|
ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#701
|
||||
|
||||
อย่ากินบ้าน กินเมือง
องค์หลวงตามีความเมตตาสงสารและห่วงใยชาติบ้านเมืองเป็นพื้นในจิตใจตลอดมา ดังนั้น..เมื่อมีโอกาสสั่งสอนตักเตือนกลุ่มข้าราชการงานเมือง ท่านก็มักจะแสดงธรรมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเช่นเดียวกับคราวนี้ "นี่ละ..วัดหนึ่ง ๆ ครอบครัวหนึ่ง ๆ ขึ้นอยู่กับหัวหน้าครอบครัว ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้ว่าฯ ขึ้นไปเป็นลำดับลำดา ให้มีศีลธรรมเป็นเครื่องกำกับตัวเองอยู่เสมอ อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัว เวลานี้เราปล่อยให้กิเลสเข้าไปตีตลาด ตามโรงงานต่าง ๆ มีแต่กิเลสตีตลาดทั้งนั้น แหลกเหลวไปหมด ศีลธรรมเข้าใกล้ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น..บ้านเมืองถึงเหลวแหลก เหลวแหลกดังที่เห็นอยู่นี่แหละ ไม่ใช่เหลวแหลกแบบไม่มีคน คนตายฉิบหาย มันเหลวแหลกด้วยความประพฤติ เหลวแหลกด้วยความเป็นอยู่ด้วยกันอย่างนี้แหละ หาความไว้วางใจกันไม่ได้ เพราะไม่มีศีลธรรมเป็นที่ไว้วางใจ ไปที่ไหนก็เหมือนกับลิง คอยกิน..กิน คอยคด..คด คอยโกง..โกง คอยจะได้โอกาสอันไหนนี้ รีดไถทุกแบบทุกฉบับ สุดท้ายข้าราชการเลยเป็นผีตัวหนึ่ง เป็นยักษ์ตัวหนึ่ง ชาติบ้านเมืองเขาก็เอือมระอาซิ..! เงินทุกบาททุกสตางค์ได้มาจากประชาชนราษฎรทั้งนั้น เป็นภาษีอากรเข้ามาเพื่ออุดหนุนประเทศชาติบ้านเมืองให้มีความแน่นหนามั่นคง กลับเป็นเปรตเป็นผี ให้เปรตให้ผีไปกินเสียหมด มันใช้ไม่ได้..! วงราชการแต่ละวงเลยกลายเป็นวงสังหารประชาชน วงสังหารประเทศชาติบ้านเมือง อย่างนี้ดูไม่ได้..ใช้ไม่ได้เลย..! เพราะฉะนั้น..ขอให้พี่น้องทั้งหลายที่เป็นชาวพุทธปฏิบัติตามศีลธรรมนี้ ขอให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเข้าไปโดยลำดับ เพื่อความสงบเย็นและมั่นคงของบ้านเมืองเรา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 08:03 |
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#702
|
||||
|
||||
"การกล่าวทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงว่าวงราชการจะเลอะ ๆ เทอะ ๆ ไปหมดทุกรายนะ เราพูดถึงรายที่ไม่ดีต่างหาก ซึ่งมีจำนวนมากต่อมาก อันนี้มีมากจริง ๆ อยู่ที่ไหน ๆ ไม่คณนาได้ เต็มไปหมดในวงราชการแผนกต่าง ๆ ยังเย่อหยิ่งจองหองเสียด้วยนะ วงราชการไม่ระลึกเลยว่าตัวเองกินเงินเดือนของประชาชนราษฎร เย่อหยิ่งจองหองจนน่าเกลียด เป็นเจ้าอำนาจกดขี่บังคับประชาชนหลายแบบหลายฉบับนะ
คนนี้แบบนี้ คนนั้นแบบนั้น ๆ ถ้าไม่ได้ใต้โต๊ะเหนือโต๊ะเสียก่อนเป็นขัดเป็นแย้ง เป็นหาอุบายเท่านั้นเท่านี้อยู่จนได้ นี่สิ..ที่มันน่าเกลียดเอาเหลือเกินนะ เอือมระอาเอามาก ประชาชนราษฎรไปแต่ละครั้ง ๆ เสียเวล่ำเวลามาบ้านมาเรือน ค่ารถค่าราอาหารการกิน หน้าที่การงานต้องเสียไปสักเท่าไรไม่ได้คำนึง คอยแต่จะเอาใต้โต๊ะเหนือโต๊ะ ถ้าไม่ได้จะต้องหาอุบายนั้นอุบายนี้ เวลานี้วงราชการเป็นอย่างนี้นะ เสียเอามากมาย ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้ทุกคน นี่คือความจริง เราไม่ได้หาเรื่องใส่คน เราสอนคนเพื่อความสงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน มันเป็นอย่างนี้เวลานี้ เขาเบื่อจริง ๆ เบื่อวงราชการเวลานี้ ไม่ใช่ธรรมดานะ แต่ประชาชนถึงเขามีปาก เขาก็ไม่พูดง่าย ๆ ถ้าพูดก็เป็นภัยต่อปากเจ้าของอีกแหละ เพราะพวกนี้พวกเจ้าอานาจ อำนาจอันนี้มันอำนาจบ้า ๆ เถื่อน ๆ เสียด้วยนะ ไม่ใช่อำนาจธรรมดา ไม่อย่างนั้นมันก็ทำชั่วไม่ได้ ถ้าไม่ใช้อำนาจแบบนี้ ชีวิตมันเกี่ยวโยงกันไปหมดไม่ว่าภาคไหน ๆ ชีวิตอยู่กับจุดศูนย์กลางคือชาติ ต่างคนต่างระลึกถึงชาติเสมอ อย่าระลึกถึงตนยิ่งกว่าชาติ ถ้าลงชาติได้ล่มจมไปแล้ว ใครจะไปนั่งบนเก้าอี้เป็นเทวดาอยู่ได้คนเดียว ไม่เคยมี..ต้องเป็นกองทุกข์เหมือนกันหมด ให้เราเห็นใจประชาชนราษฎร นี่..ความห่างเหินจากศีลจากธรรมเป็นอย่างนี้ ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้ ศีลธรรมคือเครื่องยึดเหนี่ยวของใจและความประพฤติหน้าที่การงานทั้งปวงให้เป็นไปเพื่อความดีงาม ถ้าปราศจากศีลธรรมเสีย อะไร ๆ ก็เหลวไปตาม ๆ กัน ฉะนั้น..ศีลธรรมจึงเป็นธรรมที่จำเป็นมาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 08:05 |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#703
|
||||
|
||||
อย่าเห็นแก่ตัว จงเห็นแก่ชาติ
ครั้งหนึ่งองค์หลวงตาเมตตาแสดงธรรมแก่หน่วยงานราชการกลุ่มใหญ่ ดังนี้ "การปกครองกัน ให้คำนึงถึงหลักและกฏเกณฑ์ระเบียบข้อบังคับ นำมาปกครองกัน อย่าเอาอารมณ์มาปกครองกัน อย่าเอาอำนาจวาสนาศักดานุภาพ ว่าเราเป็นผู้ใหญ่ มีอำนาจมาก อยากทำอะไรก็ทำได้ มาปกครองกันโดยหาหลักเกณฑ์หาระเบียบกฎข้อบังคับไม่ได้ นั้นเป็นความผิด ต่างคนต่างก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างปกครองในฐานะพ่อแม่กับลูก จะมีความร่วมเย็นเป็นสุข สมบัติของกลาง เราอย่านำออกไปใช้ในกิจส่วนตัว หรือนำออกจำหน่ายขายกิน นั่นเป็นการขายชาติ เป็นการฆ่าชาติ เป็นการทำลายชาติ เพราะความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวนั้นไปไม่รอด ถ้าชาติไปไม่ตลอดเราต้องจมไปด้วยชาติ เราอย่าเห็นแก่ตัว อย่าเอาตัวรอดเป็นยอดดี การคิดเอาตัวรอดแบบนั้นแลเป็นยอดที่เลวที่สุด เพราะคน ๆ หนึ่งอยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องอยู่ด้วยกันหลายคน เช่นประเทศไทยเรานี้ ทั้งประเทศมีความเกี่ยวโยงกันอยู่ เหมือนกับตาแหตาข่าย ตาหนึ่งขาดก็เกี่ยวเนื่องไปถึงตาแหตาข่ายทั้งหลาย ปลาก็ลอดออกไปที่นั่นได้ ถ้าชาติได้ล่มจมไปเสีย เราจะเอาตัวรอดด้วยวิธีใด ? นอกจากเราต้องจมไปกับชาติเท่านั้น ชาติจมเราต้องจม ชาติอยู่ได้เราก็อยู่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น เราต้องรักษาเพื่อความอยู่รอดของคนทั้งชาติ การรักษาเพื่อความอยู่รอดเฉพาะเรานั้น เป็นความคิดผิดของบุคคลผู้เห็นแก่ตัวมาก คิดเพื่อความร่ำรวย แต่หารู้ไม่ว่าความคิดนั้นคือเพชฌฆาต สังหารตนและชาติให้ล่มจม..! ท่านหนึ่งสอนว่า สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นความเกี่ยวโยงกันไปหมด คนในชาติรักคนในชาติ ไม่มีใครที่จะรักยิ่งกว่าคนไทยรักคนไทย ไม่มีใครที่จะรับผิดชอบยิ่งกว่าคนในชาติจะรับผิดชอบคนในชาติของตน และไม่มีใครจะรับผิดชอบยิ่งกว่าเราจะรับผิดชอบในขอบเขตของเรา.."
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2024 เมื่อ 02:36 |
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#704
|
||||
|
||||
ตำรวจดี คนรัก
องค์หลวงตาเมตตาแสดงธรรมโปรดคณะนายตำรวจดังนี้ "เราเป็นตำรวจนี้ก็คือ เป็นผู้ที่รักษาหน้าที่การงานอันสำคัญในส่วนรวม อำนาจอะไรก็มอบให้ตำรวจเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง เพื่อความสงบสุขร่มเย็น ถ้าตำรวจไม่มี โจรมารผู้ร้ายเต็มไปหมด ที่ไหน ๆ ก็เป็นโจรได้ เป็นผู้ร้ายได้ ถ้าไม่มีสิ่งกลัวเสียอย่างเดียว คนเราจะทำชั่วได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อมีสิ่งที่บังคับบัญชา สิ่งที่น่ากลัวอยู่บ้าง ก็ต้องได้ระมัดระวังคนเรา เพราะฉะนั้น..เมื่อมีตำรวจที่ดีรักษากฎหมายบ้านเมือง เพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อสังคมให้อยู่เย็นเป็นสุข มีมากน้อยในสถานที่ใด สถานที่นั้น บ้านเมืองนั้น ย่อมได้รับความสงบร่มเย็น ตำรวจก็เป็นผู้พึ่งเป็นพึ่งตายของชาวบ้าน ในขณะเดียวกันเราอย่าให้ตำรวจเป็นผีเป็นยักษ์ของชาวบ้าน รีดไถเขาก็แล้วกัน เราต้องแยกออกเป็นประเภท ๆ เพราะเรื่องความจริงมีอยู่อย่างนั้น การประพฤติปฏิบัติตัวเรานั่นแหละ เป็นตัวอย่างอันดีแก่ชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลาย ก่อนหน้าเขาอย่าเอาใครมาเป็นตัวอย่าง ถ้าเอาหลักกฎหมายบ้านเมืองเข้ามาบวกในความเป็นตำรวจของเรา แล้วดำเนินหน้าที่การงานเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อความซื่อสัตย์สุจริต ความจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ต่อประชาชน ไปที่ไหนประชาชนเขาก็จะรัก ถ้าผิดเราก็จับจริง ๆ ปรับโทษสินไหมจริง ๆ เพราะคนนี้ผิด เมื่อเราจับอย่างมีเหตุมีผล ปรับไหมใส่โทษด้วยความมีเหตุมีผลนี้ ชาวบ้านเขาก็เห็นใจ เขาก็รักเขาก็ชอบ เขาก็รู้ว่าเราทำถูก ถ้าเราทำตรงกันข้าม ไม่มีหลักมีเกณฑ์ อาศัยแต่อำนาจของความเป็นตำรวจ เอาอำนาจของกฎหมายบ้านเมือง แล้วทำสุ่มสี่สุ่มห้า แอบหน้าแอบหลังอย่างนั้น เขาก็รู้ เพราะเหตุไร ? เพราะบ้านเมืองนั้นคือใคร ก็คือคน คนมีหัวใจ ตำรวจรู้ คนเขาก็รู้ จึงต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ตรงแนวของตำรวจเรา ผู้มีหน้าที่รักษาชาติบ้านเมือง ตำรวจไปที่ไหน บ้านเมืองเราจะมีความร่มเย็น คนรัก ไปไหนก็ดี มีเสน่ห์ในตัว เด็กก็รัก ไม่ว่าแต่ผู้ใหญ่รัก เด็กรัก ก็เย็นใจ ก็สบาย เหมือนเรามีคุณค่า ผู้ใหญ่รัก ก็เหมือนเรามีคุณค่า ประชาชนรัก ยิ่งเป็นผู้มีคุณค่ามาก เพราะฉะนั้น..จงตั้งหน้าตั้งตา ทำตัวของตัวให้เป็นตัวอย่างของตัวเอง ให้มีความร่มเย็น ให้มีความพึงใจในตัวของเราเอง ก่อนที่จะไปปฏิบัติหน้าที่การงานให้เป็นที่พึงใจของประชาชนทั้งหลาย ให้พึงทำตัวเป็นหลักใจนั้นละ ทีนี้ไปที่ไหนประชาชนพลเมืองไม่ว่านักบวชหรือฆราวาสหญิงชาย รักหมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-05-2024 เมื่อ 01:54 |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#705
|
||||
|
||||
เป็นทหารแล้วอย่าบ้ายศ
"..วันนี้เราน่าตำหนิไอ้หมาหางกุดสองตัว เราตำหนิมันสักหน่อย ทุกวันมันปวดเยี่ยวมันวิ่งเข้าป่า ถ้ามันปวดเยี่ยววิ่งออกมา มันอยู่ห้องที่ (หน่อย) เขาถอดเทป มันมักจะไปนอนแอบอยู่นั้นน่ะ เป็นเสี่ยวกัน หมานี้จะไปติดอยู่นั้นนอนอยู่นั้นน่ะ ครั้นเวลาไปเที่ยวที่ไหนมามานั้น มันจะไปตะกุย ๆ ประตู ก๊อก ๆ ๆ ทางนั้นเปิดประตูรับเข้าปุ๊บเลย..นอนสบาย วันนี้มันปวดเยี่ยวออกมาพอดี เป็นจังหวะเราไปที่นั่น พอเห็นเราไปข้างนอก เขามองเห็นเรา เขาเปิดประตูปั๊บ หมาสองตัวนั้นก็ออกมา ปุ๊บปั๊บออกมา ออกมาตัวนี้ก็ไปเยี่ยวที่เขาปูเสื่อเรียบร้อยแล้ว ไปเยี่ยวใส่ตรงนั้นเลย ตัวนี้ก็ปุ๊บปั๊บออกมาด้วยกัน ออกไปที่นั่นก็ไปเยี่ยวใส่เสื่อตรงนั้นอีก โธ่..ทำไมเป็นอย่างนี้ไอ้หมาสองตัวนี้ "ทุกวันมันเป็นอย่างนั้นเหรอ ?" "ไม่เป็น" "ทำไมมันจึงเป็นอย่างนั้นล่ะ ?" "คือแต่ก่อน พอมันปวดเยี่ยวมันจะออกไปเที่ยว พอเปิดปั๊บวิ่งเข้าป่าไปเยี่ยวในป่า" แล้ววันนี้ฟาดเยี่ยวบนเสื่อเลย เห็นต่อหน้าต่อตา มันเป็นยังไง ? มันขายหน้าเอานักหนา เจ้าของเป็นเสี่ยวกันมาทำไมไม่สอนกัน ? เยี่ยวราดไอ้หมาหางกุดสองตัวนั่น หมาน้อย..อันนี้น่าตำหนิก็ตำหนิ แต่ที่น่าชมก็คือว่า คนเรานี้ปูพรมไว้อย่างเต็มเหนี่ยว ให้เป็นความสะดวกเพิ่มเกียรติยศชื่อเสียง ให้เป็นศักดิ์ศรีดีงามของมนุษย์เรา ปูเสื่อแล้ว ยังไม่แล้วเอาพรมมาปูอีก แล้วใส่รองเท้าอวด ๆ เดินเหยียบพรมเข้าไป เราเห็นแล้วเราสะดุดใจจนไม่ลืม ไม่ใช่ผู้น้อยนะ ผู้ใหญ่เสียด้วย นี่ทำตัวที่เลวต่ำทรามที่สุด นี่มันยังไง ? ตั้งแต่หมาเขาก็ไม่เคยใส่รองเท้ามาเหยียบพรม อันนี้คนใส่รองเท้ามาเหยียบพรมที่มีราคาสูงส่ง มันยังไงเป็นอย่างนี้ ? อย่างนี้หรือจะเป็นผู้นำชาติบ้านเมือง มันคิดไปเลยทันที เพราะผู้นี้เป็นข้าราชการผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร มันลืมตัวอย่างนั้นคนเรา ใส่รองเท้าไปเหยียบพรมที่เขาปูไว้อย่างเรียบ "ก็ถอดเสียซิ..ถอดรองเท้า แต่หมามันยังไม่ใส่รองเท้าไปเหยียบพรม เราเป็นคนทั้งคนและเป็นผู้ปกครองชาติบ้านเมือง ทำไมจึงทำตัวเลวอย่างนี้ ? ลืมตัวขนาดนี้เชียวหรือ ? ใครอย่าไปเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าควรถอดรองเท้าให้ถอด ถ้าไม่ถอดอย่าเข้า ดีกว่าที่จะไปขายตัวอย่างนั้นนะ เลว..เลวมากทีเดียว..!" นั่น..มันอดคิดไม่ได้นะ ตั้งแต่นั้นมามันจับติดในหัวใจ กิเลสตัวพองตัวนี้ใส่รองเท้าอวด ๆ เข้าไป ว่าตัวนี่ยศใหญ่ ยศใหญ่อะไรมันต่ำกว่าหมาขนาดไหน ? ยศ..หมาเขาไม่ได้ใส่รองเท้าไปเหยียบพรม ไอ้นี้คนแท้ ๆ เป็นผู้ใหญ่ปกครองบ้านเมือง แล้วใส่รองเท้าอวด ๆ ไปเหยียบนพรมให้คนทั้งสังคมนั้นดูอยู่ต่อหน้าต่อตา..! เราเห็นเองเราเกิดความสลดสังเวช เลยไม่ลืมเหตุการณ์อันนี้ที่เห็นประจักษ์ใจ เพราะฉะนั้น..พี่น้องอย่าทำกันนะ อย่าลืมเนื้อลืมตัวถึงขนาดนั้น.."
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2024 เมื่อ 00:37 |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#706
|
||||
|
||||
เรือนจำมนุษย์ เรือนจำนรก
"..อยู่ในเรือนจำนั้น เราอย่าเข้าใจว่านักโทษนั้นจะเป็นคนมีโทษทุกคนนะ คนบริสุทธิ์มาติดคุกติดตะรางมีเยอะนะ ก็เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความเซ่อซ่า คนที่ฉลาดเขาก็เหยียบหัว เขาก็จับคนนี้ยัดใส่คุก หลักฐานพยานยืนยันก็ลงมายืนยันกับคนโง่หมด..! คนฉลาดมันก็เอาตัวรอด บางคนก็เป็นไปด้วยนิสัยสันดาน อันนั้นไม่ดีเลย เราสร้างคุณงามความดีเพื่อขึ้นสู่สุคติโลกสวรรค์ถึงนิพพาน นี่คือการสร้างบุญสร้างกุศล ให้เชื่อพระพุทธเจ้าเถิด ท่านผู้บริสุทธิ์ที่มาสอนโลกมีเพียงพระองค์เดียวคือพระพุทธเจ้า นอกจากนั้นมีแต่กิเลสสอนกิเลส สอนซึ่งกันและกัน ขนกันลงนรกหมกไหม้..! นรกถ้าไม่ใช่เป็นกรรมของสัตว์แล้ว นรกนี้จะต้องได้ขยายหลุมนรก ๆ ให้กว้างขวาง ไม่อย่างนั้นไม่พอกับสัตว์ทั้งหลายที่ตกวันหนึ่ง ๆ เวลาหนึ่ง คือไม่มีประมาณ ไหลลงอยู่ตลอด เพราะสัตว์โลกทำบาปตลอดเวลา ผู้ทำบุญก็ไหลขึ้นตลอดเวลา ทั้งสองอย่างนี้ไม่ต้องขยับขยาย ไม่ต้องต่อตึกต่อร้านเหมือนอย่างบ้านเรือนของเรา เรือนจำเขายังต้องขยาย เห็นไหมล่ะ..เมืองมนุษย์เรา ? เรือนจำคับแคบต้องสร้างเรือนจำที่นั่นที่นี่สำหรับคนชั่ว แต่นรกไม่ต้องสร้าง มันจะแน่นอัดขนาดไหนก็ตาม ก็เป็นกรรมของสัตว์ อัดอยู่ในนั้นละ นรกจึงไม่ต้องขยาย ขุมนรกมีเท่าไร ? มีมาดั้งเดิมตั้งกัปตั้งกัลป์ ไม่มีใครตกแต่ง หากเป็นหลักธรรมชาติ สัตว์โลกทั้งหลายก็ไหลเข้าไปสู่ตามหลักธรรมชาติแห่งความต่ำทรามของตน ผู้ที่จะไปสวรรค์ก็เหมือนกัน สวรรค์เหล่านี้ก็ไม่ได้ตกแต่ง ไม่ได้ขยับขยายอีก ว่าคนไปสวรรค์มากสวรรค์ไม่มีที่พออยู่พอกัน ไม่มี พอดิบพอดี ๆ ถึงนิพพาน นี่เป็นความพอดีสำหรับกรรมของสัตว์โลก ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่วที่มีมากน้อย ให้เชื่อนะ..พระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์ สอนโลกด้วยความแม่นยำ ด้วยความถูกต้อง มีพระองค์เดียวคือพระพุทธเจ้า.."
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2024 เมื่อ 02:03 |
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#707
|
||||
|
||||
ผู้พิพากษาต้องให้ความเป็นธรรมตลอดไป
"..ผู้พิพากษานั้นเป็นหัวใจของโลก คือผู้ที่จะเรียนเป็นทางผู้พิพากษานี้ต้องเป็นธรรม อย่างนั้นจึงว่าหัวใจของโลกอยู่กับผู้พิพากษา สำคัญอย่างนี้ ถ้าผู้พิพากษาใกล้ชิดติดพันกับอรรถกับธรรมแล้ว ยิ่งแน่นหนามั่นคงเข้าไปในความตายใจของพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศเขตแดน..นี่สำคัญ เหมือนได้พ่อได้แม่ พ่อแม่กับลูก พ่อแม่จะไปทุจริตกับลูกไม่มี มีแต่ลูกมันลอกมันเลิกมันลากพ่อแม่เรื่อยนะ พ่อแม่ที่ไปเลิกไปลากลูกไม่ค่อยมีนะ ผู้พิพากษาก็ต้องเป็นอย่างนั้น เหมือนพ่อเหมือนแม่คนภายในประเทศ..นี่ร่มเย็น เป็นผู้ให้ความเป็นธรรมเหมือนพ่อแม่กับลูก พ่อแม่ให้ความเป็นธรรมต่อลูกตลอดไป นอกจากลูกมันชอบลอกชอบเลิกชอบลากเข้าใจไหม..?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2024 เมื่อ 01:49 |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#708
|
||||
|
||||
ทหาร ตำรวจ ต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อชาติไทย
"ท่านทั้งหลายเป็นทหาร เป็นลูกของชาติไทยเรา ไม่มีใครที่จะรักชาติไทยเรายิ่งกว่าทหาร ตำรวจ นี่เป็นหัวใจของชาติไทยเรา เวลานี้ชาติไทยเราก็ดี ก่อนหน้ามาตั้งแต่บรรพพบุรุษก็ดี ถือปัจจุบันนี้เป็นหลักเกณฑ์ที่ว่าศูนย์กลางก็ดี และจะเป็นไปข้างหน้าก็ดี ทหารทุก ๆ ท่านคือลูกแห่งชาติไทยของเรา ลูกกับพ่อกับแม่นี่จะแยกกันไม่ออก อะไรผ่านเข้ามาที่จะมาทำลายพ่อแม่นี่ ลูกต้องเอาคอขาดแทนเลย นี่เรียกว่าลูกรักพ่อรักแม่ ทหาร ตำรวจ ของเราก็เช่นเดียวกัน คือลูกแห่งชาติไทย อันใดที่จะมาแตะต้องทำลายส่วนรวมซึ่งเป็นหัวใจของชาติไทยเรา เป็นเหมือนกับพ่อกับแม่แห่งเราทั้งหลาย ซึ่งเป็นตำรวจ ทหาร ตลอดพลเรือนทั่ว ๆ ไปนั้น เราต้องต่อสู้ ต้องรักษาสุดเหวี่ยง เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อชาติไทยของเรา คือพ่อแม่ของเรานี้โดยถ่ายเดียวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นไม่เรียกว่าทหาร คือคำว่าทหารนี่ต้องเป็นนักสู้เพื่อตัวเอง ชาติของตัวเอง สมบัติทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเอง พร้อมกับคนไทยทั้งชาติ นี้เรียกว่าทหารคือลูกที่ดีของพ่อของแม่คือชาติไทยของเรา... ท่านทั้งหลายไปเพื่อรักษาชาติบ้านเมือง ก็เป็นธรรม สำหรับคนทั้งชาติอาศัยซึ่งกันและกัน ก็มีความรักษาและป้องกันเป็นธรรมดาแหละ ขอให้ไปเป็นสุข อยู่เป็นสุข มาเป็นสุข ทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นสุข เขาอย่าเป็นศัตรูกับเรา เราไม่เป็นศัตรูกับเขา ต่างคนต่างไปเท่านั้นแหละ รักษาชาติบ้านเมือง ถึงปืนจ่อกันอยู่ก็ตาม ต่างคนต่างไม่ทำลายกันแล้วปืนมันก็ไม่ดัง..เข้าใจไหมล่ะ ? แบกเต็มบ่ามันก็ไม่ดังละปืน ต่างคนต่างไม่ทำกัน แต่ก็ไปตามหน้าที่ ต่างคนต่างเห็นใจกัน เขาก็คน เราก็คน ทางธรรมะไม่ทราบจะหนักไปทางไหน จะบอกว่าทางนี้ไป ไปอยู่ที่ไหน ๆ ฆ่ามันหมดทั้งเป็ดทั้งไก่ ชื่อว่าพวกข้าศึกอยู่ที่ไหน ให้ตามฆ่าให้หมด มันใช้ไม่ได้ ขัดกับธรรมอย่างมาก เราก็ไปตามหน้าที่ของเรา เขาก็อยู่ตามหน้าที่ของเขา เรากับเขาก็เป็นคนเช่นเดียวกัน ต่างคนต่างไม่ทำลายกัน เขาก็ปลอดภัย เราก็ปลอดภัยกลับมา เข้าใจให้ไปแบบนี้นะ คือปืนนี่ยกขึ้น เราไม่เหนี่ยวไก มันก็ไม่ลั่นละ มันอยู่เฉย ๆ แบกบนบ่าจนหนัก มันก็ไม่เป็นไร เขาเหมือนกัน เราเหมือนกัน ต่างคนต่างไม่เป็นภัยต่อกัน ต่างคนต่างแบกปืนมาหากัน ปืนมันก็อยู่เฉย ๆ มันไม่ดัง เข้าใจไหม ? อันนี้ให้เป็นแบบนั้นนะ ให้ต่างคนต่างอยู่เฉย ๆ ปืนไม่ดัง ทางนู้นก็ไม่ดัง ข้าศึกก็ไม่เกิด เราก็ไปเป็นสุข มาเป็นสุข เขาก็อยู่เป็นสุข ไปเป็นสุขเหมือนกัน นี่ละภาษาธรรม ให้พากันเข้าใจอย่างนี้ ที่จะให้เป็นธรรมบอกว่า ไปนี่ให้ไปฆ่ามันหมดนะ หมู หมา เป็ด ไก่อย่าเอาไว้เลย ฆ่ามันหมด อย่างนี้ไม่ใช่ธรรม เข้าใจไหม ? เรื่องธรรมก็พูดอย่างที่ว่าละ ไปก็ให้เป็นสุข ตามจารีตประเพณีที่เราอยู่ร่วมกัน รักษาชาติบ้านเมือง ก็ไปเพื่อรักษาชาติบ้านเมือง ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่จะให้กระทบกระเทือนกัน ก็ไม่ควรให้กระทบกระเทือน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2024 เมื่อ 19:56 |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#709
|
||||
|
||||
สงเคราะห์โรงพยาบาล
การสงเคราะห์ด้านโรงพยาบาลนี้ องค์หลวงตาท่านให้ความสำคัญมากตลอดมา โดยเฉพาะในระยะ ๓๐ ปีสุดท้าย ท่านยิ่งสงเคราะห์มากเป็นกรณีพิเศษ นอกจากนี้ก่อนมรณภาพเพียง ๒-๓ ปี ท่านได้เริ่มโครงการผ้าป่า ๘๔,๐๐๐ กอง สร้างตึกสงฆ์อาพาธ ๑๐ ชั้น โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี มีประชาชนจำนวนมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้ร่วมกันบริจาคเข้าโครงการ จนมียอดเงินบริจาค ๔๖๙.๕ ล้านบาท เหลืออีกเพียง ๓๐.๕ ล้านบาท และหลังจากองค์ท่านมรณภาพไม่ถึง ๒ เดือนเท่านั้น ปรากฏว่ามีเงินบริจาคมากถึง ๕๐๙ ล้านบาท เกินงบประมาณที่ตั้งไว้อีกด้วย สำหรับเหตุผลที่ช่วยเหลือสงเคราะห์โรงพยาบาลนั้นท่านกล่าวไว้ ดังนี้ "สภาพของคนไข้ที่ต่างรอคอยความหวังจากหมอ เป็นสภาพที่น่าสงสารมาก คนไข้ก็คือคนจนตรอกจนมุม เมื่อวิ่งมาหาหมอ หากหมอไม่มีเครื่องมือที่ดีที่ทันสมัย ก็ก้าวไม่ออก รักษาให้ไม่ได้ และสภาพคนชนบทเป็นคนยากจนเสียส่วนมาก การบำบัดรักษาถ้าพอเป็นไปได้ ก็ควรให้รักษาใกล้บ้าน จะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทองมากในการเดินทาง ตลอดสถานที่พักอาศัย การกินอยู่หลับนอน" หากมีโอกาสฟังเทศน์ของท่านอยู่ประจำ จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่า ท่านมีความห่วงใยสงสารคนเจ็บป่วยมาก ท่านพร่ำสอนเสมอว่า "มนุษย์เราจะยากดีมีจน บุญหนักศักดิ์ใหญ่ หรืออาภัพวาสนาอย่างไร ก็ล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน เกิดมาด้วยบุญด้วยกรรม และกรรมย่อมจำแนกแจกแจงสัตว์ ให้มีความประณีต เลวทรามต่างกัน แล้วเกิดไปตามวิบากแห่งกรรมของตน ๆ ดังนั้น..ท่านจึงไม่ให้ประมาทกัน แต่ควรช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีน้ำจิตน้ำใจต่อกัน เพราะหากมนุษย์ไม่ช่วยสงเคราะห์มนุษย์ด้วยกัน แล้วใครจะช่วย ? เรื่องความเจ็บป่วยนั้น ถ้าใครโดนเข้า ใครก็ทุกข์ทั้งนั้น เจ็บไปแค่หนึ่ง แต่ครอบครัวพี่น้องพ่อแม่ก็ป่วยทางใจ ป่วยด้วยความห่วงใยอีกเท่าไร จึงควรเห็นใจกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2024 เมื่อ 01:09 |
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
กมลโกศลจิต (21-06-2024), ชุณหพงศ์ (22-06-2024), ต้นบุญ (22-06-2024), พี่เสือ (06-07-2024), พุทธภูมิ (21-06-2024), มารวย๙ (22-06-2024), ศุภชัยรู้แผน (21-06-2024), สุธรรม (22-06-2024)
|
#710
|
||||
|
||||
ในอดีตที่องค์หลวงตายังแข็งแรง ไปมาเองได้ ไม่มีผู้ใดติดตาม การสงเคราะห์ช่วยเหลือโรงพยาบาลของท่านในระยะนั้น ไม่มีการบันทึกไว้เลย เพราะท่านมุ่งประโยชน์ต่อคนเจ็บไข้เท่านั้น ไม่มุ่งประโยชน์อื่นจากการบันทึกข้อมูล
ดังนั้น..หากนับเฉพาะข้อมูลส่วนที่มีการบันทึกไว้ในระยะต่อมา ท่านสงเคราะห์ช่วยเหลือสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งสิ้น ๒๒๕ แห่ง ส่วนใหญ่เป็นการบริจาคเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เครื่องเอกซเรย์ เครื่องอัลตราซาวด์ เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ เตียง เครื่องช่วยชีวิตเด็ก เครื่องช่วยหายใจเด็กทารก เครื่องดูดของเหลว เครื่องช่วยคลอด กล้องจุลทรรศน์ เตียงทำฟันพร้อมอุปกรณ์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีรถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ ซื้อที่ดิน ตลอดจนการก่อสร้างต่าง ๆ เช่น สร้างตึกผู้ป่วย สร้างตึกรวมเมตตามหาคุณ สร้างตึกสงฆ์อาพาธ ห้องผ่าตัด สร้างกำแพง ฯลฯ ความเมตตาของท่านไม่เพียงการซื้อวัสดุอุปกรณ์ รถพยาบาล และการก่อสร้างต่าง ๆ เท่านั้น ท่านยังเมตตาบริจาคเงินตั้งเป็นกองทุนเพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น กองทุนตึกอุบัติเหตุ กองทุนศูนย์พิทักษ์ดวงตา กองทุนสงเคราะห์คนพิการและผู้ยากจนไร้ที่พึ่ง ฯลฯ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารคนไข้และเจ้าหน้าที่ ค่าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก ฯลฯ หากประมาณประเภทของรายการทั้งหมดที่พอจะรวบรวมได้ ไม่น่าจะน้อยกว่า ๗๐๐ รายการ (รายการที่ซ้ำกันเกินกว่า ๑ ชิ้นหรือ ๑ ประเภท นับเป็น ๑ รายการเท่านั้น)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2024 เมื่อ 01:11 |
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
กมลโกศลจิต (21-06-2024), ชุณหพงศ์ (22-06-2024), ต้นบุญ (22-06-2024), ปราโมทย์ (21-06-2024), พี่เสือ (06-07-2024), พุทธภูมิ (21-06-2024), มารวย๙ (22-06-2024), ศุภชัยรู้แผน (21-06-2024), สุธรรม (22-06-2024)
|
#711
|
||||
|
||||
เปิดโรงทาน..ทุ่มใส่รถพยาบาล
องค์หลวงตาให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือคนเจ็บไข้รายย่อยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยค่ารักษาตา ค่าฟอกไต เป็นประจำทุกเดือน หรือการรับเป็นคนไข้ในอุปถัมภ์ ฯลฯ แม้ในช่วงอาพาธและชราภาพมากแล้ว ก่อนมรณภาพไม่นาน ท่านก็ยังอุตส่าห์หันไปมองความทุกข์ของผู้อื่นและให้การช่วยเหลือ อย่างเช่นกรณีท่านเจ้าคุณอุดรคณาจารย์ วัดโพธิสมภรณ์ ดังนี้ "เจ้าคุณอุดรท่านไม่สบาย เราก็ช่วยเกือบจะ ๒ ล้าน เรายังติดตามอีก ยังมีความจำเป็นอะไรอีก คือเราจะช่วยอีก ท่านเป็นโรคอะไร (เป็นมะเร็งที่โคนลิ้น ตอนนี้ฉันได้แล้ว) ฉันได้แล้วนะ เป็นมะเร็งมีทางหายไหมละ ? (มีโอกาสหายอยู่แล้วครับ)" และหากมีรถพยาบาลเข้ามาที่วัดป่าบ้านตาดไม่ว่าจะมาจากทางใดก็ตาม พระที่เป็นเวรประจำศาลาจะจัดข้าวของใส่เต็มรถทุกคัน ไม่ว่าจะมาวันละกี่คัน พระศาลาจะปฏิบัติตามนี้โดยเคร่งครัด มิให้ขาดตกบกพร่องโดยเด็ดขาด และหากมาจากโรงพยาบาลที่ไกลมากก็จัดให้มากเป็นกรณีพิเศษ ดังนี้ "เมื่อวานนี้ก็ข้ามเขาภูพานลงไปทางนู้น ไปทางอำเภอเขาวง กุฉินารายณ์ เขามารับของเมื่อวานนี้ พอดีเราก็ไปห้วยผึ้ง ติดกันกับกุฉินารายณ์ กุฉินารายณ์ทางนั้นห้วยผึ้งอยู่นี้ ทางกุฉินารายณ์เข้ามารับของจากโกดัง เราก็เอาไปให้ห้วยผึ้งเมื่อวานนี้ เป็นอันว่าที่กาฬสินธุ์ได้สองโรงเมื่อวาน รวมแล้วเมื่อวานนี้ ๕ โรง โรงทานของเรามีประจำไว้สำหรับโรงพยาบาล วันละ ๓ โรง ๔ โรง ๕ โรง เป็นประจำ ขาดไม่ได้เหมือนกัน อันนี้ก็ดี อันนี้ก็เด็ดเหมือนกันนะ เด็ดไปอีกประเภทหนึ่ง เด็ดเพื่อคนไข้ (อีกคราวหนึ่ง) "วันนี้โรงพยาบาลกระบี่มารับรถตู้ที่ได้รับความเมตตาจากหลวงตา" "เออ..ให้รอไว้ก่อนนะ" คือออกจากเรานี้ เราจะไปดูรถเสียก่อน เร่งไหม ? ไม่รีบดอกน่า เพราะเรื่องที่เราจะไปดูนี้ มันกว้างขวางยืดยาวขนาดไหน เรื่องราวใหญ่โตมาก อยู่กับจุดที่เราจะดูนี่นะ รอไว้ก่อนนะ เวลาไป พระท่านเคยแล้ว เอาของบรรจุใส่รถเต็มเลย ไม่ว่ารถโรงพยาบาลที่ไหน ๆ มา เราให้เดินตามที่กำหนดไว้ โรงพยาบาลทั่ว ๆ ไปให้เสมอกันหมด อย่างนี้ก็ให้เป็นพิเศษอีกเพราะมาจากกระบี่ เช่น อุบลฯ มีกี่โรงพยาบาล เราจะให้เป็นพิเศษทุกโรงเลย แล้วอุตรดิตถ์ให้เป็นพิเศษ ทุกโรงเหมือนกันในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วนชัยภูมิให้สองโรงที่ไกลมาก นอกนั้นให้เหมือนกันทั่ว ๆ ไป กับนาแห้ว เราสั่งไว้อย่างไรพระจะจดเอาไว้ ๆ เวลาเห็นรถประเภทนั้นมาหรือจังหวัดนั้นมา ที่ควรจะได้รับพิเศษ พระจะจัดให้ตามที่เราเขียนไว้เรียบร้อยแล้ว เราเองเป็นคนให้ สั่งรถชนิดนี้ลองดู ได้ยินมาเล่าให้ฟัง เราจะต้องไปดูเองก่อน รอให้เรียบร้อยก่อนนะ ให้พูดอะไร ๆ เสียก่อน เพราะงานเรามันมีหลายอย่างหลายด้าน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2024 เมื่อ 01:21 |
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
กมลโกศลจิต (25-06-2024), ชุณหพงศ์ (26-06-2024), ต้นบุญ (26-06-2024), ปราโมทย์ (26-06-2024), พี่เสือ (06-07-2024), พุทธภูมิ (25-06-2024), มารวย๙ (26-06-2024), ศุภชัยรู้แผน (26-06-2024), สุธรรม (26-06-2024)
|
#712
|
||||
|
||||
"มีเรื่องจ่ายช่วยเหลือโลกทั้งนั้น ช่วยตลอดเลย นั่นโกดังใหญ่ โรงพยาบาลมาไม่ต่ำกว่าวันละสองโรงสามโรง สี่ห้าโรงในระยะนี้ วันหนึ่ง ๆ วันละสามโรงสี่โรงห้าโรง มาประจำ อันนี้ให้เต็มคันรถ กำหนดไว้ให้พอ เสมอกันหมดเลย คือเราไม่ได้ทำแบบชุ่ย ๆ นะ ทำอะไรแล้วติดตามตลอด เอาให้ถึงความจริง ๆ แล้วก็เอาความเบาใจกลับไป ไม่ให้ขัดข้อง เพราะฉะนั้น..เราจึงเตือน ถามอะไรให้ได้ความก่อน บอกอย่างนั้นเลย
โรงพยาบาลจัดไว้สองประเภทในโกดัง ตั้งแต่อุบลฯ โคราช อุตรดิตถ์ ออกไปไกลกว่านั้นอีก เราให้เป็นพิเศษ ของที่เป็นพิเศษมีอะไรอีกนั่น กำหนดให้เสมอกันหมดที่พิเศษ ที่ธรรมดาก็ให้เสมอกันหมด รถที่ไหนมาที่ว่าเป็นพิเศษ ก็ให้พิเศษเสมอกันหมด แต่น้ำมันรถนั้นทุกคัน พอมาถึงวัดแล้วก็เติมน้ำมันให้เต็มถัง ๆ ทุกคันเลย ไม่ว่าใกล้ว่าไกล เดี๋ยวนี้มันจะเป็นเดือนจะล้านกว่าละมั้ง ?..น้ำมัน แต่ก่อนถามเขาว่าเท่าไร..แสน ไม่รู้มาตั้งสิบกว่าปีแล้วแหละ เห็นรถผ่านมานี้ถังน้ำมันเต็มมาเลย ถามเขามันถังอะไร ? เขาบอกว่าถังน้ำมัน น้ำมันเอาไปไหน ? เขาก็บอกเอาไปใส่ปั๊มน้ำมัน เติมให้พวกมาเอาสิ่งของ พวกโรงพยาบาล เติมน้ำมันให้ เดี๋ยวนี้น้ำมันขึ้นราคา คิดว่าเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่าล้าน..อย่างน้อยนะ เพราะน้ำมันแพงทุกวันนี้ เราเมตตาเสมอไปหมดนะ ใครอย่ามาคิดว่าเรารักคนนั้นชังคนนี้ไม่ได้ ขัดกับธรรม เสมอหมดเลย ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ตรงเป๋ง ๆ เลย เรียกว่าภาษาธรรมไม่อ้อมแอ้ม ไม่มีเห็นแก่หน้าแก่ตา เมื่อปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติตามนั้น พูดตามนั้น ตรงเป๋ง ๆ ไปเลย สำหรับสมบัติของวัดนี้ เรียกว่าออกช่วยโลกทั้งนั้น พูดได้อย่างชัดเจนเลย เราไม่เก็บ เงินทอง ข้าวของ วัตถุ ปัจจัยไทยทาน ได้มามากน้อยออกหมดเลย สมควรที่จะไปวัดใด ที่เกี่ยวกับวัดกับวาก็ไปทางวัดทางวา เกี่ยวกับประชาชนส่วนรวมหรือส่วนบุคคลก็มี ก็ให้ไปตามนั้น ๆ สำหรับรถนี้ดูเหมือนจะร้อยกว่าคันแล้ว จนจำไม่ได้ บางโรง ๓ คันก็มี ๔ คันก็มี ส่วนมากโรงละ ๑ คันตามปรกติ ถ้าสองคันหรือสามคันก็แสดงว่าผิดปรกติ เราให้ด้วยเหตุผลกลไกอย่างนี้นะ ถึงสี่คันอย่างนี้ก็เหมือนกัน สี่คันก็โรงพยาบาลศูนย์ แน่ะ..สมควรไหมล่ะ ? กับรถ ๔ คัน คันนั้นใช้อย่างนั้น ๆ เราฟังเหตุฟังผลทุกอย่างค่อยให้ไป ไม่ใช่ให้ทีเดียวตูม ๔ คันนะ ให้เป็นลำดับลำดามา แต่จำได้ว่าโรงพยาบาลศูนย์นี้ได้ให้ ๔ คัน ค่ายประจักษ์ฯ ดูเหมือนคันเดียว ที่ได้สองคันก็เหมือนกัน มีเหตุมีผลทุกอย่าง เราทำอะไรเราไม่ได้ทำเหลาะแหละนะ ทำจริงจังทุกอย่าง ตรงกับเหตุกับผล จะให้มากน้อยนี้เราเป็นคนสั่งเอง เรียบร้อยแล้วด้วยเหตุด้วยผล เราไม่ได้ให้สุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าไม่สมควรให้เราให้ไม่ได้ พูดตรง ๆ อย่างนี้ละ นี่ละภาษาธรรม.."
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2024 เมื่อ 01:25 |
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
กมลโกศลจิต (26-06-2024), ชุณหพงศ์ (26-06-2024), ต้นบุญ (26-06-2024), ปราโมทย์ (26-06-2024), พี่เสือ (06-07-2024), พุทธภูมิ (25-06-2024), มารวย๙ (26-06-2024), ศุภชัยรู้แผน (26-06-2024), สุธรรม (26-06-2024)
|
#713
|
||||
|
||||
เยี่ยมโรงพยาบาล
องค์หลวงตาท่านมักจะออกเยี่ยมโรงพยาบาลต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ แม้ในปีสุดท้ายของท่าน ในการออกเยี่ยมโรงพยาบาลแต่ละครั้ง ท่านจะนำข้าวสาร อาหารสด อาหารแห้ง ผ้าขาว ฯลฯ บรรทุกเต็มรถเท่าที่รถจะสามารถรับน้ำหนักได้ไหว เพื่อนำไปแจกโรงพยาบาลทุกครั้งไป พร้อมกันนี้ท่านจะถือโอกาสตรวจดูด้วยว่า ยังขาดตกบกพร่องในเครื่องไม้เครื่องมืออันใดบ้าง องค์ท่านจะได้ช่วยในจุดที่ยังขาด ในการนำของไปแจกในที่ต่าง ๆ นั้นท่านให้เหตุผลไว้ ดังนี้ "ไปไหน ๆ แต่ละโรง ๆ นี้เป็นล้าน ๆ ระดับแสน ๆ นี่รู้สึกจะเริ่มมีน้อยแล้วเดี๋ยวนี้ มีแต่ล้าน ๆ ขึ้นไป ไปนี่ไม่ใช่ไปให้เครื่องมือแพทย์เท่านั้นนะ ยังไปดูหมออีก ดูพยาบาล กิริยามารยาทของหมอเป็นอย่างไร ? เวลาเกี่ยวข้องกับคนไข้ ดูอากัปกิริยาของเขาเป็นอย่างไร ดูไปหมด ไม่ใช่แต่ว่าใครจำเป็นอะไร ๆ แล้วเอามา อย่างนั้นไม่ได้ เราไม่ทำอย่างนั้น ให้ทั้งสิ่งของด้วย ดูทั้งน้ำใจ ดูทั้งกิริยามารยาทความประพฤติดีงามของหมอและพยาบาลด้วย เป็นอย่างไร ? จะพอพยุงเครื่องมือของเรานี้ไปได้ไหม ? เพื่อประโยชน์แก่คนไข้ได้จริงหรือไม่ ? หรือเสียเงินเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร..ต้องดูอีก แล้วเครื่องมือเหล่านี้จะเป็นอย่างไร ? หมอเหล่านี้เป็นหมอพ่อค้า พยาบาลพ่อค้า หรือเป็นหมอเป็นพยาบาลเพื่อรักษาคนไข้ ? เพื่อเอาหัวใจคน เอาชีวิตจิตใจคนจริงจังหรือเป็นอย่างไรบ้าง ? ดูไปหมดไปทุกแห่งทุกหน ไปดูอย่างนั้นนะ..ที่เราไปโน้นไปนี้ วันนี้เปิดเสียให้ชัดเจน เราไม่เคยพูดแหละคำอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่ไปปฏิบัติหน้าที่อย่างนี้แหละ แล้วก็ดูสภาพของโรงพยาบาล ดูสภาพของเครื่องมือ ถ้าตรงไหนมีความจำเป็นมาก ทุ่มให้เลยเทียว เอ้า..ขาดอะไร ๆ บอกมา ๆ บอกเท่าไรให้เท่านั้น ให้เลยเป็นล้าน ๆ นั่งครู่เดียวเอาไปสองล้านสามล้านก็มี นั่น..อย่างนั้นละ ถ้าถึงใจ เราเอาจริง ถ้าไม่ถึงใจ สตางค์หนึ่งก็ไม่ให้..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2024 เมื่อ 02:42 |
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#714
|
||||
|
||||
ไม่ทอดทิ้งถิ่นกันดาร
โรงพยาบาลบางแห่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร เป็นที่ลำบากหลายสิ่งหลายประการ องค์ท่านก็ไม่ลืมที่จะไปเยี่ยมเยียนและอนุเคราะห์ดังนี้ "เวลาเราไป ก็ตามแต่เราจะเห็นสมควรไปโรงพยาบาลไหน กำหนดเวลาพอสมควร เพราะเราแยกไปโรงพยาบาลโน้น ไปโรงพยาบาลนี้ ไปให้สม่ำเสมอ เฉพาะอย่างยิ่งพวกที่อยู่ในที่ลำบากลำบน ถ้าใกล้เคียงกับถนนหนทางตลาดลาดเล เราก็เห็นว่าพอถูไถกันไปได้ เราก็ไม่ค่อยหนักแน่นมากนัก ถ้าเป็นโรงพยาบาลอยู่ลึก ๆ อย่างนี้มักจะไปอยู่ตลอด เช่น อย่างพวกภูหลวง (จ.เลย) นี้เข้าลึกในหุบเขา นี่เราก็ซอกแซกเข้าไป ภูเรือ (จ.เลย) อยู่ในกลางเขา เราก็ซอกแซกไปเป็นประจำเดือนนะ แล้วก็ให้ค่าอาหารครัวคนไข้อีกเดือนละ ๑ หมื่นเป็นประจำ นายูง (จ.อุดรธานี) ก็อยู่ในหุบเขาเหมือนกัน หุบเขากว้าง ๆ เข้าไปอยู่ลึก ๆ นู้น อันนี้เราก็ให้ค่าอาหารครัวคนไข้ ๒ หมื่นเป็นประจำ ส่วนหนองวัวซอ (จ.อุดรธานี) ใกล้กับถนน อาจจะมีวาสนาอันหนึ่ง ทีแรกให้เดือนละ ๕ หมื่น เพราะเกี่ยวกับไฟฟ้าด้วย ๓ หมื่น ให้ค่าอาหาร ๒ หมื่น ทีนี้เห็นว่าค่าไฟฟ้าไม่มีความจำเป็นแล้ว ตัด ๓ หมื่นออก ยังเหลือให้เดือนละ ๒ หมื่น นี่ก็ใกล้ถนนเหมือนกันแต่ให้เดือนละ ๒ หมื่น รู้สึกจะเอารัดเอาเปรียบโรงพยาบาลอื่น ๆ มากไป อาจจะถูกตัดวันใดก็ได้ แล้วแต่เหตุผลของเราที่จะพิจารณา เพราะเราพิจารณาอยู่ตลอดแล้วนี่ หนักเบาแง่ไหน ๆ อันนี้ให้เป็นประจำ ที่ซอกแซกเรามักไปซอกแซก ๆ... (อีกคราวหนึ่ง) วันนี้ก็จะไปโรงพยาบาลภูหลวง ไปดูอีกทุกห้อง ห้องไหนมีความจำเป็นอะไรก็จะช่วยเหลือกันไป เพราะเป็นโรงพยาบาลอยู่ที่คับแคบตีบตันอั้นตู้ ลำบากลำบน ไปก็เอาข้าวเอาของไปเต็มรถ ๆ เทปั๊วะ ๆ ไป คือ ถ้าตรงไหนที่อยู่ท่ามกลางของอู่ข้าวอู่น้ำ เราก็ไม่ค่อยสนใจนักนะ ถึงจะเป็นโรงพยาบาลเล็กก็ตาม แต่อยู่ท่ามกลางของอู่ข้าวอู่น้ำ ไม่ค่อยอดอยากขาดแคลนอะไรมากนัก เราก็ไม่ช่วยอย่างอื่น พวกข้าวพวกอาหารการกินไม่ค่อยช่วยมาก ช่วยแต่เครื่องมือแพทย์ไป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2024 เมื่อ 02:29 |
#715
|
||||
|
||||
"ถ้าที่ไหนขาดแคลน อย่างนั้นเราช่วยทุกด้านเลย เครื่องมือแพทย์ก็ช่วย อาหารการกินก็ช่วย เช่น อย่างภูหลวงนี้ไม่มีข้าว ภูเรือ (จ.เลย) ก็ยิ่งอยู่ในภูเขาด้วย ซ้ำไม่มีข้าว อ.นายูง (จ.อุดรธานี) ไม่มีข้าว ทางคำตากล้า (จ.สกลนคร) ก็ไม่มี คำตากล้าไม่ได้ทำนากัน..น้ำท่วม เหล่านี้เราไปทั้งนั้นแหละ นี่ก็ยังส่องดาว (จ.สกลนคร) นี้อีก นี่เริ่มแล้ว ทางส่องดาวนี้เริ่มแล้ว อยู่ในหุบเขา ไปหาที่หุบเขา ๆ ที่จำเป็น ๆ..."
แม้โรงพยาบาลที่อยู่ไกลออกไปมาก ๆ ท่านก็ไม่เคยลืมหรือทอดทิ้ง เมื่อโอกาสอำนวยให้เมื่อใด ท่านจะรีบไปเยี่ยมทันที "วันนี้เราก็จะไปละ เอาของไปโรงพยาบาลคำชะอีและดอนตาล (จ.มุกดาหาร) ไกลนะวันนี้..สงสาร..มันอยู่ด้วยกัน ๒ โรง จึงเอาไปไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ว่าเต็มรถนะ..หากไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะแบ่ง ๒ โรงอยู่ใกล้กัน ถ้าไปโรงเดียวก็เต็มรถ เทปั๊วะเลย..ได้มาก เอาไป ๒ โรงก็ต้องแบ่งครึ่ง แต่รถนั้นเต็มรถ วันนี้จะเป็น ๒ โรง มันไกล ๓ ชั่วโมงกว่า..กว่าจะถึง ไปส่งแล้วกลับขนาดนั้นค่ำพอดี ๆ..." และสำหรับโรงพยาบาลอื่น ๆ ที่อยู่ไกลมาก จนไม่อาจไปดูแลเยี่ยมเยียนด้วยองค์ท่านเองได้ ท่านก็จะมอบหมายให้ผู้ที่ไว้วางใจ ได้ดำเนินการแทน ดังนี้ "เคยรู้จักท่านคลาดไหม ?" "เคยได้ยินชื่อค่ะ" ท่านเป็นพระวัดนี้ เป็นคนที่พังงาแต่เป็นพระวัดนี้ ท่านไปอยู่นั้นหลายปี ไปตั้งสำนัก พอดีทางโรงพยาบาลเกาะยาว พังงา ขอตึกมา เราเลยมอบให้ท่านคลาดเป็นตัวแทนเรา ให้ดูทุกสิ่งทุกอย่าง ควรจะตัดจะเพิ่มจะเติมอะไร ๆ ยกให้ท่านทั้งหมดเลย ให้ท่านเป็นคนดูแลเองทุกสิ่งทุกอย่าง อำนาจให้ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนกับเราไปสั่งเอง คือใครอยู่ที่ไหน ลูกศิษย์อยู่ที่ไหน ๆ เวลามีความจำเป็น เราจะมอบให้ลูกศิษย์ที่นั้น ๆ ทำแทนเรา" ด้วยเหตุนี้การสงเคราะห์ของท่านจึงกระจายไปในสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ประชาชนที่เขตพื้นที่ซึ่งได้รับบริจาคจากทุกภาคทั่วประเทศ ตลอดถึงประเทศเพื่อนบ้านต่าง ๆ ได้ใช้และได้รับอานิสงส์ของทานเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว นับเป็นเมตตาธรรมอันสูงยิ่ง ที่องค์หลวงตามีต่อพี่น้องประชาชนลูกหลาน ที่ไม่อาจบรรยายได้หมดสิ้น...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2024 เมื่อ 02:33 |
#716
|
||||
|
||||
ทุ่มบริจาคเครื่องมือ "ตา"
การสงเคราะห์เกี่ยวกับตาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่องค์หลวงตาเห็นความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ดูจากการช่วยเหลือโรงพยาบาลด้านตาโดยเฉพาะ มีมากถึง ๒๓ แห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมมูลค่าทั้งสิ้น ๑๙๘,๗๐๐,๐๐๐ บาท องค์ท่านอธิบายถึงเหตุผลการช่วยเหลือไว้ ดังนี้ "เรื่องตานี้รู้สึกจะกว้างขวางไปมากเวลานี้ คือก่อนที่เราจะช่วยถ้าเป็นธรรมดาให้เราพิจารณานี้ เราจะช่วยจุดที่จำเป็นคือตาเป็นอันดับหนึ่ง อวัยวะอย่างอื่นอย่างใดก็เป็นของเราเหมือนกันหมด แต่อะไรมีความจำเป็นอันดับหนึ่ง เราก็มาเล็งเห็นแต่ตาเป็นอันดับหนึ่ง จึงต้องช่วยอันนี้ก่อน เครื่องมือตาเราช่วยอันนี้ก่อน เริ่มช่วยมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๐ เรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้... เมื่อสองสามวันนี้ก็ทางเชียงใหม่มาขอเครื่องมือตา ๘ ล้าน ๒ แสน ที่เราได้ช่วยวันนั้น พอไปโรงพยาบาลบึงกาฬเขาก็ฟาดเสีย ๒ ล้านกว่าบาท ตึกสามหลัง หลังคาเสียหมดเลย ทีแรกเขาก็ขอแต่เราไม่ให้ เราให้รถคันหนึ่งก่อน ไปเที่ยวนี้ฟาดเอาเสียสามหลังเลย เชียงใหม่กับบึงกาฬฟาดเสีย ๑๐ ล้านกว่าเมื่อสองวันผ่านมานี้ แล้วให้เรื่อย ๆ อย่างเมื่อวานนี้ก็เอาอีกทางเวียงจันทน์ เริ่มแล้วสั่งรถแล้ว รถไม่ทราบราคาเท่าไร ลงสั่งแล้วเราจ่าย ส่วนที่ให้ไปแล้วเมื่อวานนี้เขาขอที่จำเป็น ๑ แสน ๘ หมื่น เราให้สองแสนเลยกับรถคันหนึ่ง กะว่าวันที่ ๘ เราจะไปเวียงจันทน์ เรากำหนดเอง เพราะได้พูดบ้างแล้วว่า หมอจะว่างวันที่ ๘ เราก็จะไปวันนั้น ได้ติดต่อแล้วเครื่องมือแพทย์ตาเป็นอันดับหนึ่ง ฟังว่าทางโน้นแทบไม่มีเลยเครื่องมือตา มีนิดหน่อย ๆ เพราะฉะนั้น..เราถึงทุ่มให้เลย ๑๖ ล้านทีแรกให้เลย ครั้งที่สอง ๑๔ ล้าน เป็น ๓๐ ล้านพอหายใจได้บ้างแหละ..." ต้นเหตุที่ทำให้องค์ท่านเห็นความสำคัญเครื่องมือตาเป็นกรณีพิเศษนั้น มีความเป็นมาดังนี้ "ตานี้คือเริ่มแรกที่เป็นเหตุก็คือ เราไปผ่าตาที่โรงพยาบาลรัตนิน ซอยอโศก มันก็แปลกอยู่นะ เรากับ ดร.เชาวน์ นี่มันมีอะไรกันนะ มันแปลกอยู่ มาคุยกันสองต่อสอง คุยกันอยู่กุฏินั่นนะ เพราะ ดร.เชาวน์มาพักอยู่นี้เป็นอาทิตย์นะ พักภาวนาอยู่นี้ เวลาจะไปก็ไปคุยธรรมะกันแล้ว กราบเสร็จแล้วมาว่า "ขอนิมนต์ท่านอาจารย์ไปตรวจตาด้วย ดูตาท่านอาจารย์ผิดปกติมาก" เราไม่เคยสนใจเพราะตาเราก็ดี ๆ อยู่ ไม่เห็นมีอะไร "ดูตาท่านอาจารย์ผิดปกติมาก" ว่างั้นนะ เราก็ไม่ถือเป็นอารมณ์ แล้วอยู่ ๆ ไม่กี่วันนะ อย่างนานไม่เลย ๕ วัน มีเหตุธุระอะไรจำเป็นทางกรุงเทพฯ เลยปุ๊บปั๊บไปกรุงเทพฯ โดยด่วนเลย พอไปกรุงเทพฯ ดร.เชาวน์ทราบก็นิมนต์ให้ไปตรวจตาเสียก่อน พอไปถึงนั่นเราก็ไปตรวจ พอเข้าไปห้องตานี้ "โอ๋ย" หมอร้องโก้กเลยนะ..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2024 เมื่อ 20:19 |
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
กมลโกศลจิต (08-07-2024), ชุณหพงศ์ (08-07-2024), ต้นบุญ (10-07-2024), ปราโมทย์ (08-07-2024), พี่เสือ (08-07-2024), พุทธภูมิ (07-07-2024), มารวย๙ (09-07-2024), สุธรรม (08-07-2024), หนุ่มก่อสร้าง (08-07-2024)
|
#717
|
||||
|
||||
"โอ้โห..ทำไมถึงมาได้พอดิบพอดีเอานักหนา ถ้าเลย ๗ วันนี้ตาบอดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย..!"
เขาว่างั้นนะ เขาเอาเข้าห้องตาตั้งแต่บัดนั้น ทางนี้ ๕ ชั่วโมง ทางหนึ่ง ๒ ชั่วโมง เป็นเวลา ๗ ชั่วโมง ไม่ได้ออกมาเลยแหละ แล้วจากนั้นเขาก็กำหนดดูตาแล้วให้มาผ่า กลับไปผ่าทีหลังนี้ออกมาสว่างจ้าหมดเลย นี่ละเป็นต้นเหตุนะ.." ภายหลังการรักษาดวงตาในครั้งนั้น ทำให้องค์ท่านเห็นถึงความจำเป็นของเครื่องมือตา จากนั้นจึงบริจาคช่วยเหลือโรงพยาบาลต่าง ๆ อย่างจริงจังตลอดเวลา เฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลอุดรธานี ดังนี้ "อุดรฯ เชิญหมอตานี้เข้ามาประชุมกันทันทีเลย ตกลงประเดี๋ยวประด๋าว วันนั้นให้เสร็จเลย ต่างคนต่างรับรองกัน คือเราจะให้เครื่องมือทำตานี้ทั้งหมด "แล้วเวลานี้หมอที่เกี่ยวข้องกับทางด้านตานี้เวลานี้มีครบไหม ?" "ไม่ครบก็ครบได้ เพราะเวลานี้ที่ไม่มีก็เพราะไม่มีเครื่องมือมาก หมอจึงไม่มามาก" "ถ้างั้นเอาเลยนะ ให้หมอกำหนดกันมาเลยให้ครบ ทางนี้จะเอาอะไรให้บอกมา เดี๋ยวนี้จะสั่งโดยด่วนเลย" ทางนั้นเขาก็จัดการสั่งเครื่องมือตา เรียกว่าครบเลยนะ เอาโดยด่วนเลย ฟาดเลย ทางโน้นก็เอาหมอมาโดยด่วน ทางนี้ก็สั่งโดยด่วน ตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งป่านนี้ละ จึงได้เห็นคุณค่าของตามาก เฉพาะอย่างยิ่งภาคอีสาน ไหลเข้ามาที่นี่หมดนะ แล้วก็ไปศรีนครินทร์ ๒ แห่งนี้ นี่ละตาที่เห็นนี่..ก็อย่างนั้นแหละ จนกระทั่งป่านนี้เรียกว่าเปิดโอกาสหรือว่าปวารณาไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์นะตา อะไรบกพร่อง ควรที่จะสั่งหรือจะซ่อม ให้รีบสั่งหรือซ่อมทันที ไม่ต้องมาขออนุญาตจากเรา ให้สั่งเลย ตกมาเท่าไร ๆ เราจะเป็นคนจ่ายเงินให้ตลอดมานะ ตานี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ตลอดมาจนกระทั่งป่านนี้ เราเห็นคุณค่าของตามาก มีมากคนเราจะเห็นได้ชัดเจน คือว่าวันไหนถ้าเราเข้าโรงพยาบาลนะ เข้าห้องตานี้อัดแน่นทุกวันนะ คนมาตรวจตาแน่นทุกวัน ๆ จนถึงกับเราสงสัยต้องถามหมอ "แล้วคนมาจำนวนมาก ๆ นี้ตรวจเขาทันไหม ?" "ทัน" เครื่องมือก็สั่งแล้วว่าให้เพียงพอ เพียงพออยู่แล้วนี่ ก็ทันอยู่แล้ว..เขาว่างั้น เราก็หมดปัญหาไป อย่างนี้ทุกวันนะ..ไปเมื่อไรเต็มอยู่ทุกที่ ห้องอื่นไม่ค่อยมีนะ ห้องตาเป็นที่หนึ่งตลอดมา.."
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2024 เมื่อ 20:22 |
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
กมลโกศลจิต (08-07-2024), ชุณหพงศ์ (08-07-2024), ต้นบุญ (10-07-2024), ปราโมทย์ (08-07-2024), พี่เสือ (08-07-2024), พุทธภูมิ (08-07-2024), มารวย๙ (08-07-2024), สุธรรม (08-07-2024), หนุ่มก่อสร้าง (08-07-2024)
|
#718
|
||||
|
||||
หมอพยาบาลหญิง ห้ามถูกตัวพระ
เทศนาในคราวหนึ่งท่านกล่าวถึงความสำคัญและจำเป็นในการรักษาพยาบาลพระภิกษุไข้ในโรงพยาบาล ควรมีข้อปฏิบัติที่เข้มงวดเพื่อรักษาและเอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัยของพระ ดังนี้ "แม้เราจะพยายามรักษาตัวเองด้วยหลบหลีกไปไหน แต่ความที่โรคสุกงอมเต็มที่จึงแสดงอาการขึ้นมา ปลายปี ๒๕๒๗ ปรากฏว่าโรคหัวใจผสมกับโรคหอบที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วนได้กำเริบอย่างรุนแรง ทำให้เราต้องฝืนไปยอมนอนติดต่อกันถึง ๓ คืน เนื่องจากโรคหอบนี้มักเกิดขึ้นในเวลากลางคืน หากตกใจหรือกำเริบขึ้นขณะนอนหลับนั้นย่อมแก้ไขไม่ทัน หมอจีนที่ลูกศิษย์นำมารักษาได้ถวายยาถูกกับโรค โรคหอบที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจึงสงบลงอย่างเด็ดขาดและไม่ปรากฏว่าได้แสดงอาการขึ้นอีกในภายหลัง หมอเขารู้เรื่องอรรถเรื่องธรรมที่ไหน เขาไม่รู้เรื่อง เขาก็รู้วิชาของหมอ ปฏิบัติตามเรื่องของหมอล้วน ๆ ตามหลักวิชาเขาเรียน ทีนี้พระทั้งองค์ไปมอบตัวเป็นซุงให้เขาเลย แล้วแต่เขาจะถลุง แบบไหน ๆ เราไม่เป็นตัวของเราเลย พอพูดอย่างนี้เราก็ย้อนไปถึงโรงพยาบาลอุดรฯ เราเอาพระไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลอุดรฯ พอผ่าตัดแล้วพวกหมอผู้อำนวยการสั่งให้หมอผู้หญิงเข้ามาพะรุงพะรังกับพระ เข้ามาฉีดยา เราพูดอย่างเด็ดเลย "อย่ามายุ่งเลยนะ ไม่มีเลยหรือผู้ที่จะปฏิบัติให้ได้รับความสะดวกตามหลักกธรรมหลักวินัย จึงต้องเอาผู้หญิงเข้ามาฉีดยายุ่งเหยิง อย่าทำ..ไม่ให้ทำ" ว่าอย่างนี้เลย "ก็ท่านอย่ามาเคร่งครัดในเวลาป่วยนี้ไม่ได้ ท่านอย่ามาเคร่งครัดในเวลานี้" ผู้อำนวยการเสียด้วยนะ พูดอย่างนี้ เราว่าอย่างนี้ "เราเคร่งครัดมาตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าโรงพยาบาลแล้ว เราไม่ได้มาสังหารธรรมวินัยนี้นะ เรามาเข้าโรงพยาบาล เรามาแก้โรคต่างหาก ถ้าไม่สมควรที่จะรักษาเราก็เอากลับได้ ที่ไหนก็มีป่าช้าทั้งนั้นแหละ..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2024 เมื่อ 18:10 |
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
กมลโกศลจิต (09-07-2024), ชุณหพงศ์ (09-07-2024), ต้นบุญ (10-07-2024), ปราโมทย์ (09-07-2024), พจน์ (09-07-2024), พี่เสือ (28-07-2024), พุทธภูมิ (09-07-2024), มารวย๙ (09-07-2024), สุธรรม (09-07-2024), หนุ่มก่อสร้าง (09-07-2024)
|
#719
|
||||
|
||||
เตือนหมอ...อย่าหยิ่ง อย่ารีดไถกิน
"หมอไม่รู้ศีลธรรมก็มีเยอะนี่นะ ใช่เล่นเมื่อไร หมอหยิ่งในความรู้ของเจ้าตัวว่าเป็นหมอ เหมือนกับว่าวิชาความรู้ของหมอนี้ เลิศเลอยิ่งกว่าความรู้ของพระพุทธเจ้าที่พ้นจากกิเลสไปแล้ว มีมากต่อมาก เพราะฉะนั้น..หมอจึงหยิ่ง..ไม่ค่อยเข้าศาสนา เห็นว่าศาสนาเป็นของต่ำช้าเลวทรามไป ยิ่งกว่าความรู้ของเราที่เรียนมาเพื่อความเป็นหมอ..มีมาก..เราพูดตรง ๆ อย่างนี้ เราใส่เปรี้ยง ๆ หลายหนแล้วนี่ ไม่ได้มาพูดให้ฟังเฉย ๆ หมอจึงไม่ค่อยเข้าศาสนา เพราะหมอหยิ่งในความรู้ของตัวเอง..! ความรู้นี้เป็นความรู้ของกิเลสที่ผลิตให้ต่างหาก ไม่ใช่ความรู้ของธรรมที่พระพุทธเจ้าผลิตให้นะ..ผิดกัน ความรู้อันหนึ่งเหนือโลก ความรู้พระพุทธเจ้าเหนือโลก ความรู้อันนี้อยู่ใต้อำนาจของกิเลสต่างหาก..จะวิเศษวิโสอะไร ก็เป็นวิชาแขนงหนึ่ง ๆ เหมือนกับวิชาทางโลกที่เขาใช้กันนั่นเอง ไม่เห็นมีอะไรผิดแปลกกัน จะเอาอะไรมาหยิ่ง หากหยิ่งก็ในหัวใจเจ้าของคนมีกิเลสนั่นละ..! แต่เราพูดอย่างนี้เราไม่ได้ตำหนิหมอทั่วไปนะ..ผู้ที่ดีก็มี แต่หากผู้เป็นอย่างนี้มีจำนวนมาก หยิ่งในความรู้ของเจ้าของว่ามีเกียรติ ความรู้ทางหมอนี้โลกเขาให้เกียรติ ตั้งแต่เริ่มเรียนหมอเขาก็เริ่มให้เกียรติแล้ว ยิ่งมาเป็นหมอด้วยแล้วเลยกลายเป็นอะไร ๆ ไป เพราะทิฐิมานะสูงขึ้น ๆ จิตใจจึงต่ำลง นี่ซอกแซกจะว่าไง หากไม่พูดเฉย ๆ ถึงวาระพูดถึงจะนำมาพูด ถ้าไม่ถึงวาระพูดก็เหมือนไม่รู้ ผ่านไป ๆ เข้าลิ้นชัก ๆ หมดเลย เหมือนไม่รู้ไม่เห็น ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เห็นอยู่อย่างนั้น ทำตาบอดหูหนวกไปอย่างนั้นละ นี่เราได้เตือนหมอบรรดาลูกศิษย์ลูกหา เฉพาะอย่างยิ่ง..ศิริราชเราเตือน หมอใหญ่ ๆ พวกศาสตราจารย์ เราเป็นหมอเป็นศาสตราจารย์ ขอให้นำศาสนาของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นของเลิศเลอนี้ นำเป็นตัวอย่างเคียงข้างกันไปกับหมอนะ เราว่าอย่างนี้ คนไข้ถึงเคารพนับถือและการปฏิบัติคนไข้ก็สนิทดี ถ้ามีธรรมแทรกนะ ถ้ามีแต่ความรู้ธรรมดาก็เหมือนคนพูดทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ รีดกันกินไถกันกินได้สบายเหมือนกัน หมอเป็นพ่อค้ามีน้อยเมื่อไร ว่าอย่างนี้แล้ว ว่าตรง ๆ อย่างนี้ ถ้ามีธรรมแทรกแล้วมีเมตตาพร้อมกันไป นี่เราก็สอน..สอนหมอ..หมอใหญ่ ๆ พวกศาสตราจารย์นั่นแหละ ก็ลูกศิษย์เราทั้งนั้นนี่ โรงพยาบาลไหนไม่มีลูกศิษย์ไม่มี โรงพยาบาลใหญ่ ๆ ในกรุงเทพฯ นะ มีแต่ลูกศิษย์ทั้งนั้น พวกศาสตราจารย์ก็สอนได้ละซิ ลูกศิษย์กับอาจารย์สอนกันไม่ได้มีอย่างเหรอ ต้องสอนได้ ไม่ได้ก็เอา ก.ไก่ สอนเข้าไปซิ วิชาเป็นอย่างนั้นแหละ แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าหมอหันหน้าเข้าวัดกันเยอะนะ วิชาพาให้ลืมตัวเป็นได้ เข้าใจว่าเป็นความรู้ที่วิเศษวิโสยิ่งกว่า ความรู้ของเราสูงกว่าศาสนาไป ความรู้ของกิเลส อันหนึ่งความรู้ของวิมุติธรรม ความหลุดพ้นจากโลก ต่างกันขนาดไหน จะมาเทียบเคียงกันไม่ได้แหละ เหมือนอึ่งกับค่างพูดง่าย ๆ เทียบกันไม่ได้.."
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-07-2024 เมื่อ 01:10 |
#720
|
||||
|
||||
แพทย์ พยาบาล ต้องมีเมตตาธรรม
เมื่อมีโอกาสอันควร องค์ท่านจะแนะเตือนด้วยความเมตตา แก่บรรดาแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเสมอ ๆ ดังตัวอย่างหนึ่ง ท่านแสดงธรรมแก่คณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข มีท่านรัฐมนตรีเป็นประธาน ดังนี้ "วันนี้ได้พูดถึงเรื่องโรงพยาบาล โรงพยาบาลกับหมอเป็นของสำคัญอยู่มาก หมอนั้นสำคัญอยู่ที่นอกจากเรียนหลักวิชาแห่งหมอมาแล้ว นั่นเป็นเพียงทางเดินกลาง ๆ แต่อัธยาศัยใจคอและจิตวิทยาของหมอที่จะปฏิบัติต่อคนไข้นั้น เป็นสิ่งลึกลับแต่จำต้องนำมาใช้ สำหรับหมอ เวลาคนไข้ได้ป่วยเจ็บหัวตัวร้อน วิ่งเข้ามาหาหมอ กิริยามารยาทที่นิ่มนวลอ่อนหวาน ที่เป็นพื้นมาจากความเมตตาของหมอนั้น ต้องออกแสดงก่อนอื่น ก่อนยาที่จะเข้าถึงตัวคนไข้ ความเอาอกเอาใจ ให้ความอบอุ่นแก่คนไข้นั้น เป็นยาขนานแรกซึ่งจะต้องเข้าถึงคนไข้ก่อนอื่น จากนั้นก็ปฏิบัติไปตามหน้าที่ด้วยความเมตตาของหมอ เพราะคำว่าหมอนี้ โลกทั้งหลายเขายอมรับ ยอมรับให้ศักดิ์ศรีดีงาม ยอมรับนับถือให้ความเคารพทุกสิ่งทุกอย่าง ไว้วางใจกับหมอ เพราะหมอนั้นถือกันว่าเป็นแบบพิมพ์ เป็นศักดิ์ศรีดีงามของชาติไทยหรือของโลก โลกเขาจึงยอมรับ เมื่อเราก้าวเข้ามาสู่ความเป็นหมอเริ่มตั้งแต่เรียนเป็นนักศึกษาแพทย์ ก็เริ่มมีเกียรติแล้ว โลกยอมรับนับถือเรื่อยมา จนกระทั่งถึงจบเป็นหมอออกมา โลกยิ่งยอมรับมากขึ้น นับถือมากขึ้น เพราะฉะนั้น..การต้อนรับโลกที่นับถือนั้น เราจึงต้อนรับด้วยความเมตตาซึ่งเป็นพื้นฐานของหมอ หมอต้องมีความเมตตาเป็นพื้นฐาน สมบัติเงินทองข้าวของสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งเป็นผลพลอยได้เท่านั้น เมตตาที่มีต่อคนไข้ทั้งหลายที่เขามาพึ่งพาอาศัย เขามาขอความอบอุ่นจากเรานั้น เป็นเรื่องที่หมอจะต้องปฏิบัติ และพยาบาลจะต้องปฏิบัติให้ถึงชาวบ้านทุก ๆ รายไป นี่เป็นหลักสำคัญ โรงพยาบาลจึงเป็นโรงชุบชีวิตของสัตว์โลกทั้งสองอย่าง คือโรงพยาบาลหมอเกี่ยวกับโรคทางร่างกายหนึ่ง โรงพยาบาลหรือสถาบันอันใหญ่หลวงเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาหนึ่ง ทั้งสองอย่างนี้มีความจำเป็น อย่างน้อยเสมอกัน มากกว่านั้นทางด้านจิตใจคือธรรมเป็นของสำคัญมาก.."
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2024 เมื่อ 01:45 |
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
กมลโกศลจิต (18-07-2024), ชุณหพงศ์ (19-07-2024), ต้นบุญ (19-07-2024), ปราโมทย์ (19-07-2024), พี่เสือ (28-07-2024), พุทธภูมิ (18-07-2024), มารวย๙ (19-07-2024), สุธรรม (19-07-2024), หนุ่มก่อสร้าง (19-07-2024)
|
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน ) | |
|
|