|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#61
|
||||
|
||||
ถาม : เวลานอนเหมือนกับสมาธิลึกไป แต่นอนไม่หลับ ?
ตอบ : จริง ๆ ไม่ใช่นอนไม่หลับนะ..นอนหลับ แต่สติตื่นอยู่ คือสภาพจิตของเราถ้าฝึกไปถึงระดับหนึ่งจะตื่นอยู่ตลอดเวลา ทั้งหลับทั้งตื่นรู้เท่ากัน เราต้องรู้จักสังเกตว่าถ้าเรานอนไม่หลับจริง ๆ ตื่นมาต้องเพลีย แต่นี่ไม่เพลียเลย แสดงว่าหลับเต็มที่ แต่จิตตื่นอยู่ สภาพอย่างนั้นคือสิ่งที่นักปฏิบัติต้องทำให้ถึง ไม่อย่างนั้นแล้วกิเลสกินเราตอนตื่นไม่ได้ จะไปกินเราตอนหลับ ต้องหลับกับตื่นมีสติรู้เท่ากัน เราจึงสามารถป้องกันกิเลสได้ทั้งหลับและตื่น ถาม : ผมจะหาวิธีลดกำลังสมาธิ ? ตอบ : ไม่ต้องเสียเวลาหรอก นอนสบาย ๆ ของเราไป พอถึงเวลาก็เอาสติควบคุมระมัดระวัง รัก โลภ โกรธ หลง อย่าให้เกิดขึ้น ร่างกายเขาหลับเองอยู่แล้ว บางทีได้ยินเสียงกรนด้วย แต่พอจิตตื่นอยู่ เราก็ไปคิดว่าเราไม่หลับ ถาม : จะกังวลครับ ? ตอบ : ไม่ต้องกังวลแล้ว เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ถึง ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะสู้กิเลสไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2012 เมื่อ 11:24 |
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#62
|
||||
|
||||
ถาม : เรื่องการรักษาศีลต้องสมาทานทุกวันหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่ต้อง..ศีลอยู่ที่เรางดเว้น สมาทานเป็นการศึกษาว่าศีลมีอะไรบ้าง เมื่อเรารู้แล้วเราตั้งใจงดเว้นถึงจะเป็นศีล ไม่อย่างนั้นสมาทานให้ปากฉีกถึงใบหูก็ไม่มีผล ก็แปลว่าศีลต้องลงมืองดเว้น มีโอกาสล่วงละเมิดแล้วไม่ละเมิดถึงจะเป็นศีล ถาม : ถ้าไม่ละเมิด ไม่ต้องสมาทานก็ได้ ? ตอบ : ไม่ต้องสมาทานหรอก รู้อยู่แล้ว สมาทานแปลว่าศึกษา ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วก็ไม่เห็นต้องไปศึกษาว่าศีลมีอะไร ให้ทำไปเลย ถาม : ถ้าเราทำผิดศีลไปแล้ว ? ตอบ : เริ่มต้นทำใหม่ทันที มัวแต่ไปเศร้าหมองอยู่ก็ไม่ได้เรื่องสักที
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2012 เมื่อ 11:25 |
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#63
|
||||
|
||||
ถาม : วิรัติแปลว่าอะไรคะ ?
ตอบ : วิรัติแปลว่างดเว้น งดเว้นตามที่ศีลได้ห้ามไว้ มังสวิรัติ คือ งดเว้นเนื้อสัตว์ วิรัติ แต่อ่านว่า วิ-รัด ไม่รู้ราชบัณฑิตตัดสระอิไปอีกหรือเปล่า มาหลัง ๆ นี่ตัดออกไปเยอะ ที่รุ่นเก่า ๆ อย่างอาตมาเรียนมา ตอนนี้แทบจะใช้อะไรไม่ได้เลย กลายเป็นผิดไปหมด ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : กำลังใจบอกไม่ได้ ความเป็นจริงถึงจะเชื่อได้ ฉะนั้นความเป็นจริงเรางดเว้นได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว บริบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังงดเว้นแค่ตัวเอง เราอาจจะยินดีในขณะที่เห็นคนอื่นเขาละเมิด ถาม : ถ้าเรายินดีที่คนอื่นทำผิด ? ตอบ : ก็ต้องพยายามควบคุมกำลังใจของเรางดเว้นให้ได้ อย่ายุเขาทำ อย่ายินดีเมื่อเขาทำ ปิดหูปิดตาปิดปาก ไม่อย่างนั้นรับรู้มากก็ผิดมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2012 เมื่อ 11:26 |
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#64
|
||||
|
||||
ถาม : ขอพรจากพระจันทร์ จะได้ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ลองดูสิ..ถ้าทำแล้วได้ผลก็บอกด้วย อาตมาจะได้ขอบ้าง ความจริงการขอพรจากพระจันทร์เป็นนิทานจากเมืองจีน เรื่องมีอยู่ว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งทำงานเลี้ยงแม่ที่แก่แล้ว เขาเป็นคนขยัน ทำงานทั้งกลางวันกลางคืน พอเห็นว่าเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำฟ้าสว่าง ก็ทำงานกลางคืนด้วย ทำไปทำมาเพลียหลับไป ตื่นขึ้นมาปรากฏว่างานที่ทำไว้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเก็บผักหาบฟืน กลายเป็นเงินเป็นทองไปหมด ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่เขาเล่ากันต่อ ๆ มา นั่นแปลว่าเขาทำความดีแล้วได้รับผลตอบแทน ไม่ใช่ไปขอเฉย ๆ เขาเชื่อว่าเทพธิดาจันทราเนรมิตให้ ทำความดีแล้วจึงได้การตอบแทน ไปขอเฉย ๆ ถ้าได้ก็ประหลาดแล้ว แต่ความจริงเขาเข้าใจถูกนะ พระจันทร์ที่มีสีเหลืองเพราะว่ามีธาตุทองมาก ไปขอพรจากพระจันทร์ เผลอ ๆ ทองหล่นลงมาก็ดี ส่วนโลกของเราเป็นสีฟ้าเพราะว่ามีธาตุน้ำมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2012 เมื่อ 00:57 |
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#65
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "เวลาซื้อเสื้อดูตัวเองด้วยนะจ๊ะ ถ้าพรีเซ็นเตอร์ใส่แล้วสวย แต่เราไม่ได้หุ่นอย่างนั้นก็ไม่สวยไปได้หรอก ส่วนใหญ่เด็กสมัยนี้เขาเชื่อพรีเซ็นเตอร์ นั่นก็ดี..นี่ก็ดี เพราะเขาคัดคนที่สวย ๆ หล่อ ๆ มาทั้งนั้น ส่วนเราลืมดูเงาตัวเองไปหน่อย..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2012 เมื่อ 00:58 |
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#66
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาโดนโยมชวนให้เล่นหวยบ่อย วันก่อนงานปฏิบัติธรรมมีคนหนีบแผงหวยขึ้นมา อาตมาก็ขำว่าใครจะซื้อ จะว่าไปก็เป็นอาชีพของเขา เพราะเขาต้องทำมาหากิน ที่ไหนคนเยอะเขาต้องไปที่นั่น แต่เขาไม่รู้ว่าที่วัดท่าขนุนไม่ได้เล่นเรื่องนี้เป็นหลัก เพราะฉะนั้น..โยมไปขาย เขาก็ไม่ค่อยจะซื้อกัน
ตอนนี้ด้านข้างสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ ว่าจะปรับพื้นเทคอนกรีตให้เรียบเสมอกัน อาจจะตั้งตู้ให้เขาขายของ แรก ๆ ก็ให้ขายแบบไม่เก็บค่าเช่าไปเลย เพื่อที่จะได้สร้างงานให้ชุมชน คนมาแวะนมัสการจะได้มีข้าวของซื้อหาบ้าง แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ พออยู่นาน ๆ ไป คนมากเข้า ๆ การดูแลไม่ทั่วถึง มีคนมาขายของอยู่ อย่างน้อยก็เป็นหูเป็นตาให้เราได้ ตอนนี้ที่มอง ๆ อยู่ รายแรกก็เป็นคนทำเสื้อเกี่ยวกับทองผาภูมิ ที่ว่าเมืองแห่งขุนเขา ขายเป็นของที่ระลึกได้อย่างหนึ่ง อาจจะมีผักผลไม้พื้นบ้าน อย่างปลาส้มทองผาภูมิก็ดัง ถึงเวลาก็เอามาจำหน่ายกันตรงนั้น แต่ก็คงจะเจอผักกูดเป็นหลักมากกว่า"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2012 เมื่อ 00:59 |
สมาชิก 223 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#67
|
||||
|
||||
ถาม : เคยได้ยินว่าเด็กที่กินนมวัวเยอะ ๆ แล้วเป็นภูมิแพ้ ทีนี้ลูกเขาเป็นภูมิแพ้ขึ้นมาแล้ว อาจเป็นกรณีที่กินนมวัว จะแก้ไขด้วยการเลิกกินนมวัว หรือกินอย่างอื่นแทนได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าจะกินนมให้กินนมถั่วเหลือง ต้องเป็นพวกนมถั่วเหลืองเจด้วย เพราะว่านมถั่วเหลืองทั่วไปปนนมวัว ๑๕ เปอร์เซ็นต์ ให้เลือกกล่องที่เขาเขียนว่าเจ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2012 เมื่อ 00:59 |
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#68
|
||||
|
||||
ถาม : วัตถุมงคลที่สร้างขึ้นมาเป็นพระพุทธรูปจะมีเทวดาคุ้มครองอยู่ รวมถึงพระพุทธรูปตามร้านสังฆภัณฑ์ด้วยหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ด้วยจ้ะ ถาม : ต่างจากเข้าพิธีพุทธาภิเษกอย่างไรคะ ? ตอบ : การเข้าพิธีพุทธาภิเษกเป็นการระบุเจาะจงว่า ให้เทวดาหรือพรหมท่านใดดูแลพระพุทธรูปองค์ไหน หรือวัตถุมงคลชิ้นไหน แต่ถ้าในลักษณะของการสร้างขึ้นมาไม่ได้พุทธาภิเษก ก็เหมือนกับว่าเป็นการทั่ว ๆ ไป แบบผ่านไปก็ดูให้สักหน่อยหนึ่ง เข้าพิธีถือว่าเป็นหน้าที่โดยตรง ส่วนไม่ได้เข้าพิธีก็แล้วแต่ท่านจะสงเคราะห์ ถาม : บางท่านสร้างวัตถุมงคลเป็นรูปพระ แต่เจตนาเป็นไปทางไสยศาสตร์ เป็นไปได้ไหมคะ ? ตอบ : ได้..ไสยศาสตร์ส่วนใหญ่ก็ใช้หัวใจพระธรรมทั้งนั้น ถาม : หัวใจพระธรรม ? ตอบ : บทคาถาส่วนใหญ่เป็นหัวใจพระธรรมในพระไตรปิฎก เพียงแต่ว่าอยู่ที่กำลังใจเขาว่ามุ่งไปทางไหน ถ้ามุ่งไปทางไม่ดี ถึงเวลากำลังใจทรงตัว ผลก็ไปทางไม่ดี เพราะคาถาเป็นเพียงเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิเท่านั้น ถาม : ถ้าเขาสร้างขึ้นมาเพื่อทางไสยศาสตร์ แล้วเราเอาไปเข้าพิธีเป่ายันต์เรียบร้อยแล้ว ไสยศาสตร์จะหายไปหรือเปล่าคะ ? ตอบ : ถ้าไปเข้าพิธีก็หมดเกลี้ยงไม่เหลือหรอก อาตมาทำพิธีเป่ายันต์ฯ ทีไร มักจะเตือนพวกเล่นไสยศาสตร์ว่า ถ้าเสียดายของตัวเอง ให้รีบไปให้พ้นบริเวณวัดไว ๆ ขืนอยู่ต่อวิชาจะเสื่อมหมดสภาพไปเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2012 เมื่อ 01:01 |
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#69
|
||||
|
||||
ถาม : แล้วเบอร์โทรศัพท์ที่ทำให้ป่วยได้ ?
ตอบ : กรรมทำให้ได้เบอร์นั้นมา ถาม : ทำอย่างไรดีครับ หรือเปลี่ยนใหม่ ? ตอบ : ก็ไปเปลี่ยนเสีย ถาม : เปลี่ยนแล้วดีขึ้นหรือครับ ? ตอบ : ดี..อย่างน้อย ๆ ก็สนับสนุนให้บริษัทโทรศัพท์รวยขึ้น อาตมายืนยันแล้วว่าเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์หรือเปลี่ยนชื่อไม่มีประโยชน์ ต้องเปลี่ยนความประพฤติตัวเอง ถ้าความประพฤติยังเหมือนเดิม เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ให้ตายก็เท่านั้นแหละ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2012 เมื่อ 16:34 |
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#70
|
||||
|
||||
ถาม : ขออโหสิกรรมกับผู้ที่ตายไปแล้ว ?
ตอบ : ไม่ได้..การอโหสิกรรมนั้น โจทก์และจำเลยต้องอยู่ต่อหน้ากัน อโหสิกรรมยอมความกันทั้ง ๒ ฝ่ายถึงจะจบ ถาม : เขาตายไปแล้วครับ ? ตอบ : ตายไปแล้วเราอโหสิกรรมอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนเขาจะอโหสิกรรมให้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2012 เมื่อ 16:34 |
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#71
|
||||
|
||||
ถาม : ของที่เข้าไปอยู่ในร่างกาย พอเสื่อมแล้ว ไม่มีออกจากตัว ?
ตอบ : ถ้าเสื่อมแล้วสภาพเดิมจะปรากฏ เราไปเอ็กซเรย์ก็จะเห็น ถ้าเอ็กซเรย์แล้วไม่เห็นแปลว่าไม่ใช่ ถาม : แต่ถ้าเห็นสิ่งนั้นก็ยังต้องดูต่อ ? ตอบ : ถ้าหมดสภาพส่วนใหญ่จะพ้นตัวไปเลย ถ้าตกค้างอยู่จะเห็นได้ ถาม : ตกค้าง ต้องหาวิธีเอาออกหรือครับ ? ตอบ : หมอสมัยใหม่ผ่าได้ ที่บอกว่าอยู่ ๆ ประเภทคนไข้กลืนเข็มกลืนตะปูลงไป คุณลองให้หมอกลืนดูซิว่าจะกลืนได้ไหม ? หมอก็ว่าไปเรื่อย เพราะอธิบายไม่ได้ว่าทำไมของพวกนี้ไปอยู่ข้างในร่างกาย ต้องไปให้หมอผ่าออก ถาม : ถ้าเป็นพวกฝังรูปฝังรอย ? ตอบ : พวกฝังรูปฝังรอยต้องขุดขึ้นมา ถาม : ถ้าไปรับยันต์ แล้วของจะเสื่อมไหม ? ตอบ : ที่เสื่อมคือผลที่เกิดขึ้นกับตัวเราไม่มี แต่ของยังอยู่ที่เดิม อย่างฝังรูปฝังรอยสมัยก่อนเขาต้องฝังอยู่ใต้บันไดที่เราขึ้นลง สมัยนี้จะเอาที่ไหนมาฝัง เพราะพื้นเป็นคอนกรีตทั้งนั้น ถาม : ก็เลยไปฝังที่อื่น ? ตอบ : เขาจะไปฝังทางสามแพร่งก็ปล่อยเขาฝังไปเถอะ ผลก็เกิดกับคนอื่น ไม่เกิดผลกับเรา ฝังรูปฝังรอยสมัยนี้นอกรีตมากกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2012 เมื่อ 16:36 |
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#72
|
||||
|
||||
ถาม : พ่อผมทำบุญบ้าน แล้วพระท่านลืมบริขาร ผมเก็บไว้ที่บ้านครับ ?
ตอบ : รอท่านมารับคืนสิ หรือถ้ารู้จักท่านก็ตามไปคืนท่านที่วัด ถาม : ท่านอยู่ที่ไหนไม่รู้ครับ ? ตอบ : เอาไปถวายวัดที่ไหนก็ได้ อย่าไปทิ้งไว้บ้านก็แล้วกัน เอาไว้เดี๋ยวเป็นหนี้สงฆ์ ความจริงถ้าเป็นพระที่ท่านรักบริขารตัวเอง ท่านต้องรีบกลับมาเอาคืนนานแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2012 เมื่อ 16:36 |
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#73
|
||||
|
||||
ถาม : พระทุ่งเศรษฐีร้อยปีหลวงปู่ปานของวัดท่าซุงหายากไหม ?
ตอบ : ยังพอหาได้อยู่ พระทุ่งเศรษฐีร้อยปี สร้างปี ๒๕๑๘ พวกเราเกิดไม่ทันกันเยอะเลย ก่อนที่จะมีพระสมเด็จคำข้าว พระสมเด็จหางหมาก อาตมาก็เล็งพระทุ่งเศรษฐีรุ่นร้อยปีฯ นี่แหละ พอมีเงินครบก็ไปนั่งเลือกกัน หลวงตาวัชรชัยอีกคน ช่วยกันเลือกจนจับจุดได้ว่า มีอยู่ ๖-๗ พิมพ์ที่ไม่เหมือนกัน แล้วก็มีสีไม่เหมือนกัน ดำปี๋เลยก็มี เพราะฉะนั้น..ถ้ามีสีดำก็ไม่ต้องแปลกใจหรอก เป็นเรื่องปกติ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2012 เมื่อ 16:38 |
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#74
|
||||
|
||||
ถาม : ช่วงนี้กำลังเริ่ม..(ไม่ได้ยิน)
ตอบ : อะไรก็แล้วแต่ อย่าลืมเรื่องการตัดกิเลสของเรา ทุกอย่างพยายามดึงเราไปจากจุดหมายนี้ ให้เราช้าไปเรื่อย ๆ ถ้าตายก่อนนี่ขาดทุนเลย นักปฏิบัติพอทำไปถึงระดับหนึ่ง ญาณคือเครื่องรู้จะปรากฏขึ้น แต่คราวนี้เขาให้เรารู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของการตัดกิเลส การตัดกิเลสเราต้องมาใช้ปัญญาครุ่นคิดพิจารณาเอง เพราะฉะนั้น..ในเมื่อรู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของการตัดกิเลส บางทีเขาพาเราออกทะเลกู่ไม่กลับเลย จะคิดอะไรก็เป็นเหตุเป็นผลสัมพันธ์กันหมด ชนิดสามารถทำให้ลิงกับหมาเป็นสัตว์ชนิดเดียวกันได้ เปรียบเทียบตามตรรกศาสตร์ ลิงเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หมาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โยงไปโยงมา เพราะฉะนั้นหมากับลิงก็เหมือนกัน เขามีผลเป็น T (True) กับ F(False) ในเมื่อ T หมด ผลสรุปก็ต้อง T ใช่ไหม ? เพราะฉะนั้นลิงกับหมาเป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน เรื่องของเครื่องรู้นี่อย่าให้โผล่ โผล่เมื่อไรเป็นเรื่องเมื่อนั้น รู้จริง ๆ แต่รู้แล้วพาให้หมดกิเลสไม่ได้ ถึงได้เรียกว่าอุปกิเลส แปลว่าใกล้จะเป็นกิเลส ก็คือ ถ้าเราเชื่อแล้วไปคล้อยตามก็กลายเป็นกิเลสไปเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2012 เมื่อ 16:40 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#75
|
||||
|
||||
ทิดกวางถวายมีดเข้าร่วมกฐินปลดหนี้ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "เล่มนี้เขาเรียกว่า มีดเสือซ่อนเล็บ แต่เล่มนี้เป็นของบ้านจ่าตุ่มทำ ถ้าเราถือไป คนเขาจะไม่ระแวง เขาคิดว่าเป็นไม้ท่อนหนึ่ง
เสือซ่อนเล็บของจริงจะเป็นมีด ๒ เล่ม ใส่สวนกัน ชักออกมาจะเป็นมีด ๒ เล่ม แต่เล่มนี้เขาทำเป็นลักษณะซามูไรสั้น เขาเรียกว่า ตันโตะ ถ้าเป็นขนาดกลางเขาเรียกว่า วากิซาชิ ถ้าเป็นขนาดยาวก็เรียกว่า คาตานะ ถ้าใครอยากรู้ว่าสุดยอดซามูไรยุคปัจจุบันเป็นใคร ก็ไปค้นหาชื่อ อิซาโอะ มาชิอิ เดี๋ยวก็รู้ เขาเก่งมาก ขนาดที่ลูกปืนอัดลมยิงด้วยความเร็ว ๓๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เขาฟันขาดกลางเลย ตอนแรกเขาทดสอบด้วยการฟันของที่ช้าก่อน ก็คือ ลูกบอลที่ยิงด้วยเครื่อง ความเร็ว ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วหลังจากนั้นก็เล็กลง ยิงลูกเบสบอลด้วยเครื่อง ความเร็ว ๓๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง สุดยอดนักเบสบอลขว้างลูกด้วยความเร็วสูงสุดแค่ ๑๖๑ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่พอยิงด้วยเครื่องจึงเร็วกว่านั้นเป็นเท่าตัว แล้วหลังจากนั้นก็ใช้ลูกปืนลมที่ยิงด้วยปืนความเร็ว ๓๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียว เขาฟันขาด ๒ ซีกเลย แล้วที่เหลือเชื่อก็คือ ไม่เคยชักดาบรอเลย รอจนเครื่องยิงแล้วถึงชักดาบ อะไรจะเร็วได้ปานนั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:42 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#76
|
||||
|
||||
"สถิติที่เขาทำเอาไว้มีเยอะมาก ล่าสุดกินเนสบุ๊กบันทึกไว้ ยิงลูกเทนนิสด้วยความเร็ว ๗๐๘ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฟันขาด ๒ ซีกเลย ต้องบอกว่าลูกเทนนิสยังใหญ่ไปสำหรับเขา นั่นคือความสามารถจากการฝึกฝน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า สุทันตา เยวะ อิทธิยา ผู้ฝึกตนดีย่อมเป็นผู้มีฤทธิ์ เขาแค่ฝึก แต่ว่าเป็นการฝึกกายประสานกับใจ ทำด้วยฉันทะ คือใจรักจริง ๆ ได้ยินเรื่องของยอดซามูไรในอดีตว่าทำอะไรได้ ก็พยายามทำตาม ฝึกฝนมาตั้งแต่อายุ ๕ ขวบ ปีนี้อายุ ๓๕ ปี ฝึกมา ๓๐ ปี ตอนนี้เปิดโรงเรียนสอนซามูไร ใครจะไปสมัครเป็นลูกศิษย์ให้เขาสอนก็ได้ อยู่ที่ญี่ปุ่น อย่างเขาเป็นประเภทฟันเราหัวขาดแล้วยังยืนคุยต่อได้อีกพักหนึ่ง กว่าจะรู้ตัวว่าหัวขาดไปแล้ว ถ้าถามว่าอิซาโอะเก่งที่สุดหรือเปล่า ? ต้องบอกว่าเก่งสำหรับยุคนี้ เพราะช่วงแค่อยุธยาของเรา ทหารไทยที่ทำแบบนี้ได้มีมากต่อมากด้วยกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:43 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#77
|
||||
|
||||
ถาม : มีดนี้ด้ามเป็นไม้อะไรครับ ?
ตอบ : ดูแล้วน่าเป็นแก่นไม้ประดู่ชิงชัน เพราะถ้าเป็นไม้พยุงจะดำไปเลย ความจริงเทคนิคการหลอมโลหะในสมัยปัจจุบันควบคุมความร้อนได้ น่าจะมีนักตีมีดตีดาบสักคนหนึ่งที่ตั้งหน้าตั้งตาหลอมโลหะ ให้ได้ลักษณะที่โบราณเขาบอกไว้ว่า โลหะ ๓๐๐ ชั่ง หลอมเหลือ ๓๐ ตำลึง เวลาหลอมโลหะจะมีฝ้าลอยหน้าขึ้นมา ก็คือ ขี้โลหะนั่นแหละ หลอมไปหลอมไปน้ำหนักจะลดลงไปเรื่อย จนกระทั่งเหลือแต่เนื้อโลหะล้วน ๆ โลหะ ๓๐๐ ชั่ง หลอมเหลือ ๓๐ ตำลึงคงหมดฟืนไปเป็นป่าเลย สมัยที่อาตมายังเด็ก ๆ ใกล้ ๆ บ้านคุณตาคุณยายมีโรงตีเหล็กอยู่ อาเจ็กเจ้าของโรงตีเหล็กเล่าให้ฟังว่า สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทหารญี่ปุ่นมาดูแกตีเหล็ก อาเจ็กก็ตีเหล็กชุบเหล็กไปตามแบบปกตินั่นแหละ ทหารญี่ปุ่นเขาดูแล้วยืนสั่นหัว ขอคีมขอค้อนแบบภาษาใบ้ อาเจ็กก็ส่งให้ ทหารญี่ปุ่นคีบพร้าที่แกตีเสร็จแล้ว ยัดกลับเข้าเตาเผาใหม่ เผาแล้วก็จ้องดูอยู่ จนได้ระดับที่เขาพอใจแล้ว ค่อยดึงออกมาชุบแล้วก็ตี พอตีเสร็จสรรพเรียบร้อย เขาให้อาเจ็กหยิบพร้าที่ตัวเองตีเสร็จถือไว้ แล้วก็เอาพร้าที่เพิ่งจะตี เพิ่งจะลับเสร็จ ฟันใส่ พร้าของอาเจ็กขาด ๒ ท่อนเลย..! เขาบอกว่าความร้อนต้องถึงระดับหนึ่งที่เนื้อเหล็กเปลี่ยนสีไปได้ขนาด เขาชำนาญมากขนาดดูสีเนื้อเหล็กออก ว่าระยะนั้นเหล็กจะทั้งเหนียวทั้งคม ถ้าหากว่าขึ้นคมเสร็จแล้วสามารถตัดเหล็กด้วยกันได้ เหล็กชนิดเดียวกัน เพียงแต่ว่าระยะเวลาในการเผา ชุบ ตีต่างกัน ผลออกมาต่างกันได้ขนาดนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:45 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#78
|
||||
|
||||
ถ้าใครดูเรื่อง Kill Bill ที่นางเอกเป็นผู้หญิงฝึกซามูไร พออยากได้อาวุธคู่มือ ต้องไปหาปรมาจารย์ทางซามูไรให้ผลิตซามูไรให้เล่มหนึ่ง นั่นเป็นความชำนาญเฉพาะในวิชาชีพ เป็นการทุ่มเทใส่ใจจริง ๆ
เมื่อมีฉันทะ พอใจที่จะทำ ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนรู้ศึกษาทำไป ด้วยวิริยะ คือความพากเพียร จิตตะ จิตใจจดจ่ออยู่กับผลงานของตัวเอง ศึกษาจนกระทั่งรู้รอบ แล้วก็มีวิมังสา ไตร่ตรองทบทวนผลงานอยู่เสมอ ๆ ดังนั้น..ที่พระพุทธเจ้าตรัสเกี่ยวกับอิทธิบาท ๔ ใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ระดับต่ำสุดถึงสูงสุด ถ้าประกอบไปด้วยอิทธิบาท ๔ จะทำงานสำเร็จทุกอย่าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:46 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#79
|
||||
|
||||
ถาม : อยากเจริญเมตตา..?
ตอบ : ก็ซ้อมแผ่เมตตานั่นแหละ เสร็จแล้วก็ภาวนาต่อ ถ้าอารมณ์ภาวนาทรงตัว เท่ากับว่าเราทรงตัวเป็นฌานในเมตตาบารมี จะรักษาระยะได้ยาวขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าหากว่าหลุดจากลมหายใจเมื่อไรก็หายไป ก็มาเริ่มต้นแผ่เมตตาแล้วภาวนาต่อ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:46 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#80
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาเข้าพรรษา ธรรมเนียมของพระจะมี การไปรายงานตัวต่อครูบาอาจารย์ ภาษาบาลีเขาเรียกว่า ทำสามีจิกรรม สมัยก่อนไปรายงานตัวก็เหมือนกับไปแจ้งครูบาอาจารย์ว่า ปีนี้จำพรรษาอยู่ที่ไหน ใกล้ไกลอย่างไร ถึงเวลาจะได้รู้ ไปมาหาสู่กันถูก
ก่อนหน้านี้ก็ทำเฉพาะพระอุปัชฌาย์อาจารย์ พอมาระยะหลัง ๆ เขารวมเจ้าคณะปกครองเข้าไปด้วย ซึ่งตามสายปกครองอยู่กรุงเทพฯ กลายเป็นว่าพระภิกษุสามเณรในระยะหลังต้องเดินทางไกล โดยเฉพาะบรรดาต่างจังหวัดไกล ๆ อย่างหนเหนือ หนใต้ หนตะวันออก ต้องมาค้างคืน พระผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ ท่านจะกำหนดวันแรม ๓ ค่ำของทุกปี เป็นวันที่พระผู้น้อยมาทำสามีจิกรรมด้วย ก็เท่ากับว่านัดเจอกันแรม ๓ ค่ำ แต่ท่านที่มาก่อน ตั้งแต่ ๒ ค่ำก็มี แล้วก็อาจจะมาช้าถึง ๔ ค่ำก็มี ดังนั้น ๒-๓-๔ ค่ำ ส่วนใหญ่พระผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ เท่ากับโดนบังคับว่าต้องอยู่วัด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:47 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|