|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
"ทหารมีกำหนดหลักสูตร ๗๒ ชั่วโมง ก็คือ ๓ วัน จะต้องแก้ปัญหาที่ทางครูฝึกเขากำหนดเอาไว้ แล้วมีข้าศึกคอยตามตีอยู่ตลอดเวลา มีชุดของอาตมาที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขา ปกติชุดอื่นเขาก็จะโดนข้าศึกจับได้ โดนจำหน่ายตายกันเยอะแยะ สอบตกกันมาก รุ่นของอาตมาไม่มี ถามว่าทำไมไม่มี ? เพราะว่าเขาปล่อยหมู่ละ ๑๕ นาที อาตมาเข้าไปถึงก็ซุกเงียบ อีก ๑๕ นาที เพื่อนมา กวักมือเรียก "เฮ้ย..ทางนี้" แอบอยู่ด้วยกัน อีก ๑๕ นาทีมา กวักมือเรียก "มาทางนี้" จนครบทั้งกองร้อย แล้วก็ไปพร้อมกัน
คราวนี้ข้าศึกสมมติเป็นรุ่นพี่ ส่วนใหญ่เขามาประมาณไม่เกิน ๓๐ คน ส่วนของเราไปกองร้อยหนึ่ง แน่จริงมึงมาสิ..! เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ไม่สูญเสียกำลังพลเลย ทุกคนไปถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ ถามว่าทำไม ? ก็เขาไม่ได้บังคับไว้นี่ เขาบอกว่าปล่อยตอนประมาณหนึ่งทุ่มชุดแรก ก่อนตี ๕ ต้องไปถึงที่ เราก็รอพวกได้ เขาไม่ได้ห้าม เพียงแต่รุ่นอื่นโง่ไปหน่อย ไม่รอพวกกันเอง ปล่อยเข้าไป ๑ หมู่ ๑๒ คน รุ่นพี่มา ๓๐ ก็เสร็จเขาหมด..! ส่วนของอาตมาร้อยกว่าคน มา ๓๐ มีแต่พวกเราจะรุมทุบเขา..! ไม่รู้ว่าหลังจากรุ่นอาตมาแล้ว เขาเปลี่ยนระเบียบนี้หรือเปล่า ? แต่รุ่นของอาตมา รุ่นพี่แยกเขี้ยวยิงฟันกันเลย โห...แสบสะเด็ด..! คืออาตมาเป็นหัวหน้าตอนนักเรียน หัวหน้าตอนนักเรียนก็คือหัวหน้านักเรียนทั้งกองร้อยนั่นแหละ จะสั่งอย่างไรเพื่อนเขาต้องทำตาม ถึงเวลามา "หลบก่อน..มาอยู่ตรงนี้เลย เดี๋ยวกูพาไปเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 02:55 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
"เพราะฉะนั้น...ทำอะไรอย่าตรงไปตรงมา แต่อย่าแหกคอก อย่าแหกระเบียบมาก ถึงเวลาเท้าข้างหนึ่งก็ต้องเหยียบเส้นเอาไว้ ถ้าไม่ผิดระเบียบ เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก
เรื่องของกฎหมาย เรื่องของศีลธรรมก็แบบเดียวกัน ถ้ามีความจำเป็น เราไปแค่กรอบของศีล ถ้าไปติดกรอบของศีลแล้วเราไม่ไปด้วย อาตมาเป็นทหารอยู่ เขาจะกินเหล้าเมายาอะไร ไปกับเขาหมด เขากินเหล้า เราก็กินกับ เขาเมาหมดสภาพ เราก็แบกเขากลับ เขาไปเที่ยวซ่อง เราก็นั่งเฝ้าหน้าห้องให้ ไปกับเขาได้ทุกงาน เขาเล่นการพนัน เราก็เป็นกองเชียร์ อย่างไรเพื่อนเขาก็รังเกียจอาตมาไม่ได้ เพราะว่าอาตมาเรียนเก่ง เขาต้องอาศัยเรา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 02:56 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
พูดถึงจิ้งจกหลวงพ่อหน่าย "คาถาว่า อะอิอะมะ อะมะอะอิ อะอิจะหัง อะมะสวาหะ นะมะพะทะ ปิยะธิตา มานี่มานะ จุ๊..จุ๊..จุ๊..จุ๊
วันก่อนท่องเสร็จ พออาตมาจุ๊ จิ้งจกก็จุ๊ด้วย ก็เลยขำ ๆ น้องเล็กบอกว่าเอาใหม่ ๆ พอเอาใหม่เพื่อลอง จิ้งจกรู้ก็ไม่จุ๊ด้วยแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 02:57 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าไปเจอสิงห์ตาแดงแบบนี้ก็อย่าไปเหมาเขามา สิงห์ตาแดงนั่นของหลวงพ่อหอม วัดชากหมาก แต่นี่เขาบอกว่าเป็นของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ กูจะบ้า..! เขาลงเอาไว้ว่าหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เต็ม ๆ เลย อยากจะร้องไห้ ถ้าอย่างนี้ของหลวงพ่อเดิม แสดงว่าความรู้ที่อาตมาศึกษามานี่ใช้ไม่ได้เลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 02:58 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
พระอาจารย์อ่านข่าว "‘ศธ.ลงโทษครู ห้ามตัดผมนักเรียน’ เรื่องนี้ต้องจำเอาไว้ว่า แม้กระทั่ง ส.ส. ที่ไปเรียกร้องเรื่องการที่ครูลงโทษนักเรียนไม่ยอมตัดผม ต้องบอกว่าเหลวไหล..!
เรื่องของเด็กเราต้องปลูกฝังระเบียบวินัยให้ชัดเจนตั้งแต่เล็ก แล้วทุกอย่างก็จะสะดวกขึ้น..ง่ายขึ้น จะได้รู้ว่าการเข้าสังคมในแต่ละสังคมนั้น เขามีกฎเกณฑ์กติกาอย่างไร ถ้าจะทำอะไรตามใจตัวเองอย่างเดียว ก็ไม่ควรที่จะเข้าไปในสังคมนั้น ๆ ถ้ารับไม่ได้ว่าเวลาไปโรงเรียนลูกต้องตัดผมสั้น ก็อย่าส่งลูกไปเรียน ถูกต้องอยู่..ที่บอกว่าผมสั้นหรือผมยาวไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องของสมองเด็ก แต่ก็ทำให้เสียเวลาในการจัดการดูแลมากขึ้น ถ้าเด็กมัวแต่สนใจกับหัวตัวเองอยู่ การจดจ่อกับการเรียนก็จะมีน้อยลง บรรดา ส.ส. ที่เขาหวังดีเรื่องนี้เราก็จะสังเกตว่า ถ้าในลักษณะของผู้ใหญ่รุ่นเก่าก็คือเป็นพวกนอกคอก ไม่ค่อยจะถือกฎเกณฑ์กติกาอะไร จะเอาแต่สิ่งที่ตัวเองคิดว่าดี โดยไม่ดูผลกระทบส่วนใหญ่ของส่วนรวมว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องอย่างนี้ถ้าเราจะวิพากษ์วิจารณ์กัน ต้องพูดในลักษณะของการเป็นกลาง ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือว่ายึดติดกับพรรคการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพรรครัฐบาลหรือว่าพรรคฝ่ายค้าน อาตมาเองอาจจะสลดถึงขนาดสังเวชใจกับฝ่ายรัฐบาล ที่เห็นพรรคฝ่ายรัฐบาลแย่งเก้าอี้เหมือนหมากัดกัน แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับพรรคฝ่ายค้านที่จะมาทำลายกฎเกณฑ์ระเบียบวินัยที่เด็ก ๆ ควรจะมี ควรจะได้ ควรจะอบรมปลูกฝังกันตั้งแต่เด็ก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 03:00 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
"เรื่องทุกอย่างถ้าเรามองด้วยใจเป็นกลาง จะเห็นต้นตอของปัญหาอย่างชัดเจน ก็แปลว่าในครอบครัวนั้น ไม่ได้มีกฎเกณฑ์กติกาอะไรที่จะสร้างสรรค์ความสงบสุขให้กับสังคมเลย แล้วก็ยังไปเรียกร้องเอาจากที่อื่น ซึ่งเขามีกฎเกณฑ์ที่ดีในการที่จะสร้างความสงบเรียบร้อยให้กับสังคม ถ้าหากว่าลักษณะอย่างนี้ เรามองด้วยใจเป็นกลางจะเห็นว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
แล้วบุคคลที่เป็นแม่ซึ่งออกมาเรียกร้องว่าลูกโดนครูตัดผม แล้วทำไมถึงโดนโซเชียลกระหน่ำเสียจนอยู่ไม่ได้ ก็เพราะว่าไม่ได้ดูในเรื่องของกฎเกณฑ์กติกาอะไร ไม่ได้คำนึงถึงส่วนรวม เอาแต่ตามอารมณ์ของตนเอง ซึ่งเรื่องอย่างนี้ทางด้านฝรั่งต่างประเทศมีงานวิจัยว่า ทำไมบุคคลที่เป็นอัจฉริยะจึงตัดสินใจผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ ? สามารถที่จะสรุปได้ง่าย ๆ ว่า การตัดสินใจนั้นเป็นการตัดสินใจไปตามอารมณ์เสียส่วนมาก ไม่ได้เป็นไปโดยสมองที่ฉลาด เพราะความฉลาดของสมองนั้นเป็นแค่ความจำ คือ ไอคิว แต่ว่าในส่วนของการตัดสินใจนั้นเป็นวุฒิภาวะทางอารมณ์ คือ อีคิว ถ้าบุคคลที่มีไอคิวสูงแล้วอีคิวต่ำ การตัดสินใจย่อมมีโอกาสผิดพลาดได้อยู่แล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 03:02 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
" IQ คือ Intelligence Quotient ส่วน EQ คือ Emotional Quotient บางคนบอกว่าหลวงพ่อรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะเกิน ก็ไม่ได้เยอะเกินหรอก แค่เล่นเอาอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษต้องรีบเปิดดิกชันนารีดู ท่านบอกให้คิดศัพท์ที่เกี่ยวกับปากมา ก็สารพัด ไม่ว่าจะพูด ไม่ว่าจะกิน ฯลฯ ก็เลยบอกว่าอาจารย์ Gobble up ท่านอาจารย์ถามว่าอะไรนะ ? แล้วรีบเปิดดิกฯ ดู “อ๋อ...อาการขยอกกลืนแบบงูหรือจระเข้”
ท่านอาจารย์บอกว่า “ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ท่านเอามาจากไหน ?” บอกว่า “ขอโทษครับ บังเอิญผมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก” เพราะว่าสมัยโน้นเรียน ป. ๕ เขาให้ท่องอาขยาน Five Little Monkeys เป็นเรื่องของลิง ๕ ตัวไปยั่วจระเข้ ก็เลยโดนจระเข้กระเดือกลงคอไปเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 03:04 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ประจำเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ความจริงแล้วต้องเป็นฉบับที่ ๑๙๗ แต่เนื่องจากว่าเราปิดบ้านไป ๓ เดือน จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ก็เลยกลายเป็นฉบับที่ ๑๙๔
ขอยืนยันว่าหนังสือของเรายังไม่เคยขาดช่วงตลอดระยะเวลา ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา เราออกปีหนึ่ง ๑๒ ฉบับ ในเมื่อปีหนึ่ง ๑๒ ฉบับ นี่ก็จะเป็นปีที่ ๑๖ แล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 03:05 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนมีคนบอกว่า เพิ่งจะได้เจอหน้าครั้งแรกชอบท่านมากเลย ถามว่าทำไม ? เวลาคนถามอะไรแล้วท่านกล้าด่ากลับ..! เขาบอกท่านไม่กลัวโยมโกรธ กล้าด่ากลับ อ๋อ...ถ้าไม่ด่าเขาก็ไม่รู้ตัว เอาไว้เดี๋ยวโควิดผ่านไปก่อน จะถามอะไรแล้วค่อยว่ากัน หรือไม่ก็ไปฝากคำถามในเว็บวัดท่าขนุน
โควิดทำให้ห่างเหินกันไปเยอะ เพราะว่าต้องเพิ่มระยะ แล้วถ้าเราไม่เข้มงวดเข้าไว้ เดี๋ยวทางด้านกรมควบคุมโรคติดต่อเขาจะมาเล่นงานเอาอีก โดยเฉพาะว่าพระของเราโชคดีมาก ทั่วประเทศไม่มีพระเณรติดโควิดแม้แต่รูปเดียว อาตมาก็เลยสรุปว่า ถ้าใครไม่อยากติดโควิด ให้โกนหัวเสีย เชื้อโรคจะได้คิดว่าเป็นพระเป็นเณรจะได้ไม่มาหาเรา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 03:06 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
"การดำเนินชีวิตพระเณรของเรา ถ้าเป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ เป็นการเว้นระยะห่างทางสังคมอยู่แล้ว ที่ท่านบอกว่าให้ปลีกตัวออกจากหมู่ อยู่ในที่สงัด ระบุไว้ชัดเลย
แม้กระทั่งการเดินบิณฑบาต ท่านก็บอกว่าให้เว้นระยะห่างให้คนวิ่งลอดได้ เพราะว่าสมัยพุทธกาลมีโจรขโมยของแล้ววิ่งมา เจอแถวพระแล้วไม่กล้าแทรกผ่านไป เพราะว่าพระเดินไม่ห่างพอ เนื่องจากว่าเขาเห็นว่าพระคือพวกกาลกิณี เพราะว่านุ่งห่มผ้าย้อมน้ำฝาดแล้วก็ผมสั้น สมัยนั้นพวกมีวรรณะจะไว้ผมยาวทั้งนั้น ก็เลยกลัวว่าจะโดนกาลกิณีมากกว่ากลัวโดนชาวบ้านทุบตาย ท้ายสุดหนีไม่ทันจึงโดนชาวบ้านเขาทุบตาย พระพุทธเจ้าจึงต้องให้พระเดินเว้นระยะประมาณ ๓ ก้าว ก็เท่ากับว่าการดำเนินชีวิตของพระเรา ส่วนใหญ่เป็นการเว้นระยะห่างทางสังคมอยู่แล้ว นี่อาจจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ไม่ติดโรค ๒-๓ วันก่อนที่จะลงมาสอนกรรมฐาน โรคภัยไข้เจ็บก็มะรุมมะตุ้มอาตมาเสียเต็มที่ เพราะว่าตอนบิณฑบาตเปียกฝนทุกวัน บางทีพระเณรก็ตาละห้อย หลวงพ่อทำไมไม่ห้ามฝน ? ได้ไม่คุ้มเสีย..จะไปห้ามทำไม ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 03:08 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเรารู้สึกจิตใจหม่นหมอง ตั้งสติไม่ได้ ควรทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ภาวนา ถ้ากำลังใจทรงตัวก็จะหายหม่นหมองไปเอง แสดงว่าเราไปฟุ้งซ่านแทน ต้องอยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้า เลิกคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ผู้ชายคนเดียวหาใหม่เมื่อไรก็ได้ ถ้าไม่อยากใจเศร้าหมอง ภาวนาไม่ได้ก็ต้องได้ แปลว่าอย่างไรเสียก็ต้องพยายาม แรก ๆ ก็จะฟุ้งซ่าน แต่ถ้าเรารู้ตัวดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก รู้ตัวแล้วดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก ไม่นานใจยอมสงบเอง แต่ เราต้องสู้จริง ๆ ถาม : (ไม่ชัด) ตอบ : ไม่ต้องรู้สึกหรอก ถ้ามัวแต่รู้สึกอยู่ก็ไม่รอด ถ้ารักที่จะปฏิบัติธรรมต้องเริ่มตายด้าน ไม่เอาความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น อารมณ์ใจอยู่กับปัจจุบัน คืออยู่กับลมหายใจตรงหน้าเท่านั้น อยู่กับตอนนี้ อยู่กับเดี๋ยวนี้ ที่ผ่านมาไม่คิด ที่ยังมาไม่ถึงไม่คิด พักเดียวใจก็นิ่งแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 03:10 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
วันก่อนอบรมพระ บอกกับท่านว่า "ที่ผมให้พวกคุณทำแบบนี้เพราะว่าผมเองทำมาแล้ว ในปัจจุบันนี้ผมพยายามลองบังคับให้ตัวเองคิดชั่ว ยังคิดไม่ออกเลย" บังคับแล้วยังคิดไม่ออกเลย ใจไม่เอาด้วย ไปทางดีอย่างเดียว ก็เลย เออ...เรื่องแบบนี้มีครูบาอาจารย์คนไหนเขามาลองบ้า ๆ แบบเราบ้างวะ ? พยายามบังคับให้คิดชั่วแล้วใจไม่เอาด้วย
ต้องค่อย ๆ คิดดีไปเรื่อย ๆ พอใจชินกับดีก็จะไม่เอาชั่วแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 03:11 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ทางองค์กรอนามัยโลกประกาศความเห็นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ว่า สามารถแพร่กระจายทางอากาศได้ ก่อนหน้านี้ยังไม่ยอมรับ บอกว่าต้องไปกระทบสารคัดหลั่งจากตัวคนที่เป็นอยู่ถึงจะติดเชื้อ ตอนนี้ยอมรับแล้วว่าแพร่กระจายทางอากาศได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 03:11 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ยังเหลือรายชื่อที่สมัครเป็นสมาชิกเว็บวัดท่าขนุน เข้ามารอยืนยันตัวตนอยู่ประมาณ ๒,๒๐๐ ชื่อ จากที่จัดการไป ๒,๖๐๐ กว่าชื่อ สรุปว่ามีสมัครซ้ำมาเป็นร้อย ๆ ชื่อเลย ทำให้ต้องเสียเวลาไปคัดออก
เนื่องจากว่าท่านคงคิดว่าเป็นระบบอัตโนมัติ สมัครปุ๊บต้องได้รับคำตอบปั๊บ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะว่าต้องรอเจ้าหน้าที่ซึ่งมีงานประจำทำเต็มเวลา ว่างจากงานประจำก่อนแล้วค่อยมาจัดการเรื่องยืนยันตัวตนให้กับท่าน แล้วก็มีหลายท่านที่ส่งรูปยืนยันตัวตนมาได้ทุเรศมาก ก็คือถ่ายรูปแบบไม่ใส่เสื้อมา ถ้าเป็นสาว ๆ ทรงอึ๋ม ๆ หน่อยจะไม่ว่าสักคำ ปรากฏว่าเป็นสุภาพบุรุษ แล้วหุ่นดูไม่ได้เลย จะมี กล้ามเนื้อล่ำ ๆ ให้ดูเสียหน่อยก็ไม่มี มีแต่พุงหลามมาเลย ต้องเรียกว่าขาดจิตสำนึกเป็นอย่างมาก ไม่ได้ดูความเหมาะสม คิดอยู่อย่างเดียวว่าแค่ถ่ายรูปมาก็พอ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2020 เมื่อ 03:13 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
กล่าวกับโยม "หาอะไรที่เป็นรูปพระใส่ด้วยนะ แล้วค่อยเอาตะกรุดคล้องไว้ ก็คือให้มีพระไว้ด้วย เรานึกถึงเป็นอนุสติได้ง่ายกว่า ถ้ามีแต่ตะกรุดอย่างเดียว เราต้องคิด ๒ ชั้น ๓ ชั้น สิ่งนี้พระพุทธเจ้าท่านสอนมา ครูบาอาจารย์ท่านจึงทำมาให้ กว่าจะถึงพระก็หลายยก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2020 เมื่อ 20:27 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ก็ดีนะ ช่วยให้มีความเป็นระเบียบมากขึ้น ทำให้รัฐบาลไทยได้หน้ามาก สถาบัน Johns Hopkins เจ้าของสารพัดสถิติ ยกให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขดีที่สุดในโลก
ความจริงไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาลหรอก ฝีมือชาวบ้านช่วยกันเอง แต่ต้องบอกว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายเกี่ยวกับเรื่องเชื้อโควิด ๑๙ ระบาดได้ถูกต้อง ก็คือยกให้หมอเป็นใหญ่ เสร็จแล้วก็ปล่อยให้หมอทำงาน บางคนก็โวยวายว่าทำไมถึงไม่ปลดล็อก พรก.ฉุกเฉิน เพราะว่าถ้าหากว่ายกเลิกไปแล้ว ถึงเวลาประกาศใหม่ก็ยาก กว่าจะเล็งจังหวะได้ เพราะฉะนั้นพอถึงเวลาถ้าสามารถคงเอาไว้ได้ การป้องกันการแพร่ระบาดของโรค สามารถที่จะบังคับใช้ได้เลยก็จะง่ายกว่า เราต้องเข้าใจด้วยว่าความยากลำบากของคนทำงานเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในต่างประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกา ขนาดประกาศว่าให้ใส่หน้ากากก็ยังไม่ยอมใส่ บอกว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วที่ร้ายกว่านั้นอีกก็คือบางคนไม่ยอมเชื่อว่ามีโรคนี้ บอกว่าเป็น Fake News ทั้ง ๆ ที่ตายกันโครม ๆ ยังบอกว่าเป็นข่าวปลอม โดยเฉพาะท่านประธานาธิบดีทรัมป์ บอกว่าเป็นแค่ไข้หวัด พอมีภูมิคุ้มกันก็หายแล้ว..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2020 เมื่อ 20:29 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
"เดี๋ยวนี้เขามี Travel Bubble ก็คือการจับคู่กับประเทศอื่น ๆ ที่เห็นว่าปลอดภัยจากเชื้อโรค เพื่อดึงเอานักท่องเที่ยวมาเที่ยวบ้านเรา ปรากฏว่าอินเดียกำลังจะจับคู่กับอเมริกา อาตมาได้ยินแล้วยังว่าบ้าหรือเปล่า ? ประเทศที่มีการแพร่ระบาดเป็นอันดับ ๓ จะจับคู่กับประเทศที่แพร่ระบาดเป็นอันดับ ๑ ก็ดีเหมือนกันนะ..!
เชื้อโควิด ๑๙ นี่อันตรายมาก ระยะเวลา ๖ เดือน เปลี่ยนรหัสพันธุกรรมมาแล้ว ๖ ครั้ง ต่อให้เราสามารถทำวัคซีนขึ้นมาได้ก็น่าจะไล่ไม่ทัน ปัจจุบันนี้ที่แพร่ระบาดอยู่ในปักกิ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับที่แพร่ระบาดในอู่ฮั่น แล้วมีพวกนักระบาดวิทยาระดับสุดยอดของโลก เขาคาดว่าเชื้อนี้แพร่กระจายมาหลายปีแล้ว เพียงแต่ว่าเพิ่งปรากฏอาการชัดเจนขึ้นมา ส่วนอาตมาไปคิดว่าเรื่องของสงครามโลกสมัยนี้ สงครามใหญ่สมัยนี้ สงครามเชื้อโรคก็น่าจะเป็นอย่างหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้มีเรื่องประหลาดก็คือ แขกรบกับแขก ความจริงที่เรารู้กันก็คือ อิสลามนี้จะรักใคร่สามัคคีเหนียวแน่นกันมาก แต่ในปัจจุบันถ้าเราอ่านข่าวจะเห็นว่า เยเมนตั้งเป้าโจมตีซาอุดิอาระเบีย ตุรกีตั้งเป้าโจมตีซีเรีย ถ้ามีอิรักกับอิหร่าน หรืออิรักกับคูเวตเข้าไปอีกจะสนุกกว่านี้ ยังดีว่าปาเลสไตน์กับอิสราเอลตอนนี้ยังเป็นยิวกับมุสลิม ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าอิสลามรบกันเอง นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่ทำไมความเชื่อที่ต่างกันถึงทำให้ต้องมารบราฆ่าฟันกันเองก็ไม่รู้ ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2020 เมื่อ 20:31 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
"โชคดีที่หลวงพ่อองค์ปฐมเขียวเหล็กไหลออกไปยันไว้ได้ทัน ถ้าหากว่าช้า รับประกันได้ว่าติดไวรัสกันกระจาย พระรุ่นนี้สรุปสั้น ๆ ว่า ปลอดโรค ให้ลาภ ศัตรูพินาศ แต่ต้องลำบากภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ รวม ๓ ห้องทุกวัน วันละอย่างน้อย ๓ จบ แล้วอาตมายังเอาไปเข้าพิธีพลิกชีวิตมาด้วย
เพราะฉะนั้น..ใครรู้สึกว่าไม่ไหว เบ้าตาจะกระเด็นแล้ว ไม่ใช่เลือดตากระเด็น ตั้งใจภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ๑๐๘ จบ เสร็จแล้วอธิษฐานขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ แต่ว่าเรื่องพวกนี้ถึงได้พรมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาก็ไม่เคยใช้ เป็นบุคคลประเภท 'ศรีทนได้' ถ้าศรียังทนได้ ศรีจะไม่ขอความช่วยเหลือ นิสัยอาตมาไม่เหมือนกับคนอื่น ถ้ายังสู้ได้อยู่นี่สู้ตลอด ไม่เรียกให้ใครช่วยเลย ถึงได้ว่าตอนเป็นพระใหม่อยู่วัดท่าซุง โดนผีไล่ตีอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ ทุกวัน ซ้อมจนน่วมเลย ไม่เคยเรียกพระช่วย ไม่เคยนึกถึงพระเลย นึกอยู่อย่างเดียวว่า มึงมากูสู้..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2020 เมื่อ 20:33 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
ถาม : ไม่ใช่ว่าลืมนะครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ลืม แต่มั่นใจว่ากูสู้ได้ ในเมื่อมั่นใจว่าสู้ได้ก็เลยสู้ สุดท้ายก็ผีระอาไปเอง ตีกับผีอยู่ ๓ ปี ไม่เคยนึกถึงพระ ไม่เคยนึกถึงพระนิพพาน ไม่เคยนึกถึงความดีอะไรเลย สู้อย่างเดียว ตึงตังโครมครามทุกวัน ป้ากิมกีก็ถามว่า "ท่านย้ายของอะไรเสียงดังทุกวัน ?" ย้ายของกับแมวอะไรล่ะ ? โดนผีไล่อัดสิไม่ว่า..! ทำให้มั่นใจเลยว่า เรื่องของผีนี่เวลาเขามาในกายหยาบ ก็เป็นเนื้อ ๆ จริง ๆ เราจับเขาก็ได้เป็นเนื้อ ๆ เขาเตะเรามาก็เจ็บพอกับคนเตะนั่นแหละ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2020 เมื่อ 20:34 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
ถาม : สิ่งที่ยันกันตอนนั้น คือ...?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็สมาธิ ไม่ไหวขึ้นมาก็ขอบารมีพระสงเคราะห์ ขีดวงไว้ เขตนี้ห้ามเข้า แล้วก็นอน ถาม : แต่ไม่ได้ไล่ ? ตอบ : ไม่ไล่ อยู่กันแบบพร้อมที่จะสู้กันใหม่ ถาม : แล้วถ้าจะนอน ? ตอบ : ขอพักก่อน กูไม่ไหวแล้ว ขอพักก่อน นอนตื่นขึ้นมาค่อยตีกันใหม่ แล้วก็เป็นเรื่องแปลกนะ ย้ายที่ก็จบแล้ว แต่ไม่ย้าย ก็โดนอยู่นั่นแหละ...รู้สึกว่าชีวิตมีรสชาติดี พอย้ายไปนี่นั่งเซ็งเลย ไม่มีใครมาเล่นด้วยแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2020 เมื่อ 20:35 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|