#61
|
||||
|
||||
เขาบอกว่ารู้หนึ่งโปร่งร้อย ก็คือเป็นเสียทุกงานเลย มีผีฝรั่งกลายเป็นเทวดาได้ ถามว่าทำไม ? เขาบอกว่าตั้งใจสร้างผลงานศิลปะ ทรงสมาธิได้ไม่รู้ตัว ก็เลยกลายเป็นเทวดาไป
เดี๋ยวปีนี้จะไปคุยกับผีต่างประเทศอีก พวกนี้เวลาเห็นพระไทยเขาชอบ วิ่งเข้าหาเลย เพราะว่าอย่างไรก็ได้บุญแน่ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเรามีบุญ ปรากฏว่าพวกผี เขาเหมือนอย่างกับอยู่ในความมืดมิด ไม่มีกำลังบุญที่จะส่องทาง พอคนที่มีบุญมา บุญมากบุญน้อย ก็จะเป็นความสว่างมากน้อย ตามกำลังบุญของตัว เพราะฉะนั้น..พวกนี้เหมือนอยู่ในที่มืด พอเห็นแสงสว่าง รู้ว่าตรงนี้ใช่แน่ ก็วิ่งเข้าหาเลย แต่ว่าน้อยรายที่เขาสามารถติดต่อได้ สามารถที่จะขอส่วนบุญส่วนกุศลได้ ก็เลยกลายเป็นว่าถ้าขอใครได้ก็กวนอย่าบอกใครเลย บางคนไปต่างประเทศบอกว่านอนไม่หลับ หารู้ไม่ว่าผีมาขอส่วนกุศลเป็นพัน ๆ เลย ในเมื่อเขาไม่ได้ เขาก็ไม่เลิก สรุปว่าไม่รู้เรื่องว่าทำไมนอนไม่หลับ นี่ถ้าไม่ได้คุยกับผีก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นอย่างนี้ โดยเฉพาะไปอินโดนีเซีย ประเทศอิสลาม ผีมาทีหนึ่งเจ็ดแปดพัน ถามว่าพวกแกตายทำไมไม่ลงนรก ? เขาบอกว่าเขาตายก่อนหมดอายุ เออ...รอดไป แล้วมาหาทำไม คนละศาสนากัน ? เขาบอก ตอนเป็นคนโง่พอแล้ว ตอนเป็นผีนี่รู้แล้วว่าอะไรดีอะไรชั่ว ก็ยังดีที่ฉลาดทัน ก็เลยอุทิศส่วนกุศลให้เขาไป เพราะถ้าไม่ให้เขาก็กวนทั้งคืน ไม่ต้องนอนกันพอดี ล่าสุดไปที่ประเทศญี่ปุ่น ไปได้องครักษ์คอยเฝ้าให้ ประเทศญี่ปุ่นต้องบอกว่าน่าสงสารหรือเราน่าสงสาร เตียงก็สั้น ๆ ผ้าห่มก็สั้น ๆ นอนไปนี่ตีนโผล่ แล้วอากาศ ๕ องศา หนาวอย่าบอกใครเลย นอนไม่หลับ ท้ายสุดก็เลยต้องโวยกับพ่อองครักษ์ ขอให้เขาช่วยให้หายหนาวถึงนอนได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2019 เมื่อ 10:48 |
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#62
|
||||
|
||||
อาตมามีเพื่อนเป็นด็อกเตอร์ เรียนจบด็อกเตอร์ ๒ ใบเลย พิการแบบนี้แหละ แต่ความสามารถสูงมาก อาตมาเห็นไม่ได้นึกว่าเป็นคนพิการ เขาเก่งกว่าเรา สอบได้คะแนนเท่ากันเป๊ะเลย คือวิทยานิพนธ์ท่านได้เกรดเอ แสดงว่าคะแนนต้องนำเยอะมาก แต่คอร์สเวิร์คของอาตมาน่าจะนำท่านมาก สองอย่างรวมกันแล้วตัดคะแนนมาได้เท่ากับเป๊ะเลย คนเก่ง ๆ มีความสามารถ ร่างกายพิการนิดหน่อย คนเขามองข้ามกันหมด เพราะว่าเขาดูที่ความสามารถของเรา
แบบเดียวกับครูไอซ์ที่ตาบอดแล้วสอนหนังสือที่โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ครูไอซ์สอนภาษาอังกฤษได้ยอดมาก เด็ก ๆ ทุกคนรักครูไอซ์ แต่ครูไอซ์ตาบอด มองอะไรไม่เห็น คนที่พิการจะพัฒนาความสามารถด้านอื่นขึ้นมาแทน สายตาพิการจะพัฒนาประสาทสัมผัสอื่นขึ้นมาแทน ร่างกายพิการ มือพิการก็จะใช้เท้า เท้าพิการก็ใช้มือ ดูแล้วก็คืออยู่ในลักษณะว่าพัฒนาเพื่อให้อยู่รอด ซึ่งเป็นหลักของการดำรงชีวิตของสรรพสัตว์เลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2019 เมื่อ 16:19 |
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#63
|
||||
|
||||
ท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่ไม่ประมาท ตั้งใจปฏิบัติในทาน ในศีล ในภาวนาเป็นปกติ การให้ทานเกิดใหม่ก็ร่ำรวย การรักษาศีลเกิดใหม่ก็มีรูปร่างหน้าตาสะสวยหล่อเหลา การภาวนาเกิดมาก็มีปัญญาฉลาดมาก
ฉะนั้น...ในสามส่วนนี้ควรที่จะทำให้เสมอกัน เพราะว่าถ้าคนสวยคนหล่อ แต่ไม่มีปัญญา ก็อาจจะโดนเขาหลอกลวง คนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่มีเงินเยอะเลย คนก็คงไม่สนใจเราเท่าไร อีกคนหนึ่งประเภทหน้าตาดี๊ดี แต่พูดอะไรซื่อบื้อไปหมด คนเขาคงไม่อยากจะคบหาด้วย ก็เลยกลายเป็นว่าควรที่จะทำทั้งสามอย่างให้เสมอกัน เมื่อถึงเวลาได้รับอานิสงส์ก็จะได้รับเหมือน ๆ กัน สวย รวย ดีเสมอกัน มีปัญญามากเสมอกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2019 เมื่อ 10:49 |
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#64
|
||||
|
||||
วันก่อนอาตมาไปรับรางวัลที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทั้งดารา ทั้งนักร้องมากันตั้งหลายคน ถ่ายรูปกัน อาตมาก็..เออ...เด็กรุ่นใหม่ ๆ เขามารยาทดี หน้าตาก็หล่อเหลาสะสวยดี โยมเขาบอกว่า "นั่นดารานะหลวงพ่อ" อาตมาบอกไม่รู้จักหรอก ดาราคู่สุดท้ายที่รู้จัก ผู้ชายชื่อทูน ผู้หญิงชื่อจารุณี ถ้าอายุน้อยกว่านั้นไม่รู้จัก
จะมีรู้จักเป็นพิเศษอยู่ก็กึ่งดารากึ่งนางงาม ก็คือคุณอรอนงค์ ปัญญาวงศ์ นางสาวไทยปี ๒๕๓๕ อันนี้รู้จักเพราะว่ามีคลิปเกี่ยวกับการฟ้อนข้าวประดับดิน ส่วนอีกท่านหนึ่งก็น้องป๊อป (อารียา) อันนั้นเป็นญาติกันเอง ไม่รู้จักก็ไม่ได้ นอกนั้นมานี่ไม่รู้ บางทีอยู่วัด เด็ก ๆ เขาวิ่งมา "หลวงพ่อ ๆ รถเมล์มา" บอกว่า "รถเมล์มาก็ดู อย่าให้เกี่ยวสายไฟ เพราะว่าถ้ารถสองชั้นเข้ามา บางทีก็เกี่ยวสายไฟของวัดขาด" เด็กบอกว่า "ไม่ใช่หลวงพ่อ รถเมล์เป็นดารา" "รถเมล์เป็นดารา ? เขาเอาไปขับรับใครในหนังหรือ ?" ฉะนั้น...อย่าเอาอะไรกับพระแก่ ถึงเวลาเขาแนะนำตัวดารา บอกตรง ๆ เลย ไม่รู้จัก ขอโทษด้วยนะ โตช้าไปหน่อย ถ้าโตเร็วกว่านี้ อาตมาอาจจะรู้จัก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2019 เมื่อ 10:51 |
สมาชิก 81 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#65
|
||||
|
||||
ครูบาอาจารย์ท่านอธิบายว่า ยันต์เกราะเพชรเป็นบารมีพระพุทธเจ้า ในเมื่อเป็นบารมีพระพุทธเจ้าก็คือมาจากพุทธศาสตร์ ความรู้ของผู้ตื่น ก็คือตื่นจากกิเลสแล้ว ส่วนไสยศาสตร์เป็นความรู้ของผู้หลับ ผู้ถูกถ่วงหนักด้วยอวิชชา หลงงมงายเหมือนคนที่อยู่ในความหลับ ในเมื่อความตื่นกับความหลับ ความสว่างกับความมืด ก็เลยอยู่ด้วยกันไม่ได้โดยธรรมชาติ
เมื่อถึงเวลาผู้ที่รับยันต์เกราะเพชรไป ถ้ามีการภาวนาเป็นปกติ จากประสบการณ์ของอาตมาที่ลงปักษ์ใต้ไปครั้งแรกเมื่อเกือบ ๓๐ ปีที่แล้ว ไปอยู่ในดงไสยศาสตร์พอดี ก็สงสัยว่าสัมผัสปุ๊บก็หาย สัมผัสปุ๊บก็หาย ก็เลยตั้งใจพิจารณาดูก็รู้ว่า ด้วยความที่เรามียันต์เกราะเพชรอยู่ เมื่อผ่านไปก็เลยทำลายไสยศาสตร์เขาไปด้วย ทันทีที่รู้สึกว่าเป็นไสยศาสตร์ ยันต์เกราะเพชรก็แสดงอานุภาพด้วยตัวเอง ก็เลยทำให้มั่นใจว่าไสยศาสตร์นั้นไม่สามารถที่จะสู้กับอำนาจของยันต์เกราะเพชรได้ แต่ก็มีบุคคลที่เคยรับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว กินไม่ได้ นอนไม่หลับหลายวัน จะตายเอา ไปหาครูบาอาจารย์ของตน เขาก็บอกว่าแกครอบครูโนราห์ แล้วดันไปรับยันต์เกราะเพชร ครูโนราห์มาทางสายไสยศาสตร์ ก็เลยทำให้เดือดร้อน อาตมาก็แนะนำว่าให้อธิษฐานขอบารมีพระว่า ให้ครูโนราห์สามารถเข้าออก ทำหน้าที่ของตัวเองได้ ผู้ที่รับไปก็บอกว่าทำไม่เป็น ท้ายสุดอาตมาก็เลยต้องอธิษฐานแทน ไม่อย่างนั้นแล้วครูโนราห์โดนกดอยู่ข้างใน ออกไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เตือนผ่านลูกผ่านหลาน เจ็บไข้ได้ป่วย หัวไม่วาง หางไม่เว้น เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครครอบครูสายโนราห์ทางปักษ์ใต้มา ก็ขอให้รู้ว่าถ้ามารับยันต์เกราะเพชรไป อาจจะมีปัญหานี้ ถ้ามีปัญหานี้ วิธีแก้ก็คือจุดธูปบอกพระพุทธเจ้าว่าขอให้ครูโนราห์ ซึ่งเป็นครูตามสายวิชาของครอบครัวของตน หรือว่าสายวิชาตามสายครูบาอาจารย์ของตนสามารถเข้าออกได้ ไม่อย่างนั้นโดนกดอยู่ข้างใน เดี๋ยวอาละวาดอีก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2019 เมื่อ 10:52 |
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#66
|
||||
|
||||
อีกส่วนหนึ่งที่พบมาโดยประสบการณ์เลยก็คือ บรรดาวัตถุที่ปลุกเสกด้วยวิธีไสยศาสตร์ต่าง ๆ ที่เป็นของต่ำ พวกนี้ถ้าเข้ามาในพิธียันต์เกราะเพชรนี่สลายตัวหมด ถ้าใครเสียดาย เคยแนะนำหลายคนแล้วว่าอย่าเอามา ถ้าเอามาเท่ากับเราตั้งใจทำลายทิ้งด้วยตนเอง
บางทีเวลาเป่ายันต์เกราะเพชร ตั้งใจดู เห็นบารมีพระครอบลงไป บรรดาสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ที่เป็นคุณผีคุณคน ไสยเวทย์อาคม วัตถุอาถรรพ์ต่าง ๆ ก็กระจายออกรอบข้าง เหมือนกับเราโยนถ่านร้อน ๆ ลงไปกลางฝูงมด มดก็แตกฮือไปรอบข้างในลักษณะอย่างนั้น ในส่วนนี้ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่า ในเรื่องของพุทธศาสตร์กับไสยศาสตร์นั้น ต่อให้ไม่ทำผิดคิดร้าย อย่างไรก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ต่อต้านกันโดยธรรมชาติ เหมือนความสว่างมา ความมืดก็ต้องหายไป เมื่อเข้าใจในจุดนี้แล้ว ญาติโยมทั้งหลายที่รับยันต์เกราะเพชรไป ก็ขอให้มั่นใจว่าเรารับเอาความดี ความสว่างเข้าไป เมื่อถึงเวลาถ้ามีการรักษาไว้ถูกต้องตามวิธีกรรม ก็คือพยายามภาวนาไว้ทุกเช้า พออารมณ์ใจทรงตัวตั้งมั่นแล้ว ก็ให้กลืนน้ำลายสัก ๓ ครั้ง ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มเราได้ทั้งวัน แต่ถ้าอยากให้มั่นใจก็ก่อนนอนว่าสักอีกรอบหนึ่ง ทำในลักษณะเดียวกัน ถึงเวลาเรานอนอยู่ ยันต์เกราะเพชรจะได้รักษาเราได้ เพราะว่าสมัยนี้เรื่องของไสยศาสตร์ลมเพลมพัดก็มีมาก กลางค่ำกลางคืนโดยเฉพาะวันอังคารและวันเสาร์ ประมาณ ๕ ทุ่มไปแล้ว ก็มักจะมีการปล่อยไสยศาสตร์ไป เพราะว่าถ้าไม่ปล่อย ตัวเองก็ร้อน อยู่ไม่ได้ ถึงเวลาได้ยินเสียงผิดปกติ โบราณถึงได้บอกว่าห้ามทัก เพราะว่าถ้าทักก็เหมือนกับเราเปิดประตูรับโจรเข้าบ้าน ตำรวจเห็นเราเปิดประตูรับ ก็คิดว่าโจรเป็นพวกเดียวกัน เลยไม่ช่วยป้องกัน ในเรื่องของเจ้าที่เจ้าทางเทวดาผีบ้านผีเรือนก็ตาม ถ้าหากว่าเราทัก เท่ากับเราเปิดโอกาสให้เขาเอง ท่านก็ไม่กันให้เหมือนกัน ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ท่านจึงจำเป็นที่จะต้องรับยันต์เกราะเพชรหรือมียันต์เกราะเพชรติดตัวเอาไว้ อาตมาเองก็ยังคงพกอยู่เป็นปกติ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2019 เมื่อ 10:54 |
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#67
|
||||
|
||||
(คุยกับนักศึกษาปริญญาตรี สาขาวิปัสสนาภาวนา) งานนี้เราเน้นตรงการรับศีลและภาวนา เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งที่ให้ทำความดี นี่เป็นแค่งานมุมเดียวของสำนักปฏิบัติธรรมเท่านั้น หลัก ๆ เลยเรายังมีจัดปฏิบัติธรรมอย่างน้อยปีละ ๖ รุ่น มีงานอุปสมบทหมู่ฟรีปีละ ๔ ครั้ง มีบวชสามเณรภาคฤดูร้อนฟรี เหล่านี้เป็นต้น แล้วก็พวกอบรมค่ายพุทธบุตร อบรมญาติโยมต่าง ๆ ฉะนั้นที่เราเห็นนี่แค่งานมุมเดียวเท่านั้น ค่อย ๆ เสนอเอา เก็บข้อมูลสัก ๒ ปีน่าจะหมด
วัดท่าขนุนของเราตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรี ปี ๒๕๕๑ ปลายปีด้วย จำได้ว่าเป็นเดือนตุลาคม พอมาปี ๒๕๕๓ รับรางวัลสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่นเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งทั่วประเทศมี ๘๓ แห่งเท่านั้น บรรดานิสิตปริญญาตรีสาขาวิปัสสนาภาวนาเขามาเก็บข้อมูลกัน ว่าสำนักปฏิบัติธรรมที่ได้รับรางวัลดีเด่น มีการกระทำอะไรที่สมควรแก่การได้รับรางวัลบ้าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2019 เมื่อ 10:55 |
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#68
|
||||
|
||||
ถ่ายไปกี่ครั้ง หลวงตาก็เหมือนเดิม พวกเอ็งน่ะแก่ไปเรื่อย พวกเหลน ๆ ถ่ายรูปไว้ดู คงเครียดไปตาม ๆ กันว่าตัวเองแก่ขึ้นเรื่อย ๆ หลวงตาก็อยู่เท่าเดิม
เดี๋ยวอีก ๒๐ ปีให้หลังมาดูรูปนี้ว่าโยมแก่ไปเท่าไร ส่วนอาตมานี่ไม่ต้องห่วง จะอยู่แค่นี้แหละ มีคนพยายามพิสูจน์ทราบมาเกิน ๓๐ ปีแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2019 เมื่อ 10:55 |
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#69
|
||||
|
||||
(บอกกับผู้ที่ช่วยงานใกล้ชิด) ต้องบอกว่าซักซ้อมไว้ให้ดีแล้วจะยืนระยะได้ ของคุณเผลอหน่อยเป็นหลุด ไปอารมณ์เสียใส่โยมเขาอยู่เรื่อย
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. งานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร ณ วัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2019 เมื่อ 10:56 |
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|