|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#81
|
||||
|
||||
ถาม : ผมต้องทำอะไรเพิ่ม เพื่อพระโพธิญาณ ?
ตอบ : พยายามเกรงใจชาวบ้านเขาหน่อย คำว่าเกรงใจชาวบ้านคือ สิ่งที่เราทำเป็นของดี แต่บางคนเขาไม่เข้าใจ บางรายถึงขนาดว่าเราบ้าเลย พวกนั้นถ้าหากว่าล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ดี โทษหนักจะเกิดกับเขา เพราะฉะนั้น..เมตตาเขาหน่อย ทำอะไรให้เหมือนชาวบ้านเขาบ้าง เราจะสร้างบารมี จะสร้างอะไรของเราก็ทำไป ถ้าไม่ใช่คนที่เข้าใจจริง ๆ ไม่ต้องไปพูด ไม่ต้องไปชวนเขาหรอก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2011 เมื่อ 09:57 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#82
|
||||
|
||||
ถาม : คนในปัจจุบันจะเป็นโรค.... จะมีทางแก้ไขอย่างไร ?
ตอบ : กินให้น้อยลงก็จบแล้ว ภาษาพระเรียกว่า โภชเนมัตตัญญุตา รู้ประมาณในการกิน ของทุกอย่าง ถ้าพอดีก็มีประโยชน์ ถ้าเกินไปก็จะมีโทษ เด็กรุ่นใหม่ติดรสหวาน ติดขนม อย่างที่เห็น ๆ กันอยู่ก็คือเป็นโรคอ้วน หลังจากนั้นก็โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบ โรคหัวใจ ตามมาเป็นพรวนเลย ดังนั้น..ต้องรู้จักประมาณ เกินพอดีเมื่อไรก็จะเดือดร้อน ความจริงบ้านเราควรจะนัดกินมื้อเดียวทั้งประเทศ จะประหยัดเยอะเลย กินมื้อเช้ามื้อเดียวจบ ร้านอาหารทั้งหมดปิด (หัวเราะ) ถ้าทำได้จะประหยัดทรัพยากรไปตั้ง ๒ ใน ๓
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2011 เมื่อ 15:46 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#83
|
||||
|
||||
ถาม : มีอยู่ช่วงหนึ่งนอนแล้วมีอารมณ์ควบแน่น จึงใช้อารมณ์มรณานุสติกรรมฐาน พอถึงช่วงเหมือนกึ่งวิปัสสนา เราบอกว่า ถ้าข้าพเจ้าตายไป ขอให้ข้าพเจ้าไปสู่พระนิพพาน มีอารมณ์บอกมาว่า ยังติดเรื่องผู้หญิง อารมณ์นั้นเชื่อถือได้หรือไม่ ?
ตอบ : นั่นเป็นกิเลสมารแทรกเข้ามากวน ถ้าไปคล้อยตามก็เท่ากับว่าเสียท่า ตายตอนนั้นเราไปไหนไม่ได้หรอก ไปตามกรรม แต่ถ้าเรามุ่งตรงอย่างเดียว ใครจะเป็นอะไรช่างหัวมัน เราจะไปเสียอย่าง ต้องอย่างนั้นจึงจะตัดได้จริง ๆ แสดงว่าเราโดนกวนน้ำให้ขุ่น ถาม : ตอนนี้นึกถึงแม่อยู่ เอาศพแม่มานึก ตอบ : ไม่ต้องนึกถึงใครแล้ว ยึดใครก็ติดคนนั้น ถ้าจะยึดใคร ให้ยึดพระพุทธเจ้าเป็นหลัก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2011 เมื่อ 17:22 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#84
|
||||
|
||||
ถาม : ขออนุญาตนำไฟล์เสียงธรรมะที่ท่านเทศน์ ไปไรท์ซีดีแจก
ตอบ : ไม่ต้องแจก ขอยืนยันว่าไม่ต้อง..! ใครอยากได้ให้มาขวนขวายด้วยตัวเอง ถ้าให้เฉย ๆ เขาจะไม่รู้คุณค่า อาจเอาไปวางทิ้งขว้าง ยิ่งถ้ามีรูปพระอยู่ด้วย จะกลายเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย ทำเป็นลักษณะไรท์ซีดีเอาไว้ หากมีใครต้องการก็ให้ขอเข้ามาจะดีกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2011 เมื่อ 02:25 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#85
|
||||
|
||||
ถาม : งานประชุมพุทธศาสนาโลกที่ไต้หวัน เขาเลี้ยงอาหารดีมาก เป็นอาหารเจครับ แต่เขาฉันอาหารมื้อเย็นด้วยครับ เขาเริ่มให้ฉันตอน ๕ โมงครึ่ง ก็มีภิกษุณีกับพระจีนทั้งหลายฉันกันครับ
ตอบ : เขาตีความต่างกัน คำว่า "วิกาลโภชนา" (วิกาละ คือเวลาที่ต่างไป) ไทยเราตีความว่าเป็นหลังเที่ยง ส่วนเขาหมายเอาเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ถาม : แล้วดั้งเดิมเป็นอย่างไรครับ ? ตอบ : ถ้าหากเราเอาตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎก วิกาละ ก็คือ พระอาทิตย์เลยหัวไปได้ ๒ ช่วงนิ้วมือ แปลว่าหลังเที่ยง ถ้าเรารู้จักประมาณในการกินก็จบ แต่ถ้าไม่รู้จักประมาณในการกิน ก็ไปเถียงกันเพื่อที่จะกิน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-08-2011 เมื่อ 02:20 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#86
|
||||
|
||||
ถาม : เมื่อวานถอยรถไปชนมอเตอร์ไซค์ที่เขาจอดไว้ สักพักขับแล้วถอยไปชนกำแพง วันนี้ก่อนมาก็ถอยไปชนเครื่องระบายอากาศ
ตอบ : จะได้รู้ไว้ว่า อะไรที่คนอื่นเขาทำแล้วง่าย นั่นไม่ใช่เรา เรื่องพวกนี้เกิดจากทักษะ ฝึกฝนจนกระทั่งชำนาญขึ้นมา ถ้าเป็นบาลีก็คือวสี เกิดความคล่องตัว ความชำนาญ ถาม : ตอนนี้หนูคงได้แต่ชำนาญในการเดินหน้า การถอยรถนี่ไม่เป็นวสีเลย ตอบ : ที่เกาะพระฤๅษีพวกเราจะเห็นโรงรถบนสะพานว่าแคบนิดเดียว ถ้ารถเข้าไปแล้วฝั่งซ้ายและขวาจะเหลือนิดเดียว มีแต่อาตมาที่ถอยเข้าได้ ส่วนคนอื่นเขาต้องเอาหน้ารถเข้าอย่างเดียว คนอื่นเอารถถอยเข้าสามคันก็พังไปสามคัน ดังนั้น..อะไรที่ไม่ชำนาญ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติกรรมฐาน หรือแม้แต่การขับรถก็ตาม ต้องฝึกซ้อมปฏิบัติบ่อย ๆ จนกว่าจะชำนาญไปเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2011 เมื่อ 02:28 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#87
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนท่านฝึกคาถาโสตัตตะภิญญา ใช้เวลานานเท่าไรจึงจะเกิดผล?
ตอบ : เริ่มต้นก็ไปเลย เพราะมาฝึกเอาตอนสมาธิดีแล้ว ถาม : หนูภาวนามา ๑ สัปดาห์แล้ว ยังไม่เกิดผลเลย ตอบ : อย่าไปอยากให้ผลเกิด เรามีหน้าที่ภาวนา ตอนที่อาการบีบควบแน่นเข้ามาก็ดี หรือแสงสีเข้ามาก็ดี เราจะตกใจไม่ได้ ให้เราตั้งสติไว้ กำหนดรู้อย่างเดียว ถาม : พอภาวนาไป เราเห็นว่ากำลังจะได้แล้ว หนูก็ไปจดจ้องผล กำลังใจจึงเคลื่อนไป ตอบ : เราดีใจหรือเสียใจเมื่อไรก็ไปทันที เพราะฉะนั้น..ยินดียินร้ายไม่ได้ ใจต้องนิ่งอย่างเดียว เรื่องพวกนี้ฟังดูแล้วง่าย แต่พอถึงเวลาตัดสินใจเองแล้วยากจริง ๆ เพราะอดไม่ได้หรอก พอเห็นว่าเริ่มจะได้แล้ว ก็เผลอดีใจทุกที ถาม : ยอมรับว่าใจตัวเองจ้องอยากที่จะให้ได้ เพราะถ้าเราทำได้ เราจะได้ไม่ต้องลำบากในการเดินทาง แวบมาได้เลย ตอบ : ถ้าทำได้เดินก้าวเดียวก็ถึงแล้ว แต่ก่อนที่จะได้ต้องวางกำลังใจให้ถูกเสียก่อน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2011 เมื่อ 02:30 |
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#88
|
||||
|
||||
ถาม : ปกติเวลาผมนั่งสมาธิ ลมหายใจจะเบาเป็นปกติครับ เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว แต่ประมาณ ๖ เดือนที่ผ่านมา พอจับลมได้สักพักเดียว เหมือนกับไปกลั้นลมหายใจ อยู่ดี ๆ ก็สะอึกขึ้นมาเพื่อที่จะหายใจ ผมก็ตามรู้ไป ได้เห็นว่าพอหายใจครั้งสุดท้าย ก็จะนิ่งอยู่ตรงนั้นเลย ถึงได้รู้ว่าเราสะอึกเพราะต้องการรู้ลมหายใจเข้าออก เป็นอย่างนี้ติดต่อมาหลายเดือนแล้ว กลับกลายเป็นว่านั่งได้สักพักเดียว ก็หยุดแล้ว
ตอบ : ความจริงเราจำเป็นที่จะต้องซักซ้อมเข้าออกสมาธิให้เคยชิน ตอนนี้เราชำนาญที่จะเข้า แต่ออกไม่เป็น ถ้าเป็นภาษาบาลีเขาเรียกว่า สมาปัชชนวสี ชำนาญในการเข้าสมาธิ แต่ไม่มีวุฏฐานวสี ก็คือ ชำนาญในการที่จะออกจากสมาธิ กลายเป็นว่าไปดิ้นรนไขว่คว้าหาลมหายใจ ทำให้เกิดอาการอย่างที่ว่ามา ทีนี้ทำอย่างไรที่เราจะไม่ดิ้นรนอยากให้เป็นหรืออยากให้หายไป แค่รับรู้ไว้เฉย ๆ ตามสภาพเท่านั้น ตรงนี้พูดแล้วดูเหมือนง่าย แต่ตัดสินใจยาก แต่ถ้าทำได้ครั้งเดียว จะรู้เลยว่าต้องทำอย่างไร ถาม : ท่านเคยเตือนผมเรื่องนี้แล้ว ให้ตามรู้ ผมก็ตามรู้อาการนี้ไป ๔-๕ เดือนแล้ว ตอบ : อาตมาติดอยู่สามปี แค่ ๔-๕ เดือนนี่เป็นเรื่องเล็ก ที่ติดอยู่ก็คือ ไปไล่ตามแต่ละขั้นตอน ถาม : ท่านก็เคยเตือนผมเรื่องนี้ว่าไม่ต้องไปตามจี้ ผมก็ตามดูจนเหมือนต้องการลมหายใจ แล้วหลุดออกไปเลยครับ ต้องไปจับลมใหม่ ตอบ : ซ้อมบ่อย ๆ พอคล่องตัว ลงตัวแล้วจะเข้าใจเมื่อนั้น ถาม : ผมก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น นึกว่าเราถอยหลังหรือเปล่า? ตอบ : กำลังจะได้ดีแล้ว เหมือนใช้กุญแจไขประตู แต่ยังแหย่ไม่ตรงร่องเสียที
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2011 เมื่อ 17:18 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#89
|
||||
|
||||
ถาม : เขามีอาการทางประสาทค่ะ ก็เลยเป็นห่วง
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ คนในยุคปัจจุบันเครียดมาก คนที่หยุดความคิดไม่เป็นก็เหมือนกับคนที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา จะมีอาการเหนื่อยมาก เหนื่อยจนถึงระดับที่ทนไม่ไหวก็จะมีอาการเครียด ดังนั้น..เรื่องของการปฏิบัติ คือ หยุดใจให้เป็น ให้ใจได้พัก บางคนทำงานมาสงสัยว่า ทำไมตัวเองพักผ่อนพอแล้ว แต่ก็ยังเหนื่อยไม่หาย ความจริงร่างกายไม่ได้เหนื่อย แต่เหนื่อยที่ใจ ร่างกายต้องออกกำลังจึงจะแข็งแรง ใจต้องพักจึงจะแข็งแรง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2011 เมื่อ 17:19 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#90
|
||||
|
||||
ถาม : หลังจากเลือกตั้งแล้วจะมีภัยพิบัติอะไรอีกครับ? แล้วต้องไปหลบที่ไหน?
ตอบ : ภัยพิบัติที่น่ากลัวที่สุดคือกิเลสที่กินใจเรา ที่หลบที่ดีที่สุดก็คือพระนิพพาน เรื่องภัยพิบัติไม่ต้องหนักใจ เพราะวัดท่าขนุนอยู่ปากเขื่อนพอดี ถ้าเกิดอะไรขึ้นโปรดสังเกตว่าวัดท่าขนุนย้ายหนีหรือยัง ถ้าย้ายหนีก็หนีด้วยกัน ถ้าไม่ย้ายหนีก็ตายด้วยกัน..! ทางคุณชนินทร เหตระกูล กำลังจะจัดงานสัมมนาและอบรมความรู้ให้ชาวบ้าน ถ้าหากว่ามีภัยพิบัติมาจะแก้ไขอย่างไร ? จะหลบหนีอย่างไร ? จะดำรงชีวิตอย่างไร ? ถ้าไม่มีภัยพิบัติมาจะทำอย่างไร ถึงจะอยู่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น จะจัด ๔ ภาค ภาคละ ๒ วัน อาตมารับเป็นวิทยากรประมาณ ๒ ชั่วโมง ความจริงเตือนเขาไปอย่างหนึ่งว่า จะทำให้ชาวบ้านแตกตื่นหรือเปล่า ? เขาบอกว่า เขาเองมีทั้งสมมุติฐานว่าจะเกิดและถ้าไม่เกิด หมายความว่าในสถานการณ์ปกติก็สามารถที่จะเอาตัวรอดได้ มีอาชีพมั่นคง ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอกมากนัก ก็คงจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขามา อาตมาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญสาขาหนึ่ง น่าจะสาขาจิตวิทยาในการข่มขู่ชาวบ้าน..! เขามองไว้ ๒ ที่ ว่าจะจัดที่วัดหนองหญ้าปล้องหรือวัดท่าขนุนดี ตั้งเป้าไว้ว่ามีคนเข้าร่วมประมาณหนึ่งพันคน อาตมาเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นไปจัดที่หนองหญ้าปล้องเถอะ เพราะถ้าเป็นวัดท่าขนุนจะหาที่จอดรถลำบาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2011 เมื่อ 18:51 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#91
|
||||
|
||||
ถาม : ขอให้ช่วยแนะนำการละสักกายทิฐิอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด แบบง่าย ๆ ครับ
ตอบ : เวลาไม่พอพูด แล้วแบบที่ง่าย ๆ นั้นไม่มี สักกายทิฐิเป็นต้นตอของอวิชชา เพราะฉะนั้น..ถ้าเอาง่าย ๆ ต้องขุดกันถึงวินาทีสุดท้าย เอาเป็นว่าการละสักกายทิฐิอย่างต้น คือ เห็นว่าเราต้องตายไว้เสมอ การละสักกายทิฐิอย่างกลาง คือ เห็นว่ามีแต่ความสกปรก มีแต่ความทุกข์เป็นปกติ การละสักกายทิฐิเบื้องปลายคือ เห็นว่าไม่มีอะไรเหลือเป็นเรา เป็นของเราได้ สักแต่ว่าเป็นที่อาศัยชั่วคราวได้เท่านั้น ฟังแล้วสามารถเอาไปตีความอีก ๓ ปี..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2011 เมื่อ 18:52 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#92
|
||||
|
||||
ถาม : ทำไมพระเวสสันดรจึงต้องยกกัณหาชาลีให้ชูชก ?
ตอบ : เขาตกลงกันมาเป็นแสน ๆ ชาติมาแล้ว คุณเองไม่ได้เห็นตอนเขาตกลงกันนี่หว่า..! ถาม : แต่ต้องทำให้พระนางมัทรีเสียใจ ? ตอบ : พระนางตั้งใจจะเสียใจมาตั้งแต่ต้นแล้ว พระนางใช้คำอธิษฐานว่า จะเป็นสำเภาทองรองพระบาท เพื่อให้พระองค์ท่านก้าวขึ้นสู่ฝั่งแห่งโอฆะ แล้วกลับมาขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสาร เขาตั้งใจกันตั้งแต่ชาติแรก ๆ แล้ว อย่าเอากำลังใจห่วย ๆ ของเราไปคาดคำนวณกำลังใจของท่านเลย คิดอีกก็ผิดอีก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2011 เมื่อ 18:53 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#93
|
||||
|
||||
ถาม : หนูเจ็บป่วยบ่อย ไม่ค่อยหาย คุณหมอบอกว่าให้ไปทำสังฆทานและอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เจ็บป่วยค่ะ ลองทำแล้ว แต่เหมือนเดิม
ตอบ : ต้องไปปล่อยปลาที่เขาจะฆ่าทุก ๆ เดือนจ้ะ อาตมาทำมา ๒๕ ปีอาการจึงดีขึ้น แล้วหนูทำมากี่วันแล้วจ๊ะ ? การที่เราเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดจากเศษกรรมปาณาติบาตที่เคยไปฆ่าเขาไว้ ไม่ว่าในอดีตจะฆ่าคนหรือสัตว์ก็ตาม หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ในอดีตอาตมาเป็นทหารฆ่าเขาไว้เยอะ จึงทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย ให้ไปปล่อยสัตว์ที่เขาจะฆ่า อย่างเช่นปลาในตลาด ส่วนสัตว์ที่เขาไม่ได้ฆ่า เราไปปล่อยจะได้แค่ตัวเมตตาเฉย ๆ ปล่อยชีวิตสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าเท่ากับคืนชีวิตให้เจ้ากรรมนายเวรเขาไป หลวงพ่อท่านบอกว่าให้ทำทุกเดือน ๆ จะบรรเทาได้ อาตมาทำมาต่อเนื่องไม่เคยขาดเลย ไม่ได้ทำน้อย ๆ ด้วยนะ เจอก็เหมาหมดตลาดเลย ผ่านมา ๒๕ ปี จึงได้หมอที่ถูกยาถูกโรค ไม่ต้องกังวลจ้ะ เกเรไว้มาก โดนทุกคนแหละ ถาม : นอกจากปลาแล้ว เป็นอย่างอื่นได้ไหมคะ ? ตอบ : ได้ แต่ให้เป็นสัตว์ที่เขาจะต้องฆ่า นี่ขนาดอาตมาได้หมอ ได้ยาดีขึ้นมา ก็ยังปล่อยอยู่ทุกเดือน ตอนนี้ปล่อยวัวเพิ่มให้เขาด้วย เดือนละตัวเป็นอย่างน้อย แต่วัวแพงไปหน่อย ตัวหนึ่งราคาเป็นหมื่น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2011 เมื่อ 02:33 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#94
|
||||
|
||||
ถาม : เราทำวิหารทานมาเยอะตั้งแต่บรรพบุรุษ แต่ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงจนกว่าฝรั่ง จนกว่าแขกคะ ?
ตอบ : ในอดีตพวกเขาก็ทำวิหารทานมานะจ๊ะ และต้องทำมามากกว่าเราแน่ ๆ อย่าลืมว่าในอดีตนั้น ผู้ที่จะสร้างวิหารทานได้เองมีไม่มากนัก สมัยพุทธกาลก็มีอนาถปิณฑิกเศรษฐี นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นต้น คนทั่ว ๆ ไปทำไม่ไหวหรอก พวกเราเพิ่งจะมารู้วิธีทำบุญต่าง ๆ ก็สมัยที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเทศน์สอนให้เมื่อไม่นานนี้เอง แล้วก่อนนั้นเราจะเอาอานิสงส์วิหารทานมาจากไหน ? นอกจากบังเอิญได้ทำ..! ถาม : หนูคิดว่าฝรั่งเขาไม่ได้ทอดกฐินค่ะ ตอบ : ทอดกฐินไม่ใช่วิหารทานจ้ะ ศาสนาคริสต์เขาก็มีการทำบุญเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้ชัดเจนอย่างเรา ไม่เป็นไร..ถึงเวลาถ้ายังเกิดอีกเราดีกว่าแน่ ๆ จ้ะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2011 เมื่อ 02:38 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#95
|
||||
|
||||
ถาม : เราตั้งใจปฏิบัติเพื่อพระนิพพาน ยอมรับกฎของกรรม จะพ้นจากกรรมหรือไม่ ?
ตอบ : เราจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ อย่างไรกรรมก็มาสนองแน่ ๆ แต่ถ้าเราไม่ยอมรับ สภาพจิตที่ดิ้นรนจะทำให้เราทุกข์มาก แต่ถ้าเราเลือกว่าเราทำเองเรารับได้ กำลังใจรู้ว่ากรรมนี้เป็นผลของกรรมที่เราเองทำไว้ในอดีต ตอนนี้มาสนองแล้ว เราก็จะยอมรับได้ ปล่อยวางได้ จบกันไปแค่นี้ ฉะนั้น..อะไรเกิดขึ้นกับเรา ดีหรือไม่ดีก็ตาม ให้รู้ไว้ว่านั่นเป็นผลกรรมของเราที่ทำไว้ในอดีตทั้งนั้น จะเป็นอดีตชาตินี้หรืออดีตชาติก่อนก็ตาม ถ้าอดีตชาตินี้ทำเอาไว้ เป็นบุญหรือกรรมที่ใหญ่พอหรือหนักพอ ถ้ามีการกระทำที่ต่อเนื่อง พอถึงเวลากรรมนั้นก็ส่งผลก็ทันในชาตินี้เหมือนกัน โดยเฉพาะในส่วนของครุกรรมฝ่ายกุศลหรืออกุศล ครุกรรม คือ กรรมหนัก ครุกรรมฝ่ายกุศลอย่างเช่น ทรงฌานทรงสมาบัติได้ โดยเฉพาะสมาบัติ ๘ ถ้าฝ่ายครุกรรมฝ่ายอกุศลก็ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต ยุสงฆ์ให้แตกกัน เป็นต้น ครุกรรมทั้งฝ่ายดีและไม่ดี จะส่งผลทันตาทั้งนั้นแหละ อรรถกถาจารย์เขาเปรียบเหมือนกับเพาะถั่วงอก คืนเดียวก็ได้กินแล้ว เราจะเห็นความน่ากลัวของกรรม พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า อย่าคิดว่าเป็นกรรมดีเพียงเล็กน้อยแล้วไม่ทำ และอย่าคิดว่าเป็นกรรมชั่วเพียงเล็กน้อยแล้วไปทำ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ถ้าวาระมาถึงก็จะส่งผลให้ทันที
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2011 เมื่อ 04:37 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#96
|
||||
|
||||
ถาม : ที่หน้าบ้านมีต้นไม้ใหญ่อยู่สองต้น ถ้าจะตัดจะมีปัญหาไหมคะ ?
ตอบ : ต้นอะไรจ๊ะ? ถาม : พญาสัตบรรณ ตอบ : ถ้าจะตัด ควรตั้งศาลเพียงตาให้เขาสักหลังหนึ่ง ตั้งที่ไหนก็ได้ในเขตบ้านเรา ตัดกิ่งใหญ่ขนาดแขนยาวสักคืบหนึ่ง เอาไว้ในศาลโดยหันปลายกิ่งขึ้น จุดธูปบอกเขาว่า ขอให้รุกขเทวดาทั้งหมดที่อาศัยต้นไม้สองต้นนี้ไปอาศัยอยู่ในศาลแทน ท่านจะได้ไปอาศัยอยู่ในกิ่งที่เราตัดไว้ และไม่ต้องไปกังวลว่าท่านจะอยู่ไม่ได้ เพราะว่าเทวดาท่านสามารถที่จะเนรมิตกายให้ใหญ่หรือเล็กได้ อรรถกถาจารย์ท่านว่า หัวเข็มหมุดหนึ่งอยู่ได้ตั้งแปดองค์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2011 เมื่อ 03:11 |
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#97
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานบวชหมู่ที่ผ่านมามีทั้งดีและไม่ดี ที่ดีก็คือระยะเวลาน้อย พระท่านยังประคับประคองศีลให้บริสุทธิ์ได้ แต่ที่ไม่ดีก็คือ บวช ๆ สึก ๆ แบบยังไม่เอาจริง ในเมื่อยังไม่เอาจริง คิดอยู่เสมอว่าเราจะสึก ก็ทำให้กำลังใจไม่เด็ดขาด การสู้กับกิเลส ถ้ากำลังใจไม่เด็ดขาดก็ชนะได้ยาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2011 เมื่อ 03:11 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#98
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวสอนโยมว่า "คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วบางทีก็จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ตนไม่ชอบ ถ้าหากทำสิ่งที่ตนไม่ชอบได้ ย่อมเป็นบุคคลที่ใช้เหตุผลเหนืออารมณ์ แต่ถ้าตนไม่ชอบแล้วไม่ทำ เป็นการให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล เป็นการหนีให้พ้น ๆ ไปจากสิ่งนั้น แปลว่าวุฒิภาวะยังไม่พอที่จะเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 30-01-2019 เมื่อ 21:45 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#99
|
||||
|
||||
ถาม : ฝันเห็นวัวหมายความว่าอย่างไร ?
ตอบ : แปลว่าจะต้องทำอะไรที่ยากลำบากไปอีกระยะหนึ่ง ถาม : แต่จะต้องเสี่ยงทำธุรกิจ ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก เหนื่อยหน่อยแต่จะสำเร็จ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-08-2011 เมื่อ 11:59 |
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#100
|
||||
|
||||
ถาม : เราทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับคนอื่น ตัวเราจะได้ไหมคะ?
ตอบ : ตัวเราได้ก่อนจ้ะ ถึงจะมีให้คนอื่นได้ เขาเปรียบว่าเราก่อไฟขึ้นมากองหนึ่ง แล้วอนุญาตให้คนอื่นเขาต่อไฟไปใช้ ไฟเราไม่ได้ลดลง แต่ความสว่างเพิ่มขึ้นเพราะคนอื่นต่อเพิ่มไปด้วย ไม่หมดนะจ๊ะไม่ต้องกลัว ทำไปเถอะ ถาม : ได้ตลอดหรือเปล่า ? ตอบ : ได้ตลอดจ้ะ ให้ตั้งใจว่าผลบุญที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ก็คือตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อุทิศให้แก่ใครก็ได้จ้ะ ถ้าไม่มีเวลาทำก็อุทิศไป ถ้ามีเวลาทำก็ทำใหม่ไปเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-08-2011 เมื่อ 12:00 |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|