึ่งเท่านั้น ที่ต้องเดินทางมาครั้งนี้ก็เพราะว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมฺพรมหาเถร) ได้ประทานข้าวสารจำนวน ๕๐๐ กิโลกรัมให้กับวัดท่าขนุน เพื่อไปดำเนินโครงการข้าวกล่องราคาถูก หลังจากที่เคยประทานไปให้แล้ว ๕๐๐ กิโลกรัม แต่เมื่ออาตมาขยายโครงการไปจนสิ้นเดือนพฤษภาคมตาม พรก.ฉุกเฉิน ก็ได้รับพระเมตตาประทานเพิ่มเติมให้อีกวาระหนึ่ง เข้าไปนั่งอยู่ในสถานที่นัดพบไม่นาน หลวงพ่อเจ้าคุณโสภณ (พระสมุทรวชิรโสภณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม รักษาการเจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอก กับท่านเจ้าคุณสุรศักดิ์ (พระภาวนาวิสุทธิโสภณ) เจ้าอาวาสวัดประดู่ เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อนพระเกจิอาจารย์ที่คุ้นเคยกันดีก็มาถึง หลังจากทักทายกันด้วยความยินดีแล้ว ก็นั่งสุมหัวรวมกันคุยไปสารพัดเรื่อง จนกระทั่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อคฺคชินมหาเถร) เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช องค์แทนในการประทานข้าวของให้แก่วัดต่าง ๆ ที่ได้นัดไว้มาถึง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2020 เมื่อ 07:41 |
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
"เมื่อรับการประทานข้าวของครบถ้วนแล้ว ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ก็กล่าวกับอาตมาว่า "ถ้าหาวันเวลาที่เหมาะสมได้แล้ว ผมจะออกฎีกานิมนต์ถวายอีกรอบนะครับ" พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ หมายถึงงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ที่ต้องยกเลิกไปเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ในช่วงที่ผ่านมา
กราบลาทุกท่านและเดินทางกลับสู่กาญจนบุรี แจ้งให้ท่านสหัสนำเอาข้าวสารไปลงไว้ที่วัดท่ามะขามก็พอ เนื่องจากท่านจะนำไปส่งถึงวัดท่าขนุนซึ่งไกลมาก เมื่อลงข้าวสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระครูบ่าว (พระครูกาญจนปริยัติคุณ) เจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม (วัดราษฎร์ประชุมชนาราม) มาแจ้งให้ทราบว่า "ข้าวสารทั้งหมดมี ๑๐๖ ถุง น้ำหนักรวม ๕๓๐ กิโลกรัมครับหลวงพ่อ" เออหนอ..ใครจะไปนึกว่าอานุภาพของพระคาถาเงินล้านจะทำให้ทุกอย่างงอกได้จนถึงขนาดนี้ เคยรับทองคำสำหรับหล่อพระแล้วงอกเพิ่มจากบัญชีที่ลงไว้หลายบาท ก็ยังพอที่จะคิดว่าลงบัญชีผิดได้บ้าง แต่นี่ข้าวสารซึ่งเพิ่งรับมาแท้ ๆ และระบุจำนวนแน่นอนว่า ๕๐๐ กิโลกรัม ยังอุตส่าห์งอกขึ้นมาได้ถึง ๖ ถุง ๓๐ กิโลกรัม ถ้านับใหม่อีกหลาย ๆ รอบก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะงอกเพิ่มขึ้นมาอีกหรือไม่ ? ท่านใดที่ยังลังเลสงสัยในอานุภาพของพระคาถาเงินล้านอยู่ ก็ควรที่จะเลิกลังเลสงสัยได้แล้ว โดยดูอาตมาเป็นตัวอย่าง ในขณะที่พระรูปอื่นทั้งอำเภอไม่มีกิจนิมนต์ ไม่มีงาน อาตมาซึ่งประสบภาวะเดียวกัน กลับมีเงินมาถวายเพื่อช่วยเหลือท่านทุกรูป โดยที่ไม่มีความหนักใจอะไรเลย อยากให้เท่าไรก็มีให้เท่านั้น สำคัญที่ว่าท่านทั้งหลายจะทำพระคาถาเงินล้านนี้จริงจังแค่ไหนเท่านั้นเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2020 เมื่อ 07:43 |
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
"ส่วนที่อยากจะกล่าวถึงเพิ่มเติมก็คือว่า ท่านสหัสนั้นต้องสละวันหยุดของตนเองเพื่อเดินทางไปกับอาตมา ซึ่งวันก่อนท่านณรงค์ ผอ.ใหญ่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็เดินทางมาดูงานในวันเสาร์ เมื่ออาตมาปรารภถึง ท่าน ผอ.ใหญ่ก็บอกว่า "ผมทำงานแบบไม่มีวันหยุดครับหลวงพ่อ"
เมื่อกล่าวขอบคุณท่านสหัสที่สละวันหยุดร่วมเดินทางไปรับข้าวสารกับอาตมา ท่านรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีตอบว่า "ไม่เป็นไรครับหลวงพ่อ เงินเดือนของพวกผมนั้นทางราชการจ่ายให้ทุกวัน พวกผมก็ควรที่จะทำงานทุกวันเช่นกันครับ" ฟังแล้วรู้สึกชื่นใจที่เรามีข้าราชการดี ๆ ซึ่งทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานในรับผิดชอบเช่นนี้ สมกับคำว่า "ข้าราชการ" คือ ผู้กระทำงานถวายการรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทขององค์พระราชา ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังจงทุกประการ เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานทุกท่านทุกคนเถิด...สาธุ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2020 เมื่อ 07:44 |
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วง ๒ - ๓ วันที่ผ่านมาชีวิตวุ่นวายมาก เนื่องจากการจัดมอบทุนการศึกษาประจําปี ๒๕๖๓ ซึ่งประกอบด้วยทุนระดับประถมศึกษา ทุนละ ๒,๐๐๐ บาท จำนวน ๓๕๐ ทุน ทุนระดับมัธยมศึกษาและประกาศนียบัตรวิชาชีพ ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท จำนวน ๗๐ ทุน ทุนระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี) ทุนละ ๓๐,๐๐๐ บาท (เมื่อสอบชิงทุนได้จะได้รับทุกปีจนกว่าจะจบหลักสูตร ๔ ปีหรือ ๕ ปี) จำนวน ๘ ทุน
แค่จำนวนนักเรียนรับทุนก็ ๔๒๘ คนเข้าไปแล้ว เกินจำนวน ๕๐ คนที่อนุญาตให้ประชุมได้กันตาม พรก.ฉุกเฉิน จึงสร้างความเครียดให้กับฝ่ายปกครองเป็นอย่างยิ่ง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งนายอำเภอทองผาภูมิ ทั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ต้องวิ่งวุ่นอยู่กับเรื่องของวัดท่าขนุนอย่างน่าปวดหัว ถ้าให้มอบทุนการศึกษา ด้วยจำนวนคนมากขนาดนี้ก็คือผิดกฎหมายอย่างแน่นอน ถ้าไม่ให้มอบทุนการศึกษา สิ่งที่เด็กยากจนรอกันมาทั้งปีด้วยความหวัง ก็จะสลายกลายเป็นอากาศธาตุ ยิ่งในภาวะที่บรรดาผู้ปกครองต้องตกงาน เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ เงินทุกบาททุกสตางค์คือความหวังในการต่อชีวิตของครอบครัว โดยเฉพาะคนทั้งหลายเหล่านี้ส่วนมากเป็นชาวต่างด้าว ต่อให้รัฐบาลมีโครงการเราไม่ทิ้งกัน ก็ต้องโดนทิ้งโดยปริยายอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินเยียวยา ๕,๐๐๐ บาท ทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตารอทุนการศึกษาจากวัดท่าขนุน ซึ่งอาจจะเป็นเบี้ยต่อไส้ของคนทั้งครอบครัวไปได้อีกระยะหนึ่ง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีการปรึกษาหารือเพื่อเตรียมการดำเนินงาน ให้ทุกอย่างเป็นไปโดยไม่ผิดกฎหมาย และให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทางวัดท่าขนุน นายกเทศมนตรี นายอำเภอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน จึงต้องประชุมร่วมกันตลอดทั้ง ๒ วัน เพื่อหาทางออกให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
จากแผนเดิมของทางวัดท่าขนุน ที่มอบหมายให้พระภิกษุ ๒๑ รูป ดูแลนักเรียนรูปละ ๑ โรงเรียน (๒๐ คน) มีเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ๑๖ คน ช่วยในการคัดกรองเด็ก แล้วให้เข้ารับทุนทีละ ๑ โรงเรียน (๒๐ คน) รับทุนเสร็จแล้วให้เดินทางกลับทันที ทางเทศบาลและที่ว่าการอำเภอ ขอให้เพิ่มเติมกำลังตำรวจ อส. อปพร. มาช่วยกันดูแลเพิ่มเติม ทั้งทางด้านการจราจร การให้ข้อแนะนำ การช่วยครูควบคุมและคัดกรองเด็ก อาตมาจึงต้องทำหนังสือเร่งด่วน ขอความร่วมมือจากทางตำรวจ อส. และ อปพร. เพิ่มขึ้นอีกหลายฉบับ แล้วยังต้องเขียนรายงานวิธีการดำเนินงาน ตลอดจนแผนที่การเข้าออก และรายชื่อเด็กตลอดจนครูที่ควบคุมมา ส่งให้กับทางอำเภอเพื่อเอาไว้ชี้แจงผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นต่อไป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
"ส่วนงานหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินปิดทองนั้น ยิ่งเป็นที่หนักใจกว่าอะไรทั้งหมด ด้วยทางท่านนายอำเภอเกรงว่าจะควบคุมจำนวนคนไม่ได้ และแต่ละคนก็มาจากพื้นที่เสี่ยงซึ่งมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ทั้งสิ้น จึงขอให้ทางวัดจำกัดจำนวนคนเข้าร่วมงาน เอาเฉพาะที่จำเป็นไม่เกิน ๕๐ คนตาม พรก.ฉุกเฉินเท่านั้น..!
อาตมาจึงต้องมาทำประกาศวัดท่าขนุน เพื่อแจ้งให้ญาติโยมได้ทราบว่างานนี้ไม่ควรไปวัดอย่างยิ่ง ให้รออนุโมทนาบุญในการหล่อพระจากการถ่ายทอดสดเท่านั้น และยังต้องมาทำบัตรจำนวน ๕๐ ใบ สำหรับบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในงานเพื่อทำหน้าที่ของตน เป็นที่น่าเห็นใจท่านนายกเทศมนตรี และท่านนายอำเภอเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าทองผาภูมินั้นยังเป็นอำเภอบริสุทธิ์ ไม่พบผู้ป่วยด้วยเชื้อไวรัส covid-๑๙ มาก่อนแม้แต่รายเดียว ถ้าการจัดงานวัดท่าขนุนแล้ว ปรากฏผู้ติดเชื้อแม้เพียงคนเดียว ความบรรลัยก็จะเกิดขึ้น..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2020 เมื่อ 09:49 |
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
"ประการแรกคือ ผิด พรก. ฉุกเฉิน ซึ่งห้ามจัดงานที่มีการชุมนุมคนจำนวนมาก ประการที่สองคือ ผิดพระราชบัญญัติการควบคุมโรคติดต่อ แล้วยังเป็นการฝืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทางการปกครองคณะสงฆ์ ฝืนคำสั่งของทางราชการซึ่งแต่ละจังหวัดออกประกาศให้ปฏิบัติตามในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ นี้
ทางอำเภอจึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อส. อปพร. ปิดทางเข้าวัดทุกแห่งในวันงาน ใครไม่มีบัตรประจำตัว ๕๐ ใบของทางวัดท่าขนุน ห้ามเข้าวัดอย่างเด็ดขาด ต่อให้มีบัตรถ้าไม่ผ่านการคัดกรองก็เข้าวัดไม่ได้เช่นกัน จึงต้องขออภัยทางราชการและญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ทำให้ทุกท่านต้องลำบากและไม่ได้รับความสะดวกในงานหล่อพระครั้งนี้ แต่ที่จำเป็นต้องทำเพราะว่า ถ้าเราไม่สู้มารก็จะผยอง และตัดทางบุญของเราไปเรื่อย แต่การสู้ก็ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมายที่กำหนดเอาไว้ จึงจะเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้แบบผู้มีปัญญา ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายจึงควรที่จะชมการถ่ายทอดสดและอนุโมทนาอยู่กับบ้าน ถ้าจะส่งเสบียงบุญร่วมช่วยเหลือในการศึกธรรมาธรรมสงครามครั้งนี้ ก็เข้าไปในเว็บวัดท่าขนุนซึ่งได้เปิดกระทู้เอาไว้ จะทำบุญหรือจะบูชาวัตถุมงคลเพื่อร่วมหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินปิดทองในครั้งนี้ก็ได้ ต้องขออภัยและขออนุโมทนากับทุกท่านมา ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2020 เมื่อ 09:50 |
สมาชิก 245 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานมอบทุนการศึกษาประจำปี ๒๕๖๓ ของวัดท่าขนุนเสร็จสิ้นลงด้วยดี เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องใช้กำลังพล ทั้งพระภิกษุสามเณร ตำรวจ อส. แพทย์พยาบาล และอาสาสมัครสาธารณสุข เป็นจำนวนมากขนาดนี้
พ.ต.อ.จิรายุส วานิชกูล ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ วิเศษสิงห์ รอง ผกก.สภ.ทองผาภูมิ นั่งประกบข้างเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน และช่วยมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนด้วย ทั้งท่านผู้กำกับและรองผู้กำกับ ทึ่งมากว่าอาตมาเอาเงินเป็นล้านมาไล่แจกเด็ก จึงต้องมอบทุนการศึกษาไปคุยกันไปว่า "ญาติโยมที่มีจิตศรัทธาอยากทำบุญมีมาก แต่เขาก็ต้องการพระที่เขาไว้ใจได้ ว่าไม่เอาเงินของเขาไปใช้อย่างอื่นนอกจากงานบุญที่เขาตั้งใจทำ อาตมาทำแบบนี้มาตั้งแต่ฆราวาส บวกกับเวลาของพระอีก ๓๔ - ๓๕ ปี ทำให้ทุกคนที่เห็นเกิดความเชื่อถือ โดยเฉพาะการทำบุญทุกอย่างมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ถึงเวลาทำมากกว่าที่ญาติโยมได้ร่วมบุญเอาไว้ ดังนั้น..เมื่อจะทำอะไรทุกคนจึงเต็มใจที่จะร่วมบุญด้วย ต่อให้ไม่มีใครร่วมบุญด้วยอาตมาก็ควักกระเป๋าส่วนตัวทำเอง เมื่อเห็นเช่นนี้มาปีแล้วปีเล่า ก็เกิดความไว้วางใจ อยากจะทำอะไรก็มีแต่คนช่วยสนับสนุน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
"การมอบทุนการศึกษาให้กับเด็ก ทั้งระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และระดับปริญญาตรี ๔๒๘ คน เสร็จเรียบร้อยลงภายในชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ท่านผู้กำกับและรองผู้กำกับยังไม่ทันจะขยับลุก พระเณรวัดท่าขนุนก็เก็บกวาดสถานที่เรียบร้อยแล้ว..!
"ผมยังไม่เคยเห็นวัดที่ไหนทำงานมีประสิทธิภาพขนาดนี้มาก่อนเลยครับ หลงเป็นห่วงว่าทุกอย่างจะวุ่นวายจนควบคุมได้ยาก กลายเป็นว่า ทุกคนทำงานกันอย่างเป็นระบบและเข้าขากันดีมาก แจกเร็วจบเร็ว แต่ละโรงเรียนใช้เวลาไม่ถึง ๕ นาที" ความจริงวัดแบบนี้อาตมาเจอมาหลายแห่ง แต่ท่านรองฯ เกียรติศักดิ์ยังไม่เคยเจอมาก่อน ถึงได้กล่าวเช่นนี้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
"เมื่อบรรดาทีมแพทย์พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุข ตำรวจและ อส. ลากลับหมดแล้ว อาตมาก็เดินทางไปดูโครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาท เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙
ก่อนไปถึงโครงการได้แวะร้านโชคอนันต์ นำเอาผ้ายันต์พญาเต่ามังกรพลิกชีวิต ที่ท่านพระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพรถวายมา ไปใส่กรอบเพื่อเอาไว้ใช้เอง ๑ ผืน แล้วจึงเดินทางไปพูดคุยให้กำลังใจกับบรรดาพ่อครัวแม่ครัว ที่กำลังผลิตข้าวกล่องอย่างขมักเขม้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 223 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
"เมื่อกลับมาถึงวัดท่าขนุน ทางเจ้าหน้าที่ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มาถามว่าเรื่องนี้จะตอบอย่างไร ? คือเรื่องที่คุณยงยุทธ ชอบทำดี ส่งเงินดอลลาร์ให้กับอาตมา ๙ เหรียญ บอกว่าอาตมาอยากได้เพื่อจะหาเรื่องไปให้แผ่นดินไหวที่อเมริกา..!
อาตมาเห็นว่าเป็นไปในลักษณะ "ฤๅษีแปลงสาส์น" หรือ "ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด" เพราะที่หนูเล้ง (เด็กหญิงปุณยนุช ขจรนิธิพร) นำไปลงไว้ในเฟซบุ๊กนั้น เป็นการนำเอาเนื้อหาทั้งหมดที่อาตมากล่าวถึงการที่ไปยังสถานที่ต่าง ๆ แล้วที่นั้น ๆ จะเกิดอุบัติภัยขึ้นมา แต่คุณยงยุทธตัดเนื้อหาแบบชวนให้เข้าใจผิดมาแค่นิดเดียวเท่านั้น อาตมาจึงให้ "ท่านสุธรรม" เลขานุการส่วนตัว สแกนจดหมายของคุณยงยุทธ เอาลงในเว็บไซต์วัดท่าขนุนให้ทุกคนได้ทราบทั่วกัน เพื่อเป็นบทเรียนแก่หนูเล้งว่า การลงอะไรด้วยความหวังดีปรารถนาดี ก็อาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไปได้มากจนถึงขนาดนี้ และเป็นบทเรียนกับคุณยงยุทธว่า การเขียนอะไรที่สั้นจนเกินไปหรือเขียนตามความเข้าใจของตนเอง ก็อาจจะสร้างความเข้าใจผิดหรือความเสียหายถึงครูบาอาจารย์ได้เช่นกัน โดยให้ "ท่านสุธรรม" สรุปใจความสั้น ๆ ว่า "ใครทำก็รับผิดชอบเอาเอง" โดยเฉพาะเรื่องของอเมริกา เป็นประเทศที่อาตมาไม่เคยมีความคิดที่จะไปเลย แม้ว่าจะได้รับนิมนต์จากญาติโยมหลายครั้งแล้วก็ตาม จะด้วยเหตุผลประการใดถ้ามีโอกาสจะแจ้งให้ทราบทีหลัง ได้แต่หวังว่าบทเรียนครั้งนี้ จะช่วยให้ทุกฝ่ายทำอะไรรอบคอบขึ้น ช่วยให้มีกำลังใจเข้มแข็งขึ้น รับการกระทบจากโลกธรรมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ไม่เช่นนั้นก็เสียทีที่ได้ปฏิบัติธรรมกันมาคนละนาน ๆ แต่เป็นผู้ชำนาญการ "ทำสงครามบนหน้ากระดาษ" เจอของจริงเข้าก็พ่ายแพ้พังยับไม่เป็นท่า ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2020 เมื่อ 09:15 |
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|