|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#81
|
||||
|
||||
คุณยายถวายปัจจัยเป็นปึกใส่ซองสีน้ำตาลมา "ตายละวา...ลูกหลานจะเหลือใช้ไหมนี่ ? ยายเล่นให้มาขนาดนี้ อ้อ...ตกใจหมด นึกว่าใบละพัน
คุณยายวัชรินทร์ จราญไพรี เป็นคนแก่ใจบุญแล้วก็ใจดี คราวก่อนเดินทางไปต่างประเทศ คุณยายก็รวบรวมเงินดอลลาร์ให้อาตมามา ๘๐๐ กว่าดอลลาร์ เป็นใบละ ๑ ดอลลาร์ ใช้ง่ายมากเลย ถึงเวลาให้ทิปก็ไม่เสียดายเพราะว่าเป็นใบเล็ก ขณะเดียวกันถ้าไปหลายประเทศ อย่างอินเดีย เนปาล ฯลฯ ให้ทิปเขา ๑ ดอลลาร์ เขาดีใจแทบตาย แต่ถ้าหากว่าไปสหรัฐหรือยุโรป ถ้าไปให้แค่ ๑ ดอลลาร์เขาก็ไม่มองเหมือนกันนะ มีประเทศญี่ปุ่นไปแล้วไม่ต้องให้ทิป ถ้าให้เขาถือว่าดูถูก คนญี่ปุ่นถือว่าการทำงานเขาได้ค่าตอบแทนอยู่แล้ว ในเมื่อเขามีเงินเดือนแล้ว เขาก็ต้องบริการเต็มที่ของเขา ถึงเราจะถูกใจแค่ไหนก็ไม่ต้องให้ทิป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-07-2018 เมื่อ 03:18 |
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#82
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันก่อนหลวงพ่อสนาน อดีตเจ้าคณะอำเภอบ้านฉาง ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดระยอง แวะไปงานที่วัดป่าผาตาดธารสวรรค์ ได้คุยกัน ท่านถามว่าวัดคุณมีพระกี่รูป ? อาตมาเพิ่งสำรวจยอดแจ้งทางคณะสงฆ์พอดี จึงบอกไปว่า "๔๔ รูปครับ" ท่านตกใจ ท่านถามว่า "วัดอยู่ในป่าไม่ใช่หรือ ?" บอกท่านว่า "ทองผาภูมิเป็นป่าก็จริงครับ แต่ว่าผมอยู่ในเขตเทศบาล" ท่านว่า "ก็นั่นแหละ ไม่น่าจะมีเยอะขนาดนี้" จึงถามท่านว่า "แล้วของหลวงพ่อละครับ ?" ท่านบอกว่า "ของผมมี ๒๐ รูป"
วัดท่านเป็นวัดเจ้าคณะอำเภอ แล้วอยู่อำเภอบ้านฉาง ระยอง ต้องบอกว่าแหล่งเงินแหล่งทอง ปรากฏว่าวัดท่าขนุนมีพระมากกว่า จึงกราบเรียนท่านไปว่า "พระของผมใครจะเรียนหนังสือ ผมส่งให้เรียน ใครจะเรียนเกี่ยวกับกรรมฐาน ผมก็สอนให้เขาได้ คุณจะเอาทางด้านปริยัติผมก็มีให้ ทางปฏิบัติผมก็มีให้ พระเขาเลยอยู่กันได้เยอะ" ท่านจึงเข้าใจ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2018 เมื่อ 03:04 |
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#83
|
||||
|
||||
"ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทางคณะสงฆ์กำลังปฏิรูป โดยเฉพาะเรื่องข้อมูลพระภิกษุสามเณร ปฏิรูปใน ๖ ด้าน คือ ด้านการปกครอง การเผยแผ่ การศาสนาศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์
แต่ปรากฏว่ารัฐบาลไปเจอแนวคิดของผู้ยิ่งใหญ่ใจร้อน ไม่รอพระปฏิรูปก็จัดการเลย โดยเฉพาะโบ้ยงานทุกอย่างไปเป็นพระราชอำนาจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ยุคของรัชกาลที่ ๙ พระราชภารกิจก็ท่วมท้นล้นพระองค์อยู่แล้ว พระองค์ท่านอุตส่าห์สถาปนาสมเด็จพระสังฆราชขึ้นมา เพื่อแบ่งเบาพระราชภารกิจ แต่งตั้งสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระครูสัญญาบัตร เพื่อช่วยกันแบ่งเบาพระราชภารกิจ แต่ปรากฏว่าตอนนี้กฎหมายใหม่ผลักภาระทุกอย่างกลับไปสู่องค์ในหลวง กลายเป็นการเพิ่มพระราชภารกิจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกฎหมายใหม่นี้ห้อยท้ายเอาไว้ว่า ‘หากมีพระราชดำริเป็นประการใด ให้ดำเนินการไปตามพระราชดำรินั้น ฯลฯ เว้นแต่จะมีพระราชดำริเป็นประการอื่น’ อาตมาถึงได้บอกว่า การที่คนถือศีลไม่ครบ ๕ ข้อ แล้วมาออกกฎหมายให้พระที่มีศีล ๒๒๗ ข้อถือปฏิบัติตาม ต่อให้พระศีลขาดครบ ๕ ข้อ ก็ยังมีศีลมากกว่าโยม ๒๒๒ ข้อ จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเป็นการล่วงพระราชอำนาจตรงที่ว่า ทุกอย่างยกไปเป็นพระราชภารกิจ ยกไปเป็นการตัดสินพระทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าหากว่าเราจะบอกว่ามีผู้สนองพระบรมราชโองการอยู่แล้ว ก็ยังคงระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอยู่ดี เพราะว่าต้องให้พระองค์ท่านลงพระปรมาภิไธยก่อน แล้วอีกอย่างหนึ่ง ถ้าหากว่านายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการ เกิดเป็นคนถือศาสนาอื่น อย่างเช่นว่าเป็นคริสต์หรืออิสลาม แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับคณะสงฆ์ ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2018 เมื่อ 04:44 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#84
|
||||
|
||||
"เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า ความจริงแล้วเป็นภาระของพระมหาเถระ โดยเฉพาะอดีตกรรมการมหาเถรสมาคม เพราะว่าปัจจุบันนี้เขายุบเลิกไปแล้ว กำลังรอในหลวงทรงพระราชทานตั้งใหม่
อดีตกรรมการมหาเถรสมาคมไม่มีใครขยับ ไม่มีใครทักท้วง ไม่มีใครนำในการที่จะทักท้วงห้ามปราม ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรขนาดนี้ จึงกลายเป็นว่ายอมรับไปโดยปริยาย ในเมื่อยอมรับโดยปริยาย บรรดาตัวเล็กตัวน้อยอย่างอาตมาก็...ในเมื่อผู้ใหญ่ยอมรับเราก็ต้องยอมรับ เพราะว่าในเรื่องของยศของตำแหน่ง อาตมาไม่ได้ต้องการมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทุกวันนี้ที่มีมาที่ได้มา ก็เพราะว่าผู้บังคับบัญชาท่านเมตตา เห็นความสามารถแล้วยัดเยียดงานมาให้ ๑๗ - ๑๘ ตำแหน่งเข้าไปแล้ว จนกระทั่งตัวเองก็จำไม่หมดว่ามีตำแหน่งอะไรบ้าง มีกระทั่งตำแหน่งของนักการเมือง อย่างประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอ เป็นตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องเลือกตั้ง ๓ ปีครั้งหนึ่ง นี่อาตมาก็ใกล้หมดวาระแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2018 เมื่อ 03:09 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#85
|
||||
|
||||
"ตอนยุคที่หลวงตามหาบัวประท้วงนั้น ไม่ได้ประท้วงเรื่องกฎหมาย แต่เป็นการประท้วงการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนสมเด็จพระสังฆราช ตอนนั้นสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงงานไม่ได้ รัฐบาลทักษิณชินวัตร จึงตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชขึ้นมา ซึ่งทำให้ทางพระธรรมยุตโดยเฉพาะสายวัดป่าเห็นว่าเป็นการขโมยตำแหน่งกัน ซึ่งความจริงในเรื่องของการบริหารคณะสงฆ์ จะหยุดไม่ได้แม้แต่วันเดียว แล้วสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกนั้น พระองค์ท่านพระชนมายุยืนมาก ถึงขนาด ๑๐๐ พรรษา
ลองคิดดูว่า ถ้าหากว่าช่วงนั้นไม่มีการตั้งผู้รักษาการแทนสมเด็จพระสังฆราชจะเกิดอะไรขึ้น ? เพราะว่ามีการปลอมพระลิขิตกันแล้ว แต่ในเมื่ออยู่ในลักษณะนั้น ทำให้พระทางฝ่ายธรรมยุตเห็นว่า อำนาจไปตกอยู่ในมือของพระมหานิกาย จึงต้องอาศัยมือพระวัดป่ามาช่วยกันประท้วง แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ การขโมยตำแหน่งของหลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ก็เช่นเดียวกัน เพราะว่าท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของอดีตเจ้าคุณธัมมชโย วัดธรรมกาย วัดธรรมกายสร้างลูกศิษย์ลูกหาเป็นปึกแผ่นแน่นหนาทั่วประเทศไทย ธรรมยุตรู้สึกว่าสถานะของตนคลอนแคลน ถ้าหากว่าอำนาจตกไปสู่ฝ่ายมหานิกายเต็ม ๆ ตามกฎหมาย ก็จะไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายตน จึงมีการแก้กฎหมาย เพื่อที่จะเปลี่ยนไปเป็นพระราชอำนาจในการพิจารณาการแต่งตั้ง ก่อนหน้านี้ก็แก้ไขกฎหมายมาทีหนึ่งแล้ว เพื่ออำนวยผลแก่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ขึ้นดำรงตำแหน่งได้ คือเปลี่ยนจากอาวุโสโดยพรรษา มาเป็นอาวุโสโดยสมณศักดิ์แทนไปทีหนึ่งแล้ว พอมายุคนี้อาวุโสโดยสมณศักดิ์ ๓ รายเป็นพระมหานิกายทั้งหมด ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้เพราะว่ากฎหมายกำหนดไว้ ก็เลยต้องแก้กฎหมายอีก ให้เปลี่ยนว่าการแต่งตั้งพระสังฆราชจากสมเด็จพระราชาคณะรูปใดรูปหนึ่ง แล้วแต่พระราชวินิจฉัย พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้อำนาจตกอยู่กับฝ่ายธรรมยุต ซึ่งพระมหานิกายของเราก็ไม่ได้ถือสา ถ้าหากว่าท่านทรงคุณความดี พวกเราก็พร้อมที่จะยอมรับนับถือ แต่ขอให้ญาติโยมรู้ว่า เรื่องนี้มีการตีกินกันมาตลอดของฝ่ายธรรมยุต ตั้งแต่สมัยก่อนโน้นแล้ว ช่วงยุครัชกาลที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ พระฝ่ายธรรมยุตยึดตำแหน่งพระสังฆราชติดต่อกัน ๗๐ กว่าปี ถึงขนาดแอบมุบมิบแต่งตั้งกัน เมื่อยุคที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสยังทรงกรมเป็นกรมหมื่น อายุกาลพรรษายังไม่พอ ก็ดองการตั้งสมเด็จพระสังฆราชเอาไว้ถึง ๑๑ ปีเต็ม ๆ เพื่อให้ท่านอาวุโสพรรษาพอ ถึงได้เสนอให้ทรงสถาปนาขึ้นไป หลังจากนั้นพอมาในสมัยรัชกาลที่ ๘ หลวงพ่อสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทวมหาเถร) วัดสุทัศน์เทพวราราม ขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ก็มีการแก้กฎหมายเพื่อที่จะไม่ให้ท่านเป็นใหญ่ โดยการยกตำแหน่งพระสังฆราชขึ้นหิ้งไป แล้วก็มีสังฆสภา สังฆมนตรี และคณะวินัยธรมาทำหน้าที่แทน สังฆสภามีหน้าที่ออกกฎออกระเบียบเกี่ยวกับการปกครองสงฆ์ สังฆมนตรีมีอำนาจในการปกครองคณะสงฆ์ทั้งหมด และคณะวินัยธรมีหน้าที่ตัดสินอธิกรณ์ คือเรื่องที่เกิดขึ้นในคณะสงฆ์"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2018 เมื่อ 03:15 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#86
|
||||
|
||||
"เมื่อเป็นเช่นนั้น การปกครองคณะสงฆ์จึงขึ้นอยู่กับอำนาจของสังฆมนตรี พระฝ่ายธรรมยุตจึงยึดตำแหน่งสังฆมนตรี ๒ สมัยติดต่อกัน พอถึงสมัยที่ ๓ ก็จะเอาอีก ก็ถึงได้มีรายการที่เขาเรียกว่ากบฏมหานิกาย ก็คือพระเถระฝ่ายมหานิกาย ๒๒ รูปร่วมกันทำหนังสือประท้วง ถึงได้ยอมคายตำแหน่งออกมา คายตำแหน่งออกมาให้หลวงพ่อพระพิมลธรรม วัดมหาธาตุฯ เป็นสังฆมนตรี แต่ก็ช่วยกันใส่ไคล้ ใส่ร้ายว่าท่านเป็นคอมมิวนิสต์ จนกระทั่งท่านต้องไปนุ่งขาวห่มขาวอยู่นานทีเดียว
ต้องบอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นวีรกรรมของทางพระธรรมยุตมาตลอด ปัจจุบันนี้สิ่งที่ทำเป็นปกติเลยก็คือว่า ถ้าทางฝ่ายพระมหานิกายเป็นสมเด็จพระสังฆราช ทางพระธรรมยุตจะขอปกครองกันเอง โดยอ้างว่าได้รับสิทธิพิเศษนี้จากในหลวงรัชกาลที่ ๔ พระองค์ท่านดำริให้พระธรรมยุตปกครองกันเอง แต่ถ้าพระธรรมยุตขึ้นเป็นพระสังฆราชเมื่อไร จะปกครองทั้งหมดทุกนิกาย โดยอ้างว่าตำแหน่งคือสกลมหาสังฆปริณายก จึงต้องปกครองทุกนิกาย นี่คือความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ในวงการสงฆ์ของเรา ต้องบอกว่าตรงจุดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คณะสงฆ์ของเราอ่อนแอ เพราะว่าบุคคลส่วนน้อยมาปกครองส่วนมาก แล้วไป ๆ มา ๆ ท้ายสุดก็กลายเป็นฆราวาสเข้ามามีอำนาจในการปกครองพระ อย่างกฎหมายฉบับปัจจุบันที่เพิ่งจะแก้เสร็จ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะตำแหน่งไหนก็ตาม ต้องผ่านนายกรัฐมนตรีทั้งหมด ก็ต้องเส้นใครเส้นมัน เด็กใครเด็กมัน ถึงอายุกาลพรรษาน้อย ตำแหน่งยังไม่สมควร ก็อาจจะขึ้นไปปกครองผู้ใหญ่ได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2018 เมื่อ 03:18 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#87
|
||||
|
||||
"ก็ต้องบอกว่าเป็นธรรมดา มีเจริญก็ต้องมีเสื่อม วาระของศาสนาพุทธในประเทศไทย อาจจะถึงวาระเสื่อมแล้วก็ได้ แต่ว่าทันทีที่มีประกาศแก้กฎหมาย ทางคณะสงฆ์ประเทศกัมพูชา ทั้งธรรมยุตและมหานิกาย ประกาศเลยว่า ถ้าหากว่าศาสนาพุทธในประเทศไทยเสื่อม กัมพูชาพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแทน นี่คือลักษณะของการทำงานเป็น ทำงานเป็นก็คือต้องชิงการนำก่อน
แบบเดียวกับที่เด็กทีมหมูป่ากับผู้ฝึกสอนไปติดอยู่ในถ้ำ ทางคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย ช่วยกันเรี่ยไรเงินเข้าไปช่วยในการกู้ชีพทันที แล้วจุฬาราชมนตรีก็คือผู้นำของศาสนาอิสลาม ทำหนังสือขออนุญาตในการที่จะเข้าไปทำพิธีสวดดุอาห์ ขอพรพระเจ้าให้เด็ก ๆ ทั้งหมดปลอดภัย เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต่อให้ไม่ได้รับการอนุมัติ แต่ก็เป็นการชิงการนำ ยึดพื้นที่ข่าวไปแล้ว หลังจากนั้นเป็นอาทิตย์กว่าจะมีเจ้าคณะอำเภอที่เชียงรายนำสวดมนต์ขอพร กว่าจะมีที่โน่น ที่นี่ ที่นั่น กว่าสมเด็จพระสังฆราชจะอาศัยการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ ให้มีการสวดเพิ่มขึ้นมาก็คือ สวดบทกรณียเมตตาสูตร เพื่อขอให้เด็ก ๆ ทั้งหมดปลอดภัย การทำงานของพระเรานี้ แม้ว่าจะเป็นองค์กรสงฆ์ที่ใหญ่โตกว่าเขาหลายเท่า แต่ว่าการทำงานทุกอย่างตามก้นเขามาโดยตลอด ไม่เคยสามารถชิงการนำได้แม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งต้องบอกว่า ฟ้าส่งครูบาบุญชุ่มมา แต่ว่าท่านฝ่าดงระเบิดเข้าไปเลยนะ ถ้าไม่เป็นไปตามที่ท่านพูด สารพัดตีนรออยู่แล้ว ท่านโดนแน่ ๆ แต่ว่าสิ่งที่ท่านพูด สิ่งที่ท่านทำ มีผลตามที่ท่านบอกไว้ ก็เลยกลายเป็นว่า ศาสนาพุทธของเราสามารถชิงพื้นที่ตรงนี้มาได้ แต่ไม่ได้เกิดจากพระผู้ใหญ่ เกิดจากพระเกจิอาจารย์ที่เขาเคารพนับถือเป็นการส่วนตัว แล้วนิมนต์กันเข้าไป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2018 เมื่อ 03:21 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#88
|
||||
|
||||
"เราจะเห็นกันตรงจุดนี้ว่า ในเรื่องของการทำงานของคณะสงฆ์ของเรานั้น ยังมีอะไรที่ต้องแก้ไขอีกมาก แต่ว่าตอนนี้กฎหมายใหม่ก็ไม่อนุญาตให้กระดิกเลย แม้กระทั่งเรื่องของทรัพย์สินเงินทอง ต่อไปนี้ก็ต้องเป็นศาสนสมบัติกลางทั้งหมด เงินที่ญาติโยมทำบุญมา ถ้าเข้าบัญชีวัดเมื่อไรต้องเสียภาษีทันที เพราะว่าตอนนี้ทุกวัดโดนบังคับทำบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีแล้ว วัดท่าขนุนก็มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีเรียบร้อยแล้ว
ต่อไปถ้าหากว่าใครทำบุญแล้วอยากได้อนุโมทนาบัตร ต้องโอนเข้าชื่อบัญชีวัดเท่านั้น ถ้าโอนเข้าชื่อบัญชีอาตมาก็จะไม่ได้ตรงส่วนนี้เลย เพราะธนาคารว่าเขาจะไม่ออกให้ เนื่องจากว่าเงินไม่ได้โอนเข้าบัญชีวัดที่เขาควบคุมอยู่ อาตมากลัวอยู่อย่างเดียวว่าถ้าโยมทำบุญ ๕ บาท ๑๐ บาท แล้วเขาจะออกไหวไหม ? เพราะว่าอย่างปัจจุบันนี้ เขาขอเท่าไรทางวัดเราก็ออกให้ แต่คราวนี้เราอย่าลืมว่า อนุโมทนาบัตรเล่มหนึ่งราคา ๕๐ บาท เท่ากับใบละ ๒ บาท โยมทำบุญ ๕ บาท เรายังมีกำไร ๓ บาท แต่ถ้าหากว่าไปให้ทางด้านธนาคารซึ่งออกโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่รู้ว่าอนุโมทนาบัตรจะเหลือเท่าใบสลิปเอทีเอ็มหรือเปล่า ? แล้วตัวหนังสือจะหายไปภายใน ๓ วันหรือเปล่า ? ก็มีอยู่อย่างเดียวก็คือต้องโอนในชื่อของอาตมาแทน แต่ว่าจะไม่ได้อนุโมทนาบัตร ไม่เป็นไรหรอก...เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนท่านจบด็อกเตอร์มา ท่านฉลาดพอ ถ้าทำบุญไป วัดท่าขนุนจะออกวุฒิบัตรให้แทน ก็คือเป็นวุฒิบัตรที่ระบุว่าได้ทำบุญรายการนี้กับทางวัด แต่ไม่ใช่อนุโมทนาบัตร เป็นการออกโดยส่วนตัวของวัด คือบริษัทเขาขอให้มีแค่หลักฐานว่า เรารับของของเขาไว้ก็พอ โลกต้องเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย แต่ขอให้มั่นใจว่า หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก ไม่จำกัดด้วยยุคสมัย ใครทำเมื่อไรก็ได้รับผลดีเมื่อนั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2018 เมื่อ 09:35 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#89
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ทางวัดท่าขนุนกำลังรอ QR Code อยู่ ซึ่งน่าจะได้แล้ว เมื่อได้มาแล้วอาตมาจะสแกน QR Code แล้วให้เอาขึ้นเว็บวัดท่าขนุนให้ ต่อไปญาติโยมก็ทำบุญผ่านตรงนั้นได้เลย ใครจะเอาโมทนาบัตรก็ทำบุญผ่านตรงนั้น ถ้าไม่เอาก็มาทำที่นี่ ...(บ้านเติมบุญ)... หรือไปทำที่วัด ซึ่งอาตมาว่าทำตรงนี้ได้เยอะกว่าอีก
เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจ ที่ทำไปโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบของข้อกฎหมาย เงินทำบุญเป็นเงินการกุศล โดยเฉพาะกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าวัดไม่ต้องเสียภาษี คงต้องมีการแก้กฎหมายกันยุ่งยากมากเลย เพราะว่าถ้าหากว่าเงินส่วนนี้ต้องเสียภาษี บรรดามูลนิธิทั้งหมดก็ต้องเสียด้วย เป็นอะไรที่ต้องบอกว่ากระทบเป็นลูกโซ่กว้างขวางมาก" ถาม : เขาเอาไปทำประโยชน์อะไรคะ ? ตอบ : เขาบอกว่าเงินในวงการสงฆ์ถ้ารวมกันแล้วมียอดหลายแสนล้าน ควรจะเอามาใช้พัฒนาประเทศ เพราะว่ามีเงินอยู่ก็เลยทำให้พระเสียหมด ถาม : ใครรับกรรมคะ ? ตอบ : ก็เรื่องของเขา เราจะไปสนใจอะไร คนริเริ่มก็รับไป ต้องบอกว่าเป็นวาระของเรา แล้วก็เป็นโอกาสของเขา เราจะเห็นว่าการแก้กฎหมายเพื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ล่าสุดก็ผ่าน ๓ วาระในวันเดียว ถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนชนิดคอขาดบาดตาย จะมาผ่าน ๓ วาระในวันเดียวทำไม ? การแก้กฎหมายคณะสงฆ์ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่ว่าผ่าน ๓ วาระในวันเดียว เราก็ค่อย ๆ ดูไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นในบ้านเราเมืองเรา ส่วนบรรดาท่านที่สร้างเวรสร้างกรรมอยู่กว่าจะรู้ก็ต้องตายไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นก็แก้ไขอะไรไม่ทันหรอก อาตมาถึงได้บอกว่าถ้ามีโอกาสก็จะไปเยี่ยม รับประกันว่าจะไม่หัวเราะเยาะ จะไปแผ่เมตตาให้...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2018 เมื่อ 02:41 |
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#90
|
||||
|
||||
ถาม : เราไม่รู้ว่าตอนนี้ถึงวาระที่จะเกิดขึ้นกับพุทธศาสนา ถ้าเราไปโวยวายรังแต่จะเกิดความแตกแยกหรือเปล่า ?
ตอบ : ถึงไม่มีเหตุนี้ก็ไม่เป็น พวกเขาสร้างเหตุขึ้นมาเอง ถาม : เจตนาเขาเป็นอย่างนั้นใช่ไหมคะ ? ตอบ : ใช่...เจตนาที่จะทำลายคณะสงฆ์ เมื่อวานได้เห็นรูปไหม ? ตอนแก้ พรบ.คณะสงฆ์ อิสลามเข้าไปเพียบเลย แล้วเขาเข้าไปทำอะไร ? อิสลามเข้าไปเชียร์เรื่องกฎหมายคณะสงฆ์ ๒๐ - ๓๐ คน ถาม : ถ้าเราไม่ยอม เราทำอย่างไรได้ ? ตอบ : ก็ต้องลุกฮือทั่วประเทศ เขาจับจุดได้ว่านิสัยนี้คนไทยไม่มี คนไทยเราประเภทดีก็เงียบ ชั่วก็เงียบ แต่ของเขานี่ใครไปสะกิดเข้า เขาจะฮือมาอย่างน้อยก็ทั้งหมู่บ้าน เขาก็เลยมั่นใจว่าสามารถที่จะขี่คอเราได้แน่นอน เพราะว่าทำอะไรเราก็เงียบ ถาม : อะไรบ้างที่เงียบ ? ตอบ : เขาออกกฎหมายมาว่าสร้างมัสยิดเอาเงินหลวงได้ แต่ของเราพระสร้างวัดต้องไปเรี่ยไรกันเอง เป็นต้น ถาม : บางคนเขาบอกให้มีคนนำ ? ตอบ : พวกเราทำอะไรไม่มีการปรึกษาหารือกัน แต่ของเขาเอาพวกจบด็อกเตอร์ ๓๐๐ กว่าคน มาสุมหัวปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์กันทุกอาทิตย์ เพราะฉะนั้น...สิ่งที่เขาคิดจะรอบคอบรอบด้าน พูดง่าย ๆ ก็คือว่าอยู่ในลักษณะรุกฆาตผูกหมากตายหมด เราขยับด้านไหนก็ต้องเข้าทางเขาสักด้านหนึ่ง ไม่เป็นไร “อยู่แค่อยู่ได้” อาตมาก็ไม่ได้หนักใจอะไรนี่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2018 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#91
|
||||
|
||||
เรื่องทั้งหมดอาตมาพูดได้แค่นี้ เพื่อให้กระทบกระเทือนผู้อื่นน้อยที่สุด แต่ว่าเรื่องใหญ่จริง ๆ เกิดจากมีผู้หมายตาจะเอาเงินคณะสงฆ์ เขาก็เลยต้องหาทางอย่างไรก็ได้ เพื่อที่จะแคะออกมาให้ได้ บรรดาหัวหอกต่าง ๆ ที่ต่อต้าน โดยเฉพาะเป็นแหล่งเงินใหญ่ ก็โดนจับเข้าคุกไปหมดแล้ว
เมื่อวานอาตมาไปเยี่ยมท่านมา บรรดาเพื่อนฝูงก็กลัวกัน “อาจารย์เล็กไม่กลัวติดหลังแหไปด้วย ?” จะไปติดอะไร อย่างเก่งเขาก็แค่สึกผมได้ เอาผมเข้าคุกหรือ ? ผมก็แค่เปลี่ยนที่ปฏิบัติธรรมเท่านั้นเอง ไม่ต้องบิณฑบาตด้วย มีคนเลี้ยง...สบาย งานลดน้อยลงไปตั้งเยอะ ถึงเวลาก็มีคนคอยดูแลทำความสะอาด จะนอนก็มีคนเฝ้า สบายอย่าบอกใครเลย ไม่ต้องกลัวข้าวของอะไรจะหาย ถาม : ท่านเหล่านั้นจับสึกหรือครับ ? ตอบ : ท่านทั้งหลายเหล่านั้นโดนบังคับให้เอาผ้าเหลืองออก แต่ไม่มีใครเปล่งวาจาสึก อาตมาเคยเรียกพระครูก็เรียกพระครู เคยเรียกเจ้าคุณก็เรียกเจ้าคุณ เคยเรียกหลวงพ่อก็เรียกหลวงพ่อเหมือนเดิม เพราะว่าท่านก็ยังคงโกนหัวเป็นปกติ ถาม : ฟ้องกลับได้ไหมคะ ? ตอบ : เขาเปิดโอกาสให้ไหม ? ฟ้องขึ้นไปแล้วใครจะรับ ? ในเมื่อกฎหมายอยู่ในมือเขา เอาเป็นว่าคดี ๙๙ ศพมีใครฟ้องได้บ้างจนป่านนี้ ? ทั้ง ๆ ที่ตายให้เห็น ๆ ถึงได้บอกว่าต่างประเทศอาตมาไม่ได้ชอบนะ แต่ชอบกฎหมายของเขาอย่างเดียว ตรงที่กฎหมายเขายังเป็นกฎหมายอยู่ ส่วนบ้านเรานี่กฎหมายเป็นไปตามผู้มีอำนาจ ปัจจุบันเราก็จะเห็นชัด ๆ ว่าถ้ามึงทำ...ผิด ถ้ากูทำแบบเดียวกัน...ไม่ผิด เพราะว่ากูมีอำนาจ ก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว ถาม : คนทั่วไปเขาไม่รู้ ? ตอบ : เป็นหน้าที่ของโยมที่ต้องไปชี้แจงให้เขาเข้าใจ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2018 เมื่อ 02:46 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#92
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "จ.อ.สมาน กุนัน ตายแล้วไม่ขาดทุน แค่เฉพาะตรงนี้มีคนทำบุญให้ ๔ - ๕ รายติด ๆ กันแล้ว จะเห็นว่าฝีมือระดับนักทำลายใต้น้ำของกองทัพเรือ ถึงเวลาแล้วก็ยังเกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิตได้ ฉะนั้น...คนทั่ว ๆ ไปจะเข้าออกทางน้ำ ระยะทางไกลเป็นกิโลเมตรนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะยิ่งตื่นเต้น ก็ยิ่งใช้อากาศหายใจมาก ถ้าถังสำรองมีไม่เพียงพอ อากาศหมดกลางทางก็เรียบร้อย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2018 เมื่อ 02:47 |
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#93
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ที่รอลุ้นอยู่ก็คือ เมื่อไรจะได้หล่อพระทองคำเสียที เพราะว่าตามที่พระท่านบอก ถ้าหากว่าองค์พระหล่อสำเร็จเมื่อไรประเทศเราก็จะเริ่มดีขึ้น แต่บ้านเราเหมือนคนไข้หนัก ดีขึ้นนี่แปลว่าอะไร ? หยอดน้ำข้าวต้มแล้วกินได้...ใช่ไหม ? หรือว่าลุกขึ้นวิ่งได้เลย ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2018 เมื่อ 09:56 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#94
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีราชาศัพท์อยู่คำหนึ่งที่พวกเราบางทีแยกไม่ออก คิดว่าเป็นคำเดียวกัน ก็คือคำว่า ทูลเกล้าถวาย กับ น้อมเกล้าถวาย ขอบอกว่าใช้คนละโอกาสกัน
ของอะไรที่เป็นของชิ้นเล็ก น้ำหนักไม่มาก ยกได้ด้วยตัวคนเดียว เขาใช้คำว่า ทูลเกล้าถวาย แต่ถ้าหากว่าของมาก หรือว่าน้ำหนักมาก ไม่สามารถที่จะยกได้ เขาใช้คำว่า น้อมเกล้าถวาย แยกให้ออก อย่าคิดว่าเขาใช้ผิด ถูกทั้งคู่นั่นแหละ เพียงแต่ว่าใช้ในโอกาสไหนเท่านั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2018 เมื่อ 09:57 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#95
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปกติอาตมาทำงานไม่เคยออกสื่อ แต่ว่าพอมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับวงการสงฆ์ ที่เขาตั้งใจออกมาเพื่อทำลายโดยเฉพาะ ก็เลยเริ่มให้เขาเอางานออกสื่อ แล้วบรรดาเพื่อนพระสังฆาธิการ เพื่อนพระอุปัชฌาย์ ก็แตกตื่นกันใหญ่ว่า "นี่อาจารย์เล็กทำงานถึงขนาดนี้เลยหรือ ?" ก็บอกท่านไปว่า "ปกติผมก็ทำอย่างนี้แหละ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเอาไปอวดใครทำไม ? แต่ว่าตอนนี้มีแต่ข่าวร้ายมากกว่า เราก็เลยต้องเอาข่าวดีมาสู้ แม้ว่าจะเป็นน้ำหยดเดียว ไม่สามารถดับไฟทั้งกองได้ แต่ก็ให้รู้ว่า ยังมีพระสงฆ์ที่ทำงานในลักษณะอย่างนี้"
เมื่อตอนเพลโยมจากกระทรวงวัฒนธรรมโทรมา บอกว่ามีรางวัลให้หลวงพ่อ แต่จะต้องทำประวัติเพื่อขอไป ก็เลยถามเขาว่ามีแบบไหม ? ถ้ามีส่งเข้า LINE หรืออีเมล์มาให้หน่อย ถ้ามีเวลาจะทำให้ ถ้าไม่มีก็แล้วไป เขาบอกว่ามีเวลาแค่ ๒ วัน ก็บอกว่า "ใช่...งานของพวกคุณมักจะเป็นอย่างนี้แหละ ส่วนใหญ่มาวันนี้จะเอาพรุ่งนี้" แล้วพอไปวัดอื่นเขาก็ทำไม่ได้ พอมาวัดท่าขนุนแล้วทำได้ งานก็ไหลมาเทมา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2018 เมื่อ 09:59 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#96
|
||||
|
||||
ถาม : ครูบาบุญชุ่มเกี่ยวข้องอะไรกับแม่นางเขาถ้ำนางนอน ?
ตอบ : ไม่รู้สิ อาตมายังไม่ได้เจอกับแม่นางเลย ถ้าเจอแล้วจะถามให้ ..(หัวเราะ)... แต่โอกาสเจอคงจะยาก เพราะว่าดอยนางนอนนี่แทบจะไม่ได้ย่างกรายเข้าไปเลย ไปอย่างเก่งก็แค่ผ่านไปวัดป่าถ้ำอาชาทอง ก็วิ่งเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่นั่นแหละ เดี๋ยววันไหนท่านอยากให้เล่าประวัติ ท่านก็คงจะมาบอกเองแหละ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2018 เมื่อ 10:00 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#97
|
||||
|
||||
ถาม : มโนมยิทธิ เราจะทราบได้อย่างไรว่าเราเห็นแล้ว ไม่ได้เป็นเพราะครูฝึกถามชักนำ ?
ตอบ : ทดสอบกับสิ่งที่พิสูจน์ได้สิครับ สมัยอาตมาหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านให้ไปนั่งข้างถนน หลับตาทำใจสบาย ๆ ถ้ารถมาให้ถามตัวเองว่ารถคันนี้สีอะไร ? ถ้าตอบถูกให้จำอารมณ์นั้นไว้ ถ้าผิดก็ไม่ต้องจำ แล้วถ้าถูกสัก ๘ ใน ๑๐ ก็ให้เพิ่มรายละเอียดไปว่า รถมาสีอะไร ? คนนั่งมากี่คน ? ต่อไปก็เพิ่มว่า คนนั่งมากี่คน ? ผู้หญิงกี่คน ? ผู้ชายกี่คน ? ใส่เสื้อผ้าสีอะไรบ้าง ? ใส่รายละเอียดเพิ่มไปเรื่อย ๆ จะคล่องตัวไปเรื่อย ๆ แล้วต่อไปเราจะจำได้ว่าอารมณ์นั้นมาก็คือใช่ ของอย่างนี้พิสูจน์กันได้ เพียงแต่ว่าคุณไม่ค่อยจะพิสูจน์กัน เอาแต่สงสัยอย่างเดียว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2018 เมื่อ 10:01 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#98
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีคนถามอาตมาว่า ถ้าเจอเหตุการณ์อย่างถ้ำหลวงดอยนางนอนจะป้องกันอย่างไร ? อาตมาแนะนำไปว่าให้พกวัตถุมงคลไป ก็ถามว่าวัตถุมงคลประเภทใดบ้าง ? อันดับแรก มีดหมอ เอาของครูบาอาจารย์ที่เรามั่นใจเลย อย่างหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เป็นต้น
ถ้าหากว่าราคาแพงไปจนหาไม่ได้ ก็หาของหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร ถ้าจะไปหามีดหมอดาบฟ้าฟื้น หลวงพ่อวัดท่าซุง ก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ มีดหมอเป็นสิ่งล้างอาถรรพ์ แก้อาถรรพ์ ถ้าอาราธนาเป็น ต้องบอกว่าใช้ได้ดีกว่าอะไรทั้งหมด ประการที่สอง เบี้ยแก้ อันนี้ทั้งแก้ทั้งกันโดยตรงเลย เรื่องของเบี้ยแก้นี่ท่านสร้างมาเพื่อล้างอาถรรพ์ โดยเฉพาะสิ่งอาถรรพ์ลี้ลับต่าง ๆ ในป่า ถ้าพกติดตัวไปโอกาสปลอดภัยเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เบี้ยแก้สำนักดัง ๆ อย่างหลวงปู่รอด วัดนายโรง หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ฯลฯ ถ้าหาไม่ได้ก็เอาสำนักรอง ๆ ลงมา อย่าง หลวงปู่ม่วง หลวงปู่ทัต วัดคฤหบดี หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว แต่ว่าอย่างของหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ นี่ขึ้นไปเป็นแสนแล้วเหมือนกัน ถัดจากนั้นลงไปก็ยังมีเยอะแยะ อย่างสายอ่างทอง ก็ยังมีหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ หรือถ้าหากสายภาคกลาง ก็อย่างหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว หลวงตากา วัดแค (นครชัยศรี) หลวงพ่อไพล วัดบางแคกลางก็ได้ แต่ถ้าจะเอาตรง ๆ เลยต้องของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ เพราะท่านเรียกเบี้ยแก้ท่านว่า ‘เบี้ยแก้สารพัดกัน’ ท่านเรียกปรอทลงหอยเบี้ยโดยที่ไม่ต้องกรอกลงไป ถึงเวลาให้วิ่งเข้าเบี้ยไปเอง ลูกศิษย์เคยแอบดู บอกว่าปรอทเปล่งแสงสว่างยิ่งกว่าหลอดไฟอีก หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ก็ใช้วิธีเรียกปรอทให้วิ่งลงหอยเบี้ยเหมือนกัน ถามว่าแล้วมีอะไรอีก ? บรรดาของที่ล้างอาถรรพ์พวกนี้ อย่างเช่นว่าผงโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จะเป็นตะกรุดพอกผงโสฬส หรือว่าพระปิดตาผงโสฬส หรือว่าลูกอมผงโสฬสก็ได้ จะเป็นของหลวงปู่เอี่ยม หลวงปู่กลิ่น หลวงพ่อทองสุข หรือมาจนกระทั่งของหลวงปู่วาสก็ใช้ได้ เพราะว่าของท่านนี้เป็นการล้างอาถรรพ์โดยเฉพาะ แถมยังสร้างเสริมบารมีอีกด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-07-2018 เมื่อ 03:22 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#99
|
||||
|
||||
ถาม : มีดหมอโสฬสของพระอาจารย์ละคะ ?
ตอบ : เอาของครูบาอาจารย์จะดีกว่า ความน่าเชื่อถือมีมากกว่า แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือรูปท้าวเวสสุวรรณ มีรูปเจ้านายไป ไม่เกรงใจก็ให้รู้ไป ถ้าให้อาตมาแนะนำก็รูปหล่อท้าวเวสสุวรรณ ท่านเจ้าคุณศรี วัดสุทัศน์ฯ เหรียญท้าวเวสสุวรรณหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หรือไม่ก็รูปเหรียญหลังท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง อันนั้นเจ้านายใหญ่ไปเอง อย่างไรผีต้องเกรงใจ ของพวกนี้ถ้าเรามีติดตัวไปให้อาราธนา โดยเฉพาะก่อนนอน ถ้าไม่มีอะไรจริง ๆ ก็ให้ภาวนากรณียเมตตาสูตร ทั้งผีทั้งเทวดาท่านจะรักมากเป็นพิเศษ อาจจะเลี้ยงดูสักปีสองปีแล้วค่อยปล่อยออกมาอะไรประมาณนี้...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2018 เมื่อ 10:07 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#100
|
||||
|
||||
ถาม : อย่างพวกเหรียญปลาไหลเผือกละคะ ?
ตอบ : พวกปลาไหลช่วยอะไรไม่ได้ คนละอย่างกัน อันนั้นเอาไว้หนี พวกหัวใจปลาไหลเผือกนี่เป็นวิชาเดียวที่อาตมาขอเรียนแล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่ให้ อาตมาไปงานที่วัดบ้านห้วยน้ำขาว พระครูปลัดนัทกฤตท่านบอกว่า "หลวงพ่อช่วยเสกเหรียญปลาไหลให้หน่อยครับ" ก็บอกท่านไปว่า “เอ็งรู้ไหม ? นี่เป็นวิชาเดียวที่ข้าขอเรียนแล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่สอนให้ ท่านบอกว่าลูกข้าถ้าหนีเขามันขายหน้า ต้องสู้โว้ย..!" เพราะฉะนั้น...วิชาหนีเขาอย่างวิชาปลาไหลท่านไม่ให้หรอก” ก็เลยไม่รู้ว่าจะทำอะไร ต้องอาราธนาพระท่านให้ช่วยสงเคราะห์แทน เพราะว่า พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าประมาณไม่ได้อยู่แล้ว ถึงแม้เราจะไม่ได้วิชามาตามหลักโดยตรง ก็อาศัยพุทธคุณเข้าไปช่วยแทน แล้วเรื่องประเภทหนีเขานี่ก็ต้องดูด้วยนะ เพราะว่าถ้า ๑๓ คน หนีรอดมาได้แค่คนหนึ่งก็เกินไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2018 เมื่อ 10:09 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|