|
ซัวสะเดย..เนียงลออ ซัวสะเดย..เนียงลออ โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#61
|
||||
|
||||
สามัคคีชุมนุม..กินกระจาย..! ฉันของหวานเสร็จพนักงานก็ยกออกไป แล้วเอาชาร้อนกาใหม่มาถวาย เมื่อจดบันทึกเสร็จอาตมาก็ลุกไปบันทึกภาพคณะที่โต๊ะใหญ่ ด้านขวามีคุณเสนอ คุณนลินรัตน์ พี่ปราณี พี่วิไล ด้านซ้ายเป็นแม่ป๋อม พี่มุกดา ป้ามอยและน้องเล็ก มีลูกปุ๊กกับคุณณรงค์นั่งปิดหัวท้าย กินไปคุยไปเสียงค่อนข้างดังทีเดียว แต่บรรดาลูกค้าโต๊ะอื่น ๆ ทั้งไทยและฝรั่งก็ไม่มีใครถือสา อาตมาเดินเลยไปดูการตกแต่งภายในรอบโรงแรม เห็นมีพานดอกบัวสวย ๆ ตั้งอยู่สองพาน จึงถ่ายรูปไปด้วย จะถ่ายรูปแหม่มสาวคนสวยที่นอนเอกเขนกอ่านหนังสืออยู่บน "ตั่งฝรั่ง" ก็เกรงใจ กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาทและรบกวนเขา... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2015 เมื่อ 18:02 |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#62
|
||||
|
||||
คุณเก่งผู้ดูแลธนาคารคนเดียว ๔ สาขา..! เพิ่งกลับมาถึงที่นั่งพี่ปราณีก็พาหนุ่มใหญ่ในเสื้อเชิร์ตแขนสั้นลายตารางหมากรุก มีแว่นกันแดดเสียบอยู่ที่อกเสื้อมาแนะนำตัว ว่า "นี่คือคุณเก่งค่ะ เป็นกรรมการผู้จัดการทั่วไป ดูแลธนาคารไทยพาณิชย์ในกัมพูชา ๔ สาขา คือพนมเปญ เสียมเรียบ พระตะบอง และสีหนุวิลล์ เป็นคนทำงานเก่งสมชื่อเลยค่ะ" อีกฝ่ายถามว่าอาตมามีบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์หรือเปล่า ? ต้องบอกไปตามตรงว่าไม่มี เพราะทองผาภูมิเป็นอำเภอหลังเขา มีธนาคารอยู่แค่ออมสิน กรุงไทย นครหลวงไทย (โดนควบกิจการเป็นธนชาติ) และธนาคารเพื่อการเกษตร แต่ลูกปุ๋ม (ชุติมา พยัตเทพินทร์) ลูกสาวคนรองของอาตมาเป็นหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อ ทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อเสวนากันเสร็จพี่ปราณีก็พาคุณเก่งไปกินข้าวด้วยกัน... "จะนอนพักก่อนก็ได้นะคะหลวงพี่ รอเวลาใกล้บ่ายโมงแล้วค่อยออกไปถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชด้วยกัน" พี่วิไลชี้มือยัง "ตั่งฝรั่ง" ที่ยังว่างอยู่ แฮ่..มิบังอาจจ้ะ พระจะนอนต้องอยู่ในห้องที่มีประตูปิดมิดชิด ศีลข้อนี้มีที่มาจากการที่พระถูกผู้หญิง "ลักหลับ" มาแล้วในสมัยพุทธกาล และพระหลายรูปเวลานอนแล้วขาดสติ มีอาการพิลึกพิลั่นจนทำให้ชาวบ้านเสื่อมศรัทธา ยิ่งสมัยนี้เขานิยมถ่ายคลิปโพสต์ลงยูทูบออกไปทั่วโลก ทำอะไรไม่ระมัดระวังจะพาให้พระพุทธศาสนาเสียหายหนัก อาตมายังไม่อยากจะดังด้วยวิธีการแบบนี้... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2015 เมื่อ 01:42 |
สมาชิก 109 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#63
|
||||
|
||||
พานดอกบัวที่เตรียมไว้ถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชกัมพูชา นั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะเล็กที่วางพานดอกบัว "ยายจ้อ" ยื่นหน้ามาใกล้ ๆ "กัมพูชามีสมเด็จพระสังฆราชสองพระองค์เจ้าค่ะ เพราะมีพระสงฆ์สองนิกายเหมือนกับประเทศไทย แต่แรกก็มีแค่มหานิกายอย่างเดียว ต่อมาพระมหาวิมลธรรม (ทอง) ได้ไปศึกษาในประเทศไทย แล้วนำเอารูปแบบการปฏิบัติแบบพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตของประเทศไทยมาเผยแผ่ในกัมพูชา จนเกิดเป็นนิกายธรรมยุตขึ้นมา และได้รับพระราชศรัทธาจากสมเด็จพระนโรดมหริรักษ์รามาธิบดี (นักองค์ด้วง) สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายธรรมยุตในพ.ศ. ๒๓๙๘ ตั้งแต่นั้นมากัมพูชาก็มีพระสังฆราชของทั้งสองนิกาย" มี "ยายจ้อ" อยู่ด้วยนี่ดีจริง ๆ ประวัติศาสตร์ยุคไหน ๆ ก็รู้ไปหมด... "พ.ศ. ๒๕๒๑ เขมรแดงร่วมมือกับเวียดนามบุกยึดกรุงพนมเปญ จับพระสงฆ์ฆ่าบ้าง ติดคุกบ้าง ส่วนใหญ่ถูกบังคับใช้แรงงานเหมือนกับคนทั่วไป จนต้องสึกหรือลี้ภัยไปอยู่ในประเทศไทยและฝรั่งเศส ทำให้การปกครองคณะสงฆ์ในกัมพูชาสลายตัวลง มาถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ เหตุการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี พระสงฆ์ที่ลี้ภัยกลับมาสู่กัมพูชาใหม่ ซึ่งมีแต่พระสงฆ์ฝ่ายมหานิกายเท่านั้น สมเด็จพระมหาสุเมธาธิบดี (เทพวงศ์) จึงได้รับจากการยกย่องจากคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่มีการสถาปนา เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกล้มล้างไปแล้ว" เด็กท็อปวิชาประวัติศาสตร์เขมรดำเนินการ "ต่อยหอย" ต่อไป... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2015 เมื่อ 02:13 |
สมาชิก 111 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#64
|
||||
|
||||
สมเด็จพระสังฆราชกัมพูชาทั้งสองพระองค์ "ล่วงเลยมาจนถึงพ.ศ. ๒๕๓๔ สมเด็จพระนโรดมสีหนุทรงสถาปนาสมเด็จพระอภิสิรีสุคันธามหาสังฆราชาธิบดี (บัวคลี่) ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายธรรมยุต กัมพูชาจึงมีสมเด็จพระสังฆราชทั้งสองนิกายอีกวาระหนึ่ง พอปีพ.ศ. ๒๕๔๙ สมเด็จพระนโรดมสีหมุนีจึงได้สถาปนาสมเด็จพระมหาสุเมธาธิบดี (เทพวงศ์) ขึ้นเป็นสมเด็จพระอัครมหาสังฆราชาธิบดี ประมุขสงฆ์ฝ่ายมหานิกายมาจนถึงปัจจุบัน" แสดงว่าหลวงปู่เทพวงศ์ท่านได้รับการยกย่องจากทางคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งพระสังฆราชแบบลูกน้องตั้งถึง ๒๕ ปี จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชตัวจริงเสียงจริงอีกวาระหนึ่ง... "นั่งหลับหรือหลวงพี่ ? เตรียมเดินทางได้แล้วค่ะ" พี่วิไลถามอาตมาที่กำลังนั่งหลับตาฟังบรรยายจาก "ยายจ้อ" อยู่ มัวแต่เพลินกับประวัติพระพุทธศาสนาในกัมพูชา จึงไม่ทันสังเกตว่าทุกคนมาห้อมล้อม ยกพานดอกบัวเตรียมเดินทางกันแล้ว "ใช่..หลับและฝันถึงสมเด็จพระสังฆราชเขมรด้วย" อาตมา "ตามน้ำ" ไปเลย เพื่อไม่ให้ใครสงสัย เรื่องแบบนี้ถ้าพูดออกไปก็มีผลแค่สองอย่าง คือคนเห็นว่า "ขลัง" แล้วมารบกวนไม่เลิก กับคนเห็นว่า "บ้า" แล้วเลิกคบกับเราไปเลยซึ่งไม่ใช่เรื่องดีทั้งคู่ จึงต้อง "ไหล" ตามเหตุการณ์เฉพาะไปเรื่อย ๆ... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2015 เมื่อ 02:12 |
สมาชิก 111 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#65
|
||||
|
||||
ตำหนักสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายธรรมยุต คุณนลินรัตน์ถวายซองปัจจัยเพื่อร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย ลักษณะอย่างนี้แหละที่เคยมีเด็ก ๆ ถามเมื่องานเจริญพระพุทธมนต์และฉันเพลจบแล้วว่า "แม่..แม่จ้างพระมากินข้าวหรือ ?" เล่นเอาทั้งพระทั้งแม่ "จุก" สนิทไปกับความ "ร้ายเดียงสา" ของลูก คนอื่น ๆ ควักกระเป๋าคนละหนุบคนละหนับ ได้เงินไทย ๒,๐๒๐ บาทและเงินดอลลาร์ ๒๓๙ ดอลลาร์ อาตมาควักเพิ่มให้ครบ ๓,๐๐๐ บาทและ ๓๐๐ ดอลลาร์ เอาใส่รวมกันในซองของคุณนลินรัตน์นั่นแหละ... ทุกคนบอกลาและขอบคุณเจ้าของโรงแรมใจดีแล้ว แทนที่พี่ทั้งสองจะต้อนพวกเราขึ้นรถ กลายเป็นพวกเราเกี่ยงให้ผู้อาวุโสขึ้นรถก่อน แล้วค่อยตามขึ้นไปทีหลัง โบกมืออำลาผู้มาส่งแล้ว คุณณรงค์ก็พารถเข้าสู่การจราจรบนท้องถนน เพิ่งลับจากโรงแรมมานิดเดียว ก็เป็นซุ้มประตูวัด มีรั้วสีน้ำตาลอ่อนตัดขอบขาว ด้านบนเป็น "ลูกกรงแก้ว" สีน้ำตาล พลขับกิตติมศักดิ์จอดรถข้างประตูที่เป็นเหล็กทาสีเหลือง มีฉัตรโลหะ ๙ ชั้นอยู่บนซุ้ม ตรงกับประตูเป็นตัวอาคาร ๓ ชั้นที่ดูเหมือน "กล่อง" มีเชิงชายโล้น ๆ หลังหนึ่ง พลางบอกว่า "พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราชครับ" อาตมาลงจากรถโดยมีทุกคนตามลงมาเป็นพรวน... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2015 เมื่อ 02:12 |
สมาชิก 106 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#66
|
||||
|
||||
ถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชกัมพูชาฝ่ายธรรมยุต พี่ปราณีเดินนำหน้าในฐานะที่เคยมาแล้ว ประตูหน้าอาคารที่เป็นเหล็กทาสีเหลืองเปิดอยู่ ไปถึงมีพระหนุ่มในชุดจีวรสีกรักแบบพระวัดป่า เปิดประตูกระจกชั้นในที่ติดม่านโปร่งออกมายกมือไหว้ พูดไทยอย่างชัดเจนว่า "นิมนต์ท่านอาจารย์พระครูด้านในครับ พระองค์ท่านประทับรออยู่แล้ว" พลางแหวกม่านให้ อาตมาขอบคุณแล้วเดินเข้าไปด้านในก่อน พี่ปราณีและคณะตามหลังมาแบบใกล้ชิด... ห้องด้านในกว้างประมาณ ๖ X ๘ เมตร ทั้งสองฝั่งมีหน้าต่างกระจกติดม่านโปร่งอยู่ด้านละสองชุด ด้านในสุดเป็นผ้าม่านจีบสีกรักยาวถึงพื้น ตรงกลางมีพระพุทธรูปหน้าตักประมาณ ๒ ศอก พระพักตร์คล้าย "หลวงพ่อเมตตา" ที่อินเดีย แต่ฐานพระเหมือนกับ "พระไพรีพินาศ" ของวัดบวรนิเวศวิหาร ด้านบนของพระพุทธรูปเป็นฉัตร ๕ ชั้นสีเหลือง ปักลวดลายสวยงามทีเดียว แต่อ้วนม่อต้อไปหน่อย ทางซ้ายของพระพุทธรูปเป็นพัดยศสมเด็จพระสังฆราช สีเหลืองอ่อนคล้ายพัดยศ "ชั้นธรรม" ของบ้านเรา พื้นห้องปูเสื่อจนเต็ม มีพรมผ้าชนิดบางขนาด ๓ X ๕ เมตรปูอยู่สามผืน... สมเด็จพระสังฆราชบัวคลี่ประทับอยู่บนอาสนะแบบเก้าอี้ พระพักตร์แจ่มใสอ่อนโยน ดูแล้วน่าจะมีพระชันษาประมาณ ๖๐ ปีเศษ อาตมารับพานดอกบัวจากคุณณรงค์ คลานเข่าเข้าไปจนใกล้ ยกพานขึ้นแล้วน้อมตัวลงถวาย "เกล้าฯ พระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน จังหวัดกาญจนบุรี ขอประทานโอกาสถวายเครื่องสักการะเหล่านี้ด้วยครับ" พระองค์แย้มยิ้มอย่างมีเมตตา ยกพระหัตถ์พนมรับการกราบของอาตมา "ขอให้เจริญไพบูลย์ในพระพุทธศาสนาตลอดไปเทอญ"... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2015 เมื่อ 16:03 |
สมาชิก 111 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#67
|
||||
|
||||
ประทานโอกาสให้คณะของเรา "ถอดรูป" ด้วย อาตมารับพรแล้วรับพานธูปเทียนกับซองปัจจัยมาถวายอีกครั้ง พระองค์แตะพระหัตถ์ที่พานเป็นการรับ แล้วให้อาตมาเอาพานวางลงที่โต๊ะเล็กข้างองค์ท่าน "มาถึงตั้งแต่เมื่อไรครับ ?" เสียงของพระองค์ค่อนข้างเบา "สามวันแล้วขอรับ แต่เดินทางไปชมนครวัดก่อน วันนี้จึงขอโอกาสมาเข้าเฝ้า ได้ยินว่าพระองค์เพิ่งกลับมาจากฮ่องกง ต้องกราบขอบพระเดชพระคุณที่เมตตาให้เกล้าฯ และคณะได้เข้าเฝ้าในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่งขอรับ" "ด้วยความยินดี พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานอกจากเป็นพี่น้องกันในทางธรรมแล้ว พระสงฆ์ไทยและกัมพูชายังมีไมตรีอันดียิ่งต่อกันเสมอมา" อาตมากราบขอประทานโอกาสให้คณะของเราได้ "ถอดรูป" ด้วย ซึ่งได้รับความเมตตาอนุญาตเป็นอย่างดี พี่ปราณีกับแม่ป๋อมใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือ ส่วนคุณณรงค์ใช้กล้องของอาตมาเอง จัดการ "ถอดรูป" ให้อาตมาก่อน เสร็จแล้วทุกคนเข้าไปนั่งเรียงสองข้าง โดยมีอาตมาเป็น "เจียงถอดรูป" บ้าง... |
สมาชิก 110 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#68
|
||||
|
||||
ธุตังคเจดีย์วัดปทุมวดีราชวราราม เสร็จแล้วอาตมากราบลาด้วยความเกรงใจ ปล่อยให้พี่ปราณีกับคนอื่น ๆ สนทนากับพระองค์ท่านตามสะดวก ออกมาเดินถ่ายรูปบริเวณวัด มีพระเจดีย์ ๑๓ ยอดขนาดไม่ใหญ่นักแต่สวยงามทีเดียว น่าจะสร้างในลักษณะธุตังคเจดีย์ คือสรรเสริญคุณของธุดงวัตร ๑๓ ประการ มาถึงซุ้มประตูวัดที่ค่อนข้างเรียบง่าย เห็นภาษาขอมเขียนไว้ว่า "วัดปทุมวดีราชวราราม" มองดูแล้วที่เหลือเป็นกุฏิพระไม่มีอะไรเด่น จึงกลับมารออยู่ที่รถ สักครู่หนึ่งพี่ปราณีก็พาทุกคนออกมาขึ้นรถ... พอออกรถพี่ปราณีก็บอกว่า "เพิ่งจะบ่ายโมงเอง อีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเทพวงศ์ พี่พาพวกเราไปไปซื้อของที่ตลาดรัสเซียก่อนดีกว่า" ทุกคนได้ยินก็เฮลั่น สนับสนุนกันเป็นเสียงเดียว อาตมาจะไปคัดค้านอะไรได้ นอกจากติดรถไปด้วยแต่โดยดี คุณณรงค์พารถวิ่งไปถึงวงเวียนวิมานเอกราช แล้วเลี้ยวเข้าถนน "เพรียะนโรดม" ตรงไปทางทิศใต้ไกลทีเดียว จนไปตัดกับถนนสายค่อนข้างใหญ่ ที่มีป้ายภาษาขอมว่า "มหาวิถีเมาเซตุง" จึงเลี้ยวขวาวิ่งยาวไปอีกเกือบสิบห้านาที ก็เห็นร้านรวงเรียงเป็นตับ ผู้คนรถราแน่นไปหมด... |
สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#69
|
||||
|
||||
"เนียงลออ" ที่ตลาดรัสเซีย "ถึงตลาดรัสเซียแล้วค่ะ เชิญทุกคนซื้อของกันตามสบาย ต่อได้ทุกร้านนะคะ" พี่วิไลเอ่ยขึ้น รถของเราจอดอยู่แถวบริเวณร้านขายของเก่า อาตมามองข้ามฝั่งไปทางร้านขายของที่ระลึกอื่น ๆ ทั้งเสื้อผ้า อัญมณี ภาพเขียน ฯลฯ ที่เป็นซอยเล็กซอยน้อย คล้าย ๆ คลองถมบวกกับตลาดโบ๊เบ๊แล้วก็ถอดใจ ทางก็แคบ คนก็มาก ตูจะไปเบียดกับใครไหว ? "ทุกคนไปเลือกซื้อของตามสบายเถอะ เดี๋ยวจะเดินดูของแถวนี้แหละ กลับเมื่อไรมาเรียกด้วยก็แล้วกัน" ทั้งหมดเฮข้ามถนนไปยังร้านขายเสื้อผ้า ไม่มีใครห่วงใยอาลัยอาวรณ์หลวงตาแก่อย่างอาตมาเลย "ตลาดนี้เปิดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ ตอนแรกมีคนรัสเซียเอาสินค้าจากรัสเซียมาขาย ส่วนมากเป็นพวกยุทธปัจจัยทางทหาร จึงเรียกกันว่าตลาดรัสเซีย เมื่อมีคนมาหาซื้อกันมากเข้า ร้านค้าประเภทอื่น ๆ ก็ตามมา ช่วงนี้ข้าวของจากรัสเซียจริง ๆ มีน้อยมากเจ้าค่ะ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากจีนและไทย และเป็นสินค้าเลียนแบบทั้งนั้น" เออ..อย่างน้อยก็ยังมี "ยายจ้อ" ที่ไม่ทิ้งอาตมา ฟัง "ยายรอบโลก" นี่แล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกเพียบเลย... |
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#70
|
||||
|
||||
สารพัดของที่วางขาย ส่วนมาก "แกล้งเก่า" แทบทั้งนั้น ร้านของเก่าร้านแรก มีพวกเทวรูปเขมร เทวรูปกรีก เทวรูปอินเดีย เทวรูปจีน ล้วนแต่เป็นของ "แกล้งเก่า" ทั้งนั้น พวกโคมไฟแก้วแขวนเพดานมีของเก่าแท้บ้าง แต่อาตมาไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำอะไร ร้านที่สองมีพวกเครื่องเงินรูปพรรณต่าง ๆ จำพวกตลับ พาน คนโท ใหม่เอี่ยม แต่ดูแล้วผสมทองขาว (อัลปากา) มากไปหน่อย พวกวัสดุหินแกะยังฝีมือค่อนข้างหยาบ ส่วนไม้แกะสลักเป็นศิลปะแบบจีน จำพวกเต่ามังกร พระสังกัจจายน์ ดูดีมีสกุล แต่ราคาที่ติดไว้แพงหูดับเลย... ร้านถัดไปมีพวกเขี้ยวสัตว์ เขาสัตว์ ของจริงทั้งนั้น แสดงว่าที่เขมรยังหาของพวกนี้ง่าย จึงไม่คุ้มค่าที่จะปลอมเหมือนกับทางบ้านเรา เจอร้านหนึ่งที่มีเทวรูปเขมรล้วน ๆ แต่ก็เป็นของแกล้งเก่าตามเคย ยกเว้นชิ้นหนึ่งที่เป็นพญานาค ๗ เศียรที่เป็นของแท้ เจ้าของร้านบอกราคาหมื่นสองพันดอลลาร์ ขออภัย..ราคานี้ถึงเป็นของแท้ก็ไม่มีปัญญาที่จะซื้อโว้ย..! แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2015 เมื่อ 02:40 |
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#71
|
||||
|
||||
ลองเสื้อผ้าและต่อราคาแบบไม่ดูฟ้าดูดินเลย เดินดูจนหมดทุกร้านแล้ว เห็นฝั่งโน้นมีซอยที่คนค่อนข้างน้อย อาตมาจึงข้ามถนนไปดูของบ้าง เดินหลบหลีกผู้คนทั้งฝรั่งทั้งคนไทยเข้าไป ทางนี้มีพวกเสื้อผ้าเป็นส่วนใหญ่ พวกอัญมณีเครื่องประดับที่น่าสนใจก็มีแต่พวกประคำ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ ประคำเทอร์คอยส์ดูไกลร้อยเมตรก็รู้ว่าปลอมแบบไม่มีฝีมือเอาเลย พวกฆ้อง ระฆังก็ไม่มีของแท้ ยกเว้นพวกกระดึงคอควายที่เป็นไม้ บางร้านรับจ้างวาดรูป บางร้านขายอาหารเฉยเลย รอบข้างมีแต่ร้านเสื้อผ้า แล้วกลิ่นอาหารไม่ติดเข้าไปหมดหรือ ? เพิ่งผ่านไปสองซอยก็ได้ยินเสียงพวกเราต่อราคาเสื้อผ้ากันอุตลุด... อาตมาเดินไปถึง ถ่ายรูปไปสองรูปแล้ว พวกเราที่เมามันกับการต่อราคาถึงได้เห็น ที่นึกไม่ถึงก็คือ คุณเก่งกับคุณนลินรัตน์ก็อยู่ที่นี่ด้วย ตอนกินข้าวได้ยินพี่วิไลบอกว่าจะพาพวกเรามาที่ตลาดรัสเซีย จึงตามมาบ้าง และเป็นคนแนะนำร้านนี้ให้ อาตมาบอกกับทุกคนว่าเบียดนักท่องเที่ยวไม่ไหว ขอออกไปรอที่เดิม แล้วมุดออกมาทางที่คนน้อยที่สุด มัวแต่ถ่ายรูปเจ้าของร้านคนสวย เลยโดนแหม่มถ่ายรูปเอาบ้าง ข้ามถนนมายืนรออยู่ข้างรถตู้เลย สักครู่หนึ่งพี่วิไล พี่มุกดา น้องเล็ก และลูกปุ๊กก็ออกมาก่อน... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2015 เมื่อ 15:57 |
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#72
|
||||
|
||||
ตามไปตามมา กลายเป็นไปซื้อของกันใหม่ พี่ปราณี คุณณรงค์ ตามมาบอกว่าคุณเก่งกับคุณนลินรัตน์ยังหาซื้อของฝากอยู่ คุณณรงค์ซื้อน้ำอ้อยกับน้ำเปล่าแช่เย็นมาถวาย อาตมาบอกว่าไม่รับ เพราะฉันของหวานแล้วความดันขึ้น ส่วนน้ำเย็นเจอเข้าไปเมื่อไรก็มาลาเรียถามหา กลายเป็นคนเลี้ยงง่ายไปโดยปริยาย รอป้ามอยกับแม่ป๋อมอยู่พักใหญ่ ก็ยังไม่ออกมาเสียที พี่มุกดา น้องเล็กและลูกปุ๊กจึงไปตาม กลายเป็นหายไปด้วย สักพักป้ามอยกับแม่ป๋อมออกมา คนที่ไปตามก็ยังหายจ้อย แม่ป๋อมกลับเข้าไปใหม่ ครู่ใหญ่ก็เดินหัวเราะออกมา บอกว่าคณะนั้นกลับไปซื้อของรอบสอง เผื่อคนขายจะใจอ่อน ยอมลดราคาให้อีก เฮ้อ..การจ่ายทรัพย์เป็นความสุขอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้จริง ๆ... กลับมากันครบแล้วก็เอาข้าวของออกมาอวดกัน เสื้อยืดตัวละ ๔ ดอลลาร์ ผ้าคลุมไหล่ผืนละ ๓.๗๕ ดอลลาร์ ราคานี้ไม่ถือว่าถูกนะ เมื่อขึ้นรถกันหมดแล้วพี่ปราณีบอกว่า เพิ่งจะบ่ายสองกว่าเอง เมื่อครู่โทรถามคุณจีรนันท์แล้ว ได้รับแจ้งว่า สมเด็จพระสังฆราชเทพวงศ์จะกลับถึงตำหนักราวสี่โมงเย็น ให้พวกเรากลับไปพักที่บ้านก่อนดีกว่า ทุกคนเห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพวกที่ไปเดินซื้อของ อยากอาบน้ำกันเต็มแก่แล้ว... |
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#73
|
||||
|
||||
ถ้าเป็นบ้านเราก็ใช้แรงงานเด็กชัด ๆ พลขับหนึ่งเดียวคนนี้พาพวกเรากลับตามมติของเสียงข้างมาก พอเลี้ยวรถเข้าบ้านไปก็เห็นเด็ก ๆ วัยรุ่นนับสิบคนกำลังล้อมดูโทรทัศน์กันอยู่ พี่ปราณีบอกว่าเป็นพวกคนงานช่วยเย็บผ้า วันหยุดอยู่กับบ้านคงจะเบื่อ จึงมาดูโทรทัศน์กันที่นี่ นอกจากไม่โดนพ่อแม่ด่าแล้ว ยังได้เจอเพื่อนฝูงอีกด้วย พวกเรากลับขึ้นห้องพัก อาตมาวางสมุดบันทึกได้ก็เข้าห้องน้ำ จัดการ "ลอกคราบ" ตัวเองออกไปชั้นหนึ่ง แล้วห่มดองพาดสังฆาฏิ รัดอกเรียบร้อยพร้อมเข้าเฝ้าได้ทันที... กำลังนอนภาวนาอยู่ได้ยินเสียงเคาะประตู เปิดออกไปเจอแม่ป๋อม จึงชวนไปนั่งตรงระเบียงด้านนอก คุณแม่มาปรึกษาเรื่องไปเมืองจีน ถามว่าอาตมาอยากไปที่ไหนบ้าง ? ฮ่า..อยากไปทั้งประเทศเลยครับ ? "หลวงพ่อก็พูดไปเรื่อย..จะเอาเวลาที่ไหนมา" ก็จริง..เอาเป็นว่าป้าปุ๋มอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ก็ขอไป Buddhist Palace ไหว้หลวงพ่อโตที่เขาหลิงซาน (Mt. Lingshan Grand Buddha) แล้วกัน เพราะไม่ห่างกันมากนัก ที่อื่นแล้วแต่จะแถมให้ตามสมควร ระยะเวลาไม่น่าจะเกิน ๗ วัน มากกว่านั้นก็เสียงานอื่น ๆ หมด... |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#74
|
||||
|
||||
"ยายวรรณ" ที่ตอนเด็ก ๆ เคยสร้างวีรกรรมมุดจีวรมาแล้ว เสียงลิฟท์เลื่อนขึ้นมา "หลวงน้าาาา...วรรณมาแล้วค่ะ คิดถึงหลวงน้ามากกกก..!" เสียงดังมาก่อนตัวนั่นคือยายวรรณ (ทิวาวรรณ ภูมิธเนศ) ไม่ดูตาม้าตาเรือว่าใครเป็นใคร ถลาเข้ามาก่อนเลย "เฮ้ย..เฮ้ย..เอ็งไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อก่อนนี้แล้วนะเว้ย..!" จะไม่ให้อาตมาเอ็ดตะโรห้ามได้อย่างไร ก็ยายนี่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เคยสร้างวีรกรรมด้วยการมุดจีวรมาแล้ว จนทุกวันนี้ทางบ้านยังเล่ากันไม่รู้จบ... "มาถึงตั้งสามวันแล้ว ไม่ได้เจอหน้าหลวงน้าเลย คิดถึงหลวงน้ามากค่ะ พอหลวงน้าออกจากวัดท่าซุงไปอยู่ป่า พวกหนูก็ต้องทำงาน กำลังจะมีโอกาสไปหา น้าไลก็ให้ย้ายมาอยู่ขแมร์ด้วย เลยไม่ได้เจอกันเสียที วันก่อนหนูออกไปหาลูกค้า กลับมาหลวงน้าก็หนีไปเที่ยวเสียมเรียบแล้ว" ยายวรรณ "จ้อ" น้ำไหลไฟดับ ทำเอาแม่ป๋อมนั่งตาปริบ ๆ คงสงสัยว่าลูกศิษย์แต่ละคนนี่ไม่มีอะไรต้องปิดบังหลวงพ่อเลยใช่ไหม ? แต่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวหรอก ยังคง "ฉอด ๆ" ไปเรื่อย "เดี๋ยวหนูขอไปด้วยนะคะ จะได้เป็นไกด์ให้หลวงน้าด้วย" เออ..ถ้าไม่ถึงกับตะกายขึ้นตักหรือมุดจีวรเหมือนสมัยก่อน จะไปด้วยก็ได้... |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#75
|
||||
|
||||
วัดอุณาโลม ที่ประทับสมเด็จพระสังฆราชกัมพูชาฝ่ายมหานิกาย เห็นว่าเกือบบ่ายสามครึ่งแล้ว อาตมาจึงชวนแม่ป๋อมกับยายวรรณลงไปข้างล่าง เจอพวกเรากับคุณอารีที่มารออยู่ด้วย บอกว่าจะไปช่วยเป็นล่ามให้ เพราะสมเด็จพระสังฆราชเทพวงศ์พูดไทยได้ไม่กี่ประโยค เมื่อพร้อมแล้วพี่วิไลก็ต้อนให้ขึ้นรถ บอกว่าพี่ปราณีไปพบลูกค้า พวกเราจึงต้องไปกันแค่นี้ คุณณรงค์ขับตรงไปยังวงเวียนวิมานเอกราชตามเคย เลี้ยวขวาตรงหน้าวงเวียนไปตามถนน "เพรียะสีหนุ" แล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าสู่มหาวิถีสุธารส ซึ่งด้านนี้มีป้ายภาษาอังกฤษเขียนว่า "Samdach Sothearos Blvd." หรือ ถนนสมเด็จสุธารส วิ่งผ่านหน้าพระราชวังเขมรินทร์ มาถึงสี่แยกถนนสาย ๑๗๘ ที่ด้านซ้ายมือมีป้ายบอกว่าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกัมพูชา เลยไปอีกแยกหนึ่งก็มาถึงวัดใหญ่ที่มีรั้วทาสีน้ำตาลยาวเหยียด คุณณรงค์เลี้ยวซ้ายตัดถนนเข้าซุ้มประตูที่มีรูปปั้นนูนต่ำของพระพุทธเจ้า ที่กำลังแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ ลวดลายปูนปั้นเหมือนกับศิลปะสมัยพุกาม... "วัดอุณาโลมนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. ๑๔๔๓ เจ้าค่ะ ใกล้เคียงกับยุคสมัยอาณาจักรพุกาม ถ้าจะติดศิลปะพุกามมาบ้างก็ไม่น่าแปลกใจนะเจ้าคะ" เฮ้ย..เก่าแก่ขนาดนั้นเชียวหรือ ? แล้วทำไมอาคารสถานที่ต่าง ๆ ใหม่อย่างนี้เล่า ? "อ๋อ..เกิดจากช่วงเขมรแดงปกครองประเทศ ได้ทำลายศาสนาสถานต่าง ๆ ไปมากมาย วัดนี้เป็นวัดที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายมหานิกาย จึงเป็นเป้าหมายแรก ๆ ในการทำลายของเขมรแดง อาคารสถานที่ต่าง ๆ ที่พระคุณท่านเห็น ส่วนมากเพิ่งจะมาสร้างใหม่หลังจากรัฐบาลเขมรแดงถูกล้มล้างไปแล้ว โดยสร้างให้เหมือนกับของเดิมมากที่สุด จึงเป็นของใหม่ในศิลปะยุคเก่าเจ้าค่ะ" อือม์..ตอบได้ทุกปัญหาจริง ๆ เลยแม่คุณ... |
สมาชิก 100 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#76
|
||||
|
||||
ถ่ายรูปหมู่กับ "ลิงอุ้มแตง" พวกเราลงจากรถโดยมีคุณอารีกับยายวรรณประคองพานพุ่มดอกบัวลงมาด้วย การบูชาด้วยพุ่มดอกบัวแบบนี้ ในกัมพูชาถือว่าเป็นการบูชาด้วยความเคารพสูงสุด เนื่องจากแต่ละพานมีดอกบัวนับร้อยดอก สองสาวจึงทำท่าเหมือน "ลิงอุ้มแตง" ก็ไม่ปาน ข้างหน้าที่จอดรถของเรา เป็นอาคารหลังใหญ่ หน้าตาเหมือนโบสถ์วัดพระแก้วเขมรเลย เพียงแต่ลวดลายและฝีมือหยาบกว่าเท่านั้น น่าจะเป็นโบสถ์ของวัดอุณาโลมนี่เอง แต่ประตูปิดสนิท บันไดหน้าโบสถ์เป็นปูนซีเมนต์ขัดเรียบแบ่งเป็นสองตอน ช่วงล่างเป็นขั้นบันไดเปลือยจากใหญ่ไปหาเล็กรวม ๘ ขั้น มีกระถางดอกไม้วางปิดหัวท้ายของขั้นบันได กันคนเดินตกลงไป ช่วงบนมีราวบันไดสกัดทำให้ ๗ ขั้นนี้กว้างเท่ากัน ข้างบันไดมีรูปปั้นวัวขาวกับควายดำขนาดเท่าตัวจริงหมอบอยู่ข้างละตัว... ที่เด่นสะดุดตาก็คืออาคารจตุรมุขทรง "กล่อง" ซึ่งด้านบนเป็นยอดปรางค์ เพราะนอกจากหลังคากระเบื้องเกล็ดปลาสีเหลืองจัดจ้านแล้ว ยอดปรางค์และช่องว่างของหน้าบันทาสีแดงสด จึงดูโดดเด่นกว่าใครเพื่อน คุณอารีอุ้มพานดอกบัวไปวางที่ซุ้มเยื้องกับโบสถ์ที่มีพระเจดีย์เล็ก ๆ ตั้งอยู่ แล้วเดินเข้าไปหา "สัปปุรุสะ" คนหนึ่งสอบถามรายละเอียด เขาชี้ไปที่อาคารข้าง ๆ หลังใหญ่ซึ่งมีสองชั้นผนังทาสีเหลืองเข้ม น่าจะเป็นศาลารับแขก แต่เจ้าประคุณรุนช่องเถอะ..บันไดสูงลิบโลกเลย อาตมาเดินขึ้นพร้อมกับนับไปด้วย กว่าจะถึงระเบียงหน้ามุขชั้นสองนับได้ตั้ง ๒๕ ขั้น..! |
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#77
|
||||
|
||||
น่าจะเป็นรูปหล่ออดีตสมเด็จพระสังราชฮวนตาลแห่งกัมพูชา ยังดีที่น้องเล็กหอบพานดอกบัวขึ้นมาแทน ขืนปล่อยให้คุณอารีที่เอวบางร่างน้อยหอบขึ้นมาเองอาจจะถึงกับเป็นลม พระหนุ่มผู้ดูแลสถานที่ซึ่งใส่แว่น ห่มดองพาดสังฆาฏิเรียบร้อย ไหว้อาตมาแล้วชี้เข้าไปในศาลา อาตมารับไหว้แล้วจึงเดินนำคณะเข้าไปด้านใน ที่ผนังฝั่งตรงข้ามกับประตูเป็นภาพเขียนสีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ขนาดใหญ่ติดอยู่ ๕ รูป ข้างใต้รูปเป็นตู้กระจกขนาดใหญ่มีพระพุทธรูปหลายองค์ สองข้างตู้น่าจะเป็นเทียนพรรษาต้นใหญ่ ติดกระดาษสีจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นต้นเทียน ด้านซ้ายของตู้เป็นรูปหล่อ ซึ่งน่าจะเป็นอดีตสมเด็จพระสังฆราชฮวนตาล ซึ่งสมัยเขมรแดงเรืองอำนาจ รูปหล่อนี้โดนอุ้มไปทิ้งแม่น้ำโขง หลังจากเขมรแดงสิ้นอำนาจมีคนหาปลาไปพบเข้า จึงช่วยกันอัญเชิญกลับมาไว้ที่เดิม... คุณอารีส่งภาษาขแมร์ถามพระท่านเร็วจนอาตมาฟังไม่ทัน เมื่อได้ความแล้วจึงหันมาบอกพวกเราให้นั่งรอไปก่อน สมเด็จพระสังฆราชเทพวงศ์ท่านไปเทศน์ จะกลับมาถึงราวห้าโมงเย็น เออ..ดีแฮะ ยิ่งมาก็ยิ่งกลับช้าลงไปเรื่อย ๆ แต่ข่าวนี้น่าจะตรงที่สุด เพราะตอนนี้สี่โมงครึ่งแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววของพระองค์เลย... |
สมาชิก 92 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#78
|
||||
|
||||
ระหว่างที่รอก็ดูข้าวของไปเรื่อย อาตมาเดินดูข้าวของในศาลาไปเรื่อย มีตู้ไม้แบบเก่า ๆ ที่ทั้งหนักทั้งแข็งแรงอยู่หลายใบ ภายในมีทั้งพระไตรปิฎก ผ้าจีวร ข้าวของพวกพานและชุดน้ำชา อีกด้านเป็นแท่นมีพระพุทธรูปแบบพระแก้วมรกตทรงเครื่องฤดูร้อนของเราประดิษฐานอยู่ ข้างหน้าพระพุทธรูปเป็นงาช้างคู่หนึ่งที่เล็กเรียวมาก ยาวประมาณ ๑ เมตร กระหนาบข้างด้วยหม้อน้ำมนต์ ถัดออกมาเป็นกลองเล็ก ๑ คู่ และฆ้องวงที่เป็นทองเหลืองอีกชุด ถัดไปทางขวามือเป็นหัวกระทิงทำจากไม้ตั้งอยู่บนลูกกลึงไม้ แต่ติดเขากระทิงของแท้ลงน้ำยาไว้เงาวับเลย... มีโยมผู้หญิง ๓ คนขึ้นมาศาลา คนหนึ่งใส่เสื้อขาวกระโปรงดำแบบนักศึกษาด้วย มาถึงก็จัดข้าวของใส่พานเตรียมไว้ถวายพระ พี่วิไลจึงไปถามหาพานจากพระเจ้าหน้าที่ ซึ่งท่านก็นำมาให้แบบทันใจ อาตมาเอาซองปัจจัยที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ทับหน้าด้วยธูปญวนทั้งห่อ เพิ่งจะเตรียมของเสร็จสมเด็จพระสังราชเทพวงศ์ก็เสด็จออกมาจากประตูข้างศาลา พระองค์มีรูปร่างเล็ก ผิวคล้ำ แต่ดูแข็งแรงแบบไม่น่าเชื่อ เพราะเจริญพระชนมายุถึง ๘๐ พรรษาแล้ว... |
สมาชิก 97 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#79
|
||||
|
||||
ทรงบัญชาให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ทรงมีบัญชาให้อาตมายกพานดอกบัวขึ้นตั้งแทนพานเดิมที่พระผู้ดูแลยกลง แล้วให้จุดธูปเทียนบูชาพระ เมื่อกราบพระเสร็จแล้ว พระองค์จึงประทับลงบนอาสนะเตี้ย ๆ ลักษณะคล้ายกับอาสนะสำหรับสวดพระปาฏิโมกข์ ซึ่งกั้นกลางด้วยตั่งแปดเหลี่ยมแกะลวดลายศิลปะจีนตัวเตี้ยติดพื้น... อาตมากราบถวายความเคารพแล้ว น้อมเอาไทยธรรมเข้าไปถวาย พระองค์รับแล้วให้พรเป็นภาษาบาลี ก็คือบทสัพพีติโยฯ นั่นแหละ เสร็จแล้วถอยออกมาให้พี่วิไลพาน้อง ๆ เข้าไปกราบรับพร ทรงโปรยข้าวตอกและกลีบดอกบัวแทนน้ำมนต์ โดยมีโยมสามคนที่มาทีหลังเข้าไปรับด้วย... |
สมาชิก 100 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#80
|
||||
|
||||
ในห้องรับแขกส่วนพระองค์ จากนั้นเสด็จนำพวกเราไปยังประตูที่เสด็จออกมาในตอนแรก พระผู้ดูแลซึ่งน่าจะเป็นเลขานุการในพระองค์กันโยมสามคนเอาไว้ ให้เฉพาะคณะของเราเข้าไปข้างใน ซึ่งเป็นห้องปิดทึบติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ตรงกลางด้านในสุดเป็นตู้ไม้ใบใหญ่บรรจุพระพุทธรูปทั้งยืนและนั่งหลายองค์ สองข้างตู้เป็นประตูไม้ซึ่งไม่ทราบว่าเปิดออกไปไหน... พระองค์ประทับลงบนเก้าอี้รับแขกลาย "หลุยส์" ตัวกลางหน้าตู้ พลางชี้ให้พวกเรานั่งบนเก้าอี้ตัวอื่น ๆ ที่เหลือ อาตมานั่งด้านในใกล้องค์ท่านที่สุด ถัดไปเป็นลูกปุ๊ก ป้ามอยและยายวรรณ มีคุณอารีนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้องค์ท่านอีกฝั่งหนึ่ง ต่อด้วยพี่วิไล พี่มุกดา แม่ป๋อม ส่วนน้องเล็กทำหน้าที่ "ยายกล้อง" งานนี้คุณณรงค์ไม่ได้ขึ้นมาด้วย ต้องอยู่คอยขยับรถเผื่อมีใครเข้าออก วัดใหญ่ขนาดนี้แทบจะไม่มีที่ให้จอดรถเลย... อาตมากราบทูลว่าเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่พระองค์เคยเสด็จไปร่วมงานของทางมหาวิทยาลัยมาแล้ว อยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์กัมพูชาเพื่อนำไปสอนพระนิสิต กราบขอประทานอนุญาตทูลถาม ตอนแรกทรงตอบเป็นภาษาไทย แต่ค่อนข้างจะติดขัด คุณอารีจึงเป็นล่ามคอยแปลให้... |
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|